"มิน รอเตอร์ก่อน" ผมรีบวิ่งไปจับนิ้วก้อยเล็กเล็กของเธอมาเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของผม มินงอนผมตั้งแต่ผมขึ้นเสียงใส่เธอในรถ ก็เธอเล่นพูดว่าจะสนิทกับไอ้หมอนั่นมากกว่าผม ใครจะทนไหว ผมไม่มีทางยอมง่ายง่ายแน่ ไหนจะตอนที่อยู่ในร้านอีก ทำไมต้องนั่งใกล้กันขนาดนั้น ผมไม่เข้าใจ น่าหงุดหงิดชะมัด แทนที่ควรจะเป็นผมที่ต้องคิดบัญชีกับเธอ กลับกลายเป็นผมที่ต้องวิ่งตามเธออย่างตอนนี้ พอเข้ามาในร้านปิ้งย่างที่พวกนั้นนั่งรออยู่ก่อน ผมรีบดันตัวเธอให้เข้าไปนั่งด้านในก่อนที่ผมจะแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างๆ เพราะกลัวว่าเธอจะหนีไปนั่งข้างแก๊งค์เพื่อนสาว
"ชาเขียวเย็นไม่หวานสอง" ผมรีบสั่งน้ำของมินกับผม เผื่อว่าน้ำเย็นๆ ชื่นๆใจ จะช่วยลดอาการงอนของเธอลงบ้าง นิดหน่อยก็ยังดี ระหว่างที่ผมกับเพื่อนๆ ย่างเนื้อกันอยู่ ผมก็ไม่ลืมที่จะคอยย่างและคีบเนื้อไปวางไว้ในจานเธอโดยเฉพาะเห็ดออรินจิที่เธอชอบ ส่วนมือข้างที่ว่างอยู่ก็ไปดึงมือนุ่มนิ่มของเธอมาจับไว้บีบเล่นอยู่ใต้โต๊ะ เพราะไม่อยากให้พวกนั้นเห็นแล้วแซวผมกับมิน เดี๋ยวเธอจะเอามาพาลงอนผมอีก แค่ข้อเดียวตอนนี้ ผมก็ร้อนรนจะแย่ "มาย ลลิล ไปกินไอติมกันต่อมั๊ย เราเลี้ยงเอง" ผมที่กำลังงัดแผนสองขึ้นมาง้อมิน ซึ่งเธอไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว เพราะไหนจะเพื่อนของเธอและของชอบอย่างไอติมอีก ไม่มีใครรู้ใจเธอเท่าผมแน่นอน "ป๋ามากกก" "ไปสิ" ฉันได้แต่นั่งบรึนปากให้กับความเห็นแก่กินของยัยเพื่อนตัวแสบสองคนนั่น ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่เตอร์ทำอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังพยายามง้อฉัน อันที่จริง ใจฉันหน่ะ มันอ่อนยวบตั้งแต่เขาวิ่งมาเกี่ยวก้อยฉันแล้วแหละ แต่อยากจะขอดัดนิสัยเอาแต่ใจของเขาอีกสักหน่อย "มิน เป่าผมให้เตอร์หน่อยสิ ไดร์ที่ห้องเตอร์เสีย" ผมถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนมินเข้ามา แต่ภาพที่ผมเห็นทำผมยืนมองเธอตาค้างก้าวขาไม่ออก มินนั่งชันเข่าทาโลชั่นที่ขาขาวขาว กางเกงนอนขาสั้นลายการ์ตูนของเธอล่นลงมาจนเห็นขาอ่อนเล็กน้อยเกือบเห็นอะไรต่อมิอะไร 'อึก' ผมถึงขนาดกลืนน้ำลายลงด้วยความยากลำบาก ต้องเบี่ยงเบนสายตาคมมองไปรอบๆ ห้อง ที่ผมเคยเข้ามานอนแล้ว จนไปสะดุดกับรูปคู่ของผมกับมินตอนรับน้องสมัยปีหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้นวางของรวมกับภาพหมู่เพื่อนๆ ของเราสองคน รูปนั้นอาจจะดูเป็นรูปธรรมดา แต่สำหรับผม มันคือการถ่ายรูปคู่กับคนอื่นนอกจากครอบครัวครั้งแรก ที่สำคัญ รอยยิ้มของเธอทำหัวใจแกร่งของผมละลายเหลวตั้งแต่วันนั้น...มุมปากผมยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความทรงจำครั้งแรกที่ผมมีต่อเธอ "วุ่นวายจังนะเตอร์" เสียงของมินดึงสติผมให้หันกลับมาที่เธอ ผมไม่ได้เถียงเธอกลับไปแต่รีบพาตัวเองเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้แทนเธอเพราะกลัวเธอจะไล่ผมให้ออกไปรอข้างนอก มินเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมและเดินมายืนซ้อนข้างหลังใช้มือเล็กเล็กค่อยๆ ปัดเส้นผมไปมา นอกจากแม่แล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถจับหัวของผมได้ มีก็แต่...มินคนนี้คนเดียว ผมนั่งมองเธอผ่านกระจกเงาตรงหน้า ถึงแม้เธอจะสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้ารูปร่างสมส่วนพอดิบพอดี แต่ยังห่างกับผมยี่สิบเซนติเมตรเห็นจะได้ ขนาดผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้เธอตอนนี้ ศีรษะของผมยังสูงเกือบๆ ถึงคางของเธอเลย ผมขยับตัวลงเล็กน้อยทิ้งศีรษะไปข้างหลังเงยหน้าขึ้นมองสบตาของเธอ "มินหายงอนเตอร์นะ" ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจที่เต้นรัวของฉันมันดังแข่งกับเสียงไดร์เป่าผมที่เปิดอยู่ เตอร์จะรู้ตัวมั๊ยว่าสายตาอ้อนอ้อนเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจของเขานั้น มันกำลังทำลายกำแพงของฉันลงทีละนิดทีละนิด จนเขาเกือบจะก้าวเข้ามาอยู่ข้างในใจฉัน หรืออันที่จริงเขาไม่เคยอยู่นอกกำแพงตั้งแต่แรกเลยต่างหาก "อื้ม" ฉันตอบเตอร์กลับไปเบาเบาก่อนจะใช้นิ้วเล็กเล็กดีดหน้าผากของเขาด้วยความหมันเขี้ยว ทำให้เขามองฉันตาขวางแต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะหันมาแย่งไดร์ในมือของฉันไปวางที่โต๊ะกระจกและใช้มือใหญ่รวบข้อมือเล็กทั้งสองของฉันไม่ให้หนีไปไหน 'ฟอดดดดด''ฟอดดดดด'ผมยักคิ้วเข้มยิ้มกรุ่มกริ่มและมองไปที่เธอ หลังจากที่จมูกโด่งโด่งของผมจัดการเข้ากับแก้มนุ่มๆ ของเธอได้สำเร็จ "หึ" หน้าเธอตอนนี้น่าตลกชะมัด ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อ ตากลมโตเบิกกว้าง ปากเล็กเล็กอ้าค้างอยู่นานนับนาที คงจะตกใจที่โดนผมจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมที่กำลังจะก้มไปจัดการกับแก้มหอมหอมของเธออีกข้างนั้น"โอ๊ะ โอ๊ยยย มิน มิน เตอร์เจ็บ ไม่แกล้งแล้วๆ" กลับกลายเป็นผมที่โดนเธอกระโดดกอดคอแล้วงับเข้าที่แก้มสากข้างขวา ดูท่าแล้วราตรีนี้ยังอีกยาวไกล และการกลับไปนอนที่ห้องตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในแผนของผมในคืนนี้ซะด้วยสิ ผมใช้สองมือหนาของผมล๊อคเข้าที่ต้นขาของเธอให้พอตั้งหลัก เธอพลาดเองที่เอาสองขาเล็กเล็กมาเกี่ยวเข้ากับเอวสอบของผมไว้คงจะกลัวตก จากนั้นผมเดินพาเธอไปวางไว้บนเตียงก่อนจะพาตัวผมลงไปนอนทาบกับตัวเธอ โดยใช้ข้อศอกทั้งสองข้างยันไว้กับที่นอนเพื่อช่วยยกตัวผมขึ้นให้ห่างจากเธอเล็กน้อย อยากจะมองหน้าหวานหวานนี้ใกล้ใกล้อีกครั้งและอีกครั้ง... "เตอร์นอนด้วยนะ นอนเฉยเฉย" "ไม่น่าไว้ใจตรงนอนเฉยเฉยนี่แหละ" "หึ ได้หรอ" ผมเลิกคิ้วแกล้งถามเธอเล่น"ไอ้บ้าเตอร์! " "โอเค โอเค เตอร์ไม่แกล้ง ไม่แกล
เป็นคำถามที่ผมแค่แกล้งลองถามเธอไป ยังไม่ได้ต้องการคำตอบจากเธอตอนนี้ ผมจึงเฉไฉหยิบชามข้าวต้มของเราสองคนที่ทานเสร็จแล้วไปเก็บในครัวแทน แล้วเดินกลับไปหาเธอที่นั่งทำหน้าเอ๋ออยู่ที่เดิม"ไปอาบน้ำก่อนนะ ยัยซื่อบื่อ" ก่อนจะใช้มือสากหนาของผมผลักศีรษะเธอเบาเบา"เตอร์ไปนั่งเล่นเกมส์รอที่ร้านกาแฟชั้น3นะ" "กลับก่อนก็ได้นะเตอร์""จะรอ" "แกกับเตอร์นี่ ใช่แฟนมั๊ย พูด!!" ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาหาสองสาว ยัยมายที่มาในลุคลูกคุณแบบที่นางชอบ ก็ยิงคำถามใส่ฉันไม่ปล่อยให้ฉันหายเหนื่อยก่อนบ้างเลย"แฟนอะไร ใครแฟน ก็เพื่อนกันป๊ะ" ฉันตอบไปแบบนั้นถึงแม้จะเสียงสูงไปสักหน่อยเพราะแอบหวั่นไหวกับคำถาม แต่มันก็คือเรื่องจริงนี่นา... "เพื่อนแบบใดก่อน" ลลิลนี่ก็อีกคนเอากับเขาด้วย อยากจะขอหยิกแก้มกลมๆ ของนางกลางห้างดังให้หายหมันเขี้ยวสักที"แบบพวกแกสองคนนี่แหละ ป่ะ รีบไปช๊อปกันดีกว่า" ฉันเนียนเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วจูงมือนักข่าวสาวสุดสวยทั้งสองคนเดินเข้าเคาเตอร์แบรนด์ดัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่พวกเรานัดกันไว้"โก โก" "มิน แกลองใส่ชุดนี้สิ" ยัยมายผู้รับบทสไตล์ลิสให้ฉันกับลลิลเดินถือชุดเดรสเกาะอกกระโปรงจั๊มสั้นสีชมพูพร้อมก
