มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือน
ความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ
“น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”
เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น
“อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”
เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องสอยเก็บอีกครั้ง
“นี่! น้ำตาล แล้วข้อเสนอของเพื่อนน่ะน้ำตาลคิดยังไง รับไว้หรือเปล่า”
“ก็.. น้ำตาลก็ต้องขอคิดดูก่อนค่ะ ไปไกลบ้านน้ำตาลก็อดคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ได้”
“อ้าว! ก็ไหนบอกว่าพี่ชายเราเขาจะไปอยู่ที่นั่นด้วยไง”
“ก็คงจะต้องอีก 3-4 เดือนค่ะ พี่เอน่ะเขาต้องทำเรื่องย้าย เรื่องเอกสารหลายอย่าง เพราะพี่เขาคงจะไปตั้งรกรากที่นั่นจริงๆ กว่าจะไปก็คงจะทันไอ้ตัวน้อยออกมาพอดีน่ะค่ะ”
ปากพูดแต่ตาและมือก็ยังคงทำหน้าที่ไม่หยุด
“แล้วสรุปเราน่ะตัดสินใจยังไง พี่อ่ะไม่อยากให้เราไปหรอกนะ ขาดน้ำตาลไปคนร้านพี่ยุ่งแน่”
“แหม.. พี่หนูนิดก็ พี่ก็ให้ค่าจ้างแพงๆ หน่อยซิคะ เดือนละห้าหมื่นใครจะเอา”
น้ำตาลพูดในอารมณ์ล้อเลียนเพราะค่าจ้างที่นิตรวีให้เธอนั้นถือว่าแพงกว่าที่อื่นมาก และยังกล้าให้เด็กที่เพิ่งมีประสบการณ์แค่ปีเดียวอย่างเธอมากถึงขนาดนี้
“โห! หล่อน ช่างกล้านะยะ กล้าพูดมาก ลองใครมันรู้ซิว่าฉันให้ห้าหมื่นไม่รวม 10% จากยอดขายมีหวังได้แจ้นมาเป็นโหลแน่ ฉันน่ะไม่อยากแย่งงานคนอื่น แค่นี้ฉันก็รวยจะตายแล้ว กลัวตายแล้วไม่ต้องใช้ฟืน”
คำพูดลากยาวใส่จริตจนทำให้แยกแยะระหว่างสาวเทียมกับสาวแท้ได้อย่างง่าย ก่อนจะเงียบลงเพราะเห็นสายตางงๆ ของน้ำตาลที่มองตรงมา
“ก็เงินมันเยอะจนต้องเอาแทนฟืนสำหรับเผาไงย่ะ แหม.. ทำเป็นไม่เข้าใจ แม่พวกคนรวย คนอะร๊ายทำงานแค่สามเดือนมีเงินเก็บเป็นแสน เชอะ! รวยแล้วก็ทิ้งกัน”
“หึหึหึ.. พี่หนูนิดนี่ เดี๋ยวน้ำตาลก็เปลี่ยนใจไม่เอาชี้คหล่อๆ มาฝากเสียเลย ปล่อยให้เหี่ยวอยู่อย่างนี้แหล่ะ”
“No No No.. จะออกงานฉันไม่ว่า แต่สัญญาห้ามลืม โดยเฉพาะท่านชี้คสุดหล่อคนนั้น โอย.. อกหนูนิดจะแตก คนอะไรไม่รู้ หล่อระเบิดระเบ้อ หล่อไม่บันยะบันยัง หล่อไม่แบ่งปันเพื่อนฝูง โอว.. ใครได้ไปเป็นสามีโชคดีตาย อู้ยยยย...”
น้ำตาลหัวเราะขำกับท่าทางและเสียงที่เป็นเอามากของนิตรวีที่มักจะหลุดท่าทางกุลสตรีที่เจ้าตัวพยายามทำให้เหมือนมากลายเป็นนางแมวสาวอยากขย้ำเหยื่อในทุกครั้งที่พูดถึงชี้คสุดหล่อนั่น “ชี้คฟีรอส” เจ้าของนามที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อจริง เขาหล่อมาก ถ้ามาอยู่เมืองไทยสงสัยจะได้เป็นพระเอกหนังแน่ๆ คนหล่อที่สร้างความตื่นเต้นให้กับหัวใจทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ได้ขอรับ ชี้คคา”
เสียงทุ้มล้อเลียนในวันวานเหมือนยังก้องอยู่ในความรู้สึก แผงอกแกร่งที่เธอพิงอิงซบบวกกับกลิ่นน้ำหอมหลังโกนนวดอ่อนๆ ที่โชยมา ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแม้จะไม่รวมหน้าตาที่หล่อมากๆ นั้นก็ทำให้เขามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามได้อย่างล้นเหลือ ซึ่งไม่น่าแปลกที่มักจะเห็นข่าวต่างประเทศประโคมข่าวเรื่องคู่ควงของชี้คหนุ่มหล่อนี้เสมอๆ คงมีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่ยังคิดถึงดวงตาสีทองคู่นั้นยามทอดสายตาที่เธอคิดไปเองว่ามันเป็น “แววอาลัย” ที่เขาส่งมา มีแต่เธอเท่านั้นที่ยังละเมอเพ้อหาเขาอยู่ในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ แต่เขาล่ะ..ป่านนี้แม่นางแบบเวเนฯ คนล่าสุดจะควงไปกี่งานต่อกี่งานแล้วก็ไม่รู้
“น้ำตาล น้ำตาล!”
“ว้าย! โอ๊ะ!”
น้ำตาลสะดุ้งตกใจกับเสียงเรียกและความรู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายนิ้ว
“ตายแล้ว! น้ำตาล พี่ขอโทษ พี่ก็เห็นเราใจลอย ขอโทษจริงๆ ขอโทษจริงๆ”
นิตรวีหันรีหันขวางก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูใกล้มือขึ้นมาซับเลือดที่ซึมออกมาเพราะรอยเข็มตำที่ปลายนิ้วของน้ำตาล
“พี่หนูนิดไม่เป็นไรค่ะ นิดเดียว ไกลหัวใจน้ำตาลเยอะ”
“จ้า..แม่คนเก่ง ที่ว่าไกลเยอะน่ะ เพราะหัวใจอยู่ที่อารันดาหรือเปล่า ฮะ!”
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ชะงักไปทำให้นิตรวีถึงกับหน้าเหวอ ก่อนจะหันไปสนใจกับเสียงเรียกจากด้านนอกร้าน
“พี่หนูนิดคร๊าบ พี่หนูนิด พี่หนูนิดคร๊าบ..”
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
“ท่านธาธีขอรับ ดอกไม้งามแห่งสุเมตราพร้อมรอสำหรับท่านชี้คฟีรอสและท่านองครักษ์ทุกๆ ท่านแล้วนะขอรับ แต่น่าเสียดายที่กระผมเตรียมดอกไม้ไว้ถึง 5 นางด้วยกัน ท่านมากันแค่ 4 อีกนางหนึ่งนั้นหากจะขอให้ท่านชี้คฟีรอสรับไว้ด้วยนั้นจะได้หรือไม่ เพราะไม่ดังนั้นอีกนางก็จะต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่รับใช้” “เอ่อ.. เห็นทีจะรับไว้ไม่ได้ทั้ง 5 นางนะขอรับ เพราะท่านชี้คเป็นหวัดอย่างนี้ ดีไม่ดีทั้ง 5 นางจะติดกันเสียทั้งหมด ถึงตอนนั้นอาจจะกลายเป็นว่าเราต้องมารับมือกับไข้หวัดอีกทาง กระผมและท่านชี้คคงต้องน้อมรับด้วยใจแทนขอรับ” ธาธีค้อมศีรษะให้ท่านผู้เฒ่าผู้นำเผ่าด้วยความสุภาพ ทว่าดวงตาคมกลับมีแววกรุ่นโกรธอะไรบางอย่างก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาองครักษ์ทุกนายที่นั่งประจำการอยู่ที่นั่นไม่เว้นแม้แต่ท่านชี้คฟีรอสที่เพียงแค่ปรายตามองมาเท่านั้น.. ก๊อก ก๊อก ก๊อก.. ดวงตาคมเข้มแนบดูที่ตาแมวก่อนจะเปิดออกให้ผู้ที่มาใหม่เข้ามา เจ้าของห้องเดินตรงไปที่เคาร์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันมามองผู้มาใหม่เป็นเชิงถาม คนมาใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ “กา
“นายอยู่ที่ไหน.. จริงเร้อ.. ไม่ใช่มาทำเป็นคนโรคจิตแถวๆ นี้นะ.. ถ้าอยากให้เชื่อก็จะเชื่อแต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าน้องสาวเราน่ะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะหวาดผวาว่าคนโรคจิตจ้องจะทำร้าย”“พี่ชายว่ายังไงคะ”ในทันทีที่เขาวางสายคนที่นั่งจ้องเขาโทรศัพท์ตาแป๋วอยู่นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม“อยู่สุเมตรากำลังร่วมงานเปิดศูนย์การศึกษาแห่งใหม่”“อ้าว! งั้นที่เราสงสัยก็ไม่ใช่ซิคะ อย่างนี้แล้วใครกันล่ะที่ไปซุ่มดูน้ำตาลหรือว่าจะเป็นคนโรคจิตจริงๆ เอริทคะ.. เอริท!”สามีที่เหมือนจะอยู่ในภวังค์ความคิดโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอเอ่ย ทำให้ฮาน่าต้องเรียกซ้ำอย่างงงๆ ในกิริยาที่เขาเป็นก่อนดวงตาหวานที่มากมายไปด้วยความรักนั้นจะส่งผ่านความห่วงใยไปให้“ครับ.. ผมไม่เป็นอะไร แค่นึกสงสัยบางอย่างเท่านั้น”“อะไรล่ะคะที่สงสัย แล้วเกี่ยวกับพี่ชายหรือเปล่า”“ไม่หรอก.. เดี๋ยวผมไปข้างนอกหน่อยนะ คุณแม่ยังสาวยังสวยต้องรีบนอนนะครับเดี๋ยวพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้คุณลูกโมโหเอาได้ แล้วคุณพ่อสุดหล่อก็ไม่อยากเจอเหวี่ยงด้วย”คำพูดหยอกเย้าก่อนที่คนร่างสูงจะก้มลงมาหอมแก้มนวลที่เริ่มซับสีระเรื่อเสียฟอดใหญ่ เพราะไอ้อาการเหวี่ยงที่เขาบอกนั้นคงไม่พ้นเร
เงาดำวูบวาบเหมือนจะหลบลี้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลจะสตาร์ทขึ้นและตรงไปในทิศทางที่รถญี่ปุ่นคันเก๋ของเธอทะยานแล่นไปทันที แต่ยังไม่วายที่ดวงตาคมเข้มทรงอำนาจจะชำเลืองมองป้ายชี้บอกทางตรงไปยังศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นไปตามคำที่บริกรหนุ่มนั้นบอกทุกประการ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเก๋เมื่อนึกถึงคนร่างเล็กที่ทำท่าทางเปิ่นๆ หวาดผวานั้น ก็เพราะความเปิ่นนี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่..เมืองไทย..“น้ำตาล..เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากภาพสเกตตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับคนที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกางแขนจนสุดกว้างรอรับคนตรงหน้าเข้ามาสวมกอด“ฮาน่า.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพี่เอล่ะ”“อืม.. มาได้สักพักแล้ว และก็นานพอที่จะเห็นใครไม่รู้นั่งเหม่อถึง.. เอริทเอาของเก็บในครัวแหน่ะ”ฮาน่าคลายอ้อมกอดก่อนจะพูดหยอกเย้าเพราะคิดว่าน้ำตาลคงกำลังนั่งคิดถึงคนไกลๆ ของเธออยู่แน่ๆ“บ้าน่า! ฉันจะไปคิดถึงใครได้ แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”“หือ! ใครทำอะไรให้น้ำตาลไม่สบายใจ เดี๋ยวจะให้พี่เอไปจัดการให้ ไหน..ที่ไหนบอกมาเลยน้
หนุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าร้านพร้อมตะโกนเข้าไปทักทายเมื่อเห็นว่านิตรวีและพี่สาวคนสวยกำลังยืนจัดหุ่นใส่ชุดเจ้าสาวอยู่ที่ตู้โชว์ด้านหน้า โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนั้น ทั้งเขินทั้งอายและอยากแซวเข้าไปใหญ่ นิตรวีแจกยิ้มให้หนุ่มๆ อย่างไม่นึกหวงเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็เพราะชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มนี้จึงนับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี“พี่น้ำตาลคร๊าบ กลับบ้านดีๆ นะครับ ระวังอย่าทำหัวใจผมร่วง”เสียงแซวพร้อมเพื่อนหัวเราะขำทำให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทักทายก่อนจะยกมือบ๊ายบายตอบเมื่อหนุ่มๆ บ๊ายบายส่งมาให้“โถ.. ถ้าน้ำตาลไม่อยู่ หนุ่มๆ พวกนี้จะโฉบมาให้พี่ได้ดื่มกินทางสายตาบ้างมั้ยน้า.. มีหวังไม่เดินเฉียดมาอีกแน่”“หึหึหึ.. พี่หนูนิดก็ ตลกอีกและ ก็หาแฟนซิคะ จะได้ไม่เหงา”“รู้ได้ไงยะหล่อน นั่นแหล่ะตัวเหงาเลยแหล่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรือเหงาก็อาจทนได้ แต่พอเคยชินกับอยู่สองคนขึ้นมาล่ะก็ ห่างกันหน่อยเหงาตายเลย”“จริงเหรอคะ”“จริงเด้.. ไม่เชื่อเหรอ”“เปลี่ยนจากจริงเด้ มาเป็นจริง
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือนความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ “น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น “อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องส