เอมิเลียนั่งตัวตรงพร้อมรวบช้อนส้อมเข้าหากันวางกลางจานข้าวซึ่งยังเหลืออยู่เต็มจาน หลังถูกลูแคน บอดี้การ์ดฝั่งซ้ายครูซัสกึ่งบังคับพามากิน ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมองถือช้อนค้าง เขาเองก็ถูกต่อรองจากเธอ ถึงได้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนี้
"หนูอิ่ม..."
"คุณหนูยังไม่อิ่มครับ"
หญิงสาวเหลือบตามองบน ยกแขนกอดอกแน่น เริ่มหน่าย กับพฤติกรรมรู้ทันไปเสียทุกเรื่องของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปในตาสีฟ้า หวังจะสะกดจิต ทว่า...
"ทานต่อเถอะครับ คุณหนูเพิ่งทานไปสองคำเอง"
"หนูอิ่มแล้วค่ะ"
เอมิเลียย้ำ เลิกคิ้วขึ้นบ่งบอกให้รู้มันคือความจริง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างลูแคนหรือจะเชื่อ เขาวางช้อนลง ตั้งใจพูดแกมขอร้องเน้นคำ
"กว่าคุณหนูจะได้ทานมื้อเย็นอีกรู้ไหมครับมันนาน ทานให้อิ่มเสียตอนนี้เถอะครับ ผมขอร้องล่ะ " แต่เหมือนคนขอร้องอย่างเขาจะถูกอ้อนกลับมา เอมิเลียทำหน้าสลด ก้มหน้างุน
"ทำไมไม่เชื่อหนูบ้าง ก็ได้ค่ะ... ถ้ากินหมด คุณลูแคนให้รางวัลหนูหน่อยได้ไหมล่ะคะ"
"หืม... "
"หนูมีที่ที่นึงที่อยากจะไปค่ะ"
เธอบอกเสียงร่าเริงในประโยคทิ้งท้าย ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินโดยไม่รู้คำตอบจากเขา ปล่อยเขานั่งมึน เสมือนถูกชกหน้า
ในที่สุดบอดี้การ์ดหนุ่มต้องยอมจำนน แม้สถานที่ที่เธออยากมาจะฝืนใจเขาสักหน่อย นั่นเพราะมันคือสถานที่ต้องห้าม หากเจ้านายเขารู้ มีหวังเขาต้องถูกเล่นงานแน่ๆ อีกทั้งก่อนหน้า เธอจงใจมัดมือชก โดยการไม่รอคำตอบ แต่เลือกที่จะถามเองตอบเอง แล้วอย่างนี้เขาจะเลือกอะไรได้อีก
"ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าคุณท่านห้ามสินะคะ"
เสียงเธอถามทำเขาสะดุ้ง ขณะรถเคลื่อนมาจอดสนิท และคนขับมีสีหน้าที่ซังกะตายเสียจนดูออก
"คุณหนูรู้แต่เลือกที่จะทำ"
"หนูไม่บอกเขาหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง แค่อยากมาไว้อาลัยคุณป้าเรกาโด แกรนด์ เท่านั้น"
"......"
มือบางเลื่อนไปเปิดประตูเอง โดยไม่รอเขา และไม่วายจะหันมาเน้นย้ำ ทำชายหนุ่มยิ้มกริ่มที่มุมปาก
"สัญญาค่ะ จะไม่ทำให้เดือดร้อน"
เอมิเลียเดินทอดน่องฝ่าแสงแดดเข้ามาในสุสาน ไม่ห่วงเรื่องผิวจะเสีย เกิดข้อเปรียบเทียบแก่คนเดินตามไม่น้อย ก่อนหน้าซึ่งมากับเคลที่ ไม่ใช่แบบนี้ รายนั้นโวยวาย หากร่มลอยมาคลุมศีรษะหล่อนไม่ทัน
แต่เด็กชุบเลี้ยงคนนี้กลับทรุดลงนั่งบนเข่า ในขณะลูกแท้ๆไม่เคยทำ ต่างกันกลับยืนค้ำหัวคนตายไม่รู้ตาสีตาสา มิหนำซ้ำยังบ่นว่าร้อนตลอดเวลาอีก ไม่วายถูกพี่ชายตนปรามทางสายตาจนคนเห็นชินชาไปด้วย ส่วนเธอคนนี้ นอกจากจะพกช่อดอกไม้ติดตัว เลือกแต่ละดอกด้วยหัวใจวางไว้บนฐานปูนข้างรูปแล้ว เธอยังระลึกถึงพึมพำวาจาประโยคเหล่านี้ด้วย
"เอมี่มาเยี่ยมค่ะคุณป้า ขอโทษที่รู้ช้าไป สัญญาค่ะว่าจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้สบกับความเมตตาที่คุณป้ามีให้"
พร้อมฝ่ามือที่ลูบไล้บนรูปถ่ายไปมา คำพูดนุ่มนวลน่าฟังกับการกระทำที่อ่อนโยน มันทำให้คนยืนมองอย่างลูแคนใจอ่อนไหว
ใช่ เอมิเลียช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าห้าชั่วโมง กว่าเอมิเลียจะได้กลับบ้าน หลังครูซัสส่งสาสน์บอกลูกน้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนปลอดภัย แต่กว่าจะประเหลาะ ชักแม่น้ำทั้งห้าฉุดยื้อให้เอมิเลียไปไหนมาไหนต่อ ทำตามอย่างว่าง่ายได้โดยไร้ความสงสัยนั้น ลูแคนเหงื่อแตกพลั่กกันเลยทีเดียว ต่างกับคนนี้โดยสิ้นเชิง นอกจากจะทำให้ลูกน้องมือขวาเกือบเป็นโรคประสาทแล้ว อารมณ์ขี้วีนของหล่อนสร้างความเหนื่อยล้า จุกความอึดอัดถึงขั้นใกล้สำลอก
"พี่ชายฉันคงสอนพวกแกให้เป็นหุ่นยนต์ด้วยสินะ ถึงไม่มีอารมณ์สุนทรีแบบนี้ ถามอะไรก็ไม่ตอบสักอย่าง"
และเสียงนั่นก็แผดล้นออกมานอกประตู เอมิเลียสะดุ้งโหยง อยากจะหมุนเท้า เดินหนีทว่า คงไม่ทัน ในขณะร่างเธอหลุดเข้ามาแล้ว จึงทำได้แค่ชะงักและยืนนิ่งเท่านั้น
เคลที่ชำเลือบหันมามองค้อน ก่อนเหยียดปากแปรทิศทางมาเป็นเธอ
"อ้อ! ยัยนี่ก็คงจะไม่ต่างกับฉัน ว่าแต่มีสิทธิ์อะไรน่ะ ถึงได้เอาเงินพี่ฉันไปผลาญเล่น"
หล่อนเหน็บแนบ จาบจ้วงจนเอมิเลียก้มหน้างุน ใจคอเริ่มไม่ดี หายใจไม่ทั่วท้อง สำหรับเธอ คนตรงข้ามคือคนแปลกหน้าที่น่ากลัวที่สุด หากให้เดา หล่อนคงเป็นน้องสาวนายท่านของซีอาร์และคนอื่นๆสินะ
"เอ่อ.. สวัสดีค่ะ "
และเมื่อรู้ เธอไม่ควรจะยืนเมินเฉยอย่างนี้ ด้วยมารยาท จึงเงยหน้าขึ้นมาทักทายเจ้าของบ้าน ยิ้มกว้างเป็นมิตร ทว่ากลับถูกหล่อนขึงตาใส่ เลี่ยงเอมิเลียก้มหน้างุนอีกครั้งไม่ได้ คราวนี้ถึงกับสลดกว่าเดิม
"สิทธิจากนายท่านครับคุณหนู"
"ฉันไม่ได้ถามแก!"
คงมีแต่คนกล้าปกป้องอย่างลูแคนล่ะมั้ง ที่ทนยืนดูต่อไปไม่ไหว เขาจึงสอดแทรกขึ้น แต่ไม่วายถูกหล่อนตะเพิดกลับมา ทว่าลูแคนหาสะท้กสะท้านไม่ แต่กลับยืนเฉย แอบหันมายักคิ้วให้เอมิเลีย ที่ตอนนี้ห่อไหล่ เหลือบตามามองเขา
"ทำไมต้องเอามันมาอยู่ที่นี่ให้สิ้นเปลืองด้วยนะ ส่งเสียมันเรียนเหมือนที่ผ่านมาก็ได้นี่"
ก่อนสะดุ้ง ชาวาบไปทั้งตัวเพราะคำถามนี้ ที่เคลที่ตะเบ็งเสียงใส่
ท่ามกลางความเห็นอกเห็นใจจากคนใช้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทว่าช่วยอะไรเธอไม่ได้ เว้นแต่บอดี้การ์ดคนเดิม
"คุณหนูถามใครหรือครับ อ้อ คงไม่ใช่ผม"
และเหมือนเดิม เขาถูกขึงตาใส่อีกเช่นเคย จงใจขัดใจเคลที่ ทว่าโล่งใจเอมิเลีย เมื่อเธอถูกหล่อนโบกมือไล่
"จะไปไหนก็ไป ไป"
แน่นอน ร่างบางรีบปลีกตัวโดยไม่คิดชีวิต แต่ไม่วายหันไปยิ้มอ่อน แทนคำขอบคุณให้กับลูแคน บอดี้การ์ดจำเป็นของเธอ
เรกาโดเดินอาดๆเข้ามาในคฤหาสน์ หลังเคลียร์ปัญหาคาราคาซังนั้นจบ เขาวางมือจากปืนลงบนโต๊ะ ทุ่มตัวใส่เบาะนุ่มหวังผ่อนคลาย ทว่า ไม่ทันได้หายใจเต็มปอด สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้น
ร่างใหญ่ถอนหายใจพรืด ความล้าทำได้แค่ยกเอวสอบ งัดเครื่องบางขึ้นมากดรับเท่านั้น มากไปกว่านั้น เมื่อเห็นชื่อคนโทรมา กลับทำเขายิ่งหนักใจ
"ว่าไง"
(คนเป็นแฟนกันเขาทักทายกันอย่างนี้หรือคะ)
"ผมเหนื่อย"
(ฉันก็เหนื่อยค่ะ เหนื่อยใจ)
"มิเชล ผมไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับคุณ"
(แล้วต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่คะ คุณถึงจะมีอารมณ์ขึ้นมา ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายติดต่อ คุณก็ไม่เคยโทรมาก่อน)
"ฟู่ว.."
ชายหนุ่มกลั้วปากพลางลอบถอนหายใจ แต่กลับถูกหล่อนแผดเสียง
(อย่ามาถอนหายใจใส่ฉันนะคะเรกาโด)
"คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันมิเชล! "
ก่อนถูกครูซัสตะเพิดสวนกลับไปเช่นเดียวกัน เขาเปลี่ยนท่าเอนเป็นนั่งตัวตรง ข่มอารมณ์ เริ่มหัวเสีย ส่วนมิเชลสะอึก เสมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หล่อนนั้นพลาดไปแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อน
(ฟะ แฟนคุณไงคะ)
ทว่า เหมือนจะไม่ทัน เรกาโดอารมณ์ขุ่นมัวหนักไปแล้ว
"ก็แค่แฟน"
(......)
"ฟังนะมิเชล ตราบใดที่เรายังไม่แต่งงานกัน คุณยังไม่ใช่มาดามเรกาโด คุณไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงกับผม! "
ติ้ด
พลางตัดสายทิ้ง ปล่อยคนปลายสายกำโทรศัพท์แน่น ในใจจุกเสียด แทบจะกรีดร้อง ต่างกับเรกาโด นอกจากเขาไม่สนใจ ยังสไลด์โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบไปไกลห่างอีก
ก่อนเอนตัวพิงผนักโซฟาอย่างเดิม แต่แล้ว มารผจญการรีแล็กซ์ของเขาเหมือนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อมีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะอีกครา
ก็อกๆๆ
"นายครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับนาย! "
"อะไรวะ! "
สร้างความหงุดหงิดให้เขาอีกเท่าทวีคูณ
ฝั่งเกิดเหตุ เอมิเลียนั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า หลังเสื้อผ้าซึ่งซื้อมาหมาดๆเมื่อตอนกลางวันของเธอถูกตัดฉีกเป็นชิ้นๆ หลังเคลที่พบว่าแบรนด์และเฉดสีของชุดเหล่านั้น มีบางตัวเหมือนกันกับหล่อน และเพราะต้องการสั่งสอนให้เอมิเลียรู้ซึ้ง เธอกับหล่อนมันคนละชั้น การฉีกเสื้อทึ้งชุดจนแหลก มันเป็นวิธีที่ทำให้หล่อนสะใจที่สุด ทว่า คนถูกกระทำอย่างเอมิเลียปวดใจ หลังกลับมาถึงห้อง เธอลองชุด ไม่คิดว่าคนใช้คนนึงซึ่งนำของว่างมาให้เธอ จะนำเรื่องที่เห็นไปบอกเคลที่ หวังจะเอาหน้า
เอมิเลียนั่งมองการกระทำเจ้าของบ้าน ขณะหล่อนทำลายชุดใหม่ของเธอจนขาดวิ่นคามือ ฉีกแหลกออกมาเป็นชิ้นๆไม่มีเหลือเคล้าโคลงเดิม เธอไม่ได้เสียดายมัน และไม่ได้เสียใจด้วย เพียงแต่งงงวยกับการกระทำของคนตรงหน้าก็เท่านั้น อะไรกันทำให้หล่อนโมโหได้ขนาดนี้ มือบางกุมเข้าหาบีบกันแน่น ยิ่งก้มหน้าลงต่ำก็ตอนเรกาโดเดินเข้ามาห้ามทัพ
มือใหญ่จับต้นแขนน้องสาวตนเอง กระชากแรงหันไปประจันหน้า กึ่งบังคับให้หล่อนหยุดตกมัน เขาดูโมโห และที่สำคัญพาลมาถึงเธอด้วย
"เคลที่ ทำบ้าอะไร!"