เตอร์ขับรถมาส่งฉันที่คอนโดตามปกติก่อนจะรีบร้านของเขาต่อ แถมยังใจดีถือของขึ้นมาให้อีก บทจะน่ารักก็น่ารัก บทจะน่าหยุมก็สุดสุด ฉันที่ตอนนี้นั่งจัดของที่ซื้อมาก็ต้องส่ายหัวให้กับความไม่มีสติของตัวเอง เสื้อผ้าเอย เครื่องประดับกระจุกกระจิกเอย ไหนจะชุดพาเลตแบรนด์ดังอีก สงสัยคงต้องงดช๊อปสักสองเดือน ไม่อย่างนั้นมีหวังใส่ไม่ทันแน่แน่ "ยัยซื่อบื่อ เสร็จยัง" ผมนั่งเล่นเกมส์รอเธอแต่งตัวอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ออกมา จะแต่งอะไรเยอะแยะ แกร๊กเสียงประตูดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนอ่อนที่เธอชอบใช้ประจำ ผมรีบหันไปมองเตรียมจะบ่นสักหน่อย"มิน" เสียงผมแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินทันทีที่เห็น เธอใส่เสื้อครอปสายเดี่ยวที่หนาประมาณสองนิ้วผ้าลูกไม้สีขาวลายดอกไม้สีชมพูโชว์เอวขาวบางนิดหน่อย ทำผมอยากจะเดินเข้าไปหยิกสักทีสองที กับกระโปรงยาวสีขาวผ้าลูกไม้ลายเดียวกัน ผมสีน้ำตาลคาราเมลม้วนลอนถูกเกล้าขึ้นสูงพร้อมผูกโบว์ดูน่ารัก ไหนจะปากเล็กเล็กที่ทาด้วยลิปสีชมพูพีชและตากลมโตที่มีเส้นสีอายไลเนอร์ตรงหางตา เธอน่ารักมาก...น่ารักเหมือนตุ๊กตาจนผมอยากเข้าไปกอด ใจเตอร์มันสั่นไหวไปหมดแล้วมิน"เตอ
"เตอร์ วันนี้มินไปร้านเตอร์ด้วยสิ" "ทำไม" "มินอยากไปเช็คเรทติ้ง " "หืม"เราสองคนกำลังดูซีรีย์เรื่องโปรดของเธอ ผมที่นอนอยู่บนโซฟา เงยหน้าเลิกคิ้วเข้มมองเธอที่นั่งอยู่ใกล้ ยัยซื่อบื่อนี่นะชอบหาเรื่องให้ผมคอยแกล้งอยู่เรื่อย ผมค่อยค่อยเลื่อนตัวขึ้นและพลิกตัวเล็กน้อยจนหน้าผมอยู่บริเวณซอกคอขาวหอมของเธอ อยากจะงับสักที"เตอร์เช็คให้ เตอร์เช็คเก่ง" "ชะ เช็คยังไง"เธอเหมือนแมวน้อยขนพองพยายามย่นคอหนีผม เมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของผมกระทบเข้ากับผิวของเธอ"ก็เช็คคค...ทุกซอกทุกมุม หึ" "เช็คบ่อยละสิ" ฉันพยายามใช้สองมือดันอกแกร่งไว้ และมองสู้สายตาเจ้าเล่ห์ของเขาที่มันดูมีประกายระยิบระยับ สู้มา สู้กลับ ไม่โกง! "ไม่บ่อย แค่กับมิน""ลองมั้ย"ผมใช้หน้าผากกว้างของผมแตะกับหน้าผากมนของเธอ เอ่ยถามแผ่วเบา "ละ ลองอะไร""ลองให้เตอร์เช็ค ตรงนี้ ตรงนี้ และตรงนี้" ผมใช้ริมฝีปากชมพูคล้ำของผมไปจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูพีช ที่แก้มป่องๆ สองข้าง และเปลือกตาที่มีขนตางอนยาวทั้งซ้ายและขวา"ลองเช็คคค... ตรงนี้"ผมกระซิบข้างหูเล็กของเธอเบาเบา ก่อนจะก้มไปจูบซอกคอหอมหอมของเธอหนึ่งครั้ง...ที่ไหปลาร้าหนึ่งครั้ง...ที่หัวไห
หลังจากที่พายุลงหม้อชาบูและถังไก่ทอดชุดใหญ่สงบ ตอนนี้พวกเราทั้งหกคนกำลังแบ่งทีมจับคู่กันเล่นเกมส์ เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ให้เทพด้านการเล่นเกมส์อย่างเขากับกายจับชื่อได้คู่กัน ฉันแอบเห็นเขาส่ายหัวทำหน้าเบื่อหน่าย ส่วนฉันคู่กับเพื่อนรักอย่างลลิล แต่ที่น่าตลกที่สุดคือ ตอนที่ยัยมายเปิดฉลากแล้วเห็นชื่อนายคู่กัดของนาง เล่นเอานางโวยวายขอเปลี่ยนคู่อยู่พักใหญ่ พวกเราเลือกเจงก้าเป็นเกมส์แรกของค่ำคืนนี้ โดยมีกฎอยู่ว่าใครทำตึกถล่มก่อนคนนั้นต้องยกหมดแก้ว และถ้าทีมไหนคะแนนรวมน้อยที่สุดทีมนั้นต้องกินเหล้าต๊อกตามจำนวนที่ทีมชนะกำหนด เริ่ม! "ยัยเตี้ย เล่นเป็นมั้ยเนี่ย" "นายนั่นแหละ ทำฉันแพ้มาหลายตาแล้วนะ" "โอ้ยย..." เสียงเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครของนายกับยัยมายดังขึ้นตลอดเวลาที่พวกเราเล่นเกมส์ แก้มของนางเริ่มแดงระเรื่อเพราะโดนยกหมดแก้วไปหลายเกมส์ติด ไหนจะเหล้าชอตอีกเกือบสิบแก้วได้ ต่างจากนายที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยมีอาการเมาเท่าไหร่ มีก็แค่ใบหูที่แดงตลอดเวลาไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือผลจากการโดนเพื่อนร่วมทีมดึงทุกครั้งที่แพ้กันแน่ คู่นี้เรียกว่าเป็นสีสันของคืนนี้เลยก็ว่าได้"เมายัง"เขาใช้ศีรษะมาชนหั
"สวัสดีวันจันทร์" "55555 ขำมากยัยมาย" ฉันกับลลิลนั่งรอยัยมายที่โต๊ะหินอ่อน โต๊ะประจำข้างตึกเรียนของพวกเราตั้งแต่ปีหนึ่ง ทันทีที่ยัยมายมาถึงก็ไหว้ย่อฉันสองคนด้วยท่าทางขายขำ"สวยมักนก ตลกมักได้ไง ไม่เคยได้ยินกันหรอ" "แล้วได้บ้างยัง" ลลิลชิงถามก่อนฉัน"เกือบ เกือบ""วีคนี้เราสอบเสร็จ ไปเที่ยวกันดีมั้ย" นานๆ ทีลลิลจะออกปากชวน ฉันกับมายไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว"แต่ฉันอยากไปทะเล""ได้สิ ไปทะเลก็ดีเหมือนกัน" "แบรนด์ชุดว่ายน้ำที่ฉันตาม ออกคอลเลคชั่นใหม่พอดีเลย แซ่บมากกกก"เป็นยัยมายที่ตื่นเต้นสุดสุดกับการนัดกันไปเที่ยวทะเลเพราะนางอยากใส่บิกินีถ่ายรูปลงไอจีสวยสวย พวกเราเลือกวัน สถานที่ และจองที่พักบนเกาะทางทะเลฝั่งอันดามัน เป็นบ้านหนึ่งหลังสองห้องนอนมีสระว่ายน้ำด้านนอกที่มองเห็นวิวทะเลสวยๆ ไม่รู้ว่าพอไปถึงจะตรงปกเหมือนในเว็บไซต์มั้ย ส่วนยัยมายก็รับหน้าที่จองตั๋วเครื่องบินเหมือนเคย เพราะครอบครัวนางเป็นเจ้าของธุรกิจสายการบินชื่อดัง คุณหนูมายชื่อนี้ไม่เกินจริงหลังจากจบคลาส พวกเราสามคนก็รีบแยกกับพวกหนุ่มๆ พากันไปห้างหรูใจกลางเมือง และตรงดิ่งเข้าชอปชุดว่ายน้ำแบรนด์ดังที่ยัยมายเล็งเอาไว้ มีแต่
ตอนนี้ผมที่นอนเปลเฝ้ามองเธออยู่หน้าบ้านพัก ปล่อยให้หนูร่าเริงไปก่อนคับ ไหนๆ ก็มาเที่ยวพักผ่อนทั้งที ปล่อยให้เธอได้สนุกได้มีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะสดใสดีกว่า ผมนอนคิดเล่นๆ ว่าเธอจะทำหน้าเอ๋อขนาดไหนเมื่อเห็นผม ก็รู้สึกหายเบื่อขึ้นมาทันที ระหว่างที่รอสาวๆ อยู่นั้น ผมก็โทรสั่งให้พนักงานเตรียมเตาปิ้งย่างและซีฟู้ดชุดใหญ่มาที่หน้าบ้านพักของผม รอให้ปลาที่หิวโซมากินเหยื่อ ทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ยิ่งอยากได้ปลาตัวใหญ่ใจต้องเย็นที่สุด"เฮ้ย เตอร์นายมาได้ยังไง" "เรามาพักผ่อนอะ" "บังเอิญจังเลยนะ" "อืม" บ้านพักของผมเป็นทางผ่านกลับที่พักของพวกเธอ ลลิลที่หันมาเห็นผมก็ตกใจตะโกนทักผมเสียงดังทำให้ยัยซื่อบื่อหันมาทำตาโตเท่าไข่ห่านทันที น่าตลกชะมัด"หิวกันมั้ย เราสั่งซีฟู้ดมา กินคนเดียวไม่น่าจะหมด""โห กำลังหิวพอดีเลย งั้นพวกเราไม่เกรงใจนะ"และแล้วแผนของผมก็สำเร็จโดยที่ผมไม่ต้องออกแรงเลยสักนิดผมก็สามารถตกเพื่อนเธอได้อย่างง่ายดาย "หึ" มุมปากของผมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วหันไปยักคิ้วสบตาเธอที่มองอยู่ก่อน "มาย ลลิล ไปเปลี่ยนชุดกัน""มิน ช่วยเตอร์ย่างปลาหมึกก่อนสิ""เตอร์ย่างเองสิ""อยู่ช่วยเตอร์หน่อยนะ ค่อยกล
เช้าวันที่สองของการพักผ่อน ฉันที่ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์อันแสนสดชื่นสักหน่อย ก่อนจะเดินไปถ่ายรูปไปเก็บบรรยากาศ แสงพระอาทิตย์ดวงโตที่ค่อยๆ ขึ้นจากผิวน้ำทะเล สวยเหมือนภาพวาดเลย ไม่รู้ว่าสองสาวตื่นรึยัง ว่าแล้วฉันเดินไปหาพวกนั้นหน่อยดีกว่า จะได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดด้วย"ยังไม่ตื่นกันหรอ" ฉันแอบเปิดประตูห้องเบาเบา ชะโงกหน้าเข้าไปดูก็เห็นยัยสองคนนั้นนอนกันคนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าใครนอนดิ้นกว่ากันแน่ ปล่อยให้นอนกันไปก่อนแล้วกัน ค่อยๆ ปิดประตูเบาเบา และไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ฉันเลือกใส่วันนี้ เป็นชุดว่ายน้ำวันพีชลายทางไล่สีเว้าสูงอวดทรวดทรงตรงเอวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีขาว มาเที่ยวทะเลทั้งทีจะไม่มีชุดว่ายน้ำได้ยังไง เตอร์นี่ไม่เข้าใจบ้างเลย พอฉันแต่งตัวเสร็จก็ออกมานั่งอัพรูปลงไอจีรอสองแสบอาบน้ำแต่งตัวอยู่หน้าบ้านพัก รูปที่ฉันลงก็คือเซตชุดว่ายน้ำสีสดใสที่ถ่ายเมื่อวานนี่แหละ เข้าแอพลิเคชั่นแต่งแสงสองสามรูปแล้วก็กดโพสต์ทันที mini.minnie : มาทะเลทั้งทีจะไม่มีชุดว่ายน้ำได้ไง👙tutor.t : 🐷noomine : สวยมากสาวววl.lalil : เต็มสิบไม่หักผ่านไปไม่ถึงสามนาที เสียงแจ้งเตื
หลังจากวันนั้นที่เขาขอฉันแต่งงาน งานแต่งของเราสองคนก็ถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นสองเดือนทันทีที่เราฝึกงานเสร็จ เราเลือกหนึ่งในโรงแรมของกายเป็นสถานที่จัดงาน เชิญแขกและญาติผู้ใหญ่ของสองครอบครัวมาร่วมงานเกือบพันคน มีหนูมายกับลลิลเป็นเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยของฉัน ส่วนเขาก็มีสองหนุ่มอย่างนายกับกายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว วันนั้นเป็นวันที่เราสองคนมีความสุขมากอีกวันหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันแต่งงานของเราสองคนแล้วยังเป็นวันรวมตัวของคนที่เรารัก และเป็นวันที่ป๊า มามี๊ คุณพ่อ คุณแม่ ของเรายิ้มกว้างกว่าวันไหนๆแต่เพราะว่าเตอร์ลางานได้แค่ห้าวันเพราะต้องกลับมาเตรียมงานขยายสาขาในต่างประเทศ และเขาก็อยากจะพาฉันไปแก้ตัวที่ตอนครบรอบหนึ่งเดือนพาฉันไปแบบกระทันหันด้วย เราเลยตัดสินใจไปฮันนีมูนกันที่ญี่ปุ่น และการแช่ออนเซนมองดูน้องฟูจิ คือหนึ่งในแพลนของฉันกับเขา แต่ก็ต้องแอบลุ้นกันอีกทีว่าเราสองคนจะเป็นผู้โชคดีได้เห็นน้องฟูจิแบบคนอื่นหรือเปล่าและคำตอบก็คือ เราเป็นผู้โชคดี เหมือนอย่างในตอนนี้ที่ฉันกำลังนอนพิงอกแกร่งอยู่ในบ่อออนเซนส่วนตัวมองดูน้องฟูจิที่ออกมาให้เรายลโฉมโดยไม่มีเมฆมาปิดบังเลยสักนิด... "มิน เตอร์อยากมีเบบี๋"
"ถ่ายงานให้เตอร์ทั้งวัน เหนื่อยมั้ย""ไม่เหนื่อยนะ มินสนุก""แต่...""ขอค่าตัวด้วยค่ะบอส""ค่าตัวแพง ผมไม่มีจ่ายหรอกครับ""โห นี่มินทำงานฟรีหรอเนี่ย""เสียใจจัง""หึ" "เตอร์ขอจ่ายค่าจ้างเป็นดินเนอร์มื้อพิเศษแทนได้มั้ย""อืม..." "นี่ถ้าไม่ใช่เตอร์ มินไม่ยอมหรอกนะ""ขอบคุณครับผม"ฟอดผมนั่งรอเธอที่กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ผมออกแบบและสั่งตัดมาให้เธอโดยเฉพาะ เดรสสั้นเกาะอกขนนกสีฟ้าพาสเทลพร้อมรองเท้าแก้วส้นสูงรัดข้อ ที่ดูเข้ากันกับผมในเสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าพาสเทลเฉดเดียวกัน เพื่อพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรูบนตึกที่สูงที่สุดของประเทศซึ่งผมขอปิดโซนเพื่อเธอโดยเฉพาะ พอเสียงประตูเปิดขึ้น พร้อมกับการปรากฎตัวของร่างบางน่าทะนุถนอมที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ผม ใบหน้าของเธอถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบาเผยผิวใสสุขภาพดี ปากอวบอิ่มถูกทาด้วยลิปสติกสีชมพูพีช เส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลตรงสวยดูมีน้ำหนักปกคลุมไหล่มนเล็กน้อยราวกับไม่ได้ตั้งใจ เสริมความน่ารักด้วยเดรสสีโปรดของเธอ ผมไม่รอช้าที่จะเดินไปใส่สร้อยทองคำขาวมีจี้เป็นไข่มุกเม็ดเล็กที่ผมหยิบเตรียมมาถือไว้ที่ลำคอขาวของเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตลงไหล่
เช้าวันแรกของการฝึกงาน ฉันต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าสลัดและชงกาแฟสำหรับเราสองคนไว้กินกันในรถเหมือนตอนที่ไปมหาวิทยาลัยฯ ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยเพราะไม่อยากให้ใครว่าได้ทีหลังว่าไม่เหมาะสมเดี๋ยวจะกระทบไปถึงเขา"มิน เสร็จยัง""จะเสร็จแล้ว ขอห้านาที""ไม่ต้องสวยมากหรอก""เตอร์ไม่อยากให้ใครมอง""เอ้า""มีแฟนสวยเตอร์ต้องดีใจสิ""เตอร์ดีใจ แต่อยากเก็บไว้คนเดียว""ถ้าแต่งงาน เตอร์จะให้มินอยู่แต่บ้าน""ไม่ได้สิ ร้านมินละ""มินตอบตกลงแล้วนะ""ห๊ะ""หึ" ฟอดฉันหลงกลเขาอีกแล้วสินะ พอดูเรียบร้อยแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไร เขาก็จูงมือฉันและแย่งกระเป๋าของฉันไปสะพายไว้เองจนฉันแอบคิดว่าวันเกิดเขาปีหน้าฉันจะซื้อให้เขาสักใบนึงน่าจะดี โชคดีที่เช้านี้ถนนค่อนข้างโล่งรถไม่ค่อยติด ทำให้เราสองคนมาถึงก่อนเวลาอย่างที่ตั้งใจกันไว้ เพราะถึงเขาจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทและเป็นรองประธานบริษัท แต่เขาก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานและไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่โดนว่าแล้วพาลมาถึงฉันด้วย แฟนฉันน่ารักที่สุดเลย... พอถึงเวลาเริ่มงานพี่ฝ่ายบุคคลก็มาพาฉันไปส่งที
"ทำไมมินเมื่อยจังเลย""ควรเมื่อยอยู่นะ" "หึ" "หืม?" "ก็มินเล่นไม่พัก""..." "ถ้ารู้ว่าเมาแล้วมินขยันขนาดนี้" "เตอร์จะซื้อมาไว้ที่ห้องสักลังนึง"เพี๊ยะ! มือเล็กของฉันฟาดลงไปที่ต้นแขนแกร่งทันที ก่อนจะมุดตัวลงไปในผ้าห่มปิดใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศเพราะความเขินอาย จะไม่ให้ฉันอายได้ยังไง ดูเขาพูดซิ ภาพเมื่อคืนที่ฉันทำลอยมาเป็นฉากฉากเลย แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ดูมีความสุขจนน่าหมันไส้อีก แต่อยู่อยู่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันคิดผิด เพราะภายใต้ผ้าห่มสีฟ้าผืนใหญ่มันมีอาวุธร้ายพร้อมรบซ่อนอยู่ ทั้งเขาและฉันตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมกันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ให้ตายเถอะ! จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว... "ยัยมิน แกจะไม่ไปฝึกงานที่บริษัทฉันจริงๆ หรอ""ฉันอยากให้แกไปด้วยจะได้ครบแก๊งค์""นั่นสิ ขาดขาเม้าท์ไปหนึ่ง เหงาแย่""ฉันก็อยากไปกับพวกแก""แต่เตอร์อยากให้ฉันไปช่วยทำพีอาร์ที่บริษัทเขา""พวกแกได้หยุดเสาร์อาทิตย์มั้ย""นัดกันไปช๊อปหรือไปกินของอร่อยกันก็ได้""หรือมาเจอกันที่นี่""อยู่ใกล้กันแค่นี่เอง"สองสาวแวะมาหาฉันที่คาเฟ่มินิมินนี่แหล่งกบดานหลักของพวกฉันเพราะเครื่องดื่ม
สุดท้ายฉันก็ต้องเอาเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำของเขามาใส่ทับอีกที เพื่อปกปิดรอยจางจางและเปลี่ยนลุคให้ดูเท่ห์มากขึ้น ส่วนเขาก็ฉันเสื้อเชิ้ตตัวที่ฉันรีดไว้ให้ปลดกระดุมตั้งสามเม็ดโชว์กล้ามหน้าอกแน่นแน่น ทำฉันมองตาขวางจนต้องเอาคืนโดยการโน้มคอเขาลงมาแล้วกัดเข้าที่หน้าอกขาวขาวของเขาจนเป็นรอยฟัน ซึ่งเขาก็ไม่กล้าบ่นอะไรกลับดูชอบใจด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อฉันไม่ได้เกิดเขาก็ต้องไม่ได้เกิดเหมือนกัน วินวิน"โห ลลิลแซ่บมากกก""แต่หนูมาย แกเหมือนไปวัดนะ""ผิดปกติมาก""ปกติสุดสุด ฉันแค่อยากเปลี่ยนลุคเป็นสาวเรียบร้อยบ้าง"พอมาถึงร้านเหล้าของเตอร์ เขาก็ขอแวะไปดูความเรียบร้อยในร้านแปปนึง ให้ฉันเดินมาหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะวีไอพีที่ประจำของพวกเรา ซึ่งพอเดินมาถึงหนุ่มๆ ก็สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับแกล้มรอไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสองสาววันนี้ฉันขอมอบมงให้ลลิลเป็นสาวแซ่บที่สุด นางมาในชุดเกาะอกหนังสีดำกับกางเกงหนังสั้นสีเดียวกัน ดูมั่นและเปรี้ยวสุดสุด ผิดกับยัยหนูมายที่ปกติจะต้องเป็นสาวแซ่บแต่กลับใส่เสื้อฮู้ดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวจนดูแปลกตาไปเลย ส่วนกายก็แต่งตัวคล้ายๆ เตอร์เป็นปกติ แต่ที่ดูไม่ค่อยปกต
และแล้ววันชี้ชะตาของพวกเราทั้งหกคนก็มาถึง ฉันรีบตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าแฮมใส่ผักสลัดกับมะเขือเทศเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้เขาพร้อมกับอเมริกาโน่เย็นแก้วโปรด และไม่ลืมที่จะทำแซนวิชใส่กล่องไปเผื่อเพื่อนอีกสี่คนด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้มีแรงพรีเซนต์และผ่านไปได้ด้วยดีจะได้ไปฉลองพร้อมกัน"เตอร์จะกินแซนวิชเลยมั้ย" "มินป้อน เตอร์จะได้ขับรถสะดวก""ใจดีจัง""อ้าปาก""อร่อย" "ไม่อยากแบ่งให้ไอ้นายกับไอ้กายกิน""ให้พวกมันไปหากินเอง""เอ้า ไม่ได้สิ""เพื่อนนะ" "หวงหมด"พอมาถึงมหาวิทยาลัยฯ ฉันกับเขาก็รีบเดินไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งรอกันอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนมุมเดิมที่เป็นจุดนัดพบ โดยเขาที่สะพายกระเป๋าใส่แมคบุคกับเล่มรายงานทำหน้าที่ถือถุงอาหารเช้าของเพื่อนให้ ส่วนฉันก็ช่วยถือแก้วเก็บความเย็นที่ใส่กาแฟของเราสองคนไว้และรีบก้าวให้ทันเขา พอมาถึงเขาก็รีบแจกขนมให้เพื่อนสาวสองคนไม่ยอมหยิบไปให้สองหนุ่ม ฉันจึงต้องกดดันเขาด้วยสายตาอำมหิตของฉัน จนเขาชักสีหน้างอแงทำปากจิ๊จ๊ะแล้วก็ยอมแบ่งให้อีกสองหนุ่มโดนการโยนไปให้ดีที่นายกับกายรับไว้ทันไม่อย่างนั้นอดกินกันแน่ๆ ฉันจึงชี้นิ้วอย่างคาดโทษใส่เขาขอ
วันนี้เธอชวนผมตื่นแต่เช้ามาทำบุญใส่บาตรเนื่องในวันเกิดของผมที่วัดแถวคอนโด นานๆ ได้ทำบุญทั้งทีก็รู้สึกอิ่มบุญอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมากับคนที่ผมรักด้วยแล้วยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ แต่เราสองคนเลือกให้อาหารปลาแทนการปล่อยปลานะเพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นฆ่าพวกเขาทางอ้อม ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกสงสารที่พวกมันถูกกักขังไว้ในถุงใสก็เถอะ พอให้อาหารปลาเสร็จ ท้องของคนข้างๆ ก็ร้องประท้วงเสียงดังขึ้นมาทันทีราวกับกลัวน้อยหน้าปลาในแม่น้ำ ผมเลยพาเธอเดินลัดเลาะไปร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณซอยข้างๆ เป็นร้านเพิงไม้เล็กเล็กวิวแม่น้ำไม่มีแอร์มีแต่ลมพัดผ่านพอให้ไม่ร้อนมาก เนื่องจากตากับยายเจ้าของร้านทำแต่ชามเล็กๆ ชามละยี่สิบบาท ทำให้ผู้ชายสูงใหญ่อย่างผมสั่งมาทีเดียวสี่ชามเป็นบะหมี่แห้งต้มยำสองชามและเส้นเล็กต้มยำสองชาม ส่วนเธอขอลองสั่งเส้นหมี่ขาวต้มยำกับบะหมี่แห้งมาอย่างละหนึ่งก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด ผมที่ชอบทานรสจัดพอชิมคำแรกต่อมรับรสก็รับรู้ได้ถึงน้ำซุปกระดูกหมูที่ผ่านการเคี่ยวมาจนกลมกล่อม หมูสับ ตับและไส้หมูทำมาอย่างดีไม่มีกลิ่นให้เสียงรส เส้นเล็กลวกไม่เป็นก้อนเหนียวหนุบหนับกำลังดี โรยด้วยถั่วลิสงและพริกป่นที่ตาคุยว่าตาคั
"มิน ใกล้ถึงวันเกิดเตอร์แล้ว""อืม มินไม่ลืมนะ""แต่ปีนี้เตอร์อยากได้ของขวัญ""...แล้วเตอร์อยากได้อะไร""แต่...แบบนี้มินก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สหน่ะสิ""เซอร์ไพร์สสิ""เซอร์ไพร์สสุดสุด""เดี๋ยวเตอร์เปิดรูปให้ดู""..."ตากลมโตของฉันถึงกับต้องเบิกกว้างทันทีที่เห็นรูปที่เขาเปิดให้ดู มันเป็นชุดคล้ายๆ กับที่ฉันซื้อมาจากญี่ปุ่นเพื่อเซอร์ไพรส์เขาเมื่อตอนวันครบรอบหนึ่งเดือนแต่ต่างกันตรงที่แบบของเขามันแทบปิดอะไรไม่ได้เลย ฉันถึงกับยกมือกุมขยับส่ายหัวไปมาให้กับความไม่รู้จักพอของเขา อันที่จริงฉันหน่ะ เตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้เค้าตั้งหลายวันแล้ว แอบไปเดินเลือกตอนที่เขาไปร้านเหล้าเป็นนาฬิกาคู่ที่มีฟังก์ชั่นพิเศษสามารถเช็คอัตราการเต้นของหัวใจและค่าออกซิเจนได้และเพิ่มรายละเอียดเข้าไปโดยยิงเลเซอร์ชื่อภาษาอังกฤษตรงสายซึ่งต้องสั่งทำพิเศษ เพราะว่าช่วงนี้เขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลยไหนจะต้องเขียนโปรแกรมโปรเจคจบไหนจะร้านเหล้าและคอยเข้าประชุมที่บริษัทแทนคุณพ่อของเขาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ฉันเป็นห่วงสุขภาพของเขามากเป็นพิเศษ แต่ต่อให้เขาทำงานมาเหนื่อยขนาดไหนก็ยังมีแรงหาเรื่องรังแกฉันได้เกือบทุกวันวันละหลายชั่วโมง จนเหมือ
"มินอยากแอบอยู่ในกระเป๋าไปด้วยค่ะ""เด็กคนนี้นี่น้า" "ปิดเทอมมินจะรีบบินไปหาป๊ากับมามี๊นะคะ""ไม่ใช่พอมีแฟนแล้วลืมป๊ากับมี๊นะ""ป๊าขา มินรักป๊ากับมามี๊ม๊ากมากค่ะ" ฟอด"ถึงแล้วมี๊จะคอลมาจ๊ะ ดูแลตัวเองนะน้องมิน""ผมจะช่วยดูแลมินเป็นอย่างดีครับ""อืม ทำให้ได้อย่างที่พูด""บ๊ายบายค่ะ/สวัสดีครับ"รอบนี้ป๊ากับมามี๊มีเวลาว่างอยู่กับฉันสามวันราวกับว่าตั้งใจจะมาแอบดูแฟนของฉันตามที่ท่านเอ่ยแซวจริงๆ เพราะมีอยู่วันนึงอยู่ๆ เขาก็ชวนป๊าไปตีกอล์ฟที่สนามแถวชานเมืองออกกันไปแต่เช้ากว่าจะกลับกันเข้ามาก็พอดีทานมื้อเย็น แถมยังดูสนิทกันมากขึ้นอีกด้วย เพราะฉันแอบสังเกตว่าเขาไม่ค่อยเกร็งเวลาอยู่กับท่านและรอยยิ้มที่ดูใจดีของป๊าเหมือนเวลาคุยกับฉัน แต่ยังไม่ทันหายคิดถึงเลย ฉันก็ต้องมาส่งท่านที่สนามบินแล้ว โดยมีเขาอาสาขับรถมาส่งด้วย เรียกว่าตามทำคะแนนสุดสุด"คิดอะไรอยู่""คิดถึงป๊ากับมามี๊""เดี๋ยวปิดเทอมเตอร์พาไปนะ""อืม ขอบคุณนะ""ว่าแต่ แอบไปคุยอะไรกับป๊า""บอกมินมาเลยนะ""ความลับ""ถ้ายอมบอก มินเลี้ยงกาแฟแก้วนึง""หึ ตั้งแก้วนึง เยอะจัง""เตอร์ดื่มไม่หมดกันพอดี"และเขาก็ขับรถสปอร์ตหรูคู่