ในช่วงดึก เฉียวซุนได้รับโทรศัพท์จากลู่เจ๋อข้างนอกฝนตก เสียงของเขาดูคลุมเครือ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสี่โมง พวกเราจะคุยกันเรื่องสำหรับการหย่าร้างเฉียวซุนยังมีความงุนงงแม้ว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงชะตากรรมของลู่เจ๋อ เดาว่าตัวเลือกสุดท้าย แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปอย่างราบรื่นแบบนี้ ลู่เจ๋อจะยอมหย่าร้างอย่างง่ายดายเวลานั้นก็มีความรู้สึกมากมายที่เข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กลับมามีสติแล้วพูดว่า ไปพูดที่สำนักงานกฎหมายท่าทางของลู่เจ๋อยังคงมั่นคงมาก ระหว่างการแต่งงานของเรา ฉันไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยว กลับมาคุยกันที่คฤหาสน์ ไม่อย่างงั้นเฉียวซุน... เราก็ไม่ต้องคุยเฉียวซุนลดสายตาลงแล้วพูดอย่างใจเย็น การแต่งงานของเรามันมีคนอื่นที่มายุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรกแล้ว ลู่เจ๋อคุณพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณอยากไปคุยเรื่องนี้ที่คฤหาสน์ ฉันก็จะไปตรงเวลาพูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์ฝนตกอยู่นอกหน้าต่าง เฉียวซุนก็จ้องสายฝนด้วยความว่างเปล่า...……ช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น เฉียวซุนมาถึงคฤหาสน์ตรงเวลาคนรับใช้ในคฤหาสน์คาดเดาเรื่องได้ ต่างพากันเงียบ เมื่อพวกเขาพาเฉียวซุนขึ้นไปชั้นบนก่อนจะพูดว่า คุณผู้ชายกลับมาตั้งแต่เ
ความคิดของเขา เฉียวซุนจะไม่รู้ได้อย่างไรเธอเอ่ยปากพูดเบาๆ ว่า ลู่เจ๋อพวกเรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ มันคงดีสำหรับเราทั้งคู่ลู่เจ๋อกะพริบตาเบาๆเขาไม่เห็นด้วยในทันที ทว่ากลับจุดบุหรี่อยู่ข้างหน้าต่าง เขาสูบได้เพียงครึ่งมวนก็ดับไฟแล้ว ขณะที่เขาดับไฟบุหรี่ก็พูดไปด้วยว่า เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่โอกาสครั้งสุดท้ายก็ให้ฉันไม่ได้เหรอ แต่ก็ดี ตัดขาดให้หมดก็ดีสุดท้ายแล้วพวกเขาก็พูดคุยถึงเรื่องเงินห้าพันล้านบาทคฤหาสน์สองหลัง อพาร์ทเมนท์สี่ห้อง และยังมีเงินห้าพันล้านบาทเป็นค่าชดเชยทั้งหมดที่เขาจะต้องให้เธอ และยินยอมให้เพิ่มเมิ่งเยียนหุยให้เป็นตัวแทนในการจัดการคดีของเฉียวสือเยี่ยน......ลู่เจ๋อเพิ่มเงื่อนไขเหล่านั้นในข้อตกลงเขาเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็วราวกลับว่ากลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจภายหลัง หมึกสีดำเข้มเกือบจะทะลุกระดาษบางๆ ขณะที่รอเฉียวซุนเซ็นนั้น เขากลับไม่มองแม้แต่น้อย......ในที่สุดระหว่างพวกเขาก็จบลงการแต่งงานระหว่างพวกเขา ก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วแสงที่มืดลงจนเกือบมองไม่เห็น ลู่เจ๋อจึงเปิดไฟ แสงไฟที่แสบตาทำให้เขาค่อย ๆ หลับตา แล้วพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบว่า เธอเลือกเวลาที่จ
เมื่อเฉียวซุนลงมาจากตึก ก็บังเอิญพบกับเลขาฉินเลขาฉินนั่งอยู่บนโซฟาบริเวณล็อบบี้ ใบหน้าดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยคงเพราะนั่งรอมาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นเฉียวซุนลงมาจากตึก เธอก็รีบยืนขึ้น คุณนายลู่เฉียวซุนหยุดฝีเท้าลง เอ่ยเสียงเบาตอบกลับไป เมื่อกี้ฉันเซ็นต์ใบหย่าแล้ว นับแต่นี้ต่อไปฉันไปใช่ภรรยาของตระกูลลู่อีกต่อไปเลขาฉินรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากเธอยังบอกอีกว่า จริงๆแล้วประธานลู่แคร์คุณมากเลยนะคะ แล้วเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับกับไป๋เซียวเซียวเลยค่ะ เฉียวซุนคุณลองกลับไปคิดทบทวนอีกสักหน่อยเถอะนะคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้ เฉียวซุนก้มหน้ามองไปยังผ้าพันแผลบนแขนของตัวเอง แล้วพูดว่า ใช่แล้วค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ที่เราสองคนจะมาถึงจุดนี้ จุดจบที่ถูกทำลายย่อยยับแบบนี้เลขายังคงรูสึกเสียใจกับเรื่องราวที่ขึ้น เฉียวซุนปลีกตัวออกไปด้านนอกแล้วเฉียวซุนหันออกไปยังด้านนอกเธอจากไปด้วยความเด็ดขาด เธอยังบอกไว้อีกว่า เธอไม่อยากเป็นตัวอะไรไม่รู้สำหรับลู่เจ๋ออีกต่อไป!เลขาฉินยังยืนอยู่ที่ล็อบบี้เหมือนเดิม เอาแต่ทอดมองไปยังแผ่นหลังที่จากออกไปไกลเรื่อยๆ จ
อดไม่ได้ที่นัยน์ตาเธอจะเปียกชื้นลู่เจ๋อจับพวงมาลัยไว้ ผ่านไปนานแล้วแต่กลับไม่สตาร์ตรถเวลาผ่านไปนานมาก ในที่สุดเขาก็หันไปมองเธอแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า ไม่กี่วันมานี้ เสี่ยวเสวี่ยลี่มันมองหาเธออยู่เสมอเฉียวซุนหันหน้าหนีไปอีกด้านทันที คุณขับรถเถอะลู่เจ๋อถอนสายตาและเขามองไปด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นประมาณห้าวินาทีเขาก็สตาร์ตรถ เขาขับรถอย่างช้าๆ เบนท์ลีย์สีดำราคาแพงขับฝ่าหิมะเหล่านั้น แล่นไปช้าๆบนท้องถนน นำพาให้พวกเขาได้ชมทิวทัศน์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาแต่งงานกันมาสามปีแต่กลับพลาดโอกาสมากมายตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ที่พวกเขาหย่ากัน พอนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็คิดถึงเรื่องราวที่หวานปานน้ำผึ้งนั้นไม่ค่อยได้แล้ว.....หากที่เหลือไว้ไม่ใช่ความเจ็บปวดก็คงจะโกหกระยะทางที่ขับรถใช้เวลายี่สิบนาที แต่ลู่เจ๋อขับรถใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆแต่ไม่ว่าความเร็วในการขับรถจะช้าขนาดไหน ถนนก็มักจะมีจุดสิ้นสุด ในที่สุดเขาก็จอดรถอยู่ตรงตึกชั้นล่างที่เธอพักอาศัย ลู่เจ๋อหันไปมองเธอแล้วพูดเบาๆ ว่า ถึงแล้วล่ะเฉียวซุนพยักหน้าลงเล็กน้อย เธอเปิดประตูเพื่อลงจากรถนิ้วของลู่เจ๋อที่จับพวงมาลัยงอขึ