แน่นอนเสียงเดือดดาลนั่น หยุดคนทั้งห้อง เอมิเลียสะดุ้งโหยงก้มหน้านิ่ง ส่วนคนถูกตะเพิดจ้องหน้าเขาอย่างถือดี
"มันบังอาจมาใส่ชุดเหมือนกับฉัน"
หล่อนชี้มาที่เธอ เรกาโดชำเลืองมองตาม พลางส่ายหน้าถอนหายใจ
"เรื่องเล็กนิดเดียว"
"เล็กหรือ ฉันรู้นะว่าพี่ซื้อชุดพวกนี้ เพราะต้องการให้มันไปร่วมงานของพี่มิเชล ใช่มั้ย.. มหาลัยรับมันแล้วนี่"
"เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พี่แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เธอไม่มีชุดดีๆใส่ พี่ก็แค่ให้คนพาเธอไปซื้อ"
"ต่างกันตรงไหนล่ะ จับมันแต่งตัวหรูๆแบบนี้ ฉันรู้ ต่อไปพี่ก็ต้องพามันออกงาน ฮึ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บอกเลย ฉันจะไม่ยอม ไม่มีทางยอมหรอก "
หล่อนเริ่มตะเบ็งเสียง เชิ่ดหน้าเถียงเขาคอเป็นเอ็น ทำเรกาโดเริ่มฟึดฟัด จ้องหน้าหล่อนไม่วางตา ก่อนจะเบือนไปหาคนกลาง ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งนิ่ง ดูไม่ออกว่าเธอยังหายใจอยู่รึเปล่า หรือกลายเป็นอิฐปูนไม่มีหัวใจไปแล้ว ชายหนุ่มชี้ไปที่เธอ โพล่งคำประกาศิตคำนึง ที่ทำเธอสะดุ้งโหยง
"พี่ไม่มีวันเอาแม่นั่นมาเทียบกับน้องโอเค้? "
"....."
"ฉะนั้นหยุดโวยวายได้แล้ว "
ซึ่งแน่นอนเริ่มทำเคลที่สงบลงได้ หล่อนค่อยๆเย็นลง จนกระทั่งยิ้มออกมาในที่สุด ถลาเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย
"จริงๆนะคะ พี่ไม่ได้โกหกนะคะ"
เรกาโดชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียง พลางลอบถอนหายใจเฮือก เขารู้คำพูดเมื่อกี้ คงกระทบใจเธอไม่น้อย แต่มันช่วยไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือก
"... อืม"
แล้วจึงหันมาตอบน้องสาวเสียงเรียบ ใช้ฝ่ามือดุนหลังหล่อน หวังให้หล่อนนั้นสงบศึก
"ไปนอนเถอะเคลที่ ทางนี้พี่จะจัดการเอง"
"แล้วเรื่องนั้นล่ะคะ งานพี่มิเชลที่มหาลัย พี่จะไม่พามันไปด้วยใช่ไหม"
ก่อนจะผ่อนลมหายใจอีกครั้ง พร้อมคิ้วขมวดบ่งบอกความหงุดหงิด
"เคลที่ นอกจากงานในองค์กร พี่ไม่เคยเอาเรื่องจุกจิกของผู้หญิงเข้ามาในหัว น้องก็รู้..."
บอกเสียงขรึม สร้างความขุ่นมัวใจให้หล่อนไม่น้อย เคลที่เลิกคิ้ว ยกมือขึ้น เป็นการยอมแพ้และยุติเหตุการณ์ทั้งหมด
"ก็ได้.... ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าให้ฉันโมโหก็ล่ะกัน"
ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โดยไม่วายเหลือบมองเอมิเลียในประโยคหลัง
"ฝากไว้ก่อนเถอะ "
ปล่อยเขากับเธอให้อยู่ด้วยกันสองคน ในขณะหญิงสาวยังคงก้มหน้านิ่ง เรกาโดเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงเก็บเศษเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้นให้ เข้าใจว่าเธอนั้นคงจะเสียใจมาก
"พรุ่งนี้ฉันจะพาไปซื้อใหม่"
ทำท่าจะหันหลังเดินออก ทว่า...
"เปลี่ยนจากพาไปซื้อเสื้อผ้า ไปส่งหนูกลับบ้านกำพร้าได้ไหมคะ..."
เรกาโดชะงัก หมุนตัวกลับมามองหน้าหญิงสาว ในขณะเธอช้อนหน้าขึ้น หยดน้ำเต็มเบ้าตา พลางขมวดคิ้ว
"พูดใหม่อีกทีซิ"
คำถามตอกย้ำความกลัว หญิงสาวปากสั่นระริก ไร้ซึ่งศักยภาพความกล้าเมื่อครู่ ถามตัวเองในใจ ทำไมใจไม่สู้นานกว่านี้อีกสักสิบวินาที ดวงตาหวานเบือนต่ำ ปากบางเฉียบเม้มเขาหากันแน่น นั้นยิ่งทำให้คนถามหงุดหงิด เขาเหนื่อยงานมาทีนึงแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
"ฟังนะสาวน้อย"
เรกาโดย่อตัวนั่งยองตรงหน้า ระดับปลายจมูกห่างกันเพียงสองเซนต์ เรียกขานนามเธอเสียงต่ำ ในขณะลมหายใจเริ่มแรงขึ้น
"อันที่จริงฉันไม่ได้อยากจะหาภาระมาใส่หัวเพิ่มหรอก เธอมาที่นี่ในฐานะเด็กของแม่ฉัน ก่อนตายหล่อนได้ขอฉันไว้ ตอนนั้นฉันรับคำเพราะต้องการให้แม่ไปสบาย ฉะนั้นอย่าสำคัญตัวผิด"
"ฮึก..."
สร้างความจุกในทรวงให้เอมิเลียไม่น้อย ร่างกายเธอชาวาบ ดวงตาสั่นระริก ระยะห่างเธอกับเขามันกดดันกันเกินไป เธอไม่กล้าแม้จะหายใจแรง
"แต่ชีวิต... "
"ชีวิตเธอไม่ได้เป็นของเธอแล้วเอมิเลีย "
"......"
"แต่มันคือ.. ของของฉัน ทางที่ดีอย่าทำให้ฉันต้องผิดคำพูดกับแม่จะดีกว่า เพราะฉันคงไม่เธอไปง่ายๆ ในฐานะผู้รู้ความลับ... "
ถ้าหากประโยคนี้ไม่ทำให้เธอขุ่นมัวใจขึ้นมา ข้างในเธอกำลังร้อน เสมือนมีใครจุดไฟเผา ทำได้แค่ตอบโต้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ทว่ากลับพลาด ในจังหวะหันหน้าหวังจะค้อนเขา
"อุ๊บ O.O"
ริมฝีปากบางเฉียบ แตะเข้ากับริมฝีปากหนา โดยที่เขาไม่คิดแม้จะหลบหนี เอมิเลียตกใจหนัก เผลอผลักเขาเต็มแรง ทว่าคนเซล้มพับกลับไม่ใช่เขา เรกาโดถึกเกินกว่าจะสะท้กสะท้านได้ หรือหงายหลังด้วยข้อมือบางเล็กเพียงคู่เดียวของเธอ
"ฮึ.."
