ทันทีที่ท่อนเนื้ออันร้อนผ่าวดุนดันเข้าไปในร่องรักสีหวาน เย่ปิงปิงก็สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด“อึก...เจ็บ!!”ความเจ็บปวดนี้มันช่างทรมานนัก ราวกับกำลังจะฉีกทึ้งร่างกายของนางให้แหลกสลาย หยาดน้ำตาสีใสไหลปริ่มออกมาจากหางตาเรียวงามกงซ่างเหว่ยเองก็ปวดหนึบเช่นเดียวกัน เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ของตนเอง ไม่ให้หุนหันเข้าไปในร่องรักที่บีบรัดแน่นตัวตนของเขาจนแทบจะแหลกละเอียด“อื้อ...น้องหญิงอย่าเกร็ง ปล่อยใจตามสบาย แล้วเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น”กงซ่างเหว่ยเอ่ยปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน เขาเองก็ทรมานไม่ต่างกัน กงซ่างเหว่ยจึงเข้ามาขบเม้มดูดดึงเม็ดทับทิมที่อยู่ตรงหน้า เย่ปิงปิงที่ถูกปรนเปรอที่หน้าอกจึงเริ่มคลายอาการเกร็งลงไปมาก เวลานั้นกงซ่างเหว่ยที่เข้าได้แค่ส่วนหัวจึงขยับแทรกตัวตนเข้าไปทีเดียวทั้งหมด“กรี๊ดดด!!”เย่ปิงปิงทุบที่ไหล่กว้างของชินอ๋องอย่างแรง นางมองค้อนการกระทำที่รุนแรงของเขา เวลานี้นางทั้งจุกทั้งเจ็บ จนแทบจะขยับตัวแทบไม่ได้ มันรู้สึกอึดอัดที่ช่องท้องไปหมดเลย“ขอโทษ”กงซ่างเหว่ยจูบซับหางตาที่มีหยดน้ำสีใสไหลออ
บทที่ 14ฮองเฮาโจวซูเหวิน แสงแดดอันอบอุ่นได้มาเยือนในเช้าวันใหม่ แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับยังไม่ตื่นจากการหลับใหลเลย เกากงกงกับซีซีได้แต่กระวนกระวายใจ เพราะเช้านี้ทั้งสองจะต้องไปเยือนที่พระราชวัง เพื่อยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยน แต่เวลานี้กลับสายมากแล้ว“เฮ้อ...ชินอ๋องทรงหักโหมนัก อย่างนี้ฝ่าบาทจะทรงกริ้วหรือไม่นะ”เกากงกงบ่นพึมพำ เมื่อคืนนี้บ่าวหน้าเรือนรายงานว่ากว่าในห้องจะเงียบเสียงลง ไร้ความเคลื่อนไหวก็ได้ล่วงเข้าสู่ยามอิ๋นแล้ว (03.00 - 04.59 น.)“ให้บ่าวไปเรียกคุณหนู...เอ่อพระชายาดีไหมเจ้าคะ”ซีซีออกความเห็นขึ้นมาซึ่งเกากงกงก็เห็นดีด้วย“ดีเหมือนกัน เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของพระชายา ย่อมไม่โดนตำหนิแน่ อย่างไรชินอ๋องย่อมยอมปล่อยผ่าน”เกากงกงรีบดุนหลังซีซีให้เข้าไปในเรือนทันที “เอ่อ...พระชายาเพคะ หม่อมฉันซีซีนะเพคะ วันนี้มีกำหนดการต้องไปพระราชวังนะเพคะ”
“ดี!! เช่นนั้นเรื่องพระชายาเอกของเจ้า แม่จะเป็นผู้เลือกเฟ้นให้เจ้าเอง คุณหนูไป๋อิงฮวาก็ดูเหมาะสมดี ถึงนางจะเป็นญาติกับนังไป๋มู่ตาน แต่ถ้าเราได้ไป๋อิงฮวามาอยู่ข้างเราก็คงจะดีไม่น้อย”“เสด็จแม่เลือกคนอื่นเถิดขอรับ เพราะไป๋อิงฮวาจึงทำให้แผนการของลูกผิดพลาด อีกอย่างตระกูลไป๋คงไม่ยอมเป็นแน่”กงหนิงหลงส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่ชมชอบไป๋อิงฮวาเลยแม้แต่น้อย สตรีพูดมาก รู้มากเช่นนี้ เขาไม่คิดจะเอามาไว้ข้างกาย“เช่นนั้นก็คุณหนูรองหวังซิ่วอิง บุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพิธีการ”“ตามแต่เสด็จแม่จะบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“ดี! ต่อไปนี้เจ้าก็ทำตัวให้มันดี ๆ หลังจากรับพระชายารองเข้ามาแล้ว อีกหนึ่งเดือนแม่จะให้เจ้ารับพระชายาเอกเข้ามาทันที เข้าใจหรือไม่”“พ่ะย่ะค่ะ”โจวซูเหวินระบายยิ้มเต็มหน้า อย่างน้อยพระโอรสของพระนางก็เชื่อฟังคำชี้แนะของพระนางเสมอ ในเมื่อเย่ปิงปิงไม่สามารถเป็นกำลังให้กับกงหนิงหลงได้ นางก็ไม่สมควรจะอยู่ให้เป็นเสี้ยนหนามตำใจ ยังมีเวลาอีกมากที่จะกำจัดเย่ปิงปิงให้พ้นทางโจวซูเหวินกระตุกยิ้มร้ายกับแผนการของตนเองในใจ
บทที่ 15พิธียกน้ำชา หลังจากเย่ปิงปิงได้พักผ่อนร่างกายจนเกือบหายดีแล้ว กอปรกับได้ยาบำรุงที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมาให้ ทำให้ตรงส่วนนั้นของนางที่บวมช้ำเริ่มหายดีในวันนี้นางจำเป็นต้องเข้าวังพร้อมกับชินอ๋อง เพื่อจะไปยกน้ำชาฮ่องเต้กับฮองเฮาตามพระราชประเพณี หลังจากที่ผลัดวันมานานกว่าห้าวันแล้ว“ชินอ๋องทรงพระราชทานอาภรณ์ชุดนี้ให้กับพระชายาเพคะ”ซีซีกระตือรือร้นรีบนำอาภรณ์ล้ำค่าสีม่วงอ่อนมามอบให้กับเย่ปิงปิง นางบรรจงช่วยเย่ปิงปิงแต่งกายเพื่อให้เหมาะสมกับฐานะใหม่“งามนัก ลวดลายก็ประณีตบรรจงจนข้าแปลกใจเชียว”“เป็นงานฝีมือของร้านหวงซุ่ยเพคะ”ซีซีเอ่ยตอบ ตอนแรกที่นางรู้ว่าชินอ๋องทรงเอาอกเอาใจเจ้านายของนางก็ดีใจนัก อาภรณ์จากร้านหวงซุ่ยขึ้นชื่อมากที่สุดในเมืองหลวง ปีหนึ่งจะตัดชุดออกมาเพียงสิบสองชุดเท่านั้น แต่ชินอ๋องกลับมีในครอบครองถึงสิบชุด และทุกชุดล้วนเป็นของพระชายาทั้งสิ้น!!
“ดี เอาตามที่พระชายาชินอ๋องว่ามา ทหาร! เอาตัวนางไปขังที่คุก แล้ววันพรุ่งค่อยโบยนาง 100 ไม้!!”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”“มะ ไม่นะเพคะ ฝ่าบาทไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย ฮองเฮาเพคะ ฮือ ๆ ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ”นางกำนัลผู้โชคร้ายได้แต่ร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โทษโบย 100 ไม้ ไม่พิการก็ต้องตาย นางเลือกทางอื่นได้หรือ“รินน้ำชามาใหม่”กงหนิงเจี้ยนเอ่ยสั่งนางกำนัลอีกคน นางตัวสั่นเล็กน้อยและทำตามคำสั่ง โดยระวังไม่ใช้น้ำชาจากอีกกาหนึ่งที่ถูกจัดเตรียมขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับพระชายาของชินอ๋อง พิธียกน้ำชาในเช้าวันนี้จึงผ่านไปได้ด้วยดีกงซ่างเหว่ยรีบทูลลาแล้วพาเย่ปิงปิงกลับจวนทันที ถึงแม้ว่าเขาจะได้ขี้ผึ้งจากไป๋กุ้ยเฟย แต่ทางที่ดีให้ท่านหมอมาตรวจอาการที่ฝ่ามือของนางจะดีกว่าทุกการกระทำของทุกคนล้วนตกอยู่ในสายตาของจวิ้นอ๋อง เขาเหม่อมองเย่ปิงปิงด้วยสายตาอันอบอุ่นตลอดเวลา ทั้งยังอดจะเป็นห่วงนางไม่ได้ แต่ที่ตรงนั้นหาใช่ที่ของเขาไม่กงเฟยหรงจึงได้แต่ส่งสายตาแสดงความห่วงใยให้แก่เย่ปิงปิง ภายในตำหนักเฉียนชิงเหลือเพียงกงหนิงเจ
