บทที่ 4
จอมโจรเด็ดบุปผา
คล้อยหลังจากที่ท่านหมอเดินจากไป บรรยากาศหน้าห้องของเย่ปิงปิงพลันร้อนระอุด้วยความเคร่งเครียด จ้าวเว่ยผู้เป็นพี่สาวของมารดาเย่ปิงปิงมองมาทางองค์รัชทายาท และเย่ม่านด้วยความไม่พอใจ ในสายตาฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลไป๋มีความเคลือบแคลงใจฉายชัด
นางเป็นถึงฮูหยินตราตั้งและยังมีศักดิ์เป็นท่านป้า ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของเย่ปิงปิงจึงมิใคร่พอใจที่ว่าที่คู่หมั้นของหลานสาวกระทำการที่เป็นการหยามหมิ่นเช่นนี้
“เชิญองค์รัชทายาทเสด็จไปคุยที่ห้องรับรองดีกว่าเพคะ เรายังมีเรื่องที่ต้องเจรจากันอีกมากมายนัก”
“อืม”
กงหนิงหลงเดินตามไปที่ห้องรับรองของเรือนเสวี่ย หัวคิ้วทั้งสองขมวดมุ่นจนแทบเป็นปมเพราะปัญหาครานี้เกรงว่าเขาอาจจะต้องเสียเย่ปิงปิงไป ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ปรารถนา
หลังจากที่ทุกคนนั่งกันที่เก้าอี้ไม้เรียบร้อยแล้ว จ้าวเว่ยก็ไม่รอช้าที่จะพูดเรื่องที่สำคัญทันที
“วันนี้ข้าได้รับจดหมายจากปิงเอ๋อร์ให้มาหานางที่จวน แต่ในตอนที่ข้าเดินผ่านศาลากลับพบว่าองค์รัชทายาทกับเย่ม่านกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่เกรงสายตาผู้ใดเลย นี่ยังดีที่เป็นข้าที่มาเห็นเองกับตา หากเป็นปิงเอ๋อร์ของข้า นางคงปวดใจมากที่ว่าที่คู่หมั้นกับน้องสาวกระทำการลับหลังนางเช่นนี้”
“จริงหรือม่านเอ๋อร์”
ลู่เมิ่งหันขวับมามองบุตรสาวด้วยความตกใจ เหตุใดบุตรสาวของนางถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ หากจะหว่านเสน่ห์องค์รัชทายาทก็อย่าให้ผู้ใดจับได้สิ!
“มันเป็นอุบัติเหตุเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกกำลังจะล้ม องค์รัชทายาทเลยช่วยลูกไว้เจ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว ข้าเพียงช่วยประคองคุณหนูรองเท่านั้น ไป๋ฮูหยินอย่าได้พูดเรื่องนี้อีกเลย มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
กงหนิงหลงยังคงยืนกรานตามเดิม
“แต่ที่หม่อมฉันเห็นไม่ใช่เช่นนั้นนะเพคะ ในเมื่อพระองค์ล่วงเกินเย่ม่านแล้ว พระองค์ก็ควรจะรับผิดชอบนางนะเพคะ”
“หมายความว่าอย่างไร”
กงหนิงหลงตวัดสายตามองมาด้วยความไม่พอใจ
“เปลี่ยนตัวคู่หมั้นจากปิงเอ๋อร์ของข้าเป็นคุณหนูรองเย่ม่านแทนอย่างไรเล่าเพคะ”
คำกล่าวของจ้าวเว่ยทำให้ทั้งห้องพลันเงียบสงัดด้วยความตกตะลึง
“ไม่!! ข้าจะแต่งกับคุณหนูใหญ่เย่เท่านั้น”
กงหนิงหลงแผดเสียงตวาดกร้าวขึ้นมาทันใด เขาไม่มีวันยอมให้เปลี่ยนตัวคู่หมั้นเพียงเพราะเรื่องในวันนี้หรอก
“รอให้หม่อมฉันถวายฎีกายื่นเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบก็ได้เพคะ”
“นี่เจ้ากล้าขู่ข้าเช่นนั้นหรือ”
เขากัดฟันกรอดมองจ้าวเว่ยด้วยสายตาขุ่น อยากจะฉีกทึ้งร่างกายของนางให้แหลกสลาย หากอยู่ในสนามรบเขาคงคว้าดาบมาฟันปากพล่อย ๆ ของจ้าวเว่ยไปแล้ว
“ไป๋ฮูหยินโปรดอย่าก้าวก่าย ข้ารู้ดีว่าท่านเป็นห่วงปิงเอ๋อร์ แต่เรื่องในวันนี้จวนตระกูลเย่จะเป็นคนตัดสินใจเอง”
ลู่เมิ่งออกหน้าขึ้นมาทันที นางเองก็ไม่พอใจที่เรื่องในตระกูลมีคนอื่นเข้ามาสอด ถึงอย่างไรนางก็เป็นนายหญิงของจวน
“ข้าเองก็ไม่ได้อยากยุ่ง หากไม่ใช่เพราะข้ามาเห็นเองกับตา เอาเถอะในเมื่อเย่ฮูหยินเอ่ยเช่นนี้ คงต้องรอให้ท่านแม่ทัพเย่เป็นคนตัดสินเรื่องราวในวันนี้เองแล้วล่ะ”
“ดีเจ้าค่ะ”
เรื่องในวันนี้จึงจบลงที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป ส่วนการตัดสินใจนั้นต้องรอให้เย่ตงจื่อกลับมาจากสนามรบเสียก่อนว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
เย่ปิงปิงลืมตาตื่นขึ้นมาในยามห้าย (21.00 – 22.59 น.) ภายในห้องมีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนเท่านั้น นางกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีเงาดำอยู่ที่ปลายเตียง จมูกโด่งสวยยังได้กลิ่นเลือดโชยออกมาด้วย
“นั่นใคร!!”
เงียบ...ไม่มีเสียงใดดังลอดออกมา มีเพียงเสียงสวบสาบที่ดังขึ้นจากการขยับตัวของเงาดำ เมื่อมองดูแล้วเงาดำนั้นคงจะเป็นบุรุษเพราะร่างกายสูงใหญ่กำยำ
เย่ปิงปิงเริ่มหวาดกลัวในหัวใจ
“คะ อุ๊บ!!”
เย่ปิงปิงกำลังร้องให้คนช่วย แต่เงาดำสายนั้นกลับตรงเข้ามาปิดปากนาง ฝ่ามือของเขานั้นหยาบกระด้างนัก กลิ่นอายของบุรุษเพศและกลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วโพรงจมูกของเย่ปิงปิง
“ชู่! ขออภัยเจ้าด้วย ข้าขอหลบภัยเพียงชั่วครู่แล้วจะรีบจากไปทันที”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วเบา เสียงของเขาฟังแล้วช่างอ่อนแรงยิ่งนัก
“อ่อยอ้าอะ”
“หากเจ้าสัญญาว่าจะไม่ตะโกนให้คนเข้ามาในห้องนี้ ข้าก็จะปล่อยเจ้า”
เย่ปิงปิงกลอกตามองบนกับการกระทำของบุรุษปริศนาตรงหน้า นางมีทางเลือกอื่นด้วยหรือ? เย่ปิงปิงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ด้วยความจำยอม
เมื่อเขาเห็นว่านางดูว่าง่ายจึงได้ค่อย ๆ คลายมือออก แต่เย่ปิงปิงกลับรีบลุกขึ้นแล้วร้องตะโกนออกมาทันที
“ช่วย...”
“เจ้า!!”
เขารีบคว้าร่างของนางให้นอนลงกับที่นอน ร่างสูงทาบทับตามลงมาทันที เย่ปิงปิงเองก็ไม่ยอม นางใช้เล็บเรียวยาวที่ตัดแต่งมาอย่างดีข่วนหน้าของชายผู้นั้นเต็มแรง
คนทั้งสองต่างสู้กันนัวเนียอยู่บนที่นอน เขาสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจจับล็อกมือเล็กที่พยายามข่วนเขาจนได้เลือด
“ปล่อยข้านะ เจ้า...อุ๊บ!”
เขาไม่มีทางเลือกจึงได้ประกบริมฝีปากลงมาเพื่อปิดปากนาง จากคราแรกตั้งใจแค่ให้นางหยุดร้อง แค่กลับกลายเป็นเขาพึงใจกับสัมผัสอ่อนนุ่มละมุนที่ริมฝีปากนี้เสียอย่างนั้น
เย่ปิงปิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จูบแรกของนาง!! ได้ถูกคนผู้นี้ช่วงชิงไปเสียแล้ว เย่ปิงปิงพยายามดิ้นขลุกขลักให้หลุดพ้นจากกำแพงหนา เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลจึงได้กัดริมฝีปากของเขาที่กล้าล่วงเกินนาง
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากเล็กของคนทั้งสอง
เขารู้สึกเจ็บแปลบจึงคิดอยากแกล้งนางคืนบ้าง ลิ้นร้อนชื้นกวาดต้อนไล่ชิมความหวานของคนใต้ร่าง และยังแกล้งขบเม้มที่ริมฝีปากของนางจนบวมเจ่อ กว่าเขาจะตัดใจยอมผละริมฝีปากออกห่าง ร่างกายของเย่ปิงปิงก็อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ข้าขอโทษ”
เย่ปิงปิงที่ได้รับอิสระรีบกอบโกยลมหายใจเข้าไปเต็มปอด นางมองเขาตาเขียวขุ่นด้วยความโกรธเคือง“ออกไป!”“ได้...อึก”เขากำลังจะลุกจากไปเพราะมั่นใจว่าคนที่ไล่ล่าเขามันคงไปไกลแล้ว แต่เขาได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมากจึงได้ล้มฟุบลงมาทับร่างของเย่ปิงปิง“นี่เจ้า ออกไปเลยนะ”เย่ปิงปิงดันใบหน้าของเขาให้ออกจากลำคอขาวผ่องของนาง แต่ไร้การตอบรับกลับมา เมื่อนางมองให้ดีจึงเห็นว่าเขาสลบไปแล้ว“โอ๊ย นี่เจ้าจะทรมานข้าไปถึงไหนกันเนี่ย”เย่ปิงปิงผลักร่างของเขาให้นอนกลิ้งไปด้านข้าง นางลุกขึ้นนั่งแล้วพิจารณาบุรุษที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอนของนาง ใบหน้าคมคายที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมหน้าสีดำ ทำให้เย่ปิงปิงตกใจเสียยิ่งกว่าที่เขาขโมยจูบแรกของนางไปเสียอีก“ชินอ๋องกงซ่างเหว่ย!! เหตุใดถึงเป็นท่าน?”เย่ปิงปิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่นางจะนึกถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน ครานั้นจำได้ว่าเคยมีข่าวลือว่าชินอ๋องลอบเข้าไปยังจวนขุนนาง แล้วถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากนั้นข่าวลือก็จางหายไปเมื่อข่าวลือซาลง ชินอ๋องก็มาปรากฏกายอีกครั้งในวันที่กองทัพเคลื่อนขบวนกลับมาจากการทำศึกกับแคว้นข้างเคียง ในวันนั้นมีท่านพ่อกับท่านพี่ของนางอยู่ใ
บทที่ 5กลับเมืองหลวงจวนชินอ๋องกงซ่างเหว่ยทะยานตัวกลับมาที่จวนในเวลาเพียงครึ่งเค่อ แต่ถ้าเดินทางโดยใช้รถม้าจะใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม วิชาตัวเบาของเขานั้นเป็นเลิศที่สุดในแผ่นดิน“ชินอ๋อง? เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ”เกากงกง ขันทีคนสนิทของชินอ๋องตรงดิ่งเข้ามาดูอาการของผู้เป็นนาย ยิ่งเห็นว่ามีคราบเลือดด้วยแล้ว เขายิ่งรู้สึกหวั่นวิตก“ข้าแค่ถูกสุนัขมันลอบกัด ไม่ได้เป็นอะไรมาก”“จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”เกากงกงส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ชินอ๋องของเขานั้นช่างปากหนักยิ่งนัก เจ็บจนหน้าซีดเผือดยังมาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก“ใครอยู่ข้างนอกไปตามท่านหมอหวังมาเร็วเข้า”“ขอรับ”บ่าวรับใช้ด้านนอกรีบวิ่งไปตามท่านหมอหวัง ผู้เป็นท่านหมอประจำแห่งจวนชินอ๋องหลังจากท่านหมอหวังได้ตรวจดูบาดแผลแล้ว เขาจึงได้ทูลให้ชินอ๋องทรงทราบ“บาดแผลไม่น่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ โชคดีที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านี้มาก่อน”“ขอบคุณมาก ท่านหมอหวังไปพักเถิด”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อท่านหมอหวังได้จากไปแล้ว กงซ่างเหว่ยจึงได้หันไปสั่งความกับองครักษ์ข้างกาย ผู้เปรียบเสมือนมือขวาของเขา“ที่จวนอู่มีห้องลับอยู่ภายในห้องหนังสือจริง ๆ ด้วย ค
“เหตุใดคุณหนูถึงสั่งท่านพ่อบ้านอย่างนั้นเล่าเจ้าคะ จะเกิดเหตุอะไรในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“ข้าแค่อยากมีเสบียงไว้อุ่นใจเท่านั้น”เย่ปิงปิงไม่ได้ไขความสงสัยให้แก่ซีซี บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องที่คิดให้ผู้อื่นฟัง ถึงในชาติก่อนซีซีจะไม่ได้ทำร้ายนาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าซีซีอาจจะกระทำสิ่งใดลับหลังก็ได้ ในชาตินี้นางจะไม่เชื่อใจผู้ใดทั้งนั้น นอกจากตัวเอง!!กองทัพของชินอ๋องที่ไปออกรบกับแคว้นข้างเคียงได้กลับมาแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงต่างออกมารอรับด้วยความปีติยินดี รวมถึงเย่ปิงปิงด้วย นางได้จองห้องพักของโรงเตี๊ยมชั้นสามเพื่อมาชมขบวนที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพชินอ๋องโดยเฉพาะเลย“เฮ้ เฮ้ ชินอ๋องทรงพระเจริญ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ!!”เสียงแซ่ซ้องของชาวเมืองดังกระหน่ำทั่วสารทิศ แม้แต่เด็กน้อยยังออกมารอชมขบวนของชินอ๋องตึง ตึง ตึง!!เสียงชุดเกราะและม้าศึกที่เดินเข้ามายังเมืองหลวงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ พาลให้หัวใจของทุกคนรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย ด้านหน้าของกองทัพมีร่างของบุรุษในชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังอาชาสีนิลถัดไปทางด้านหลังเป็นท่านแม่ทัพใหญ่เย่ตงจื่อ และท่านรองแม่ทัพเย่ที่อายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จอย่างก้า
บทที่ 6ขอรับรางวัล เย่ซานเดินนำเย่ปิงปิงมาที่ห้องหนังสือ เขาอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ใจหนึ่งเขารู้สึกดีใจที่อาจจะสามารถถอนหมั้นองค์รัชทายาทได้ แต่อีกใจก็รู้สึกสงสารเย่ปิงปิง เพราะที่ผ่านมานางพึงใจองค์รัชทายาทมานานแล้ว“เจ้า...เสียใจมากหรือไม่ที่องค์รัชทายาททำเช่นนี้”หลังจากที่เย่ซานนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เขาก็เอ่ยถามน้องสาวทันที แววตาคู่คมมองน้องสาวด้วยความเห็นใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน“ไม่เจ้าค่ะ ข้ารู้สึกดีใจมากกว่าที่พระองค์ทำเรื่องเช่นนี้”“หมายความว่าอย่างไร พี่งงไปหมดแล้ว”เย่ปิงปิงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน แล้วบอกเล่าทุกแผนการของตัวเอง อย่างไรให้พี่ใหญ่รู้ตอนนี้ย่อมดีที่สุด เขาจะได้มาเป็นกำลังให้กับนางด้วย“คราแรกที่พี่ได้อ่านจดหมายจากอิงฮวา พี่ก็แค่แปลกใจ แต่พอได้มาเห็นด้วยสายตาตัวเองว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว พี่รู้สึกดีใจนัก”“ที่ผ่านมาข้าคงทำเรื่องโง่เขลามามากเลยใช่ไหมเจ้าคะ”สีหน้าของเย่ปิงปิงพลันเศร้าหมองลงขึ้นมาทันใด“คนเราย่อมหลงเชื่อคำหวานได้ง่ายดาย และเพราะท่านแม่ด่วนจากไปเสียก่อน เราสองพี่น้องเลยไร้คนให้พึ่งพิง”“บัดนี้ข้ารู้ซึ้งถึงจิตใจผู้คนแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เจ้าคะ เรื่อง
เขาที่ยึดมั่นในบุญคุณที่เย่ปิงปิงเคยมอบให้นั้น จะไม่ใช้โอกาสนี้เล่นงานศัตรูของนางได้อย่างไรเล่ากงซ่างเหว่ยที่เดินออกมาจากห้องทรงอักษรผุดยิ้มที่ริมฝีปาก เขาคิดว่าคืนนี้คงจะต้องไปเยือนเรือนเสวี่ยเสียหน่อยแล้ว เพื่อไปแจ้งข่าวและขอรับรางวัลจากเย่ปิงปิงด้วย“มีสิ่งใดที่ท่านพี่พอใจหรือขอรับ”กงเฟยหรงที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอ่ยถามพี่ชายต่างมารดา เขาสังเกตว่ากงซ่างเหว่ยดูอารมณ์ดีกว่าทุกครา ทั้งเมื่อกี้เขายังเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพี่ชายผู้นี้ด้วย“แค่มีเรื่องสนุกนิดหน่อยนะ นี่เจ้าจะกลับจวนเลยหรือไม่”“ใช่แล้วขอรับ คนเช่นข้ามิกล้าออกไปปรากฏตัวที่ใดหรอกขอรับ”สีหน้าของกงเฟยหรงดูเศร้าหมองลงกงซ่างเหว่ยรีบเข้ามาตบไหล่น้องชาย “อย่าได้คิดเช่นนั้น ในแผ่นดินนี้จะมีผู้ใดที่ฉลาดเช่นเจ้าอีก ทุกแผนการออกรบที่ทำให้ชนะศึกได้ก็มาจากกลยุทธ์ของเจ้าทั้งนั้น หากผู้ใดกล้าพูดจาดูแคลนเจ้า ข้าจะตัดลิ้นมันให้สิ้น จะได้ไม่ต้องเปล่งวาจาสุนัขออกมาให้ระคายหูของเจ้าได้อีก”“ฮ่ะฮ่ะ ขอบคุณขอรับท่านพี่ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”กงเฟยหรงพลันหลุดขำกับท่าทางที่จริงจังของกงซ่างเหว่ย เขาจากไปโดยมีขันทีข้างกายช่วยเข็นรถเข็นให้เขาด้วย เมื
บทที่ 7ทวงคืนจวนชินอ๋องกงซ่างเหว่ยกลับทาถึงจวนก็พอดีกับที่เสวี่ยไป๋ องครักษ์ข้างกายของกลับมาถึงพอดี“ทูลชินอ๋อง บัดนี้องค์รัชทายาทมีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ขอรับ หลังจากที่พระองค์รู้ว่าต้องเปลี่ยนตัวคู่หมั่้น ก็มีการลักลอบซื้อยากำหนัดขนาดแรงมาจากตลาดมืด ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทจะใช้เพื่อสิ่งใดขอรับ”ดวงตาคู่คมสว่างวาบเมื่อคิดสิ่งใดได้ กลิ่นอายสังหารแผ่ขยายออกมาจากร่างสูงอย่างเข้มข้น จนบรรยากาศภายในห้องดูหนักอึ้งขึ้นทันใด“จับตาให้ดี หากมันถูกใส่ไปในอาหารหรือน้ำชาของปิงปิง เจ้ารีบมาแจ้งข้าทันที”“ปิงปิงหรือขอรับ?”เสวี่ยไป๋มองหน้าชินอ๋องด้วยความไม่เข้าใจ“คุณหนูใหญ่เย่ปิงปิงอย่างไรเล่า”“อ้อ...คุณหนูใหญ่นี่เอง เข้าใจแล้วขอรับ”เสวี่ยไป๋ลอบยิ้มขำกับท่าทางของเจ้านาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชินอ๋องทรงเสียอาการเช่นนี้“ชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เกากงกงขออนุญาตเดินเข้ามา พร้อมกับนำเทียบเชิญมาส่งให้กับชินอ๋อง“อะไร”“ตระกูลเย่ส่งเทียบเชิญมาพ่ะย่ะค่ะ อีกเจ็ดวันข้างหน้าจะถึงงานคล้ายวันเกิดของคุณหนูใหญ่เย่พ่ะย่ะค่ะ จะให้ข้าน้อยปฏิเสธเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ข้าจะไป”“พ่ะย่ะค่ะ?”เกากงกงถึงกลับมองหน้าเสวี
“คุณหนูรองเย่ม่าน ประพฤติตัวเหมาะสมตรงตามสตรีของชนชั้นสูง มีหน้าตางดงามหมดจด มารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน ขอมอบราชโองการสมรสพระราชทานระหว่างองค์รัชทายาทกงหนิงหลง นับแต่นี้อีกหนึ่งเดือนให้คุณหนูรองเย่ม่านแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองในองค์รัชทายาท จบราชโองการ!!”“อะไรนะ!!”ดวงหน้าของเย่ม่านซีดเผือดด้วยความตกใจ นี่มัน...เหตุใดถึงเป็นพระชายารอง นางควรจะเป็นพระชายาเอกสิ“คุณหนูรองรับราชโองการด้วย”น้ำเสียงติดดุแสดงความไม่พอใจของขันที ทำให้เย่ม่านได้สติ นางมิอาจจะขัดราชโองการได้“หม่อมฉันเย่ม่านรับราชโองการ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปีเพคะ”มืออันสั่นเทายืนออกไปรับราชโองการที่เปรียบเสมือนกับของร้อนที่นางไม่ปรารถนา เย่ม่านกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นโทสะในใจ แววตาของนางแดงก่ำด้วยความอัดอั้นตันใจในเวลาเดียวกันนั้น เย่ม่านได้หันไปสบตากับเย่ปิงปิง นางเห็นรอยยิ้มมุมปากนั้นที่เยาะหยันนางอย่างชัดเจน แววตาของเย่ม่านแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้น‘เป็นนังเย่ปิงปิงสินะ ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าได้เสวยสุขหรอก ข้าขอสาบานว่าจะต้องทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในโคลนตมไปตลอดชีวิต ไม่มีวันที่จะสามารถจะเงยหน้าได้อีกต่อไป!
บทที่ 8แผนร้ายขององค์รัชทายาทหญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับบวมช้ำนั้น ผู้ใดก็รู้ว่านางคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก สหายผู้เป็นมือเท้าให้กับเย่ม่านรีบตรงเข้ามาปลอบใจนางกันยกใหญ่“อย่าเสียใจไปเลยนะม่านเอ๋อร์ อย่างไรเจ้าก็เป็นถึงพระชายารองขององค์รัชทายาท”“ฮึก! ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่ข้ากลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะเข้าใจข้าผิดไปน่ะสิ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้พูดคุยกับพี่หญิงใหญ่เลย”เย่ม่านที่ได้รับคำแนะนำมาจากมารดา นางกระทำได้ดีโดยไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ใบหน้าหวานที่ดวงตาแดงช้ำ และสีหน้าที่เศร้าหมองนี้เอง ทำให้ข่าวลือเรื่องเย่ปิงปิงหึงหวงเย่ม่านกับองค์รัชทายาทแพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง“คุณหนูใหญ่เย่นี่ก็ใจดำนัก แม้แต่น้องสาวยังกล้าขัดขวางความสุขได้”“นั่นสิ ถ้าข้ามีน้องสาวข้าย่อมต้องยินดีที่นางจะได้ครองรักกับคนรัก และข้าย่อมต้องส่งเสริมนางด้วย”“พวกเจ้าอย่าได้ว่าพี่หญิงใหญ่ของข้าเลยนะ”เย่ม่านแสร้งห้ามปรามสหาย แต่นางกลับยกยิ้มด้วยความยินดี“ใช่แล้ว พวกเจ้าที่ไม่รู้สิ่งใดก็อย่าได้มาพูดจาประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเอง ข้าได้ฟังแล้วตลกนัก ทำตัวราวกับเป็นมดปลวกที่เกาะบนฝาบ้านของผู้อื่นอย่างนั
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั
กงเฟยหรงตวาดเสียงใส่เย่ปิงปิง ตอนนี้เขาไม่ต้องเสแสร้งทำสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร ปิงเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีวันหันมามองเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่เขารักและถนอมนางมากมายถึงเพียงนี้“จวิ้นอ๋อง หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของพระองค์นะเพคะ”“หึ ๆ เคยเป็นต่างหากเล่า แต่หลังจากนี้เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้วล่ะ”“กงเฟยหรง ท่านมันบ้าไปแล้ว ข้าคือภรรยาของพี่ชายท่านนะ จิตใจของท่านมันมืดบอดไปเสียแล้วหรือ”เย่ปิงปิงตวาดเสียงกร้าว บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่ากงเฟยหรงที่นางรู้จักนั้น แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาเลยต่างหาก ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“ข้าหรือจิตใจมืดบอด เป็นเจ้าต่างหากที่มีดวงตามืดบอด หลงรูปโฉมของซ่างเหว่ย ครานั้นข้าควรจะเข้าไปช่วยเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ามีงานใหญ่สำคัญ คงเป็นข้าที่ได้เชยชมเจ้าไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นคนวางยากำหนัดข้าหรือ”“ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างฉลาดนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เป็นข้าที่ให้คนวางยากำหนัดเจ้าเอง แม้ว่าซ่างเหว่ยจะส่งเสว
บทที่ 27ลอบโจมตี กงเฟยหรงกลับมาที่จวนด้วยความเกรี้ยวกราด แม้เขาจะรีบใช้วิชาตัวเบากลับมาที่จวน แต่ดวงตาของเขาข้างขวาก็มิอาจจะรักษาได้ เขาได้สูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างขวาไปแล้ว ทันทีที่เขารู้เช่นนั้น ดาบที่อยู่ใกล้มือได้ถูกดึงออกมาแทงท่านหมอจนขาดใจตาย"ไร้ประโยชน์ จะบอกว่าข้าตาบอดหรือ ฮ่ะฮ่าฮ่า"กงเฟยหรงไล่ฟาดดาบฟันไปทุกที่ภายในห้อง จนห้องเละเทะจนแทบดูไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับสติตัวเอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกโชนด้วยความปรารถนา"ตงไห่ ส่งคนไปบอกนางว่าข้าต้องการตัวปิงเอ๋อร์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ปิงเอ๋อร์ออกจากจวนชินอ๋อง แล้วมาที่ถนนทิศตะวันตก""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"ตงไห่ผู้นี้คือคนสนิทของกงเฟยหรง เขาเปรียบดั่งมือและเท้าของกงเฟยหรง และยังเป็นคนที่คอยเก็บกวาดงานต่าง ๆ ด้วย ข่าวลี่หลินใช้ปิ่นแทงตัวเองตายล่วงรู้มาถึงหูของเย่ปิงปิง นางไม่เชื่อจึงได้นั่งรอพระสวามีเพื่อเอ่ยถามเร
เย่ซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เขาเกรงว่าพวกเขาอาจจะถูกลอบเล่นงานก็เป็นได้ และอาจจะมาช่วยทางวังหลวงไม่ทัน""เจ้าวางใจเถิดคุณชายใหญ่ ข้าไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาของข้าไม่ปลอดภัยหรอก""ที่แท้เสด็จอาก็เป็นห่วงพระชายา""ภรรยาข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงสิ เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้แล้ว อาลู่อย่าได้ลืมเตรียมพลธนูให้พร้อมเล่า""พ่ะย่ะค่ะ"กงเจียวลู่ผุดยิ้มร้ายออกมา เขารอเวลาที่จะได้แสดงฝีมือกองกำลังนกกระเรียนทองของเขามานานเต็มทีแล้ว ครานี้เขาจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่ากงหนิงหลง! จวนชินอ๋องเย่ปิงปิงที่เคยชอบตื่นเช้ากลับตื่นสายจนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหนือศีรษะนานแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งกลับออกมาจากวังหลวงรีบเข้ามาหานางด้วยความคิดถึง คิ้วกระบี่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ"น้องหญิง เจ้าไม่สบายหรือไม่""อื้อ...ท่านพี่หรือเพคะ"เย่ปิงปิงปรือตาขึ้นมามองพระสวามี ทั้งที่วันนี้นางตั้งใจว่าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกันกับเขา แต่นางกลับรู้สึกว่าหนังตาทั้งสองหนักอึ้