อีกทั้งเจ็บใจหนักก็ตอนเขาใช้ลิ้นกวาดเลียริมฝีปากหนา บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นทำตัวเธอเอง ในขณะร่างบางรีบยันตัวเองลุกขึ้น จ้องเขาผ่านม่านน้ำตาไม่กระพริบ
"ฮึก... คนเห็นแก่ตัว"
สบถคำด่าลอดไรฟัน ส่วนเขาเหยียดยิ้มแค่มุมปาก
"ฉันจะเก็บคำด่าของเธอไปหาความหมายนะ และถ้ามีเวลาว่างมากไปกว่านั้น ฉันจะไปหาวิธีเลี้ยงดูเธอใหม่"
"......"
"เอาแบบไหนดีล่ะ ในฐานะน้องสาว หรือ... นางบำเรอ"
ประโยคทิ้งท้ายเขากระซิบ ทำหน้ายียวนกวนประสาท พลางลุกออกไปโดยไม่บอกลาเธอสักคำ
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วยเที่ยงคืนตรงตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไปแต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืนบรื้นนนนดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนด
ร่างสูงสง่ายืนคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนานด้วยเรื่องสำคัญ หลังเวเดโน่ได้รับข่าวจากสายลับถึงแก็งค์คู่แข่งเรื่องการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดมืด แต่เป็นการเหยียบจมูกพวกเขา"ใครบอกมึง"(ไอ้เวย์) "ฮึ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้"(ถือว่าสำเร็จไปขั้นนึง แล้วไอ้พวกทรยศนี้ล่ะวะ มึงจะเอาไง) เวเดโน่ขอความเห็นในขณะเรกาโดกำลังครุ่นคิด พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ไปด้วย ก่อนจะขยี้และทิ้งลงถัง"เดี๋ยวกูเข้าไปเองดีกว่า "(ได้ งั้นกูจะนัดคนที่เหลือมารอมึง อีกนานไหมวะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้กระเตงเด็ก)"ฮึ ตลก..."ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ"รอไม่นาน เดี๋ยวกูเข้าไปเลย"แล้วตัดสายทิ้ง ยืนผ่อนคลายความเครียดอยู่อึดใจนึง จึงจะเดินขึ้นรถไป(ครับนาย) "ลูแคน ช่วยมาตามโลเคชั่นนี้ที"ทิ้งน้องสาวกำมะลอไว้ในร้าน โดยให้ลูกน้องมาสานต่อทางด้านของเอมิเลีย และ ไดอาน่า หลังวัดตัวเสร็จ ดีไซเนอร์อย่างหล่อนก็ทำการร่างโครงคร่าวๆทันที หล่อนแพลนจะตัดให้เธอหลายๆชุด มีทั้งชุดลำลองและชุดออกงาน ก่อนจะพากันเดินออกมาเพื่อตกลงราคากับเรกาโด ทว่า ไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว"หืม ไปไหนแล้วล่ะ"ในขณะเอมิเลียแอบชะเง้อคอมองหา สลับกับมองไดอาน่าที่ก
องค์กรดาร์ก สมาคมสำหรับผู้บ้าอำนาจ ถูกแต่งตั้งด้วยรุ่นเก๋าอย่างพ่อของเรกาโด แม้จะถอนทัพไปนานแล้ว ทว่าเบื้องหลังทั้งหมดยังมีเขาอยู่ เรกาโดตื่นเช้าเพื่อเข้าประชุมตามคำบัญชาที่ส่งมาทางสมาร์ทโฟนไร้สาย หน้าขรึมบัดนี้ขรึมยิ่งกว่า เพราะต่อให้หงุดหงิดแค่ไหนกับความยุ่งเหยิงก็ต้องเก็บกักมันไว้ ก่อนศีรษะโค้งคำนับลงหลังถึง" นั่งสิ "ร่างบึกบึนที่ไม่ยอมแก่แม้หนวดเคราจะแฝงสีขาวผายมือเชื้อเชิญ แน่นอนลูกชายถอดแบบจากเขาไม่มีผิด เขาไม่นั่ง" ผมมา เพื่อจะฟังเรื่องสำคัญของท่านเท่านั้น คิดว่าคงไม่นาน "ใครเล่าจะนั่งสนทนากับคนที่ขึ้นชื่อทำให้แม่เขาตายลง เรกาโด วิส เม้มปากแน่น คำรามฮึมฮัมในลำคอ เดินฟึดฟัดไปหยุดข้างหน้าต่าง เขาหันหลังให้ ส่วนลูกชายยืนยืดอกนิ่ง สูทที่สวมใส่ของทั้งคู่ คงความเป็นผู้ดีบ่งบอกถึงการไว้หน้า ไม่ทำตัวกร่างต่อหน้าลูกน้องได้ดีเลยทีเดียว" แกพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน ได้สืบหัวนอนปลายเท้าหล่อนรึยัง "แน่นอนครูซัสพ่นลมหายใจพรืด เดาไม่เคยผิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้" เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด โตมาจากที่นั่น จะต้องสืบอะไรอีก "" ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่หล่อนตายแล้วนี่ "" แค่ผู้หญิงคนเด
ปากหนาเป็นกระจับ แดงระเรื่อเผยอขึ้นพ่นควันบุหรี่ ในขณะสายตาคมกริบกำลังมองภาพเคลื่อนไหวผ่านชิปสอดแนม ซึ่งแอบติดไปกับเสื้อลูแคน หลังแสร้งทำเป็นตบบ่าฝากฝังให้ไปส่งน้องสาวกำมะลอ จริงๆแล้ว เจตนาของเขานั้นแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร ไม่นึกว่าจะมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ และถ้าชิปเก่านั้นไม่ขัดข้องเพราะไม่ค่อยได้ใช้งานนานเสียก่อน คงจะได้ยินเสียงด้วย ภาพตรงหน้าจึงถูกฉายให้เห็นเพียงเอมิเลียโผเข้าโอบหลังบอดี้การ์ดของเขาตุบ!ครูซัสเตะถังขยะไปไกลห่าง หลังทิ้งก้นบุหรี่ลง จนมันล้มเทระเนระนาด ก่อนจะลุกเต็มความสูงเดินไปใส่เสื้อ เก็บกักอารมณ์หงุดหงิดนั้นไว้ เพื่อไปประชุมให้ทันใช่ เพราะไอ้เวย์คนเดียว ทำให้เขาชวดจากการไปส่งเธอ!ในห้องประชุมของดาร์ก บรรยากาศแสงสลัว แอร์เย็นฉ่ำ มีเพียงไฟจากสปอร์ตไลท์เท่านั้นที่ชี้ไปทางกระดานขาว เรกาโดนั่งเงียบในขณะเพื่อนๆกำลังเฮฮาสนั่นห้อง ก่อนหนังสือเล่มหนึ่งจะลอยมาโดนศีรษะ แน่นอนเมื่อรู้ทิศทางของคนปามา เขาจึงปากลับ สร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนที่เหลือไม่น้อย“ เฮ้ พวกไม่เอาน่า แค่ลูกหย่านมแค่นี้ ถึงกับเศร้าเลยหรือวะ"“ ฮ่าๆๆ "พวกเขารู้ เอมิเลียออกจากบ้านของครูซัส
