“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้”
“เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ”
ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น
.
.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“กาแฟดำ เข้มได้มากเท่าที่นายต้องการ”
เจ้าของห้องตวัดสายตามองแขกในยามวิกาลที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มีอยู่ในเมืองไทยนี้ ถ้าไม่นับน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาที่ย้ายตามสามีของเธอมาอยู่ที่เมืองไทยได้กว่า 4 เดือนแล้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางเหมือนอิสตรีอย่างไม่ทุกข์ร้อนที่จะเห็นเพื่อนรักไม่พอใจที่รู้ว่าเขามาที่นี่
กาแฟคั่วบดชั้นดีส่งกลิ่นหอมกรุ่นตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้อารมณ์เดือดๆ ของเขาเย็นลงได้เลย เพราะคนที่เป็นสาเหตุก็ยังคงนั่งยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนเช่นเคย จนทำให้อารัทธาอดไม่ได้ที่ต้องเป็นฝ่ายโพล่งคำถามออกมาก่อน
“นายมาที่นี่ทำไมฟีรอส ขอแค่เหตุผลเท่านั้น ถ้ามันดีพอฉันก็จะไป”
“เอริท.. นายต้องการรู้แค่นั้นจริงเหรอ ฉันคิดว่านายจะมาถามฉันเสียอีกว่าสะกดรอยตามน้ำตาลทำไม”
“ถ้าเหตุผลของนายดีพอ ฉันก็คงไม่ต้องถามคำถามนั้น”
ดวงตาที่จ้องสบไม่หลบกันและกันอย่างจะประเมินมองถึงความเชื่อใจในกันและกันว่ายังมีอยู่หรือไม่ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะชี้คฟีรอสเป็นฝ่ายที่จะเอ่ยตอบคำถามนั้นเสียก่อน
“ฉันมาตามหาของที่หายไป”
“ของที่หาย.. อะไร”
“หัวใจของฉัน ชัดเจนมั้ย และพอจะเป็นเหตุผลที่ฟังดูดีมีน้ำหนักได้มั้ยล่ะ”
“ก็โอ.. แล้วนายเจอหรือยังล่ะ และหวังว่าหัวใจนายคงไม่ไปหล่นบ่อยๆ แถวๆ ร้านนายนิตรวีนะ”
“และถ้าจะตอบว่าใช่ล่ะ นายจะทำไม”
“ก็ไม่ว่าไง แค่นึกสงสัยรสนิยมของนายเท่านั้น ที่ท้ายที่สุดแล้ว ชี้คฟีรอสก็เป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันจริงๆ”
“ไอ้บ้า! เอริท.. นายมันบ้า!”
ชี้คฟีรอสร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าอารัทธาจะคิดว่าเขาชอบนิตรวีเจ้าของร้านสาวเทียมนั่น เพราะถึงแม้ว่าหล่อนจะสวยหยาดฟ้าแต่หล่อนก็ยังมีคำนำหน้านามเป็น “มิสเตอร์” เหมือนกับเขา แค่คิดขนกายก็เหมือนจะพร้อมใจลุกตั้งชันทั้งตัว
“บ้าที่ไหน ใครกันแน่ที่บ้า ทำตัวเหมือนเป็นโรคจิตไปด้อมๆ มองๆ ตามติดสะกดรอยตามคนอื่นเสียจนเขาไม่เป็นอันทำงาน ไม่เป็นอันกินอันนอน นายคิดว่ามันน่าสนุกงั้นเรอะ น้ำตาลน่ะจะเป็นโรคประสาทอยู่แล้วก็เพราะนาย”
“ขนาดนั้นเชียวรึ”
ใบหน้าหล่อสำนึกผิดเพราะไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนั้นเพราะเขาก็แค่อยากเห็นว่าเธอเป็นอยู่อย่างไร ไปไหน ทำอะไรหรือพบเจอกับใครบ้างก็เท่านั้น
“ก็เออน่ะซิ แล้วนายไม่มีวิธีที่มันดีกว่านี้รึไง ประเภทเข้าตามตรอกออกตามประตูนายทำเป็นมั้ย ไม่ใช่มาทำซุ่มทำแอบอย่างนี้”
“หึหึหึ..”
“มีอะไรหน้าขำ ฟีรอส”
“คนไทยเขาเรียกว่า กรรมตามสนอง ไม่เสียแรงที่เรียนภาษาไทยมาตั้งนาน ถ้าฉันพูดได้อย่างนี้รับรองต้องรู้อย่างแตกฉานแล้วแน่ๆ กรรมตามสนองไม่รู้จักรึไงเอริท มันแปลว่า ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับอย่างนั้น”
“ไม่เข้าใจว่ะ นายหมายความว่าอะไรกันแน่ฟีรอส”
“ก็น้ำตาลน่ะเป็นน้องสาวของนายใช่มั้ย”
รอยยิ้มยั่วเย้าปรากฏเมื่อเห็นว่าอารัทธาพยักหน้ารับอย่างงงๆ
“ก็ใช่ไง.. และฮาน่าก็เป็นน้องสาวของเรา นายทำอะไรไว้กับฮาน่า ตอนนี้น้องสาวนายกำลังจะได้รับสิ่งนั้นตอบแทนแล้ว”
“เฮ้ย! ฟีรอส นายมันบ้าแล้ว ใครสอนภาษาไทยแบบนี้ให้นาย บอกฉันซิ! ฉันจะไปเผาบ้านมันทิ้ง กรรมตามสนองนั่นมันใช้สำหรับคนที่ทำสิ่งไม่ดีแล้วได้รับกรรมชั่วตอบแทน แต่นี่ฉันรักฮาน่าด้วยใจจริง แล้วนายจะมาแก้แค้นอะไรฉัน โอ้ย! ฝรั่งงงไปหมดแล้ว”
“หึหึหึ.. ไม่ต้องไปเผาบ้านเขาหรอกเพราะเขาสอนถูกแล้ว เพราะน้ำตาลก็กำลังจะได้รับ ..ความรักแท้.. จากใจของฉันเช่นเดียวกัน นายรักฮาน่าแค่ไหน ฉันก็จะรักน้ำตาลให้ได้เท่านั้น เชื่อใจฉันเอริท”
อารัทธาเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินคำรักนั้นจากปากของชี้คฟีรอส ศีรษะส่ายไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน น้ำตาลไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัดเหมือนฮาน่าที่จะสะดุดสายตาผู้ชาย และยิ่งเป็นผู้ชายอย่างชี้คฟีรอสยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ที่คนที่เพียบพร้อมอย่างท่านชี้คแห่งอารันดาจะถูกใจน้ำตาล ถึงขนาดติดตามมาถึงที่เมืองไทยนี่ดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส