โบสถ์ไม้เก่าแก่ มีแพลนจะทุบทิ้งแหล่ไม่ทุบแหล่ หวังสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิม ถูกยับยั้งไว้ด้วยปากคนคนเดียว ซึ่งทรงอำนาจที่สุดและรวยที่สุดในเมืองนี้
เรกาโด ครูซัส หรือ ฉายาในหมู่คนสนิทเรียกว่า ' บิ๊กครูซ ' เดินช้า ย่างกรายเข้ามาในเขตข้างใน เขาหาได้รุกล้ำไม่ ทว่าที่พากันแปลกใจ เนื่องจากสามปีที่แล้ว วันนี้ เพิ่งจะโผล่หน้าเข้ามา ดอกลิลลี่ช่อใหญ่ถูกวางไว้กลางหลุมศพ ร่างผู้หญิงใต้พื้นดินนั่น คงจะย่อยสลาย เนื้อหายกลายเป็นธุรีผง เหลือเพียงกระดูกไปแล้วกระมัง บ่งบอกให้รู้หล่อนตายมานาน มีเพียงดินนูนยกสูงให้ระลึกถึงเท่านั้น
ครูซัสไม่ได้เศร้าดั่งแต่ก่อน หน้าเขาแค่เรียบเฉยสัมพันธ์กับบุคลิก ที่คนสนิทมักรู้ดี เขานั้นไร้อารมณ์สุนทรีย์มากกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
ใช่ ขณะที่ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกงราคาแพง ตามองหลุมศพอยู่นั้น เขายังไม่เอ่ยวาจาใดออกมาสักคำเดียว ได้แต่นึกถึงใบหน้าจืดซีด ที่เคยป่วยกระเซาะกระแซะ ไอเป็นเลือดสดๆ จนตาย และ อาลัยในใจ
...ผมยังรักษาคำสัญญา
...ผมจะดูแลเธอ เท่าที่ผมจะทำได้ ...
...หลับให้สบายนะครับแม่
รถซุปเปอร์คาร์สีดำแล่นเรื่อยมาจอดเทียบฟุตบาท ร่างสูงเดินลงจากเบาะหลัง พยักหน้าให้คนขับรถ ขับออกไป บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเล็กๆ เล็กมาก ถึงขนาดไม่มีที่ให้รถจอด มีรั้วไม้ต่ำๆ สีขาวล้อมรอบให้ดูเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าไร้คนดูแล ไม่ได้ดูหรูมากมายนัก ทว่าอบอุ่นใจสำหรบคนพักพิง
เรกาโด ครูซัส ในคราบชุดดำทั้งชุดเดินเข้ามา ความลึกลับในตัวเขาดึงดูดความยำเกรงต่อผู้พบเห็น ทำเด็กซึ่งวิ่งเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าถอยกรูดกันเป็นพรวน เขาดูเป็นผู้ใหญ่ และน่ากลัวกว่าคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาทำทาน หรือเพื่ออุปการะอย่างสิ้นเชิง พร้อมประโยคเรียบทุ้ม ทำหญิงวัยกลางคนกำลังเดินผ่านชะงักกลางคัน
"สวัสดีครับซิสเตอร์ ผมมารับเด็กคนนั้น ที่ครอบครัวทำเรื่องอุปการะไว้เมื่อสามปีก่อน"
โต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง มีโคมไฟชนิดหักคอได้ วางตระหง่านชิดมุม ข้างกันมีหนังสือนิยายแนวลึกลับกองสูงเป็นเนินภูเขา ซ้อนทับกันไม่เป็นระเบียบนัก เสี่ยงหล่นลงมาทับหัวคนอ่านตายหลายรอบ แม้จะดูเก่ากึก ทรุดโทรม แต่มันก็คือมุมโปรดของเธอ
เอมิเลีย หรือเอมี่ สาวร่างบางอายุสิบแปดปีเศษ ฟุบโต๊ะรออะไรบางอย่าง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เธอต้องเตรียมพร้อม เธอไม่รู้มาก่อน แต่หากเสื้อไหมพรมตัวหลวมโคล่งสีชมพู ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายที่มาดามเรกาโด เกรชมอบให้ ถูกเก็บไว้นานเกือบลืมมาสวมใส่นั้น นั่นหมายความว่าเธอจะต้องไปจากที่นี่
แน่นอน เธอไม่อยากก้าวพ้นเขตนี้ออกไปแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกใจหาย เศร้าสลด กลัวจะคิดถึง ถูกกักเก็บไว้แค่ในใจ และแววตาหวานฉ่ำเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องออกมาได้
"เอมี่ เสร็จหรือยัง"
ยิ่งต่อหน้าซิสเตอร์แล้วยิ่งแล้วใหญ่ อย่าหวังให้น้ำตาเอ่อล้นออกมาแม้แต่หยดเดียว!
"ค่ะ..."
"ลูกกำลังมีปีก มีโอกาส"
"แต่หนู..."
"หลุดจากกรงแล้ว ควรจะบินไปให้ไกลที่สุด อย่าได้หวนกลับมา"
"....."
"มหาลัยที่ผู้อุปถัมภ์เลือก คงจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับลูก"
"ฮึก... "
"เอมี่... "
"หนูรู้ค่ะ คนร้องไห้มันดูโง่"
เธอช้อนตาขึ้นแทรก หลังก้มงุนสลดอยู่นาน ซิสเตอร์มองเข้าไปในตานั้นด้วยความอาลัยรัก อยากจะร้องไห้สั่งลาไม่น้อยไปกว่าเธอ ทว่า นี่คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสักเท่าไหร่ โลกภายนอกมันช่างโหดร้าย อันตราย และมีอีกหลายอย่างที่หญิงสาวยังไม่รู้ เข้ามาสอนสั่งให้มนุษย์มีบทเรียนกันทุกคน หล่อนบอกศิษย์คนนี้เสมอ เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งซึ่งไม่รู้พ่อแม่คือใครมาก่อน มักจะอาภัพมากกว่าคนอื่น
ฉะนั้นคำสั่งสอนที่หล่อนฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก หวังให้เธอเข้มแข็งนั้น คือเกราะปกป้องกันที่ดี และจะได้ใช้จริงๆนับแต่วันนี้
ซิสเตอร์บีบมือเธอเป็นการบอกลาแทนคำพูด พลางหันไปตามเสียงฝีเท้าหนัก ซึ่งเดินเป็นจังหวะเข้ามาหยุดตรงหน้าของคนทั้งคู่
"ได้เวลาแล้ว"
หันไปบอกเธอเสียงแผ่ว แค่สายตาหวานชำเลืองปะทะเข้ากับดวงตานิ่ง ไม่ทันได้เห็นมันชัดเจน เอมิเลียก้มหน้างุนรนราน เปลี่ยนภาพนั้นเป็นรองเท้าคอมแบตสีดำราคาแพงทันที
ภายในรถ กว้างพอจะบรรจุคนเป็นสิบ กลับทำหญิงสาวอึดอัด ทัศนียภาพบรรยากาศวิวข้างทางสวยงาม เปี่ยมไปด้วยสีสัน ที่อาจจะทำให้คนไม่เคยเห็นเฉกเช่นเธอมาก่อน น่าจะตื่นเต้น และยินดีที่ได้พานพบกับมัน กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอเอาแต่มองนอกกระจก ในตาสลด กะพริบถี่นับครั้งไม่ถ้วน สร้างความหนักใจให้แก่ผู้ปกครอง ที่ชำเลืองมองมานานๆครั้งไม่น้อย ทว่า แสร้งทำเป็นไม่สนใจเธอ เลือกที่จะเงียบขรึม ตามแบบฉบับของเขา ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้ตัว การกระทำแบบนี้ ทำหญิงสาวเกร็งจนเท้าชาไปหมด
จนกระทั่งถึง....
คฤหาสน์ใหญ่โอ่อ่า ทำด้วยอิฐหินแท้แข็งแรง บริเวณข้างๆกว้างขวางเหลือคณานับ พอๆกับบริวารของเขา ที่วิ่งกรูกันเข้ามา ยามเห็นรถคันนี้วิ่งผ่านรั้วเข้าไป เอมิเลียทึ่งจนยิ้มไม่ออก เธอไม่ได้ดีใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่กลับห่อไหล่เกรงกลัวอำนาจของคนข้างๆมากยิ่งขึ้น เพราะคาดไม่ถึง ครอบครัวที่อุปถัมภ์เธอ จะรวยล้นฟ้าเช่นนี้
"ถึงแล้ว บ้านของเธอ"
และนี่คงเป็นครั้งแรก ที่เธอได้ยินเสียงเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันคือเสียงทุ้ม นุ่มแฝงสุขุม ใครได้ยินคิดจะเถียง เป็นอันต้องกลืนคำพูดนั้นๆ กลับลงคอกันเลยทีเดียว
"ค่ะ..."
เอมิเลียพยักหน้า เปิดประตูยืนรอกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
"รออะไร "
"กะ กระเป๋าหนู"
"ลูกน้องฉันจะยกให้ เธอไปแต่ตัวก็พอ"
เธอหลบตา ยอมทำอย่างที่เขาว่าแต่โดยดี แม้การเดินของเธอในแต่ละก้าว มันจะแข็งแทบพาเธอล้ม
ใช่ เธอประหม่า กลัวจนเหงื่อตก สูญเสียความควบคุมบางอย่างในร่างกาย ครูซัสมองเธอจนทิ้งห่างไปพอสมควร ก่อนพยักหน้าให้สาวใช้อีกคนเพื่อเดินตาม
"อย่าให้มีปัญหากับเคลที่ "
"ได้ค่ะ นาย"
เอมิเลียเดินห่อไหล่ก่อนหยุดชะงักเมื่อมาถึง บานประตูสลักสีทองโบราณ และรูปปั้นซีเมนต์สิงโตสองฝั่ง ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเท่ากับภายในบ้านเลย เบื้องหน้าของเธอนั้นเสมือนอุโมงค์ลึกลับ หากเข้าไปแล้วยากจะออกมาได้
ใช่ บรรยากาศทำให้เธอรู้สึกว่า ข้างในนั้น มันยากแท้จะหยั่งถึง กว่าจะตัดสินใจก้าวเดินต่อ ก็ตอนชำเลืองไปเห็นสาวใช้ร่างอวบเดินตามมา พร้อมกระเป๋าซึ่งถูกยกนำหน้าเธอไป เอมิเลียเปลี่ยนเป็นชะลอตามหลังหล่อนแทน
"ที่นี่คือ..."
"ห้องนอนของคุณค่ะ"
หน้าสวยจิ้มลิ้ม กวาดตามองไปทั่ว หลังเข้ามายืนอยู่ภายใน
"หวังว่าคุณจะชอบ"
สาวใช้บอก หญิงสาวก้มหน้างุด ดวงตาสลด
"ขอบคุณค่ะ"
"ฉันชื่อซีอาร์นะคะ เป็นคนใช้ที่นี่มานานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของคุณท่าน มีหน้าที่อยู่ในครัว แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาดูแลคุณแทน"
น้ำเสียงราบเรียบ ทำหญิงสาวสนใจใคร่รู้ เธอหันไปตั้งใจฟัง ก่อนแนะนำตัวเองบ้าง
"หนู.. เอมิเลียค่ะ"
"ค่ะ ดิฉันทราบ"
หล่อนยิ้มกว้าง เจ้าของชื่อยิ้มตอบ ทว่าดูอย่างไรก็ฝืนเต็มที สาวใช้รู้ดี แต่หล่อนเลือกที่จะนิ่ง ให้กำลังใจผ่านแววตาคู่แขกนั้น บ่งบอกถึงมิตรภาพที่ดี
"ทำไมต้องดูแลหนู เขาสั่งหรือ"
"ใช่ค่ะ นายท่าน คือผู้มีอำนาจที่สุดในคฤหาสน์นี้"
".... "
เธอเลิกคิ้ว ไม่คิดจะถามอะไรอีก ทั้งที่ในใจอยากรู้แทบแย่ ผู้อุปภัมภ์ที่แท้จริงคือใคร และมีหน้าตาเป็นยังไง เธอจำได้แค่ว่า ชื่อของหล่อนคือผู้หญิง...
ทำไมตอนนี้ กลับกลายเป็นผู้ชาย คนที่รับเธอมา และดูเย็นชาที่สุดแทน
ในขณะหญิงสาวกำลังเงียบ เอาแต่ก้มหน้า กลับต้องเงยขึ้นด้วยเสียงทุ้มนี้
"ออกไป"
เขาสั่งซีอาร์ สาวใช้คำนับรับ
"ค่ะ "
ซึ่งคราวนี้ เหลือแค่เขากับเธอเพียงสองคน เอมิเลียใจสั่น มือชาวาบ ก้มหน้ามองพื้นมากกว่าเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เดินผ่านหน้าเธอ ไปเปิดหน้าต่างให้
"ซิสเตอร์บอก เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ฉันเลยจัดมุมนี้ไว้"
เขาใช้นิ้วเคาะสันโต๊ะสองสามที หวังให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตุเห็น ว่าบนนั้นเต็มไปด้วยหนังสือ ซึ่งเป็นแนวที่เธอชื่นชอบ หญิงสาวเม้มปากแน่น ปากหนักไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดี ได้แต่โน้มตัวคำนับแบบซีอาร์ ความรู้สึกบอกคลื่นเขานั้นหนาเหลือเกิน หนาจนหญิงสาวเกร็งไปหมด และเสมือนโชคเข้าข้าง เสียงสมาร์ทโฟนของเขาดังขึ้นช่วยชีวิตเธอพอดี ครูซัสละสายตาจากการจ้องหน้าเธอ มากดรับสาย เดินเลี่ยงไปคุยข้างนอก โดยไม่สนใจจะบอกลาเธอสักคำ
"ฮัลโหล ใช่ ผมไม่ได้ลืม กำลังจะไป"
กับคำสรรพนามที่เปลี่ยนไป ระหว่างคู่สนทนาปลาสาย ที่ต่างกับ.. เธอ
ตกค่ำ รอบคฤหาสน์เงียบสงบ มีแค่แสงไฟสลัวสีเหลืองนวลจากจุดต่างๆ ทั้งรอบกำแพง และจุดสำคัญที่ต้องการให้เด่นต่อคนเห็นที่ผ่านมา เปรียบความตระการตาเสมือนรับโล่ได้ ทว่า บรรยากาศต่างกันโดยสิ้นเชิงใช่ คงไม่มีอีกแล้วเสียงเด็กกำพร้าเหล่านั้น ที่หัวเราะร่วนยามหยอกล้อกันเองอย่างสนุกสนาน แว่วลอยมาปะทะหูเธอ ในสมัยยังอยู่ที่เก่า มุมโปรดเวลาอ่านหนังสือ ถึงจะจับใจความไม่ได้ แต่มันทำให้เธอไม่เหงา และรู้ซึ้งเสมอว่าไม่ได้มีตัวคนเดียว ความเงียบคืบคลานเข้ามาถึงในห้อง เอมิเลียนั่งกอดเข่าตัวเอง ไม่กล้าหยิบจับอะไรมาอ่านทั้งนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟให้สว่างไสว อาศัยเพียงไฟจากข้างนอก ที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา พร้อมกับสายลมโชยบางเบาเสียงเคาะประตูดังขึ้นแค่สามครั้ง พลางประตูถูกเปิดออก ไม่ทันให้เวลาหญิงสาวได้เตรียมตัว เธอผงกหัวที่แนบเข่าขึ้นมองหน้า ตกใจเล็กน้อยในวินาทีแรก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกนึง เมื่อเห็นว่าเป็นซีอาร์"ทำไมถึงอยู่มืดๆ แบบนี้ละคะคุณ"พรึ่บ!หล่อนถือวิสาสะเปิดไฟให้ ยกถาดอาหารมาวางกลางโต๊ะ"อาหารเย็นค่ะ"เอมิเลีย หย่อนเท้าลงพื้น มองกับข้าวสลับกับหล่อน"เอ่อ...""มีคำสั่งจากคุณท่านค่ะ ว่าคุณหน
"ฉันเอง"เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ เสมือนไม่อะไรแฝงในนั้น แต่กลับทำเอมิเลียสะดุ้งโหยง หัวใจชาวาบทำตัวไม่ถูก เธอพร่ำถามตัวเอง เหตุผลอะไรถึงต้องกลัวเขาขนาดนี้"ไม่สะดวกหรือ...""กำลังจะไปเปิดค่ะ"ร่างบางลุกเต็มความสูง เดินเอื่อยไปทางประตู หลังเอ่ยประโยคเบาหวิว เทียบเท่ากับสายลมแอด...และเหมือนเดิม เธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา ครูซัสขัดใจหนัก ทว่าเลือกที่จะนิ่ง ยกมือล้วงกระเป๋ากางเกง ถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าน่าฟัง และอ่อนโอนที่สุด ซึ่งอันที่จริงแล้ว ต่อให้เขาบีบเสียงจนนุ่มแค่ไหน สำหรับเด็กสาวอายุสิบแปดเศษ ยังไงก็น่ากลัวอยู่ดี"ขอโทษที่รบกวนเวลานอนของเธอ แต่ฉันเห็นไฟห้องเธอเปิดอยู่""ค่ะ หนูนอนไม่หลับ เลยจะอ่านหนังสือ""ทำไม? ผิดที่หรือ ""ใช่ค่ะ..."เธอตอบเสียงแผ่ว ชายหนุ่มมองมือบางข้างนึงกันวงกบประตู แล้วยิ่งขัดใจ เขาไม่ชอบเอาเสียเลย กับท่าทีหญิงสาว ที่บ่งบอกถึงความไม่ไว้ใจเขา"เงยหน้า "คำสั่งครั้งแรกจึงเอ่ยขึ้น แต่ไม่ดังมากนักเอมิเลียไม่ทำตาม กลับก้มลงมากกว่าเดิม เพ่งสายตามองพื้น ไม่นานก็เห็นรองเท้าหนังเขาก้าวเข้ามา"เงยหน้าขึ้น.."ประโยคเดิมดังอีกรอบ หญิงสาวใจสั่น ดึงมือบางข้างนั้นจ
นานจวบจนชั่วโมง กว่ารถจะแล่นมาถึง เอมิเลียนั่งตัวเกร็งตั้งแต่ตอนนั้น ต่างกับครูซัสที่เอาแต่นั่งเงียบขรึม บ้างชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง เสมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งค่อนข้างจะเครียด และยากต่อการคาดเดาในขณะหญิงสาว ภายในจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความมืดดำ มึนงง และล้มเหลว หลังได้ยินข่าวการเสียชีวิตของผู้มีพระคุณผู้นั้น"เอกสารเธอล่ะ ""เตรียมมาครบแล้วค่ะ"ขาคู่เล็กเรียววิ่งตาม ขาแกร่งอย่างกับเด็กติดแจ ทว่าเปล่าเลย เธอกลัวจะทำอะไรผิดพลาดให้เขาขุ่นมัวใจอีกต่างหาก เพราะไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอยแล้วกับเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนชายหนุ่มรุดหน้าโทงๆเข้าสู่ใจกลางตึกห้องอธิบดีไม่รีรอหญิงสาว ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ต่างกับเธอที่ดูเหนื่อยหอบน่าดู แทบหายใจไม่ทันใช่ เธอรู้ เธอทำภารกิจวันนี้สาย และนี่คือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ถึงใกล้จะเป็นลมล้มทั้งวิ่งยังไงก็ห้ามเหนื่อย และหน้าแปลกนอกจากเขาไม่เอ็ดตะโรแล้ว กับการเสียเวลาที่มันมาจากเธอ บวกคำตำหนิสภาพการแต่งตัวของเธอก่อนหน้า ก็เหมือนจะถูกเมินไปด้วยครูซัสไม่มีทีท่าว่าจะอาย ในขณะคนมองและพากันขำครึ่งค่อนมหาวิทยาลัยยามเธอวิ่งผ่าน จนกระทั่งภารกิจผ่านไปด้วยดี เขาพาเ
ในขณะสมองเธอมีแต่ความสงสัย ทว่าไม่กล้าพอที่จะถาม ทั้งที่มันคือสิทธิส่วนบุคคล เธอมีสิทธิ์จะปกป้องตัวเองก็ได้ เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย"มองหน้าฉัน จะเอาอะไร"ดวงตาคู่หวานหลบหลีกกระทันหันทันที หลังชำเลืองแอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา แล้วถูกจับได้ เธอลอบมองอยู่หลายครั้ง ไม่คิดว่าครั้งนี้เขาจะหันกลับมาสบตา"เปล่าค่ะ"เอมิเลียปฏิเสธ ดวงตาสั่นระริก"ฮึ เด็กน้อย เธอโกหกฉันไม่ได้หรอก "".....""อยากจะรู้อะไร ถามมา"ก่อนหัวใจทั้งดวงจะหล่นลงไปอยู่บนตาตุ่ม เอมิเลียเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ อ้ำอึ้งอยู่อึดใจนึง ภาวนาให้คำถามของเธอนี้ ไม่ถูกเขาตะเพิดกลับมา"เอมิ...""ทำไมต้องพาหนูไปด้วยคะ ทั้งที่คุณสามารถส่งหนูกลับไปก่อนได้ "เธอหันขวับชิงถาม ครูซัสเลิกคิ้ว"เธอหมายถึงอะไร?? จะบอกฉันว่าเธอคือคนอื่นไม่สมควรจะพาเข้าไป น่ะหรือ" ย้อนถามกลับ"ใช่ค่ะ ทั้งที่มันเป็นความลับ""เธอจะบอกอะไรฉัน? ""หนูไม่ควรจะมารับรู้ หรือได้ยินอะไรแบบนี้""เธอก็แค่ลืมมัน สาวน้อย... "เอมิเลียถึงกับเม้มปากเป็นเส้นตรง ช่างใจ ไปไม่ถูก เมื่อชายหนุ่มแนะนำเธอเสียงเรียบ ไร้ท่าทีตื่นเต้นใดๆทั้งสิ้น ต่างจากเธอ ที่ตอนนี้เร
ครูซัสออกไปแต่เช้า จากคำบอกเล่าของซีอาร์โดยที่เธอไม่ต้องถาม ร่างบางกำชับเชือกผูกบู้ทให้แน่นเท่าที่จะแน่นได้ พลางยิ้มอ่อนเสมือนตั้งใจฟังคำบอกเล่าซะเต็มประดา ทว่า เปล่าเลย ในใจเธอคิดเหม่อลอยไปไกลแล้ว ของกิจกรรมในวันนี้ งานที่รับมอบหมายให้ไปกับลูกน้องของเขาใช่ มันกดดันน้อยกว่ากันตรงไหนกันล่ะ??ร่างสูงในชุดสูทดำเต็มยศ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาคำนับน้อยๆให้ ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมอง"พร้อมรึยังครับคุณหนู"หญิงสาวเม้มปากแน่น ถึงแม้จะกลัว แต่เธอก็เลือกที่จะไป".... ค่ะ"หันไปยิ้มให้ซีอาร์น้อยๆ โบกมือลา แล้วจึงจะเดินก้มหน้าก้มตาตามหลังบอดี้การ์ดไปที่รถ ในขณะที่เขานั้นผายมือเชื้อเชิญไม่ให้เดินผิดทางตลอดจนถึง"ถ้าหนูเปลี่ยนใจไม่ไปตอนนี้ล่ะคะ"เอมิเลียตั้งคำถาม หลังขึ้นมานั่งบนเบาะเรียบร้อยแล้ว แต่รถยังไม่ทันออก ลูกน้องคนสนิทมือซ้ายของครูซัส ยิ้มกว้างผ่านกระจะมาให้เธอ พลางส่ายศีรษะ"นายไม่ชอบให้ใครขัดใจท่านหรอก เชื่อผมสิ"บอกเธอเสียงเรียบ พร้อมมือผลักเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไป เอมิเลียถึงกับหมดแรง ทิ้งร่างพิงพนักทันที"ฟู่ว..." พอกันทั้งเจ้านายและลูกน้องร้านเสื้อผ้าใหญ่โตในห้
เอมิเลียนั่งตัวตรงพร้อมรวบช้อนส้อมเข้าหากันวางกลางจานข้าวซึ่งยังเหลืออยู่เต็มจาน หลังถูกลูแคน บอดี้การ์ดฝั่งซ้ายครูซัสกึ่งบังคับพามากิน ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมองถือช้อนค้าง เขาเองก็ถูกต่อรองจากเธอ ถึงได้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนี้"หนูอิ่ม...""คุณหนูยังไม่อิ่มครับ"หญิงสาวเหลือบตามองบน ยกแขนกอดอกแน่น เริ่มหน่าย กับพฤติกรรมรู้ทันไปเสียทุกเรื่องของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปในตาสีฟ้า หวังจะสะกดจิต ทว่า..."ทานต่อเถอะครับ คุณหนูเพิ่งทานไปสองคำเอง""หนูอิ่มแล้วค่ะ"เอมิเลียย้ำ เลิกคิ้วขึ้นบ่งบอกให้รู้มันคือความจริง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างลูแคนหรือจะเชื่อ เขาวางช้อนลง ตั้งใจพูดแกมขอร้องเน้นคำ"กว่าคุณหนูจะได้ทานมื้อเย็นอีกรู้ไหมครับมันนาน ทานให้อิ่มเสียตอนนี้เถอะครับ ผมขอร้องล่ะ " แต่เหมือนคนขอร้องอย่างเขาจะถูกอ้อนกลับมา เอมิเลียทำหน้าสลด ก้มหน้างุน"ทำไมไม่เชื่อหนูบ้าง ก็ได้ค่ะ... ถ้ากินหมด คุณลูแคนให้รางวัลหนูหน่อยได้ไหมล่ะคะ""หืม... ""หนูมีที่ที่นึงที่อยากจะไปค่ะ"เธอบอกเสียงร่าเริงในประโยคทิ้งท้าย ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินโดยไม่รู้คำตอบจากเขา ปล่อยเขานั่งมึน เสมือนถูก
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วยเที่ยงคืนตรงตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไปแต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืนบรื้นนนนดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนด
ร่างสูงสง่ายืนคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนานด้วยเรื่องสำคัญ หลังเวเดโน่ได้รับข่าวจากสายลับถึงแก็งค์คู่แข่งเรื่องการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดมืด แต่เป็นการเหยียบจมูกพวกเขา"ใครบอกมึง"(ไอ้เวย์) "ฮึ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้"(ถือว่าสำเร็จไปขั้นนึง แล้วไอ้พวกทรยศนี้ล่ะวะ มึงจะเอาไง) เวเดโน่ขอความเห็นในขณะเรกาโดกำลังครุ่นคิด พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ไปด้วย ก่อนจะขยี้และทิ้งลงถัง"เดี๋ยวกูเข้าไปเองดีกว่า "(ได้ งั้นกูจะนัดคนที่เหลือมารอมึง อีกนานไหมวะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้กระเตงเด็ก)"ฮึ ตลก..."ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ"รอไม่นาน เดี๋ยวกูเข้าไปเลย"แล้วตัดสายทิ้ง ยืนผ่อนคลายความเครียดอยู่อึดใจนึง จึงจะเดินขึ้นรถไป(ครับนาย) "ลูแคน ช่วยมาตามโลเคชั่นนี้ที"ทิ้งน้องสาวกำมะลอไว้ในร้าน โดยให้ลูกน้องมาสานต่อทางด้านของเอมิเลีย และ ไดอาน่า หลังวัดตัวเสร็จ ดีไซเนอร์อย่างหล่อนก็ทำการร่างโครงคร่าวๆทันที หล่อนแพลนจะตัดให้เธอหลายๆชุด มีทั้งชุดลำลองและชุดออกงาน ก่อนจะพากันเดินออกมาเพื่อตกลงราคากับเรกาโด ทว่า ไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว"หืม ไปไหนแล้วล่ะ"ในขณะเอมิเลียแอบชะเง้อคอมองหา สลับกับมองไดอาน่าที่ก
มืดสลัว นาฬิกาภายในห้องบอกเวลาสามทุ่ม เอมิเลียสลึมสลือตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสมือนฝีเท้าเคาะพื้นเป็นจังหวะรัวเร็วของผู้คนมากกว่าสิบหญิงสาวถูกปลุกขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึงซิสเตอร์และเด็กๆ จัดงานวันเกิดให้แก่เธอในห้องนอนเก่า ทุกคนแต่งชุดสวย สีสันสดใสสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน เสียงปรบมือกระทบกันเป็นจังหวะ หลายคู่ผสานพร้อมกันกับเสียงเพลงในจังหวะน้องเล็กสุดยื่นเค้กมาให้เธอพร้อมยิ้มหวาน จังหวะนั้นที่เธอกำลังจะเป่า แต่แล้ว....ตึก ตึก ตึก ตึกกลับมีเสียงดังกล่าวมารบกวนการนอนของเธอ เอมิเลียลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปแง้มหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือความยุ่งเหยิง ชวนให้เวียนหัว" อะไรกัน.."ก่อนรถทุกคันซึ่งถูกจอดเรียงไว้ จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป คันสุดท้ายคาดว่าจะเป็นของนายใหญ่เปิดประตูค้าง เรกาเดินเร็วออกมาจากตัวบ้าน เขาหยุดคุยกับบอดี้การ์ดสลับกับช้อนตาขึ้นมามองหน้าต่างห้องของเธอ โชคดีไฟไม่ได้เปิดเขาจึงมองไม่เห็นมีเธอยืนอยู่และไม่นานเสียงเคาะประตูห้องเธอก็ดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ หญิงสาวจึงเดินเร็วไปกระชากมากกว่าเปิด แต่แล้วประโยคแรกที่ได้ยินกลับต้องยืนช็อค" นายหญิง.. "" มะ มีอะไร......."" บ
ห้องแล็บขนาดเล็กของเรกาโด มือสากเคยแปดเปื้อนเลือดนั่งเช็ดกระบอกปืน เล็งลำกล้อง หลังดึงลูกกระสุนในแมกาซีนมาจนหมดเปลือก เวลาว่างของเขาแท้จริงคือสิ่งนี้ มักจะมีความสุขกับการจับของเล่นใหม่ที่มีคนครอบครองเพียงไม่กี่คน ซึ่งมาจากโฆษณาชวนเชื่อมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกทั้งหมด ทว่า หากไม่ใช้สิ่งนี้เป็นกลโกงในด้านธุรกิจ เขาคงไม่เติบโตมาถึงทุกวันนี้ อาวุธชิ้นนึงมีศักยภาพการทำลายล้างมหาศาล เทียบเท่ากับราคาที่เขานั้นจับต้องได้ การตรวจเช็คสภาพก่อนแพ็คกิ้งนั้นคือบทบาทหลักความสำคัญ.....เขาจะไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการวางแผน จะต้องแนบยลไม่ทิ้งร่องรอยหลงเหลือ และจะต้องไม่กลับมาทำให้เขาเสียหาย ผลของการกระทำต้องราบเรียบไม่ควรมีปัญหาภายหลัง ฉะนั้น การล่ามิเชลก็เช่นกัน ไม่ควรคว้าน้ำเหลวแบบนี้เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!" ถ้ารู้ว่าไร้น้ำยา ทีหลังไม่ต้องเสือก! "" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย"เรกาโดสูญสิ้นอารมณ์เช็คปืนต่อ ตั้งแต่ได้รับข่าวขัดหูของลูกน้อง การจับตัวมิเชลนั้นยากกว่าที่คิด ทว่ายังสาระแนวิ่งเข้าถ้ำเสือตามกับดักที่มันวางไว้ ถึงกับต้องสังเวยชีวิตลูกน้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปหลายคน หลงเหลือกลับมาแค่พวกมั
หกชั่วโมงเต็มกับการหลับใหล เอมิเลียหลับลึกถึงขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ร่างกายต้องล้า ภายในต้องเสียระบบ เปรียบเสมือนหุ่นกระป๋องถูกใช้งานหนักจนโลหะร้อนฉ่าก่อนเธอค่อยๆ บังคับเปลือกตาอันหนักอึ้งให้ลืมขึ้น ก่อนยันร่างบางลุกมานั่งตัวตรง กวาดมองไปรอบๆ ประมวลความทรงจำในสมองว่าตอนนี้เธออยู่ตรงจุดไหนในตัวบ้าน" เฮ้อ..."พลางผ่อนลมหายใจอย่างหนัก ต้องการพรากความล้า ดึงความเหนื่อยจากกายที่มันสะสมมานานให้หายไป หลายวันมานี้เธออึดอัดเหลือเกิน เจ็บทั้งกายทั้งใจแต่ไม่กล้าพูด แม้แต่การบ่นพึมพำให้หูตนเองฟังคนเดียวยังจะไม่กล้าทำ เธอไม่มีโอกาสแสดงความชอบธรรมด้วยซ้ำ ครั้นจะโทรหาเพื่อน หาที่ปรึกษาคงไม่มีวันนั้นหรอก ได้แต่บอกตัวเองว่าดีแล้ว ที่เขาห่างไปเสียบ้าง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เธอได้หายใจเต็มปอด" ห๊าว~"หญิงสาวบิดขี้เกียจ ปิดปากหาวก่อนจะลุกจากเตียง.....เขาต้องไว้ใจเธอประมาณไหน ถึงอนุญาตให้เข้ามาเหยียบย่ำห้องนี้ได้" กว้างกว่าห้องเราเยอะเลย"ความซนบวกความว่าง ทำหญิงสาวเดินสำรวจไปทั่วห้อง จับโน่นมองนี่ กลายเป็นสวนสนุกไปโดยปริยาย ถือว่าคั่นเวลาความเคว้งคว้างได้ดีเลยทีเดียวนอกจากความกว้าง
' อร๊ายยยย คุณครูซ 'ร่างบางเผลอพลิกหลบจนลืมป่วย หลีกเลี่ยงร่างสูงหลังไม่พูดเปล่า ถลาหน้าเข้ามาด้วย อีกนิดเดียว เพียงเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น ปลายสันจมูกโด่งก็จะแตะเนินน้องสาวของเธอแล้ว เอมิเลียใจหายว้าบ ผุดลุกนั่งตัวตรง อึ้งจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก" อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ มันไม่ดี "เธอปรามเสียงสั่น นึกไม่ถึงเขาจะกล้าลุกหนักขนาดนี้ เรกาโดแทบสำลักความขำ มองสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ มันยิ่งกว่าคนเห็นผีเสียอีก" ฮ่า ๆๆ"และเหมือนจะอัดอั้นไว้ไม่ไหว จึงปล่อยเสียงออกมาหมดเปลือก ฮาลั่นห้อง ทำหญิงสาวหน้าแดงก่ำ เธองง เหตุไฉนความรู้สึกของเธอถึงกลายเป็นเรื่องตลกของเขาไปได้" คุณเรกาโด ขำแรงไปหรือเปล่าคะ..."ก่อนเธอจะพึมพำเสียงแผ่ว พร้อมก้มหน้างุน เขาค่อยๆหยุดจนนิ่งเงียบ ชำเลืองไปยังเธออีกครั้ง" ฉันมีคำถาม อยากจะถามเธอสักอย่าง"หมดแล้วอารมณ์กระสัน เสมือนบูชายัญให้แด่เสียงหัวเราะ เปลี่ยนเป็นนอนหงายราบหนุนแขนตัวเองแทน แต่ศีรษะหมุนหันหน้าไปทางเธอ" ค่ะ... ""เธอเคยเรียนเพศศึกษาไหม"" คะ? "ด้วยความตกใจ หญิงสาวถึงกับเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ก่อนจะก้มลงไปใหม่ พลางส่ายหน้า"ไม่เคยค่ะ "" แล้วเคยได้ยินบ้างไห
นานกว่าสี่ปีที่เอมิเลียไม่ได้เหยียบมาที่นี่ เมื่อมีโอกาสแล้ว กลับไม่คุ้นเคยไปโดยปริยาย ดวงตาหวานหยดเคลือบไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง ช้อนขึ้นมองข้ามรั้วผ่านเข้าไปยังข้างใน หลังลงจากรถ ปล่อยให้คนขับหาที่จอดเอาเอง เนื่องจากแต่ก่อนแต่ไร ทางบ้านเด็กกำพร้าไม่เคยอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ หญิงสาวเดินเข้าไปก่อน ส่วนเรกาโดเดินตามเข้าไปทีหลัง ด้วยความสูงซึ่งมองแต่ไกลทำเขาและเธอแตกต่างกันลิบช่างเป็นจุดเด่นและแปลกตา เธอไม่ได้สนใจสายตาเด็กที่พากันมอง เว้นแต่สายตาของใครคนนึง ซึ่งยืนมองเธออยู่ แต่กลับหลบไป ในจังหวะที่เธอเห็น' สเปชี่' เด็กกำพร้าเหมือนกันกับเธอ ทว่าไม่ได้อ่อนหวานเช่นเธอ ใช้ดวงตาคมกริบมองมาแต่ไกลในมุมมืด แต่ไม่กล้าปรากฏตัว หล่อนเคืองแค้นหนักนับตั้งแต่รู้ที่มาของทุนเรียนต่อที่เอมิเลียได้รับ กับความเอ็นดูเหลือคณานับจากมาดามเรกาโด ทว่าไม่ถึงมายังหล่อน ยิ่งเติบโตขึ้น มีโอกาสถึงขั้นได้อยู่ร่วมตระกูล ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่คับฟ้ายิ่งแล้วใหญ่ เมื่อสเปชี่เห็นเธออีกครานี้ จึงมีแต่ความอิจฉาเต็มที่เอมิเลียเดินนำมาถึงโค้งสุดท้าย หากหลุดจากนี้ไปจึงจะเป็นห้องพักของซิสเตอร์ เธอหยุดฝีเท้า ก่อนค่อยๆหันกลับไปมองเร
เก้าโมงตรง ถือว่าสายสำหรับเอมิเลีย หากนอนห้องตัวเอง ปกติจะมีนาฬิกาปลุก ร่างบางค่อยๆยันตัวลุกจากฟูกนอน โดยใช้อุ้งมือและแขนช่วยพยุงขึ้น หน้าเบ้ยับยู่ยี่บ่งบอกถึงความเจ็บที่ยังไม่จางหายและไม่เคยพานพบมาก่อน กับอากาศเย็นยะเยือกเนื่องจากเรกาโดเปิดแอร์ทิ้งไว้ก่อนไประยะเวลาที่นานจึงทำความเย็นแทรกซอนเข้าไปในมวลกล้ามเนื้อของเธอเกือบถึงกระดูกดำ" ซี้ดดด "เอมิเลียน้ำตาคลอเบ้า ยามขยับขาหวังจะลุกไปหาน้ำกิน แล้วเกิดเจ็บแสบขึ้นมาตามรอยแยกตรงกลางกายกะทันหัน สิ่งแรกหลังร่อนลงจากเตียงมายืนได้ เธอเลิกผ้าห่มขึ้นก่อน พลางกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ เมื่อเห็นคราบเลือดพรหมจรรย์เปื้อนเต็มไปหมด ไม่อยากจะเชื่อ และเกินจะเชื่อจริงๆ" น่าสมเพชสิ้นดี "ก่อนกร่นด่าตัวเอง ปิดแอร์ และคว้าขวดน้ำขึ้นกระดกรวดเดียวหมดขวด จากนั้นจึงจะใส่เสื้อผ้าไปอาบน้ำที่ห้อง แต่แล้ว..เมื่อเตรียมจะเปิดบานประตูกึก ..." หืม..."กึก กึกกลับพบว่าประตูถูกล็อคไว้" บ้าจริง! "เธอลืมไปว่าห้องนี้คือห้องของเรกาโด คงไม่ใช่ห้องธรรมดาแน่ ถ้ามาเฟียอย่างเขาเลือกที่จะนอน ระบบไฟฟ้าล็อคทั้งนอกและในทำเธอใจหวั่น นั่นหมายถึงว่า คนนอก เข้ามาได้ คิดจะออกไปคงไม่ง
เอมิเลียร่างกระตุกเฮือกมากกว่าสองรอบ ครางเสียงหิ่งแหบกระเส่า ในขณะเขายังไม่ไปถึงไหน สร้างความล้าให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเธอยิ่งนัก ที่ทั้งเกร็งและกระเพื่อมในเวลาเดียวกัน“ พะ พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว “เรกาโดก้มลงสบดวงตาคู่สวย ซึ่งไม่เหลือเคล้าโคลงแห่งความจองหอง ตรงกันข้าม บัดนี้หรี่ลงบ่งบอกถึงความเหนื่อยใกล้หมดแรงเต็มทีใช่ เขาพาเธอลอยละล่องพิชิตขอบสวรรค์หลายรอบ“ อีกนิด ใกล้แล้ว..”“ อึก...ฉันเกลียดคุณ” เธอส่ายหน้า แทบสำลอกออกมาเป็นน้ำลาย“ งั้นหรือ...”เขาก้มลงไปเลิกคิ้ว ในขณะเอวสอบยังดึงดันไม่หยุด“ อร๊ายยย นี่! “แถมแกล้งเธอโดยการกระแทกสุดแรง ในจังหวะถาม เอมิเลียนิ่วหน้า ใช้ฝ่ามือเล็กทาบแผงหน้าท้องเขา หวังหาที่พึ่งพายามหัวสั่นคลอน ทว่า กลับเหมือนเพิ่มเชื้อความกระสันให้ตัวเอง เมื่อพบว่าสิ่งที่เธอกำลังสัมผัสนั้นมันคือมวลกล้ามเนื้อล้วนๆพระเจ้า...ถึงว่าทำไมอึดนัก ต้องออกกำลังกาย ใช้กำลังหนักมามากเท่าไหร่กันนี่“ โอวววว เอมี่ “หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองตามเสียงเรียก เผลอไม่กระพริบตาก็ตอนเรกาโดใกล้ถึงจุดสุดยอดมาก มุมนี้ของเขาช่างหล่อเหลาในสายตาเธอ คางเป็นสันกระดูกยามแหงนหน้าขึ้นซู้ดปาก ช่างเต็มไปด้วย
ความตกใจประหนึ่งเกิดภัยพิบัติ ทำเอมิเลียดิ้นพล่าน มือน้อยตะปบท่อนแขนแกร่ง ทั้งจิกทั้งข่วนและกระทืบในเวลาเดียวกัน พร้อมขึ้นเสียงสูงโวยวาย ทว่า เสมือนบั่นทอนให้เรี่ยวแรงลดลงเสียดื้อๆ" แค่กอด"เขากระซิบ ก่อนเธอจะหยุดดิ้นหมุนคอไปเถียง"ฉันจะไม่มีทางโง่เป็นครั้งที่สองหรอก ปล่อยนะ ไอ้คนกะล่อน! "ความอดทนที่อุตส่าห์นับหนึ่งถึงสิบมาตลอด ถูกบีบออกมาเน้นๆ เธอจะไม่ถือสาคนเมาเลย หากเขานั้นแค่เซมาชนหรือโงนเงนล้มทับแต่นี่.." แล้วไง? " เมาแล้วยังจะยียวนกวนประสาทอีก" คุณเรกาโด คุณมากอดฉันทำไม คุณมีสิทธิ์อะไรคะ"อีกอย่างมือข้างนึงที่รวบกอดร่างบาง มันทาบอยู่กับเต้ากลมกลึงของเธอด้วย เขาเกาะกุม จงใจใช้นิ้วเกลี่ยยอดถัด ในขณะปากยังพูด แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นบ่อเกิดความประหม่าปนกลัวให้หญิงสาวไม่น้อย เธออยากร่ำไห้ ทว่า ความโกรธในใจเหมือนจะมีเยอะกว่า เธอตั้งปฏิญาณไว้กับตัวแล้วว่า อย่างไรวันนี้จะขอสู้กับเขาสักตั้ง" ไอ้ผู้ใหญ่เฮงซวย ปล่อยฉันนะ ไอ้ยักษ์! "" โอะโอ นี่เธอโกรธฉันเหรอ"" คนบ้า ฮือๆๆ "แต่จนแล้วจนรอด คนตัวเล็กอย่างเธอหรือจะสู้ไหว เผลอๆ คนเมาเสียอีกที่ฟิวขาด มีแต่จะจับเหวี่ยงฟาดเสาร่า
หลายวันจริงอย่างที่เอมิเลียต้องการ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเจ้าของคฤหาสน์ เขาไม่มาก่อกวนหรือเรียกเธอไปรังแกตั้งแต่นั้น แม้แต่เรื่องขุ่นมัวใจ ที่บอดี้การ์ดมือซ้ายของเขาถือวิสาสะเดินไปคุยกับผู้หญิงของเขา ก็ไม่มีวี่แววจะเอาคืน ทว่าเอมิเลียหารู้ไม่ เรกาโดงานยุ่งเหยิงเสียจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเขาอยู่ในช่วงปฏิบัติการอารักขาบอสใหญ่ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ถึงวันเลือกผู้นำคนใหม่ ในองค์กรดาร์ก ซึ่งมีคู่แข่งเข้าชิงถึงสี่องค์กร เหตุผลของผู้ชนะเพียงต้องการมีดินแดนทำมาหากินไว้ฟอกธนบัติมหาศาล แน่นอน ความลำบากใจ คงไม่พ้นเรกาโด เมื่อหนึ่งในนั้นมีบิดาของเขาด้วยนิ้วใหญ่กดปากกาเหล็กเป็นจังหวะ ขณะในใจลอยไปไกลถึงแผนการลับเรกาโดขมวดคิ้วหนาเข้าหากันมาเป็นชั่วโมง หลังปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนตอนจบการประชุมมาขลุกตัวอยู่ในห้องแล็บ ความคิดยิ่งใหญ่กระหน่ำกันเข้ามากดดันเขา ถาโถมให้หนักอึ้งที่บ่า เสมือนงานนี้คือเหล็กอันมหึมามากดทับ" ฟู่ววว..." สลับกับการถอนหายใจระงม เอนร่างพิงพนัก แหงนหน้ามองเพดาน หวนนึกกลับไปยังสิบปีก่อนสมัยเขาเรียนจบใหม่ๆ' แกต้องช่วยงานฉัน'' ผมจบบริหารมาก็จริง แต่ไม่ได้จะเอามาใช้ในงานผิดกฏหมายขอ