หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”
เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้
“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”
“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”
“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”
“จริงเหรอคะ”
“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”
“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริงจ้ะจะดีกว่ามั้ยคะ”
“เออใช่..แง๊... ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ใครจะคอยสอนพี่ล่ะ พี่ถึงจะไม่หลุดไอ้คำแบบนั้นอ่ะ ทำไงดี”
ท่าทางงอแงของนิตรวีถึงกับทำให้น้ำตาลหัวเราะก๊าก เพราะไอ้ที่กำลังแสดงกิริยาอยู่นี้ก็ไม่ได้น่าดูเลยสักนิด อีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำตลอด 3 เดือนที่กลับมาเมืองไทยนอกเหนือจากเป็นดีไซด์เนอร์ชุดเจ้าสาวให้กับ “นิตรวีเวดดิ้ง” ก็คือ การคอยย้ำเตือนถึงกิริยาที่กุลสตรีที่ดีพึงกระทำให้กับพี่หนูนิดหรือนายนิตรวี ชื่อตามบัตรประชาชนที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาว่าช่างเข้ากับตัวตนที่แท้จริงของเธอเสียจริงร
หนึ่งสาวแท้กับอีกหนึ่งสาวเทียมที่ต่างหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนานทำให้คนที่จ้องมองมาจากร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามเหมือนจะไม่พอใจอะไรขึ้นมาดื้อๆ ก็เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่านักศึกษาชายกลุ่มใหญ่ที่เดินจากไปนั้นแสดงท่าทีเหมือนพอใจเจ้าของร่างเล็กที่ยืนเย็บชุดแต่งงานอยู่ในตู้โชว์นั่น
เรือนร่างเล็กๆ นั้นรับกับใบหน้าจิ้มลิ้มล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยทิ้งตัวยาวสยาย แม้นักศึกษาชายเหล่านั้นจะเป็นรุ่นน้องของเธอ ทว่าคำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” น่าจะใช้ได้ดี แต่เธอนี่ซิกลับไม่รู้จักวางตัว แต่กลับโบกมือตอบรับนักศึกษาหนุ่มๆ เหล่านั้นหน้าระรื่นโดยไม่ได้คิดถึงนิ้วน้อยๆ ที่ถูกเข็มตำนั่นเลยสักนิด
ดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยแว่นตาสีดำทันสมัยเหมือนจะกรุ่นไปด้วยอารมณ์บางอย่างก่อนจะถอนหายใจออกมา แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้นิ้วมือจึงยกขึ้นให้สัญญาณบริกรในร้าน เด็กหนุ่มที่รอพร้อมให้เขาเรียกได้ทุกเมื่อจึงรีบตรงไปยังลูกค้ากิตติมศักดิ์ในทันที เพราะหน้าที่ของเขาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ก็คือ ทำตามความต้องการของลูกค้าสุดหล่อนี้ทุกอย่าง
โต๊ะอาหารที่ถูกจองยกโซนตั้งแต่เวลาห้างเปิดยันห้างปิดในอัตราค่าเช่าแพงเว่อ ทำให้เขาได้รับคำสั่งให้ดูแลคุณลูกค้าเป็นอย่างดีที่สุด และหน้าที่ที่ผ่านมาตลอดสัปดาห์ของเขาก็มีเพียง ติดตาม หาข้อมูล ใครก็ได้ที่คุณลูกค้าต้องการและโดยเฉพาะมักจะเป็นคนที่เดินผ่านหน้าร้านหรือไม่ก็เข้าไปในเวดดิ้งฝั่งตรงกันข้ามทั้งสิ้น และครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
ฝีเท้าที่กำลังก้าวออกจากประตูห้างสรรพสินค้าต้องชะงักเพราะความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นอีกแล้วในรอบวันที่ผ่านมานี้ ใบหน้าหันขวับตามสัญชาตญาณก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้กับพนักงานเปิดประตูที่มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เพราะเธอจะเดินก็ไม่เดินแต่กลับยืนขวางลูกค้ารายอื่นที่กำลังทยอยกันเดินออกเพราะเป็นเวลาใกล้ห้างจะปิด น้ำตาลค้อมศีรษะให้กับทั้งลูกค้าที่มาใช้บริการของห้างและทั้งพี่ยามสุดหล่อที่เธอสร้างวีรกรรมเปิ่นๆ เข้าให้อีกแล้ว ก่อนจะรีบเดินจี๋ไปที่รถยนต์ที่จอดนิ่งสนิทตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเกือบเวลาห้างปิดของวันนี้
“แกเป็นอะไรของแกไอ้น้ำตาล เพี้ยนไปแล้วหรือไง ถ้าแกไม่เพี้ยน.. งานนี้ก็ผีหลอกล่ะวะ บรื้อออออ..”
น้ำตาลหันซ้ายหันขวาเมื่อนึกถึงสิ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรสักอย่างติดตามเธอตลอดทั้งช่วงวันที่ผ่านมา และไม่ใช่แค่วันนี้แต่มันเป็นหลายวันแล้วต่างหาก ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน จะไปที่ร้าน หรือจะออกเดินทางไปไหนมาไหน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ไอ้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ถ้าเป็นคนจริงก็น่าจะได้เห็นอะไรหรือใครที่ผิดสังเกตบ้าง แต่นี่..ไม่เลย และถ้าไม่ใช่คนมันจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่.. ผี! คิดได้อย่างนั้นคนกลัวผีขึ้นสมองก็รีบบึ่งรถออกไปโดยเร็ว ตามองตรงไปข้างหน้าไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองกระจกด้านข้างหรือกระจกมองหลังเลยสักนิดเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะได้เห็นอะไรๆ ที่ไม่พึงปรารถนานั้นผ่านเข้ามาในโลกทัศน์
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส