เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย
.
.
“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”
น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด
“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”
“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”
ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ
“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้ำตาล บอกมา”
ฮาน่าที่ทำท่าทางขึงขังเรียกรอยยิ้มได้จากคนหน้าอมทุกข์ในทันที
“ไม่ใช่อะไรอย่างน้าน.. โธ่! แม่คุณ กำลังท้องกำลังไส้ เดี๋ยวลูกก็ได้เล็ดออกมาพอดี”
เสียงอ่อนเสียงหวานของน้ำตาลกับคำเปรียบเปรยทำให้ฮาน่ายิ้มออกมาอย่างทะเล้นๆ ก่อนสีหน้าจะกระตุบวาบด้วยความเจ็บปนเสียวของตัวเองที่เจ้าตัวน้อยในท้องออกฤทธิ์อีกแล้ว
“โธ่! ลูกจ๋า แม่แค่ล้อคุณอาเล่นเท่านั้น อะไรกันยังไม่ได้มาเป็นคุณป้าเลยก็หวงแทนเสียแล้ว หึหึหึ..”
คำพูดแซวของฮาน่าไม่ได้ทำให้สีหน้าหมองๆ นั้นดีขึ้นเลย คนที่เคยร่างบางแต่กลับกลายเป็นร่างอุ้ยอ้ายเพราะน้ำหนักที่เพิ่มมากกว่า 10 กิโลกรัมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้เข้ามาสวมกอดเพื่อนรักพร้อมกับน้ำเสียงที่เริ่มอ่อนลงเพราะรู้แล้วว่าน้ำตาลนั้นกังวลใจมากมายเพียงใด
“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ ฮึ! น้ำตาลเป็นอะไร ใครทำ..”
เรื่องราวที่น้ำตาลรู้สึกเหมือนจะโดนใครหรืออะไรบางอย่างติดตามอยู่ตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ถูกถ่ายทอดให้ฮาน่ารับรู้ ซึ่งทำให้เธออยู่ในช่วงหวาดระแวงอย่างสุดๆ กลางคืนก็นอนไม่เต็มอิ่มกลางวันก็หลับไม่เต็มตื่น
“แล้วจะทำไงต่อ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อน้องสาวแสนซนเล่าจบ อารัทธาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวมาทันได้ยินบทสนทนานั้นด้วยเช่นกัน
“ทำไงล่ะคะพี่เอ พี่เอช่วยน้ำตาลด้วยสิ น้ำตาลรู้สึกจะกลายเป็นโรควิตกจริตไปแล้วนะ มันต้องมีใครตามน้ำตาลแน่ๆ น้ำตาลแน่ใจ ไอ้โรคจิต!”
“แคร๊ก..”
อารัทธาสำลักน้ำส้มที่กำลังดื่มทำให้ฮาน่ามองมาอย่างแปลกใจแต่แล้วก็หันไปสนใจกับสิ่งที่น้ำตาลเล่าต่อ
“ถ้าน้ำตาลรู้ว่ามันเป็นใครนะ น้ำตาลจะแจ้งความจับมันเข้าคุกให้เข็ดไปเลย แล้วน้ำตาลนะจะเอามันใส่ไปในห้องกระจกที่มันมองคนข้างนอกไม่เห็นแต่เราเห็นมัน จะเอาไปตั้งกลางห้างให้คนเขาดูกันเป็นของแปลกไปเลย ว่าไอ้คนโรคจิตมันหน้าตาเป็นยังไง ดูซิ! มันจะบ้าเหมือนที่น้ำตาลเป็นมั้ย”
คนหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยออกมาอย่างแค้นๆ แต่คนฟังเหมือนจะยิ่งขำมากขึ้นแต่ก็ไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมาเพราะสายตาพิฆาตหวานๆ นั้นส่งมาเหมือนจะบอกเป็นกลายๆ ว่ามีเรื่องที่ต้องเคลียกัน
“เอาน่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลย เดี๋ยวคืนนี้ก็พาลนอนไม่หลับไปอีก พรุ่งนี้พี่ว่างไม่ได้เข้าออฟฟิศเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนเองที่ร้านนะ และจะลองเดินสำรวจดูทั่วๆ ด้วย บางทีอาจจะเจอชายหนุ่มที่มาแอบดูน้ำตาลก็ได้นะ แล้วพี่จะพิจารณาเองว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน โอมั้ย..”
“ค่ะ.. แล้วพี่เอรู้ได้ไงคะ ว่าเป็นผู้ชาย”
“เอ่อ.. ก็เราบอกพี่เองว่าไอ้โรคจิต ก็ต้องเป็นผู้ชายดิ จริงมั้ย จริงมั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
เสียงทุ้มตอบก่อนจะหันไปออดอ้อนฮาน่าให้สนับสนุน
“คงงั้นมั้งคะ พี่เอของน้ำตาลน่ะรู้ไปหมดอยู่แล้ว เดี๋ยวจะดูซิ ว่าพรุ่งนี้จะได้เรื่องมั้ย ถ้าไม่ก็อด..”
คำสุดท้ายที่เป็นเพียงเสียงกระซิบทำให้อารัทธาถึงกับทำสีหน้าหวาดๆ ก่อนจะเข้าไปกอดร่างอวบอิ่มนั้นอย่างแสนรักและก็อดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่แก้มอิ่มอวบนั้นอีกหลายๆ ครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว
น้ำตาลมองภาพความรักระหว่างพี่ชายและเพื่อนรักที่กลายมาเป็นพี่สะใภ้ได้กว่า 4 เดือนแล้วนับตั้งแต่ทั้งสองแต่งงานกัน และก็เป็น 4 เดือนแล้วที่เธอจากมา โดยที่ไม่เคยได้รับข่าวคราวจากคนทางนั้นเลยสักนิด ดวงตากลมโตมีแววหมองเจือปนก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นแจ่มใสดังเดิม เมื่อเห็นว่าดวงตาคมเข้มที่เจือไปด้วยความห่วงใยนั้นมองสบมาเช่นกัน
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส