ตอนพิเศษ 1
ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อยอากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ"ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
บทที่ 1สู่จุดเริ่มต้นในวันที่หิมะสีขาวโพลนตกลงมาโปรยปรายอย่างหนัก ท่ามกลางดวงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามายังห้องหนังสือ โฉมสะคราญแห่งเมืองหลวงของแคว้นลั่วหยางได้ย่างกายเข้ามายังห้องหนังสือของจวนจวิ้นอ๋อง“เจ้ามาแล้วหรือคุณหนูเย่ นั่งก่อนสิ”‘กงเฟยหรง’ ผายมือให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องหนังสือของเขา วันนี้เขานึกแปลกใจว่าเพราะเหตุใดนางถึงมาหาเขาในยามพลบค่ำ หรือว่านางจะมีเรื่องทุกข์ใจเหตุเพราะหลานชายของเขากันใจบุรุษรู้สึกร้อนรนขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงสตรีตรงหน้า“หม่อมฉันนำยาบำรุงมาถวายเพคะ ได้ข่าวว่าจวิ้นอ๋องทรงประชวรเพราะอากาศเย็นลงเพคะ”น้ำเสียงของนางสั่นเทาเล็กน้อย แววตาคู่สวยหลุกหลิกไปมา นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขาด้วยความละอายในจิตใจกงเฟยหรงมองเย่ปิงปิงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขารู้ดีว่าวันนี้คงจะมาถึงสักวันหนึ่ง ในเมื่อนางตัดสินใจเช่นนี้ เขาก็พร้อมจะน้อมรับการตัดสินใจของนาง ครั้งหนึ่งนางเคยช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ หากครั้งนี้นางจะมาขอชีวิตของเขา เขาก็พร้อมยกให้นาง“ขอบใจเจ้ามากคุณหนูเย่ ข้าจะดื่มให้หมดเลย”กงเฟยหรงรับถ้วยยามาจากมือเล็กของเย่ปิงปิง เขาส่งยิ้มให้กับนางเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตั
“ฮือ ๆ ท่านพี่ทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ยอมนะเพคะองค์รัชทายาท”“โอ๋ ๆ อย่าได้เสียใจไปเลย ข้าย่อมต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าอย่างแน่นอน”องค์รัชทายาทย่างกรายมาหมายจะตบหน้าเย่ปิงปิงเป็นการสั่งสอน แต่เขากลับถูกกงเฟยหรงซัดฝ่ามือใส่หน้าอกเต็มแรง ร่างของเขาลอยไปไกลจนกระแทกกับผนังห้องดังโครม!!“อึก!”องค์รัชทายาทกระอักเลือดออกมาคำโต เขามองจวิ้นอ๋องด้วยความโกรธแค้น“เข้ามา!!”สิ้นเสียงขององค์รัชทายาท กลุ่มคนชุดดำที่ตรงปลายแขนเสื้อมีรูปนกอินทรีสีทองเปื้อนเลือดก็ตรงเข้ามาจัดการกับจวิ้นอ๋อง เย่ปิงปิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบร้องตะโกนให้ทุกคนหยุด“ไม่ ไม่นะ หยุดเดี๋ยวนี้!!”“หึ เจ้ายังกล้าอีกนะ เสียดายที่ข้าหมายให้เจ้าเป็นพระชายา แต่เจ้ากลับคิดทรยศข้า”“ไม่ใช่นะเพคะ ไม่ อึก!”ดาบเล่มยาวที่เขาเอามาจากคนชุดดำแทงไปยังท้องของเย่ปิงปิงเต็มแรง เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้นอาบย้อมอาภรณ์ของนางจนเปียกชุ่ม กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องหนังสือ พร้อมกับการต่อสู้ระหว่างจวิ้นนอ๋องกับคนชุดดำเคร้ง เคร้ง ตุ๊บ!!จวิ้นอ๋องทรงต่อสู้กับคนชุดดำเต็มกำลัง ถึงขาของเขาจะไม่สามารถเดินได้ แต่วรยุทธ์ของเขาก็เป็นเลิศ แค่คนชุดดำกลุ
บทที่ 2เย่ปิงปิงได้เปลี่ยนไปแล้วเย่ปิงปิงเดินมาที่เรือนหลักอันเป็นที่พำนักของฮูหยินใหญ่ของจวน ฮูหยินนั้นเดิมทีนางเป็นฮูหยินรอง แต่เพราะท่านแม่ของเย่ปิงปิงได้เสียไปนานหลายปี ‘เย่ตงจื่อ’ ประมุขของตระกูลเย่จึงได้แต่งตั้ง ‘ลู่เมิ่ง’ ขึ้นมาเป็นฮูหยินใหญ่ คอยดูแลเรือนหลังและงานในจวนในวันที่เขาจะต้องออกไปรบเพื่อบ้านเมืองลู่เมิ่งเป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน นางคอยเอาเอาใจเย่ตงจื่อ และจัดการงานในจวนได้ดีเสมอมา ตระกูลลู่ของนางแม้จะเป็นแค่ตระกูลของคหบดี แต่ก็มั่งคั่งมาก เย่ตงจื่อจึงได้แต่งนางเข้าจวนเพื่อความมั่งคั่งของตระกูลลู่เมิ่งนั้นมีบุตรสาวหนึ่งคนที่นางรักมากนามว่า ‘เย่ม่าน’ คุณหนูรองแห่งจวนตระกูลเย่ ซึ่งอายุห่างจากเย่ปิงปิงเพียงหนึ่งปีเท่านั้น เย่ม่านเป็นหญิงสาวที่มีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานดั่งเช่นมารดา นางเป็นบุตรสาวที่เย่ตงจื่อรักมากคนหนึ่ง ไม่ว่าเย่ม่านต้องการสิ่งใด ทุกคนล้วนพร้อมจะยกให้นางทั้งสิ้น“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่มาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”“ให้นางเข้ามาได้”น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยตอบรับบ่าวหน้าห้อง ไม่นานเย่ปิงปิงก็เดินกรีดกรายเข้ามายังในห้องโถง ซึ่งมีเย่ม่านกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าอยู
“ผู้ใดจะกล้าต่อว่าพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ อาภรณ์ผืนนั้นล้ำค่าเหมาะสมกับท่านพี่ของข้าที่สุดเลยนะเจ้าคะ”“เช่นนั้นพี่ยกให้น้องรองดีหรือไม่เล่า”เย่ม่านผงะไปด้วยความตกใจ ถึงแม้อาภรณ์ผืนนั้นจะงดงามจนนางอยากจะได้จนตัวสั่น แต่หากว่ากันตามจริงแล้วฐานะเช่นนางและเย่ปิงปิงดูจะไม่เหมาะสมนัก หากนางเป็นองค์หญิงหรือท่านหญิงก็ว่าไปอย่าง“จะได้อย่างไรกันปิงเอ๋อร์ เจ้าล้อน้องเล่นเกินไปแล้ว เอาเถอะ ๆ เอาตามที่เจ้าว่ามาก็ได้ เช่นนั้นแม่จะเรียกช่างตัดเย็บมาให้เจ้าเอง”ลู่เมิ่งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย หากให้บุตรสาวของนางที่อ่อนหวานแต่งกายด้วยชุดสีแดงร้อนแรงเช่นนั้น เกรงว่าจะดูไม่ดีนัก“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกคิดจะไปที่ร้านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นตามใจเจ้า”ลู่เมิ่งลอบจิกเล็บด้วยความเจ็บใจ แผนการที่ต้องการทำให้เย่ปิงปิงถูกชนชั้นสูงในเมืองหลวงด่าทอในวันงานเป็นอันต้องล้มเหลวไป“ลูกขอตัวนะเจ้าคะแม่รอง ขอบคุณมากนะเจ้าคะที่แม่รองยังคงตามใจลูกไม่เปลี่ยน”“พูดอะไรเช่นนั้น แม่ย่อมต้องรักถนอมเจ้าอยู่แล้วสิ”เย่ปิงปิงยอบกายคารวะแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม เรื่องราวในอดีตได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ชาตินี้นางจะมิยอมทำตัวเป็นสตรีท
บทที่ 3สร้างบุพเพให้กับน้องสาวตั้งแต่วันนั้นที่เย่ปิงปิงไปตัดชุดที่ร้านอาภรณ์ นางก็ไม่ได้ย่างกรายออกไปจากเรือนเลย หญิงสาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือแล้วคัดตัวอักษรอยู่เป็นนาน นางกำลังคิดทบทวนเรื่องราวในชาติก่อนเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ในชาตินี้บุคคลที่นางจะต้องชำระแค้นคือ ‘องค์รัชทายาทกงหนิงหลง’ ผู้ที่หลอกใช้ความรักของนางได้อย่างเลือดเย็น และสังหารนางราวกับนางเป็นเพียงมดปลวกที่ไร้ค่าส่วนคนถัดไปคือน้องสาวที่ทำตัวราวกับแม่ดอกบัวขาวอย่างเย่ม่าน น้องสาวอสรพิษที่พร้อมจะฉกนางให้ตายเมื่อนางพลั้งเผลอผู้คนที่ทำร้ายนาง นางจะไม่มีวันปล่อยไปเป็นอันขาด หนี้เลือดนี้จักต้องชำระด้วยเลือด!!“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูรองมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”ซีซีเดินเข้ามารายงาน“บอกน้องรองว่าข้ารู้สึกเวียนหัว ช่วงนี้ข้าขอพักที่เรือน”“เอ่อ...แต่ตอนนี้องค์รัชทายาทเสด็จมาที่จวนด้วยนะเจ้าคะ”“เจ้าบอกไปตามนั้น”“เจ้าค่ะ”ซีซีเดินถอยหลังจากไปเพื่อแจ้งให้เย่ม่านทราบ แม้นางจะแปลกใจที่คุณหนูไม่ออกไปพบองค์รัชทายาทด้วย แต่นางเป็นเพียงแค่บ่าวจะกล้าไปสอดเรื่องของเจ้านายได้อย่างไรเย่ม่านที่ได้รับคำรายงานจากซีซีก็ทำหน้าแปลกใจ“พี่หญิงให
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั
กงเฟยหรงตวาดเสียงใส่เย่ปิงปิง ตอนนี้เขาไม่ต้องเสแสร้งทำสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร ปิงเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีวันหันมามองเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่เขารักและถนอมนางมากมายถึงเพียงนี้“จวิ้นอ๋อง หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของพระองค์นะเพคะ”“หึ ๆ เคยเป็นต่างหากเล่า แต่หลังจากนี้เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้วล่ะ”“กงเฟยหรง ท่านมันบ้าไปแล้ว ข้าคือภรรยาของพี่ชายท่านนะ จิตใจของท่านมันมืดบอดไปเสียแล้วหรือ”เย่ปิงปิงตวาดเสียงกร้าว บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่ากงเฟยหรงที่นางรู้จักนั้น แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาเลยต่างหาก ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“ข้าหรือจิตใจมืดบอด เป็นเจ้าต่างหากที่มีดวงตามืดบอด หลงรูปโฉมของซ่างเหว่ย ครานั้นข้าควรจะเข้าไปช่วยเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ามีงานใหญ่สำคัญ คงเป็นข้าที่ได้เชยชมเจ้าไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นคนวางยากำหนัดข้าหรือ”“ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างฉลาดนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เป็นข้าที่ให้คนวางยากำหนัดเจ้าเอง แม้ว่าซ่างเหว่ยจะส่งเสว
บทที่ 27ลอบโจมตี กงเฟยหรงกลับมาที่จวนด้วยความเกรี้ยวกราด แม้เขาจะรีบใช้วิชาตัวเบากลับมาที่จวน แต่ดวงตาของเขาข้างขวาก็มิอาจจะรักษาได้ เขาได้สูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างขวาไปแล้ว ทันทีที่เขารู้เช่นนั้น ดาบที่อยู่ใกล้มือได้ถูกดึงออกมาแทงท่านหมอจนขาดใจตาย"ไร้ประโยชน์ จะบอกว่าข้าตาบอดหรือ ฮ่ะฮ่าฮ่า"กงเฟยหรงไล่ฟาดดาบฟันไปทุกที่ภายในห้อง จนห้องเละเทะจนแทบดูไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับสติตัวเอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกโชนด้วยความปรารถนา"ตงไห่ ส่งคนไปบอกนางว่าข้าต้องการตัวปิงเอ๋อร์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ปิงเอ๋อร์ออกจากจวนชินอ๋อง แล้วมาที่ถนนทิศตะวันตก""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"ตงไห่ผู้นี้คือคนสนิทของกงเฟยหรง เขาเปรียบดั่งมือและเท้าของกงเฟยหรง และยังเป็นคนที่คอยเก็บกวาดงานต่าง ๆ ด้วย ข่าวลี่หลินใช้ปิ่นแทงตัวเองตายล่วงรู้มาถึงหูของเย่ปิงปิง นางไม่เชื่อจึงได้นั่งรอพระสวามีเพื่อเอ่ยถามเร
เย่ซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เขาเกรงว่าพวกเขาอาจจะถูกลอบเล่นงานก็เป็นได้ และอาจจะมาช่วยทางวังหลวงไม่ทัน""เจ้าวางใจเถิดคุณชายใหญ่ ข้าไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาของข้าไม่ปลอดภัยหรอก""ที่แท้เสด็จอาก็เป็นห่วงพระชายา""ภรรยาข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงสิ เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้แล้ว อาลู่อย่าได้ลืมเตรียมพลธนูให้พร้อมเล่า""พ่ะย่ะค่ะ"กงเจียวลู่ผุดยิ้มร้ายออกมา เขารอเวลาที่จะได้แสดงฝีมือกองกำลังนกกระเรียนทองของเขามานานเต็มทีแล้ว ครานี้เขาจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่ากงหนิงหลง! จวนชินอ๋องเย่ปิงปิงที่เคยชอบตื่นเช้ากลับตื่นสายจนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหนือศีรษะนานแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งกลับออกมาจากวังหลวงรีบเข้ามาหานางด้วยความคิดถึง คิ้วกระบี่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ"น้องหญิง เจ้าไม่สบายหรือไม่""อื้อ...ท่านพี่หรือเพคะ"เย่ปิงปิงปรือตาขึ้นมามองพระสวามี ทั้งที่วันนี้นางตั้งใจว่าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกันกับเขา แต่นางกลับรู้สึกว่าหนังตาทั้งสองหนักอึ้