“คุณแค่กลัวว่าเฉียวซุนจะตามคนอื่นไปสินะ”“แล้วทำไมคุณถึงหย่าล่ะ? ถ้าเป็นผม หากรักเธอจริง ๆ ทั้งชีวิตนี้ผมยอมตายแทนเธอได้! ในเมื่อเลือกงานก็ช่วยเลิกทำตัวเจ้าชู้เสียที!”......หลีรุ่ยด่าเขาจนพอใจรถของลู่เจ๋อมาพอดี ลู่เจ๋อมองหลีรุ่ยอย่างเย็นชา เขาเดินไปที่รถแล้วหยิบค้อนเล็ก ๆ ทุบรถมูลค่าหลายสิบล้านของหลีรุ่ย!หลีรุ่ยดึงตัวเธอออกมาจากรถเขาไม่ได้ห้ามลู่เจ๋อ เขามองดูลู่เจ๋อที่เริ่มเสียสติ มองรถของเขาถูกทุบจนแหลกละเอียดพลางเยาะเย้ย “ลู่เจ๋อ ยังกล้าพูดว่าคุณไม่รักเธออีกเหรอ? ถ้านี่ไม่ใช่รักแล้วจะเป็นอะไร? คุณมันขี้ขลาด ต้องรอให้เหล้าเข้าปากถึงจะกล้ายอมรับ คุณต้องการเธอ ถ้าคุณขาดเธอคุณจะอาละวาดแบบนี้ไง!”จากนั้นเขาก็พูดกับเลขาฉิน “ไม่มีใครห้ามหมาบ้านี้ได้ นอกจากเฉียวซุน!”เลขาฉินยิ้มอย่างขมขื่น “เช็คจะถูกส่งไปบริษัทของประธานหลีในวันพรุ่งนี้ค่ะ!”หลีรุ่ยจากไปพร้อมกับหญิงสาวในรถอย่างรวดเร็ว!เลขาฉินก้าวออกไปประคองลู่เจ๋อลู่เจ๋อที่สวมเสื้อคลุมและถือค้อนเล็ก ๆ ไว้ในมือ เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วมองดูกองเศษเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็ปิดหน้าด้วยมือข้างหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “เธอบอกว
ผ่านไปไม่นาน เทศกาลปีใหม่ก็มาถึงในวันส่งท้ายปีเก่า เสิ่นชิงทำเกี๊ยวและอาหารมากมายจนเต็มโต๊ะ และให้เฉียวซุนพาหลินเซียวมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน “ตอนนี้เธอไม่มีใครแล้ว ถ้าไม่ฉลองปีใหม่กับพวกเรา แล้วจะไปฉลองกับใครล่ะ?”เฉียวซุนแอบกินเกี๊ยวไปหนึ่งชิ้น “หนูโทรไปแล้วค่ะ! ”เสิ่นชิงเหลือบมองเธอพลางตีมือเบา ๆ “รอกินพร้อมกันสิ! อย่าเพิ่งตะกละ! ”เฉียวซุนหัวเราะเธอฟื้นตัวขึ้นเยอะ เสิ่นชิงที่กำลังจะพูดต่ออย่างมีความสุขก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมา และเมื่อเปิดประตูก็พบว่า เป็นหลินเซียวนั่นเอง!หลินเซียวถือกระเป๋าใบใหญ่และเล็กไว้ในมือ นอกจากอาหารเสริมของเฉียวต้าซวินแล้ว เธอยังซื้อผ้าพันคอแบรนด์หรูให้เฉียวซุนอีกด้วย เฉียวซุนชอบลวดลายดอกไม้บนผ้ามาก ทว่าก็รู้สึกเสียดาย “ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วนะ! ”หลินเซียวพันผ้าพันคอให้เธอ “สวยจะตาย! มันเข้ากับเธอมากเลย”เฉียวซุนเตรียมของขวัญปีใหม่ไว้ให้หลินเซียวเช่นกัน ซึ่งเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด หลินเซียวชอบมันมากจนต้องตะโกนออกมา “มาว่าฉัน! กระเป๋าใบนี้ราคาตั้งสองสามแสน! นี่มันหนังจระเข้เลยนะ! ”เฉียวซุนจงใจพูดต่อ “ถ้าไม่ชอบ งั้นฉันทิ้งนะ? ”หลินเซ
เฉียวซุนมองไปที่ประตู ก่อนจะเห็นของเล่น อาหารสุนัข และขนมของเซี่ยลี่ตัวน้อยถูกใส่ไว้ในกล่องขนาดเล็กลู่เจ๋อไม่ต้องการเซี่ยลี่อีกต่อไปแล้วเธอขนของเข้ามาและพูดเบา ๆ “เขาเพิ่งมีโปรเจกต์ใหญ่ คงไม่อยากมีอะไรมารบกวน! ต่อไปนี้... หนูจะเลี้ยงมันเองค่ะ! ”เซี่ยลี่มองเธอด้วยความดีอกดีใจ พลางพิงคลอเคลียเธอ แสดงความคิดถึง หลินเซียวพูดต่อ “โอเคกันแล้วเหรอ! ”ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฉียวซุนก็ดังขึ้น มันเป็นสายของลู่เจ๋อเฉียวซุนเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงเสียงลมและเสียงหายใจเบา ๆ ของชายหนุ่มส่งผ่านมายังโทรศัพท์... หลังจากเงียบไปนาน ลู่เจ๋อจึงเริ่มพูดขึ้น “เฉียวซุน สวัสดีปีใหม่! ”เฉียวซุนรู้สึกเจ็บปวด เธอยังปล่อยวางไม่ได้มากนัก แต่เธอยังคงรักษาศักดิ์ศรี “สวัสดีปีใหม่คุณด้วย! ”เธอนิ่งและพูดต่อ “ฉันเลี้ยงเซี่ยลี่ได้! แต่คุณมาหามันไม่ได้ และฉันก็จะไม่ถ่ายรูปมันส่งให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการแล้ว ส่งมาที่นี่ก็เท่ากับว่ามันเป็นหมาของฉัน”เสียงของลู่เจ๋อแหบแห้งเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทิ้งมัน! ”ขณะที่พูด น้ำเสียงของเขาก็เริ่มเข้มขึ้น “ผมแค่คิดว่า มันคงจะดีกว่าถ้ามันตามแม่ของมันไป”“ลู่เจ๋อ!”
ตาของลู่เจ๋อขุ่นมัว เธอเรียกเขาว่า...คุณลู่? ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างพวกเขา เธอโน้มตัวไปถามด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย “คุณต้องการให้ฉันออกไปก่อนไหมลู่เจ๋อ? ”เธอถามโดยที่วางมือลงบนไหล่ของลู่เจ๋อตามปกติ ซึ่งดูสนิทสนมกันลู่เจ๋อกำลังจะผละออก แต่เมื่อเขาเห็นขนตาของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อย แทนที่จะผละออก เขากลับพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้อง! ”ทันทีที่พูดจบ เฉียวซุนก็เดินผ่านเขาไปที่นั่งที่จองไว้ทันทีลู่เจ๋อหรี่ตาลงช้า ๆ ทางฝ่ายหญิงก็เก็บมืออย่างโดยดีอันที่จริงเธอแค่อยากทดสอบสถานะของเธอในหัวใจของลู่เจ๋อ ตอนแรกก็ดีใจแต่พอเฉียวซุนเดินออกไป สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง เธอรู้ได้ทันทีว่ามันไม่มีโอกาสสำหรับเธอ ผู้หญิงที่เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเธอสะบัดผมยาวเบา ๆ ก้มศีรษะลงเพื่อทานอาหาร และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ “คุณยังห่วงเธออยู่เหรอ? ”ลู่เจ๋อไม่อยากอาหารเลยเขาวางมีดและส้อมในมือลง เอนหลังบนเก้าอี้ด้วยเสื้อเชิ้ตราคาแพง และมองเฉียวซุนซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างตั้งใจ...เธอถอดเสื้อคลุมออกและสวมกระโปรงยาวสีอ่อนเธอผอมเพรียวเธอส
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว