เฉียวซุนค่อยๆ บิดถังเก็บความร้อนหลังจากล็อกให้แน่น เธอก็ก้มศีรษะลงพูดเบาๆ"ยังมีทางออกเสมอ! เงินจากการขายแหวนแต่งงานเพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่อครึ่งปี ค่าทนายของพี่ชายฉัน... ฉันวางแผนที่จะขายบ้านหลังนี้ แล้วฉันจะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วย ”พูดจบ ดวงตาของเฉียวซุนก็ชื้นบ้านหลังนี้แม่ทิ้งไว้ แต่ก่อนจะยากลำบากแค่ไหน ก็ไม่คิดจะแตะต้องเซิ่นชิงตกตะลึงเธอไม่โน้มน้าวอีก แต่ในใจยังไม่เห็นด้วยเฉียวซุนจัดอาหารเสร็จ ทั้งสองก็ไปโรงพยาบาลหลังการรักษา อาการของเฉียวต้าซุ่นค่อนข้างคงที่ แต่อารมณ์ค่อนข้างหงอย มักจะคิดถึงอนาคตของเฉียวซื่อเยี่ยนลูกชายคนโตของเขาเฉียวซุนไม่ได้เอ่ยถึงการหย่าร้างช่วงบ่าย คุณหมอมาตรวจที่วอร์ดเหอจี้ทัง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมอง อายุยังน้อย หน้าตาดี สูง 185 ซม. และนิสัยมีเสน่ห์หลังตรวจเสร็จ เขาก็เหลือบมองเฉียวซุน "ออกไปคุยกันครับ"เฉียวซุนตกตะลึงทันทีที่เธอวางของในมือลง พูดกับคุณพ่อเฉียวเบาๆว่า "พ่อ หนูออกไปข้างนอกนะ"จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินไปตามทางเดินที่เงียบสงบเมื่อเห็นความกังวลใจของเธอ เหอจี้ทังก็ยิ้มให้เธออย่างมั่นใจจากนั้น เ
เฉียวซุนรู้สึกทนไม่ไหว "ลู่เจ๋อ นี่โรงพยาบาลนะ!""แน่นอนผมรู้"ลู่เจ๋อไม่สะทกสะท้าน เขากดร่างเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาแนบชิดหูของเธอ เสียงยิ่งอันตรายขึ้น "รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร"เฉียวซุนเดาความคิดที่ซ่อนอยู่ของเขาเขาเป็นประธานของลู่ซื่อกรุ๊ป มีสถานะ มีตำแหน่ง ไม่อนุญาตให้ภรรยาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไปเฉียวซุนยิ้มอย่างขมขื่นเธอพูด "ลู่เจ๋อ ฉันไม่มีความคิดสกปรกแบบคุณ ไม่มีความรู้สึกอย่างนั้น... วางใจได้ ก่อนเราจะหย่ากัน ฉันจะไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น"พูดจบ เธอผลักเขาออกไป หันหลังกลับ และเข้าไปในห้องผู้ป่วยลู่เจ๋อผลักประตูให้เปิดแล้วเข้าไปพอเข้าไป ก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่ห้องเดี่ยวเซิ่นชิงขยับเก้าอี้ให้เขา กระซิบเบาๆ "รีบนั่ง! ฉันจะให้เฉียวซุนปอกผลไม้ให้คุณ ... เฮ้ เฉียวซุนอย่าเพิ่งตะลึง! อีกแปบเธอก็กลับกับลู่เจ๋อล่ะกัน ฉันจะอยู่ที่นี่ดูแลพ่อคุณให้เอง!”ลู่เจ๋อนั่งลง พูดคุยกับเฉียวต้าซุนโดยปกติเขาเย็นชากับเฉียวซุน แต่เขาประพฤติตนไร้ที่ติต่อหน้าเฉียวต้าซุน เขาอยู่ในโลกธุรกิจมาหลายปี ตราบใดที่เขาเอาใจ เต็มที่ ก็ทำให้คนประทับใจเขาได้ง่ายเฉียวต้าซุนชอบเขามาโดยตลอดเมื่อลู่เจ๋อเ
เขาได้รับของขวัญที่หายาก แต่เฉียวซุนปฏิเสธเธองอนิ้วสีขาวบางๆ เล็กน้อยความอดทนของลู่เจ๋อมีจำกัด "คุณต้องการอะไรกันแน่?"เฉียวซุนกระซิบ "หย่า! ฉันต้องการหย่ากับคุณ"ลู่เจ๋อยุ่งกับงาน เฉียวซุนปฏิเสธที่จะกลับบ้าน เขาพยายามหากระดุมข้อมือตอนเช้าแต่ก็หาไม่พบ ในใจเขารู้สึกไม่มีความสุข เกือบโกรธตอนเห็นเหอจี้ถังและพยาบาลพูดกันอยู่หน้ารถบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวในลานจอดรถข้างหน้า ลู่เจ๋อยิ่งไม่มีความสุข เอาลิ้นดุนปากไว้ในเวลานี้ โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เป็นเลขาฉินที่โทรมา ลู่เจ๋อกดรับ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก "เกิดอะไรขึ้น?"เลขาฉินบอกเขา "คุณไป๋เพิ่งลุกจากเตียง ไม่ระวังแล้วล้มลง เธอได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทขา ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี คุณลู่ คุณอยากไปดูเธอที่เมืองเฮช ไหม? ถ้าคุณไป เธอคงมีความสุขมาก”ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ ไม่ได้พูดทันที เห็นได้ชัดว่ากังวลเฉียวซุนที่ยืนอยู่ข้างเขาเสียงในโทรศัพท์เขาไม่เบา เฉียวซุนได้ยินแล้วเธอยิ้มเบาๆ เปิดประตูรถลงจากรถ แล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองลมยามเย็นพัดผ่าน ทำให้ร่างกายของเฉียวซุนรู้สึกหนาวเย็นเธอคิดว่า โชคดีที่ลู่เจ๋อหยิบแหวนแต่งงานออกมาตอนนี้ เธอ
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เจ๋อตื่นขึ้นมาและพบว่าเฉียวซุนไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ แล้ว เขานึกว่าเธออยู่ในห้องแต่งตัว จึงค่อยๆ พลิกตัว และ เดินเข้าไปในห้องนั้นชุดสูทที่เขาต้องสวมใส่ในวันนี้ถูกแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้า ชุดเซ็ตนาฬิกาข้อมือและกระดุมแขนถูกเลือกไว้อย่างดี...แต่ตัวของเฉียวซุนกลับไม่อยู่ลู่เจ๋อจึงคิดว่าเฉียวซุนอาจจะกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ที่ชั้นหนึ่งหลังจากที่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว เขาจึงรีบเปลี่ยนชุดแล้วลงไปคนรับใช้กำลังจัดจานอาหารอยู่ในห้องอาหารชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งเตรียมครัวซองต์อบใหม่ 2 ชิ้น กาแฟดำที่คุณชายดื่มเป็นประจำ และเตรียมหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษตอนเช้าวางไว้ด้านซ้ายมือ ของพวกนี้คือสิ่งที่คุณนายมักจะเป็นคนเตรียมเอาไว้เสมอเมื่อเห็นลู่เจ๋อลงมา คนรับใช้ก็ทักทายอย่างนอบน้อมลู่เจ๋อนั่งลงพร้อมทั้งพลิกหนังสือพิมพ์ไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามคนรับใช้ว่า : “เฉียวซุนล่ะ?”คนรับใช้สะดุ้งเล็กน้อยสักครู่หนึ่งเธอถึงหันกลับมา และเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน : “คุณชายถามถึงคุณนายลู่เหรอคะ? คุณนายลู่ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ เหมือนว่าจะกลับไปบ้านคุณย่าค่ะ ยังบอกอีกว่าจะไปค้างสัก 2-3 วัน”
อีกฝั่งของโทรศัพท์ ลู่เจ๋อมองโทรศัพท์ของตนและยิ้มอย่างเงียบ ๆอะไรที่เขาอยากได้ เขาไม่เคยไม่ได้มาเขาต้องการเฉียวซุน และเธอจะต้องเป็นของเขา!......เฉียวซุนวางสายโทรศัพท์แล้วเดินออกไปเสิ่นชิงดูสีหน้าท่าทางของเธอแล้วจึงถามขึ้น : “มีปัญหากับลู่เจ๋ออีกแล้วเหรอ?”เฉียวซุนส่ายหน้า เธอพูดความจริงกับเสิ่นชิง : “ไม่กี่วันก่อนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ แต่เมื่อคืนเขากลับมีท่าทีเปลี่ยนไป ป้าเสิ่น……หนูเดาความคิดของลู่เจ๋อไม่ถูกเลย”เสิ่นชิงเดินกลับไปที่ห้องนอนและออกมาพร้อมกับตั๋ว 1 ใบในมือเสิ่นชิงลูบมันเบา ๆ และยิ้มอย่างอ่อนโยน : “นี่เป็นนิทรรศการภาพวาดของแม่หนูในช่วงชีวิตของเธอ เสี่ยวซุน ถ้าในใจมีอะไรก็ไปเดินเล่นให้ผ่อนคลายเถอะ......ค่อยกลับมาทานข้าวตอนเย็น ป้าจะเก็บเกี๊ยวไว้ให้”นิทรรศการภาพวาดของคุณแม่......เฉียวซุนรับตั๋วมา พลางลูบอย่างหวงแหนแม่ของเธอแซ่ฉิน และได้ชื่อว่าตงจิงเฉิงตั้งแต่อายุยังน้อย น่าเสียดายที่ความงดงามนี้กลับด่วนจากไปก่อน หลังจากที่เธอเสียชีวิตได้ไม่นาน ผลงานของเธอกว่าร้อยชิ้นก็ถูกส่งออกแกลเลอรี่ ด้วยมูลค่า 4-8 ล้านเสิ่นชิงดูออกว่าเธออยากไป จึงคะยั้นคะยอเธอเบา ๆ
ฤดูใบไม้ร่วงในตอนเย็น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหลากหลาย เพิ่มสีสันให้กับยามพลบค่ำเฉียวซุนกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ตระกูลเฉียวแค่เปิดประตู เธอก็ได้ยินเสียงพูดของลู่เจ๋อ ซึ่งเป็นเสียงที่ไพเราะและอ่อนโยน“เมื่อก่อนที่เรียนที่ต่างประเทศ ท่อน้ำเสียผมก็ซ่อมเองครับ”“ถึงเสื้อผ้าจะสกปรก พรุ่งนี้เช้าผมค่อยกลับไปเปลี่ยนก็ได้ครับ! ไม่รบกวนเลยครับป้าเสิ่น”......เขามาทำอะไรที่นี่?เฉียวซุนปิดประตูลง และเปลี่ยนรองเท้าอย่างเงียบ ๆ เสิ่นชิงได้ยินเสียงจึงบอกเธอเสียงเบา : “เขามาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว ท่อน้ำในครัวแตกพอดี เขาก็ซ่อมให้! เขามารับหนูกลับไปใช่ไหม?”เสิ่นชิงตกใจอยู่ไม่น้อยปกติลู่เจ๋อรักศักดิ์ศรีจะตาย เคยทำเรื่องแบบนี้ที่ไหน? ดูเหมือนว่าพวกผู้ชายจะเป็นเหมือนกันหมด ถ้าคิดจะเอาใจ แม้แต่บอกให้เขามุดบ้านสุนัขก็สามารถทำได้!เฉียวซุนถอดเสื้อคลุมของเธอออก และพูดเบา ๆ : “วันนี้หนูจะนอนที่นี่”เสิ่นชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก : “ได้ ป้าไปทำอาหารก่อน! เดี๋ยวตอนทานข้าวก็พูดกันดี ๆ ล่ะ แล้วก็อย่าไปกระตุ้นอะไรพ่อหนูอีกล่ะ……ถึงเขาจะไม่พูด แต่ก็คงมีอะไรในใจต่อลู่เจ๋ออยู่บ้าง”เฉียวซุนรู้เรื่องพวกนี้ดี เธอจึ
นิ้วเรียวยาวของลู่เจ๋อม้วนผมยาวสลวยเล่น เสียงเอื่อยเฉื่อยและเซ็กซี่ในเวลากลางคืนเอ่ยขึ้น : “เงินเล็กน้อยพวกนั้นของคุณ คือเงินที่หามาได้จากการสีไวโอลินให้ลู่จิ้นเซิงใช่ไหมล่ะ? กี่พันหรือกี่หมื่นล่ะ? ไม่พอดื่มกาแฟระดับพรีเมี่ยมหรอก”เฉียวซุนคว่ำหน้าบนไหล่เขา ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาบางทีเงินเพียงเล็กน้อยของเธออาจจะดูไม่สำคัญอะไรในสายตาเขาแต่ทว่าในสายตาเฉียวซุน นั่นคือน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดที่เธอรวบรวมไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะกลับไปแล้ว วันข้างหน้าเธอก็จะพึ่งพาแค่ตนเอง เธอไม่อยากใช้ชีวิตโดยพึ่งแต่ลู่เจ๋อ ไม่อยากติดหนี้เขาหลังจากที่มีความสัมพันธ์กันเธอไม่พูด ลู่เจ๋อก็รู้ทั้งหมดแล้วเขาวาดแขนรอบกายเธอ ก่อนจะรวบเธอมากอดไว้ มือใหญ่โอบเธอเอาไว้ เขากอดเธอแบบนี้อยู่นานเฉียวซุนดิ้นรนอย่างกระวนกระวายใจ : “ลู่เจ๋อ ฉันจะไปอาบน้ำ!”แต่ลู่เจ๋อกลับรั้งมือเธอไว้ เขาโอบรอบตัวเธอ...หน้าผากของทั้งสองแนบชิดกัน สันจมูกของเขาเสียดสีไปมากับหน้าเธออย่างใกล้ชิด ทำให้เธอพูดไม่ออกถึงความใกล้ชิด พูดไม่ออกถึงความหลงใหล เฉียวซุนทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้แล้วเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย : “ลู่เจ๋อ อย่าทำแบบนี้!”ดวงตาสีดำเ
ลู่เจ๋อเปิดโคมไฟหัวเตียงเขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง : “คุณคิดว่าไงล่ะ?”เฉียวซุนไม่รู้อะไรเลยลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆ น้ำเสียงของเขาในยามค่ำคืนดูดึงดูดเป็นพิเศษ : “เฉียวซุน ผมไม่เคยรักใครจริง และก็ไม่รู้ว่าการรักใครสักคนเป็นยังไง! แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ใจผู้หญิง ใส่ใจจนถึงขั้นละทิ้งหลักการ ใส่ใจจนถึงขั้นมาซ่อมท่อน้ำให้ที่บ้านคุณ”เขาหยุดพูดไปสักครู่แล้วจึงพูดต่อ : “หรือคุณคิดว่า ผมเพียงแค่อยากหาคนนอนด้วย? เฉียวซุน คุณควรจะรู้ ถ้าผมต้องการแค่เรื่องพวกนี้ ผมสามารถหาผู้หญิงสวยๆ มาได้มากมายเลยล่ะ”เฉียวซุนไม่สนใจเขา : “ฉันไม่ได้รั้งคุณไว้หนิ”ลู่เจ๋อหัวเราะเบา ๆภายใต้โคมไฟสลัว ขนตาของเขาช่างมีเสน่ห์ แม้กระทั่งดวงตาของเขาก็ช่างมีเสน่ห์เหมือนผู้ชายที่มีวุฒิภาวะ เฉียวซุนรู้ดีว่าถ้าหากเขาอยากหาผู้หญิงมาไว้ข้างกายสักคน มีคนมากมายพร้อมมาอยู่รอบกายโดยที่เขาไม่ต้องเสียเงินสักบาทลู่เจ๋อลูบใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนเขาเอ่ยเสียงต่ำ : “อาจจะเป็นเพราะอายุของผม ตอนนี้ผมหวังอยากจะมีชีวิตครอบครัวแล้ว เฉียวซุน ผมอยากมีลูกกับคุณ ลูกชายหรือลูกสาวก็ได้...แต่ถ้าเทียบกับคุณ ผมยิ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว