บทที่ 5
กลับเมืองหลวง
จวนชินอ๋อง
กงซ่างเหว่ยทะยานตัวกลับมาที่จวนในเวลาเพียงครึ่งเค่อ แต่ถ้าเดินทางโดยใช้รถม้าจะใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม วิชาตัวเบาของเขานั้นเป็นเลิศที่สุดในแผ่นดิน
“ชินอ๋อง? เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ”
เกากงกง ขันทีคนสนิทของชินอ๋องตรงดิ่งเข้ามาดูอาการของผู้เป็นนาย ยิ่งเห็นว่ามีคราบเลือดด้วยแล้ว เขายิ่งรู้สึกหวั่นวิตก
“ข้าแค่ถูกสุนัขมันลอบกัด ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
เกากงกงส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ชินอ๋องของเขานั้นช่างปากหนักยิ่งนัก เจ็บจนหน้าซีดเผือดยังมาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก
“ใครอยู่ข้างนอกไปตามท่านหมอหวังมาเร็วเข้า”
“ขอรับ”
บ่าวรับใช้ด้านนอกรีบวิ่งไปตามท่านหมอหวัง ผู้เป็นท่านหมอประจำแห่งจวนชินอ๋อง
หลังจากท่านหมอหวังได้ตรวจดูบาดแผลแล้ว เขาจึงได้ทูลให้ชินอ๋องทรงทราบ
“บาดแผลไม่น่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ โชคดีที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านี้มาก่อน”
“ขอบคุณมาก ท่านหมอหวังไปพักเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อท่านหมอหวังได้จากไปแล้ว กงซ่างเหว่ยจึงได้หันไปสั่งความกับองครักษ์ข้างกาย ผู้เปรียบเสมือนมือขวาของเขา
“ที่จวนอู่มีห้องลับอยู่ภายในห้องหนังสือจริง ๆ ด้วย ครั้งนี้ข้าประมาทไปเพราะมันมีกลไกซ่อนเอาไว้ เจ้านำเรื่องนี้ไปทูลให้เสด็จพี่ทรงทราบ เสด็จพี่จะได้นำกำลังบุกค้นจวน ข้าเชื่อว่าเราจะต้องพบหลักฐานความชั่วของมันอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เช้าต้องสำเร็จโทษคนตระกูลอู่ให้หมด!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
‘เสวี่ยไป๋’ น้อมรับคำสั่งของกงซ่างเหว่ยแล้วออกไปทำตามคำสั่งทันที
เมื่อภายในห้องบรรทมไม่มีผู้ใดแล้ว กงซ่างเหว่ยจึงได้หลับตาลง แต่เขายังมิอาจจะสลัดภาพของเย่ปิงปิงออกไปจากความคิดของได้เลย ใจของเขามันพาลให้นึกถึงความนุ่มนิ่มของริมฝีปากนั้น และการดูแลอย่างอ่อนโยนที่นางช่วยรักษาบาดแผลให้กับเขาด้วย
‘คุณหนูเย่ เราคงได้พบกันอีกแน่’
กงซ่างเหว่ยพึมพำในใจ โฉมสะคราญอย่างคุณหนูเย่ได้เริ่มทำให้เขาหวั่นไหวเสียแล้ว ยิ่งนึกถึงคำพูดครั้งสุดท้ายของนาง เขายิ่งรู้สึกอารมณ์ดีจนเผลอเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
สามเดือนผ่านไป
เรื่องราวภายในจวนตระกูลเย่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จนบ่าวไพร่พากันอกสั่นขวัญแขวน เรื่องที่คุณหนูใหญ่ได้เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป นางเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในจวนเท่านั้น ไม่ได้ย่างกรายออกไปจากเรือนเลย
และเรื่องที่คุณหนูรองกับองค์รัชทายาทที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ในเวลานี้เริ่มมีข่าวลือแพร่ออกไปแล้วในหมู่ชนชั้นสูงของเมืองหลวง
เย่ม่านจึงได้แต่เก็บตัวเงียบภายในเรือน จิตใจของนางร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความกังวล
ส่วนเย่ปิงปิงกลับใช้ชีวิตอย่างสำราญใจ นางเริ่มจัดการบัญชีของตัวเอง และส่วนไหนที่ผิดปกตินางก็ได้จดเอาไว้อย่างละเอียด ตอนนี้เพียงรอเวลาให้พี่ใหญ่กับท่านพ่อกลับมาเสียก่อน นางก็จะเริ่มเดินหมากก้าวต่อไป
เพล้ง!!
“ท่านแม่ ลูกจะไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ ตอนนี้ข่าวลือเรื่องลูกได้แพร่ออกไปไกลแล้ว ลูกไม่กล้าออกไปสู้หน้าผู้ใดเลย ฮือฮือ”
เย่ม่านขว้างปาข้าวของลงพื้นเพื่อบันดาลโทสะที่สุมอกของตน
“เจ้าใจเย็นก่อน รอท่านพ่อกลับมาจัดการเรื่องนี้ แม่จะไม่มีวันยอมให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแน่”
“ท่านแม่จะทำอย่างไรเจ้าคะ” เย่ม่านหันมามองมารดาด้วยความหวัง
“เปลี่ยนตัวคู่หมั้น!!”
“ทะ ทำได้หรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทจะยินยอมหรือเจ้าคะ”
เย่ม่านกัดฟันแน่นเมื่อหวนนึกถึงท่าทีขององค์รัชทายาท วันนั้นเขาก็ดูพึงใจนางมาก แต่พอจ้าวเว่ยเสนอให้เปลี่ยนตัวคู่หมั้นเป็นนาง พระองค์กลับไม่ยินยอม นางน้อยใจนัก
"ไม่มีอะไรที่เจ้าอยากได้แล้วแม่ให้เจ้าไม่ได้หรอกนะม่านเอ๋อร์ของแม่”
ลู่เมิ่งเข้ามากอดปลอบบุตรสาวด้วยความรัก นางลูบหัวบุตรสาวด้วยความอ่อนโยน
“มีเพียงท่านแม่ที่รักข้ามากที่สุด ข้ารักท่านแม่นะเจ้าคะ”
เย่ม่านพลันคลี่ยิ้มหวาน หากมารดาบอกว่าได้ ย่อมต้องได้!!
ภายในจวนตระกูลเย่เริ่มวุ่นวาย เนื่องจากอีกแค่ไม่กี่วันก็จะถึงวันงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูใหญ่ บ่าวไพร่จึงวิ่งวุ่นจัดเตรียมงานจนไม่ได้พัก ส่วนเจ้าของงานกลับนั่งยิ้มอยู่ที่ห้องหนังสือ นางกำลังนั่งนับก้อนทองที่ได้รับจากชินอ๋อง
“จะนำเงินไปซื้ออะไรดีนะ เอ๊ะ! นี่ก็ใกล้จะถึงช่วงเวลานั้นแล้วสินะ หึๆ”
เย่ปิงปิงพึมพำเสียงเบากับตัวเอง นางรู้แล้วว่าจะนำก้อนทองในหีบเล็กนี้ไปทำสิ่งใดดี
“ซีซี ไปตามพ่อบ้านมาพบข้าหน่อย”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เย่ปิงปิงนั่งรอไม่นาน พ่อบ้านประจำจวนตระกูลเย่ก็เดินเข้ามาในห้องรับรองของเรือนเสวี่ย
“คุณหนูใหญ่มีสิ่งใดจะใช้สอยบ่าวหรือขอรับ”
เย่ปิงปิงหยิบก้อนทอง 10 ก้อนส่งให้พ่อบ้าน พลางแย้มยิ้มแผ่วเบา
“ข้าอยากไหว้วานให้พ่อบ้านช่วยซื้อข้าวสาร และธัญพืชให้ข้าหน่อย อย่างละ 1,000 เกวียน แล้วนำไปเก็บไว้ที่โรงเก็บของฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง พ่อบ้านทำให้ข้าได้หรือไม่”
“ถ้าเป็นความประสงค์ของคุณหนู บ่าวจะทำให้หมดทุกอย่างขอรับ”
“ขอบคุณมาก”
พ่อบ้านเดินจากไป โดยที่ซีซีมิอาจจะเก็บความสงสัยเอาไว้ได้
“เหตุใดคุณหนูถึงสั่งท่านพ่อบ้านอย่างนั้นเล่าเจ้าคะ จะเกิดเหตุอะไรในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“ข้าแค่อยากมีเสบียงไว้อุ่นใจเท่านั้น”เย่ปิงปิงไม่ได้ไขความสงสัยให้แก่ซีซี บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องที่คิดให้ผู้อื่นฟัง ถึงในชาติก่อนซีซีจะไม่ได้ทำร้ายนาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าซีซีอาจจะกระทำสิ่งใดลับหลังก็ได้ ในชาตินี้นางจะไม่เชื่อใจผู้ใดทั้งนั้น นอกจากตัวเอง!!กองทัพของชินอ๋องที่ไปออกรบกับแคว้นข้างเคียงได้กลับมาแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงต่างออกมารอรับด้วยความปีติยินดี รวมถึงเย่ปิงปิงด้วย นางได้จองห้องพักของโรงเตี๊ยมชั้นสามเพื่อมาชมขบวนที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพชินอ๋องโดยเฉพาะเลย“เฮ้ เฮ้ ชินอ๋องทรงพระเจริญ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ!!”เสียงแซ่ซ้องของชาวเมืองดังกระหน่ำทั่วสารทิศ แม้แต่เด็กน้อยยังออกมารอชมขบวนของชินอ๋องตึง ตึง ตึง!!เสียงชุดเกราะและม้าศึกที่เดินเข้ามายังเมืองหลวงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ พาลให้หัวใจของทุกคนรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย ด้านหน้าของกองทัพมีร่างของบุรุษในชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังอาชาสีนิลถัดไปทางด้านหลังเป็นท่านแม่ทัพใหญ่เย่ตงจื่อ และท่านรองแม่ทัพเย่ที่อายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จอย่างก้า
บทที่ 6ขอรับรางวัล เย่ซานเดินนำเย่ปิงปิงมาที่ห้องหนังสือ เขาอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ใจหนึ่งเขารู้สึกดีใจที่อาจจะสามารถถอนหมั้นองค์รัชทายาทได้ แต่อีกใจก็รู้สึกสงสารเย่ปิงปิง เพราะที่ผ่านมานางพึงใจองค์รัชทายาทมานานแล้ว“เจ้า...เสียใจมากหรือไม่ที่องค์รัชทายาททำเช่นนี้”หลังจากที่เย่ซานนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อหอม เขาก็เอ่ยถามน้องสาวทันที แววตาคู่คมมองน้องสาวด้วยความเห็นใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน“ไม่เจ้าค่ะ ข้ารู้สึกดีใจมากกว่าที่พระองค์ทำเรื่องเช่นนี้”“หมายความว่าอย่างไร พี่งงไปหมดแล้ว”เย่ปิงปิงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน แล้วบอกเล่าทุกแผนการของตัวเอง อย่างไรให้พี่ใหญ่รู้ตอนนี้ย่อมดีที่สุด เขาจะได้มาเป็นกำลังให้กับนางด้วย“คราแรกที่พี่ได้อ่านจดหมายจากอิงฮวา พี่ก็แค่แปลกใจ แต่พอได้มาเห็นด้วยสายตาตัวเองว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว พี่รู้สึกดีใจนัก”“ที่ผ่านมาข้าคงทำเรื่องโง่เขลามามากเลยใช่ไหมเจ้าคะ”สีหน้าของเย่ปิงปิงพลันเศร้าหมองลงขึ้นมาทันใด“คนเราย่อมหลงเชื่อคำหวานได้ง่ายดาย และเพราะท่านแม่ด่วนจากไปเสียก่อน เราสองพี่น้องเลยไร้คนให้พึ่งพิง”“บัดนี้ข้ารู้ซึ้งถึงจิตใจผู้คนแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เจ้าคะ เรื่อง
เขาที่ยึดมั่นในบุญคุณที่เย่ปิงปิงเคยมอบให้นั้น จะไม่ใช้โอกาสนี้เล่นงานศัตรูของนางได้อย่างไรเล่ากงซ่างเหว่ยที่เดินออกมาจากห้องทรงอักษรผุดยิ้มที่ริมฝีปาก เขาคิดว่าคืนนี้คงจะต้องไปเยือนเรือนเสวี่ยเสียหน่อยแล้ว เพื่อไปแจ้งข่าวและขอรับรางวัลจากเย่ปิงปิงด้วย“มีสิ่งใดที่ท่านพี่พอใจหรือขอรับ”กงเฟยหรงที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอ่ยถามพี่ชายต่างมารดา เขาสังเกตว่ากงซ่างเหว่ยดูอารมณ์ดีกว่าทุกครา ทั้งเมื่อกี้เขายังเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพี่ชายผู้นี้ด้วย“แค่มีเรื่องสนุกนิดหน่อยนะ นี่เจ้าจะกลับจวนเลยหรือไม่”“ใช่แล้วขอรับ คนเช่นข้ามิกล้าออกไปปรากฏตัวที่ใดหรอกขอรับ”สีหน้าของกงเฟยหรงดูเศร้าหมองลงกงซ่างเหว่ยรีบเข้ามาตบไหล่น้องชาย “อย่าได้คิดเช่นนั้น ในแผ่นดินนี้จะมีผู้ใดที่ฉลาดเช่นเจ้าอีก ทุกแผนการออกรบที่ทำให้ชนะศึกได้ก็มาจากกลยุทธ์ของเจ้าทั้งนั้น หากผู้ใดกล้าพูดจาดูแคลนเจ้า ข้าจะตัดลิ้นมันให้สิ้น จะได้ไม่ต้องเปล่งวาจาสุนัขออกมาให้ระคายหูของเจ้าได้อีก”“ฮ่ะฮ่ะ ขอบคุณขอรับท่านพี่ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”กงเฟยหรงพลันหลุดขำกับท่าทางที่จริงจังของกงซ่างเหว่ย เขาจากไปโดยมีขันทีข้างกายช่วยเข็นรถเข็นให้เขาด้วย เมื
บทที่ 7ทวงคืนจวนชินอ๋องกงซ่างเหว่ยกลับทาถึงจวนก็พอดีกับที่เสวี่ยไป๋ องครักษ์ข้างกายของกลับมาถึงพอดี“ทูลชินอ๋อง บัดนี้องค์รัชทายาทมีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ขอรับ หลังจากที่พระองค์รู้ว่าต้องเปลี่ยนตัวคู่หมั่้น ก็มีการลักลอบซื้อยากำหนัดขนาดแรงมาจากตลาดมืด ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทจะใช้เพื่อสิ่งใดขอรับ”ดวงตาคู่คมสว่างวาบเมื่อคิดสิ่งใดได้ กลิ่นอายสังหารแผ่ขยายออกมาจากร่างสูงอย่างเข้มข้น จนบรรยากาศภายในห้องดูหนักอึ้งขึ้นทันใด“จับตาให้ดี หากมันถูกใส่ไปในอาหารหรือน้ำชาของปิงปิง เจ้ารีบมาแจ้งข้าทันที”“ปิงปิงหรือขอรับ?”เสวี่ยไป๋มองหน้าชินอ๋องด้วยความไม่เข้าใจ“คุณหนูใหญ่เย่ปิงปิงอย่างไรเล่า”“อ้อ...คุณหนูใหญ่นี่เอง เข้าใจแล้วขอรับ”เสวี่ยไป๋ลอบยิ้มขำกับท่าทางของเจ้านาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชินอ๋องทรงเสียอาการเช่นนี้“ชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เกากงกงขออนุญาตเดินเข้ามา พร้อมกับนำเทียบเชิญมาส่งให้กับชินอ๋อง“อะไร”“ตระกูลเย่ส่งเทียบเชิญมาพ่ะย่ะค่ะ อีกเจ็ดวันข้างหน้าจะถึงงานคล้ายวันเกิดของคุณหนูใหญ่เย่พ่ะย่ะค่ะ จะให้ข้าน้อยปฏิเสธเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ข้าจะไป”“พ่ะย่ะค่ะ?”เกากงกงถึงกลับมองหน้าเสวี
“คุณหนูรองเย่ม่าน ประพฤติตัวเหมาะสมตรงตามสตรีของชนชั้นสูง มีหน้าตางดงามหมดจด มารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน ขอมอบราชโองการสมรสพระราชทานระหว่างองค์รัชทายาทกงหนิงหลง นับแต่นี้อีกหนึ่งเดือนให้คุณหนูรองเย่ม่านแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองในองค์รัชทายาท จบราชโองการ!!”“อะไรนะ!!”ดวงหน้าของเย่ม่านซีดเผือดด้วยความตกใจ นี่มัน...เหตุใดถึงเป็นพระชายารอง นางควรจะเป็นพระชายาเอกสิ“คุณหนูรองรับราชโองการด้วย”น้ำเสียงติดดุแสดงความไม่พอใจของขันที ทำให้เย่ม่านได้สติ นางมิอาจจะขัดราชโองการได้“หม่อมฉันเย่ม่านรับราชโองการ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปีเพคะ”มืออันสั่นเทายืนออกไปรับราชโองการที่เปรียบเสมือนกับของร้อนที่นางไม่ปรารถนา เย่ม่านกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นโทสะในใจ แววตาของนางแดงก่ำด้วยความอัดอั้นตันใจในเวลาเดียวกันนั้น เย่ม่านได้หันไปสบตากับเย่ปิงปิง นางเห็นรอยยิ้มมุมปากนั้นที่เยาะหยันนางอย่างชัดเจน แววตาของเย่ม่านแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้น‘เป็นนังเย่ปิงปิงสินะ ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าได้เสวยสุขหรอก ข้าขอสาบานว่าจะต้องทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในโคลนตมไปตลอดชีวิต ไม่มีวันที่จะสามารถจะเงยหน้าได้อีกต่อไป!
บทที่ 8แผนร้ายขององค์รัชทายาทหญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับบวมช้ำนั้น ผู้ใดก็รู้ว่านางคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก สหายผู้เป็นมือเท้าให้กับเย่ม่านรีบตรงเข้ามาปลอบใจนางกันยกใหญ่“อย่าเสียใจไปเลยนะม่านเอ๋อร์ อย่างไรเจ้าก็เป็นถึงพระชายารองขององค์รัชทายาท”“ฮึก! ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่ข้ากลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะเข้าใจข้าผิดไปน่ะสิ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้พูดคุยกับพี่หญิงใหญ่เลย”เย่ม่านที่ได้รับคำแนะนำมาจากมารดา นางกระทำได้ดีโดยไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ใบหน้าหวานที่ดวงตาแดงช้ำ และสีหน้าที่เศร้าหมองนี้เอง ทำให้ข่าวลือเรื่องเย่ปิงปิงหึงหวงเย่ม่านกับองค์รัชทายาทแพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง“คุณหนูใหญ่เย่นี่ก็ใจดำนัก แม้แต่น้องสาวยังกล้าขัดขวางความสุขได้”“นั่นสิ ถ้าข้ามีน้องสาวข้าย่อมต้องยินดีที่นางจะได้ครองรักกับคนรัก และข้าย่อมต้องส่งเสริมนางด้วย”“พวกเจ้าอย่าได้ว่าพี่หญิงใหญ่ของข้าเลยนะ”เย่ม่านแสร้งห้ามปรามสหาย แต่นางกลับยกยิ้มด้วยความยินดี“ใช่แล้ว พวกเจ้าที่ไม่รู้สิ่งใดก็อย่าได้มาพูดจาประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเอง ข้าได้ฟังแล้วตลกนัก ทำตัวราวกับเป็นมดปลวกที่เกาะบนฝาบ้านของผู้อื่นอย่างนั
“เจ้า...งดงามมากปิงเอ๋อร์”กงหนิงหลงเอ่ยชมหญิงงามตรงหน้า สีหน้าของเขาเคลิบเคลิ้มกับความงามของนาง“ขอบพระทัยเพคะ” เย่ปิงปิงเอ่ยตอบตามมารยาทเย่ม่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้นรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ วันนี้นางตั้งใจสวมอาภรณ์สีขาวเพื่อให้แตกต่างกับเย่ปิงปิงที่มักสวมอาภรณ์สีแดง แต่นางกลับคิดผิด สีขาวของนางกลับดูจืดชืด เมื่อเทียบกับสีชมพูที่ดูอ่อนหวานและสดใสของเย่ปิงปิงเย่ม่านที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว กลับถูกความอ่อนหวานงดงามของปิงปิงเอ๋อร์กลบทับจนมิด นางได้แต่ฮึดฮัดในใจ“ม่านเอ๋อร์ เจ้ารีบเชิญองค์รัชทายาทเข้าไปข้างในเถิด”“เจ้าค่ะ”ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เย่ม่านรู้สึกขอบคุณเย่ปิงปิง นางรีบเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่เย่ปิงปิงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด นางรู้สึกอึดอัดเวลาที่อยู่ใกล้กับกงหนิงหลง แม้จะไม่ได้รักเขาแล้ว แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจจวิ้นอ๋องได้เสด็จมาเยือนที่งานเลี้ยงด้วย เย่ปิงปิงที่เพิ่งได้พบกับจวิ้นอ๋องเป็นครั้งแรก อดจะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ในแววตาของนางมีความเสียใจซุกซ่อนอยู่“ถวายพระพรจวิ้นอ๋องเพคะ”“ยินดีกับอายุครบสิบแปดปีด้วยนะคุณหนูใหญ่เย่”กงเฟยหรงแย้มยิ้มอย่
บทที่ 9ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง“หลานขอตัวออกไปสูดอากาศสักครู่นะพ่ะย่ะค่ะ”กงหนิงหลงเอ่ยบอกเสด็จอาทั้งสอง แล้วรีบลุกเดินจากไปทันที เย่ม่านที่มองมาอยู่แล้วเริ่มนั่งไม่ติด นางเห็นว่าเมื่อเย่ปิงปิงออกไปจากงานเลี้ยง องค์รัชทายาทก็รีบเสด็จตามออกไปทันทีนี่หมายความว่าทั้งสองลอบนัดพบกันลับหลังนางใช่หรือไม่?“ท่านแม่ ลูกขอตัวสักครู่นะเจ้าคะ”เย่ม่านไม่ได้รอฟังคำอนุญาตจากมารดา นางก็รีบเดินตามองค์รัชทายาทไปทันที“ข้าเองก็ออกมานานแล้ว สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนะแม่ทัพเย่” กงเฟยหรงเอ่ยบอกเย่ตงจื่อ หลังจากที่คนของเขาลอบมากระซิบบอกความเรื่องสำคัญ “น้อมส่งเสด็จจวิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เย่ตงจื่อค้อมกายคารวะทั้งยังให้เย่ซานเดินไปส่งจวิ้นอ๋องที่รถม้าด้วยทางด้านชินอ๋องเองก็เริ่มนั่งไม่ติด เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันผิดแปลกจากสิ่งที่เขาคาดการไว้ เขามั่นใจว่าเสวี่ยไป๋ไม่มีทางทำงานผิดพลาด แต่เท่าที่เห็นเย่ปิงปิงที่เพิ่งออกไปนั้นมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก“ข้าขอตัวสักครู่นะ”กงซ่างเหว่ยรีบลุกจากไปทันที ทำให้เวลานี้ที่นั่งของเชื้อพระวงศ์ถูกปล่อยว่างลง ทั้งเจ้าของวันเกิดก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย ผ
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั
กงเฟยหรงตวาดเสียงใส่เย่ปิงปิง ตอนนี้เขาไม่ต้องเสแสร้งทำสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร ปิงเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีวันหันมามองเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่เขารักและถนอมนางมากมายถึงเพียงนี้“จวิ้นอ๋อง หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของพระองค์นะเพคะ”“หึ ๆ เคยเป็นต่างหากเล่า แต่หลังจากนี้เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้วล่ะ”“กงเฟยหรง ท่านมันบ้าไปแล้ว ข้าคือภรรยาของพี่ชายท่านนะ จิตใจของท่านมันมืดบอดไปเสียแล้วหรือ”เย่ปิงปิงตวาดเสียงกร้าว บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่ากงเฟยหรงที่นางรู้จักนั้น แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาเลยต่างหาก ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“ข้าหรือจิตใจมืดบอด เป็นเจ้าต่างหากที่มีดวงตามืดบอด หลงรูปโฉมของซ่างเหว่ย ครานั้นข้าควรจะเข้าไปช่วยเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ามีงานใหญ่สำคัญ คงเป็นข้าที่ได้เชยชมเจ้าไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นคนวางยากำหนัดข้าหรือ”“ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างฉลาดนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เป็นข้าที่ให้คนวางยากำหนัดเจ้าเอง แม้ว่าซ่างเหว่ยจะส่งเสว
บทที่ 27ลอบโจมตี กงเฟยหรงกลับมาที่จวนด้วยความเกรี้ยวกราด แม้เขาจะรีบใช้วิชาตัวเบากลับมาที่จวน แต่ดวงตาของเขาข้างขวาก็มิอาจจะรักษาได้ เขาได้สูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างขวาไปแล้ว ทันทีที่เขารู้เช่นนั้น ดาบที่อยู่ใกล้มือได้ถูกดึงออกมาแทงท่านหมอจนขาดใจตาย"ไร้ประโยชน์ จะบอกว่าข้าตาบอดหรือ ฮ่ะฮ่าฮ่า"กงเฟยหรงไล่ฟาดดาบฟันไปทุกที่ภายในห้อง จนห้องเละเทะจนแทบดูไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับสติตัวเอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกโชนด้วยความปรารถนา"ตงไห่ ส่งคนไปบอกนางว่าข้าต้องการตัวปิงเอ๋อร์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ปิงเอ๋อร์ออกจากจวนชินอ๋อง แล้วมาที่ถนนทิศตะวันตก""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"ตงไห่ผู้นี้คือคนสนิทของกงเฟยหรง เขาเปรียบดั่งมือและเท้าของกงเฟยหรง และยังเป็นคนที่คอยเก็บกวาดงานต่าง ๆ ด้วย ข่าวลี่หลินใช้ปิ่นแทงตัวเองตายล่วงรู้มาถึงหูของเย่ปิงปิง นางไม่เชื่อจึงได้นั่งรอพระสวามีเพื่อเอ่ยถามเร
เย่ซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เขาเกรงว่าพวกเขาอาจจะถูกลอบเล่นงานก็เป็นได้ และอาจจะมาช่วยทางวังหลวงไม่ทัน""เจ้าวางใจเถิดคุณชายใหญ่ ข้าไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาของข้าไม่ปลอดภัยหรอก""ที่แท้เสด็จอาก็เป็นห่วงพระชายา""ภรรยาข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงสิ เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้แล้ว อาลู่อย่าได้ลืมเตรียมพลธนูให้พร้อมเล่า""พ่ะย่ะค่ะ"กงเจียวลู่ผุดยิ้มร้ายออกมา เขารอเวลาที่จะได้แสดงฝีมือกองกำลังนกกระเรียนทองของเขามานานเต็มทีแล้ว ครานี้เขาจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่ากงหนิงหลง! จวนชินอ๋องเย่ปิงปิงที่เคยชอบตื่นเช้ากลับตื่นสายจนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหนือศีรษะนานแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งกลับออกมาจากวังหลวงรีบเข้ามาหานางด้วยความคิดถึง คิ้วกระบี่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ"น้องหญิง เจ้าไม่สบายหรือไม่""อื้อ...ท่านพี่หรือเพคะ"เย่ปิงปิงปรือตาขึ้นมามองพระสวามี ทั้งที่วันนี้นางตั้งใจว่าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกันกับเขา แต่นางกลับรู้สึกว่าหนังตาทั้งสองหนักอึ้