เอมิเลียเดินมาหยุดกลางห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมเมื่อสี่ปีก่อน ตลอดทางเดินที่มาเธอเก็บความมึนงงในนาทีแรกที่เจอลูแคนไว้ จนถึงจุดหมาย หญิงสาวปล่อยมือออกจากที่จับกระเป๋า ย้ายไปนั่งปลายเตียงแทน ทบทวนเหตุการณ์ พยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำลูแคนเย็นชาแบบนั้นได้ ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก การกระทำของเขาเหล่านั้นสวนทางกับจิตใจ จนทำให้เธอมองออกแต่แล้ว.... ในขณะเธอนั่งครุ่นคิด ไม่นานภวังค์ของเธอก็หลุด ถูกทำลายโดยสาวใช้อายุรุนราวคราวเดียวกับเธอ เอมิเลียขมวดคิ้วในจังหวะหล่อนเดินมาถึงและคำนับให้" สวัสดีค่ะคุณหนู ดิฉันซากี มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับแต่นี้ค่ะ "" เอ๋ ?? ..แล้วพี่ซีอาร์ล่ะคะ ไปไหน? "เธอเอียงคอถาม ในขณะซากีก้มหน้างุน สคริปของหล่อนไม่มีคำพูดนอกเหนือจากนี้ หล่อนถูกสั่งให้มารายงานตัวและจัดเก็บกระเป๋าให้คุณหนูเพียงอย่างเดียว" เอ่อ..."" ออกไปให้พ้นซะซากี ""ค่ะ "ระหว่างอ้ำอึ้ง สาวใช้กลับต้องกระวีกระวาดรีบคำนับรนรานเพราะเสียงดังของใครคนนึงครูซัสถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต จงใจจะห้ามไม่ให้หล่อนนั้นปากโพล่ง แต่นั่นยิ่งทำเอมิเลียสงสัยเข้าไปใหญ่ เธอเหยียดเท้าลงจากเตียงเหยียบพื้น ยืนเต็มความสูง แต่ไ
ร่างสูงปราดเปรียว คอไร้เครื่องประดับ ทว่าระหงสวยจนใครต้องเหลียวหลังมอง สีชุดของเธอฉูดฉาดขับผิวให้เด่น แต่กระนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เธอจะต้องมาเดิน ตาหวานกวาดหาสัญลักษณ์ห้องน้ำ เธอหวังจะไปสงบสติอารมณ์เท่านั้น แต่แล้ว ข้อมือเรียวกลับถูกใครบางคนฉุดไว้ ดึงหันตัวไปมอง ในจังหวะร่างบางถึงมุมอับ คนยืนประชันหน้าคือ ..มิเชล" เย้ว! "" อ๊ะ.."หล่อนยืนมองเธอตั้งแต่หน้าผับแล้ว มองตามหลังกรายๆ เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็พอจะรู้ว่าเธอสวย และคนสวยมักจะถูกเรกาโดเลือกจนกระทั่งเข้ามาในงาน ยืนมองโต๊ะวีไอพีที่เด่นที่สุดในมุมมืด รอจังหวะเอมิเลียผละออกมา และก็สมหวัง ตาสีฟ้ามองเข้ามาในตาลึก หลังทักทายเสียงแหบห้าว และด้วยส่วนสูงที่เท่ากัน ทำหล่อนจิกได้ง่าย ในขณะเอมิเลียงง เธอชะงักชะงัน" เอาล่ะแม่สาวน้อย บอกฉันมา เธอชื่ออะไร "ขบฟันถาม เส้นเลือดขึ้นลำคอ" คุณเป็นใคร "" เรากำลังจะได้รู้จักกันอยู่นี่ไง "" ฉัน เอมิเลีย "" อืม เอมิเลีย ฉัน ..มิเชล "จริงๆ แล้ว คนที่รู้จักมิเชลฝ่ายเดียวคือเอมิเลีย เธอเคยเห็นหล่อนเมื่อสี่ปีก่อน ตรงหน้ารั้วคฤหาสน์ ซึ่งกำลังทะเลาะกับเรกาโดอย่างบ้าคลั่ง และท้ายที่สุดก็จบลงตรงการนอนด้วยกัน"
เอมิเลียยืนค้าง เธอหมดคำจะเอื้อนเอ่ย แผ่นหลังเนียนพิงฝาผนังบ่งบอกถึงความหมดแรง มีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ และอ่อนหัด เขาทำแผลเสร็จก็เก็บของเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีช่วงนึงหลังวางสายจากซันดรูและปล่อยเธอทิ้ง ไม่พูดไม่จาทำเหมือนห้องนี้ไม่มีคนอยู่ จนกระทั่งหลุดเข้าไปล้างมือในห้องน้ำแล้วเดินกลับ จึงจะค่อยสนใจใหม่ เธอไม่รู้ ในสมองเขามีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่อง"มานั่งนี่สิ มาใกล้ๆ ฉัน" เขาตบเบาะข้างกายหลังขึ้นไปนั่งบนฟูกหนัง หญิงสาวยังคงลังเลจนเขาต้องดึงสติซ้ำ" เอมิเลีย ได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันมีบางเรื่องจะตกลงกับเธอ"นั่นจึงผลักให้เธอยอมเดิน ทั้งที่ใจประหม่าแทบแย่ เธอค่อยๆ ก้าว ขึ้นไปนั่งข้างเขาเชื่องช้า และด้วยความสูงที่ต่างกัน เท้าเธอจึงลอย เรกาโดถอนหายใจเฮือก เอี่ยวตัวจากการเก็บของ หันกลับมามองเธอ" ยังเสียใจอยู่หรือเปล่า "" คะ? ""......." เขาเงียบ ปล่อยให้เธอนึกเอง" อ้อ นิดหน่อยค่ะ "เอมิเลียพยักหน้า สีหน้าประหม่าและกดดันเต็มที ภาวนาให้เรื่องที่เขาถามคือเรื่องเดียวกับที่เธอตอบ ทว่า ไม่ ไม่ใช่มันคนละเรื่อง เขาหมายถึงการตายของซีอาร์ ส่วนเธอเข้าใจว่า เรื่องที่เกิดคือเหตุการณ์ชุลม
ตึกสูงระฟ้า ข้างในเป็นองค์กรทั้งเผยและลับ ดำมืดในการตลาดค้าอาวุธสงคราม ทั้งถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมาย บางชนิดขึ้นทะเบียน บางชนิดสั่งทำพิเศษมีหนึ่งเดียวในโลก แต่นั่นคงเป็นเรื่องโกหก โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น หากทุกชิ้นที่ผลิต เจ้าของธุรกิจต้องมีไว้ครอบครองด้วยเรกาโด ครูซัสลงมายืนตระหง่านจากรถดำคันแกร่ง กันกระสุนเข้าอย่างทรงประสิทธิภาพ ใช้มือหนาทึ้งชายเสื้อจัดแจงสูทให้เข้าที่พร้อมพ่นลมหายใจ วันนี้แหละคือวันที่เขาจะทำให้เรื่องนี้รู้ดำรู้แดง และจบให้สวยที่สุด" ไง ท่านบิ๊กครูซ"เสียงแหบแห้งดังจากมุมห้อง ก่อนรถเข็นซึ่งมีชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบนั่งอยู่ตรงหน้าเขา และค่อยๆหันกลับมา เรกาโดหยุดชะงักฝีเท้าโค้งคำนับ" อรุณสวัสดิ์ครับ"เขาคือราชาขององค์กรอีกคนหนึ่ง ที่มีอำนาจมากพอจะหนุนหลังแก็งอัลฟาได้ แม้ขาแข้งจะพิการ เพราะถูกกระสุนเจาะกระดูกข้อเข่าสมัยทำสงครามตอนยังเป็นหนุ่ม ทว่า สังขารนี้หาได้เป็นอุปสรรคต่อเขาไม่ 'โดโรธี ทอน' บุคคลที่น่ากลัวพอๆ กันกับศัตรู ยากจะหยั่งรู้ความคิด นั่งมือผสาน ช้อนตามองคนหนุ่มกว่า คราวรุ่นลูกและรักเสมือนลูก" เรียกผมมาวันนี้ มีเรื่องสำคัญงั้นหรือ"" ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่นั
มืดสลัว นาฬิกาภายในห้องบอกเวลาสามทุ่ม เอมิเลียสลึมสลือตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสมือนฝีเท้าเคาะพื้นเป็นจังหวะรัวเร็วของผู้คนมากกว่าสิบหญิงสาวถูกปลุกขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึงซิสเตอร์และเด็กๆ จัดงานวันเกิดให้แก่เธอในห้องนอนเก่า ทุกคนแต่งชุดสวย สีสันสดใสสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน เสียงปรบมือกระทบกันเป็นจังหวะ หลายคู่ผสานพร้อมกันกับเสียงเพลงในจังหวะน้องเล็กสุดยื่นเค้กมาให้เธอพร้อมยิ้มหวาน จังหวะนั้นที่เธอกำลังจะเป่า แต่แล้ว....ตึก ตึก ตึก ตึกกลับมีเสียงดังกล่าวมารบกวนการนอนของเธอ เอมิเลียลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปแง้มหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือความยุ่งเหยิง ชวนให้เวียนหัว" อะไรกัน.."ก่อนรถทุกคันซึ่งถูกจอดเรียงไว้ จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป คันสุดท้ายคาดว่าจะเป็นของนายใหญ่เปิดประตูค้าง เรกาเดินเร็วออกมาจากตัวบ้าน เขาหยุดคุยกับบอดี้การ์ดสลับกับช้อนตาขึ้นมามองหน้าต่างห้องของเธอ โชคดีไฟไม่ได้เปิดเขาจึงมองไม่เห็นมีเธอยืนอยู่และไม่นานเสียงเคาะประตูห้องเธอก็ดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ หญิงสาวจึงเดินเร็วไปกระชากมากกว่าเปิด แต่แล้วประโยคแรกที่ได้ยินกลับต้องยืนช็อค" นายหญิง.. "" มะ มีอะไร......."" บ
ห้องแล็บขนาดเล็กของเรกาโด มือสากเคยแปดเปื้อนเลือดนั่งเช็ดกระบอกปืน เล็งลำกล้อง หลังดึงลูกกระสุนในแมกาซีนมาจนหมดเปลือก เวลาว่างของเขาแท้จริงคือสิ่งนี้ มักจะมีความสุขกับการจับของเล่นใหม่ที่มีคนครอบครองเพียงไม่กี่คน ซึ่งมาจากโฆษณาชวนเชื่อมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกทั้งหมด ทว่า หากไม่ใช้สิ่งนี้เป็นกลโกงในด้านธุรกิจ เขาคงไม่เติบโตมาถึงทุกวันนี้ อาวุธชิ้นนึงมีศักยภาพการทำลายล้างมหาศาล เทียบเท่ากับราคาที่เขานั้นจับต้องได้ การตรวจเช็คสภาพก่อนแพ็คกิ้งนั้นคือบทบาทหลักความสำคัญ.....เขาจะไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการวางแผน จะต้องแนบยลไม่ทิ้งร่องรอยหลงเหลือ และจะต้องไม่กลับมาทำให้เขาเสียหาย ผลของการกระทำต้องราบเรียบไม่ควรมีปัญหาภายหลัง ฉะนั้น การล่ามิเชลก็เช่นกัน ไม่ควรคว้าน้ำเหลวแบบนี้เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!" ถ้ารู้ว่าไร้น้ำยา ทีหลังไม่ต้องเสือก! "" พวกผมผิดไปแล้วครับนาย"เรกาโดสูญสิ้นอารมณ์เช็คปืนต่อ ตั้งแต่ได้รับข่าวขัดหูของลูกน้อง การจับตัวมิเชลนั้นยากกว่าที่คิด ทว่ายังสาระแนวิ่งเข้าถ้ำเสือตามกับดักที่มันวางไว้ ถึงกับต้องสังเวยชีวิตลูกน้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปหลายคน หลงเหลือกลับมาแค่พวกมั
หกชั่วโมงเต็มกับการหลับใหล เอมิเลียหลับลึกถึงขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ร่างกายต้องล้า ภายในต้องเสียระบบ เปรียบเสมือนหุ่นกระป๋องถูกใช้งานหนักจนโลหะร้อนฉ่าก่อนเธอค่อยๆ บังคับเปลือกตาอันหนักอึ้งให้ลืมขึ้น ก่อนยันร่างบางลุกมานั่งตัวตรง กวาดมองไปรอบๆ ประมวลความทรงจำในสมองว่าตอนนี้เธออยู่ตรงจุดไหนในตัวบ้าน" เฮ้อ..."พลางผ่อนลมหายใจอย่างหนัก ต้องการพรากความล้า ดึงความเหนื่อยจากกายที่มันสะสมมานานให้หายไป หลายวันมานี้เธออึดอัดเหลือเกิน เจ็บทั้งกายทั้งใจแต่ไม่กล้าพูด แม้แต่การบ่นพึมพำให้หูตนเองฟังคนเดียวยังจะไม่กล้าทำ เธอไม่มีโอกาสแสดงความชอบธรรมด้วยซ้ำ ครั้นจะโทรหาเพื่อน หาที่ปรึกษาคงไม่มีวันนั้นหรอก ได้แต่บอกตัวเองว่าดีแล้ว ที่เขาห่างไปเสียบ้าง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เธอได้หายใจเต็มปอด" ห๊าว~"หญิงสาวบิดขี้เกียจ ปิดปากหาวก่อนจะลุกจากเตียง.....เขาต้องไว้ใจเธอประมาณไหน ถึงอนุญาตให้เข้ามาเหยียบย่ำห้องนี้ได้" กว้างกว่าห้องเราเยอะเลย"ความซนบวกความว่าง ทำหญิงสาวเดินสำรวจไปทั่วห้อง จับโน่นมองนี่ กลายเป็นสวนสนุกไปโดยปริยาย ถือว่าคั่นเวลาความเคว้งคว้างได้ดีเลยทีเดียวนอกจากความกว้าง
' อร๊ายยยย คุณครูซ 'ร่างบางเผลอพลิกหลบจนลืมป่วย หลีกเลี่ยงร่างสูงหลังไม่พูดเปล่า ถลาหน้าเข้ามาด้วย อีกนิดเดียว เพียงเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น ปลายสันจมูกโด่งก็จะแตะเนินน้องสาวของเธอแล้ว เอมิเลียใจหายว้าบ ผุดลุกนั่งตัวตรง อึ้งจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก" อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ มันไม่ดี "เธอปรามเสียงสั่น นึกไม่ถึงเขาจะกล้าลุกหนักขนาดนี้ เรกาโดแทบสำลักความขำ มองสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ มันยิ่งกว่าคนเห็นผีเสียอีก" ฮ่า ๆๆ"และเหมือนจะอัดอั้นไว้ไม่ไหว จึงปล่อยเสียงออกมาหมดเปลือก ฮาลั่นห้อง ทำหญิงสาวหน้าแดงก่ำ เธองง เหตุไฉนความรู้สึกของเธอถึงกลายเป็นเรื่องตลกของเขาไปได้" คุณเรกาโด ขำแรงไปหรือเปล่าคะ..."ก่อนเธอจะพึมพำเสียงแผ่ว พร้อมก้มหน้างุน เขาค่อยๆหยุดจนนิ่งเงียบ ชำเลืองไปยังเธออีกครั้ง" ฉันมีคำถาม อยากจะถามเธอสักอย่าง"หมดแล้วอารมณ์กระสัน เสมือนบูชายัญให้แด่เสียงหัวเราะ เปลี่ยนเป็นนอนหงายราบหนุนแขนตัวเองแทน แต่ศีรษะหมุนหันหน้าไปทางเธอ" ค่ะ... ""เธอเคยเรียนเพศศึกษาไหม"" คะ? "ด้วยความตกใจ หญิงสาวถึงกับเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ก่อนจะก้มลงไปใหม่ พลางส่ายหน้า"ไม่เคยค่ะ "" แล้วเคยได้ยินบ้างไห
นานกว่าสี่ปีที่เอมิเลียไม่ได้เหยียบมาที่นี่ เมื่อมีโอกาสแล้ว กลับไม่คุ้นเคยไปโดยปริยาย ดวงตาหวานหยดเคลือบไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง ช้อนขึ้นมองข้ามรั้วผ่านเข้าไปยังข้างใน หลังลงจากรถ ปล่อยให้คนขับหาที่จอดเอาเอง เนื่องจากแต่ก่อนแต่ไร ทางบ้านเด็กกำพร้าไม่เคยอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ หญิงสาวเดินเข้าไปก่อน ส่วนเรกาโดเดินตามเข้าไปทีหลัง ด้วยความสูงซึ่งมองแต่ไกลทำเขาและเธอแตกต่างกันลิบช่างเป็นจุดเด่นและแปลกตา เธอไม่ได้สนใจสายตาเด็กที่พากันมอง เว้นแต่สายตาของใครคนนึง ซึ่งยืนมองเธออยู่ แต่กลับหลบไป ในจังหวะที่เธอเห็น' สเปชี่' เด็กกำพร้าเหมือนกันกับเธอ ทว่าไม่ได้อ่อนหวานเช่นเธอ ใช้ดวงตาคมกริบมองมาแต่ไกลในมุมมืด แต่ไม่กล้าปรากฏตัว หล่อนเคืองแค้นหนักนับตั้งแต่รู้ที่มาของทุนเรียนต่อที่เอมิเลียได้รับ กับความเอ็นดูเหลือคณานับจากมาดามเรกาโด ทว่าไม่ถึงมายังหล่อน ยิ่งเติบโตขึ้น มีโอกาสถึงขั้นได้อยู่ร่วมตระกูล ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่คับฟ้ายิ่งแล้วใหญ่ เมื่อสเปชี่เห็นเธออีกครานี้ จึงมีแต่ความอิจฉาเต็มที่เอมิเลียเดินนำมาถึงโค้งสุดท้าย หากหลุดจากนี้ไปจึงจะเป็นห้องพักของซิสเตอร์ เธอหยุดฝีเท้า ก่อนค่อยๆหันกลับไปมองเร
เก้าโมงตรง ถือว่าสายสำหรับเอมิเลีย หากนอนห้องตัวเอง ปกติจะมีนาฬิกาปลุก ร่างบางค่อยๆยันตัวลุกจากฟูกนอน โดยใช้อุ้งมือและแขนช่วยพยุงขึ้น หน้าเบ้ยับยู่ยี่บ่งบอกถึงความเจ็บที่ยังไม่จางหายและไม่เคยพานพบมาก่อน กับอากาศเย็นยะเยือกเนื่องจากเรกาโดเปิดแอร์ทิ้งไว้ก่อนไประยะเวลาที่นานจึงทำความเย็นแทรกซอนเข้าไปในมวลกล้ามเนื้อของเธอเกือบถึงกระดูกดำ" ซี้ดดด "เอมิเลียน้ำตาคลอเบ้า ยามขยับขาหวังจะลุกไปหาน้ำกิน แล้วเกิดเจ็บแสบขึ้นมาตามรอยแยกตรงกลางกายกะทันหัน สิ่งแรกหลังร่อนลงจากเตียงมายืนได้ เธอเลิกผ้าห่มขึ้นก่อน พลางกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ เมื่อเห็นคราบเลือดพรหมจรรย์เปื้อนเต็มไปหมด ไม่อยากจะเชื่อ และเกินจะเชื่อจริงๆ" น่าสมเพชสิ้นดี "ก่อนกร่นด่าตัวเอง ปิดแอร์ และคว้าขวดน้ำขึ้นกระดกรวดเดียวหมดขวด จากนั้นจึงจะใส่เสื้อผ้าไปอาบน้ำที่ห้อง แต่แล้ว..เมื่อเตรียมจะเปิดบานประตูกึก ..." หืม..."กึก กึกกลับพบว่าประตูถูกล็อคไว้" บ้าจริง! "เธอลืมไปว่าห้องนี้คือห้องของเรกาโด คงไม่ใช่ห้องธรรมดาแน่ ถ้ามาเฟียอย่างเขาเลือกที่จะนอน ระบบไฟฟ้าล็อคทั้งนอกและในทำเธอใจหวั่น นั่นหมายถึงว่า คนนอก เข้ามาได้ คิดจะออกไปคงไม่ง
เอมิเลียร่างกระตุกเฮือกมากกว่าสองรอบ ครางเสียงหิ่งแหบกระเส่า ในขณะเขายังไม่ไปถึงไหน สร้างความล้าให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเธอยิ่งนัก ที่ทั้งเกร็งและกระเพื่อมในเวลาเดียวกัน“ พะ พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว “เรกาโดก้มลงสบดวงตาคู่สวย ซึ่งไม่เหลือเคล้าโคลงแห่งความจองหอง ตรงกันข้าม บัดนี้หรี่ลงบ่งบอกถึงความเหนื่อยใกล้หมดแรงเต็มทีใช่ เขาพาเธอลอยละล่องพิชิตขอบสวรรค์หลายรอบ“ อีกนิด ใกล้แล้ว..”“ อึก...ฉันเกลียดคุณ” เธอส่ายหน้า แทบสำลอกออกมาเป็นน้ำลาย“ งั้นหรือ...”เขาก้มลงไปเลิกคิ้ว ในขณะเอวสอบยังดึงดันไม่หยุด“ อร๊ายยย นี่! “แถมแกล้งเธอโดยการกระแทกสุดแรง ในจังหวะถาม เอมิเลียนิ่วหน้า ใช้ฝ่ามือเล็กทาบแผงหน้าท้องเขา หวังหาที่พึ่งพายามหัวสั่นคลอน ทว่า กลับเหมือนเพิ่มเชื้อความกระสันให้ตัวเอง เมื่อพบว่าสิ่งที่เธอกำลังสัมผัสนั้นมันคือมวลกล้ามเนื้อล้วนๆพระเจ้า...ถึงว่าทำไมอึดนัก ต้องออกกำลังกาย ใช้กำลังหนักมามากเท่าไหร่กันนี่“ โอวววว เอมี่ “หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองตามเสียงเรียก เผลอไม่กระพริบตาก็ตอนเรกาโดใกล้ถึงจุดสุดยอดมาก มุมนี้ของเขาช่างหล่อเหลาในสายตาเธอ คางเป็นสันกระดูกยามแหงนหน้าขึ้นซู้ดปาก ช่างเต็มไปด้วย
ความตกใจประหนึ่งเกิดภัยพิบัติ ทำเอมิเลียดิ้นพล่าน มือน้อยตะปบท่อนแขนแกร่ง ทั้งจิกทั้งข่วนและกระทืบในเวลาเดียวกัน พร้อมขึ้นเสียงสูงโวยวาย ทว่า เสมือนบั่นทอนให้เรี่ยวแรงลดลงเสียดื้อๆ" แค่กอด"เขากระซิบ ก่อนเธอจะหยุดดิ้นหมุนคอไปเถียง"ฉันจะไม่มีทางโง่เป็นครั้งที่สองหรอก ปล่อยนะ ไอ้คนกะล่อน! "ความอดทนที่อุตส่าห์นับหนึ่งถึงสิบมาตลอด ถูกบีบออกมาเน้นๆ เธอจะไม่ถือสาคนเมาเลย หากเขานั้นแค่เซมาชนหรือโงนเงนล้มทับแต่นี่.." แล้วไง? " เมาแล้วยังจะยียวนกวนประสาทอีก" คุณเรกาโด คุณมากอดฉันทำไม คุณมีสิทธิ์อะไรคะ"อีกอย่างมือข้างนึงที่รวบกอดร่างบาง มันทาบอยู่กับเต้ากลมกลึงของเธอด้วย เขาเกาะกุม จงใจใช้นิ้วเกลี่ยยอดถัด ในขณะปากยังพูด แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นบ่อเกิดความประหม่าปนกลัวให้หญิงสาวไม่น้อย เธออยากร่ำไห้ ทว่า ความโกรธในใจเหมือนจะมีเยอะกว่า เธอตั้งปฏิญาณไว้กับตัวแล้วว่า อย่างไรวันนี้จะขอสู้กับเขาสักตั้ง" ไอ้ผู้ใหญ่เฮงซวย ปล่อยฉันนะ ไอ้ยักษ์! "" โอะโอ นี่เธอโกรธฉันเหรอ"" คนบ้า ฮือๆๆ "แต่จนแล้วจนรอด คนตัวเล็กอย่างเธอหรือจะสู้ไหว เผลอๆ คนเมาเสียอีกที่ฟิวขาด มีแต่จะจับเหวี่ยงฟาดเสาร่า
หลายวันจริงอย่างที่เอมิเลียต้องการ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเจ้าของคฤหาสน์ เขาไม่มาก่อกวนหรือเรียกเธอไปรังแกตั้งแต่นั้น แม้แต่เรื่องขุ่นมัวใจ ที่บอดี้การ์ดมือซ้ายของเขาถือวิสาสะเดินไปคุยกับผู้หญิงของเขา ก็ไม่มีวี่แววจะเอาคืน ทว่าเอมิเลียหารู้ไม่ เรกาโดงานยุ่งเหยิงเสียจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเขาอยู่ในช่วงปฏิบัติการอารักขาบอสใหญ่ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ถึงวันเลือกผู้นำคนใหม่ ในองค์กรดาร์ก ซึ่งมีคู่แข่งเข้าชิงถึงสี่องค์กร เหตุผลของผู้ชนะเพียงต้องการมีดินแดนทำมาหากินไว้ฟอกธนบัติมหาศาล แน่นอน ความลำบากใจ คงไม่พ้นเรกาโด เมื่อหนึ่งในนั้นมีบิดาของเขาด้วยนิ้วใหญ่กดปากกาเหล็กเป็นจังหวะ ขณะในใจลอยไปไกลถึงแผนการลับเรกาโดขมวดคิ้วหนาเข้าหากันมาเป็นชั่วโมง หลังปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนตอนจบการประชุมมาขลุกตัวอยู่ในห้องแล็บ ความคิดยิ่งใหญ่กระหน่ำกันเข้ามากดดันเขา ถาโถมให้หนักอึ้งที่บ่า เสมือนงานนี้คือเหล็กอันมหึมามากดทับ" ฟู่ววว..." สลับกับการถอนหายใจระงม เอนร่างพิงพนัก แหงนหน้ามองเพดาน หวนนึกกลับไปยังสิบปีก่อนสมัยเขาเรียนจบใหม่ๆ' แกต้องช่วยงานฉัน'' ผมจบบริหารมาก็จริง แต่ไม่ได้จะเอามาใช้ในงานผิดกฏหมายขอ