บทที่ 16กำจัดเบี้ยของศัตรู จวนชินอ๋องกงซ่างเหว่ยแทบไม่ให้เท้าของเย่ปิงปิงแตะพื้นเลย เมื่อรถม้าจอดเทียบหน้าเรือนหลัก เขาก็อุ้มเย่ปิงปิงลงมาจากรถม้าแล้วตรงไปที่เรือนนอนของทั้งคู่ทันทีเกากงกงที่ทราบข่าวล่วงหน้าว่าพระชายาบาดเจ็บ เขาก็รีบจัดเตรียมท่านหมอมารออยู่ก่อนแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งวางเย่ปิงปิงลงบนที่นอน ท่านหมอที่รออยู่หน้าเรือนก็รีบเดินเข้ามาตรวจบาดแผลที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเย่ปิงปิง โดยเฉพาะปลายนิ้วทั้งสิบนิ้วที่ขึ้นรอยแดงชัดเจนมากเวลาผ่านไปชั่วน้ำในกาเดือด ท่านหมอก็ได้รายงานอาการของพระชายา“บาดแผลตรงฝ่ามือไม่ได้นักหนามากพ่ะย่ะค่ะ โชคดีที่ได้ทาขี้ผึ้งตำรับลับของตระกูลไป๋ของกุ้ยเฟย อาการจึงมีเพียงรอยแดงเท่านั้น เมื่อเอายาของกระหม่อมทาทุกเช้าเย็นก็จะหายเป็นปลิดทิ้งไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“แน่ใจนะว่าพระชายาจะไม่มีรอยแผลเป็น”กงซ่างเหว่ยกลัวว่าเย่ปิงปิงจะเสียใจถ้าหากมีรอยแผลเป็น เนื่องจาก
“ขอแค่น้องหญิงส่งสายตามา พี่ก็พร้อมจะทำตามความปรารถนาของเจ้าทุกสิ่งทุกอย่าง”เย่ซานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงอากาศธาตุ นี่เขาควรออกไปจากที่แห่งนี้ดีหรือไม่ บุรุษที่ไร้แม้กระทั่งคนรักและคู่หมายอย่างเขาก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนเป็นเหมือนกันนะ“กระหม่อมยังนั่งอยู่ตรงนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ารู้แล้วน่า”กงซ่างเหว่ยนึกฉุนในใจ เขายังอยากจะอ้อนเย่ปิงปิงกว่านี้สักหน่อย แต่เย่ซานกลับเอ่ยขัดเขาเสียก่อน“คิกคิก เรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่าเพคะ” เย่ปิงปิงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องที่น้องให้พี่ใหญ่ช่วยจัดการเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”เมื่ออยู่กันตามลำพังเย่ปิงปิงจึงหันมาพูดกับเย่ซานดังเดิมเหมือนตอนที่นางยังเป็นคุณหนูใหญ่“พี่ให้คนไปตรวจสอบตามที่พระชายาเขียนบอกในจดหมายแล้ว ตรงตามที่พระชายาแจ้งไว้ทุกประการ ตระกูลโจวลอบซ่องสุมกำลังพลกว่าหนึ่งหมื่นคน ตามสถานที่ต่าง ๆ รอบเมืองหลวง”เย่ซานเอ่ยบอกเรื่องที่เย่ปิงปิงได้ฝากให้เขาจัดการก่อนที่นางจะแต่งงาน เขาเองก็ประหลาดใจที่น้องสาวที่อยู่แต่ในเรือนกลับล่วงรู้เรื่องนี้ราวกับตาเห็น
บทที่ 17ความผิดหวังของพระชายารอง เช้าวันใหม่อันสดใสของเย่ม่าน ขบวนของเจ้าบ่าวได้เดินทางมารับนางยังหน้าจวนตระกูลเย่ เจ้าสาวที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงมงคล ประทินโฉมอย่างงดงามตั้งแต่เช้าตรู่ กลับต้องผิดหวังที่กงหนิงหลงหาได้มารับนางด้วยตัวเองไม่ แต่เป็นขันทีคนสนิทข้างกายแทน“ข้าน้อยมีนามว่าหลี่เจาขอรับ องค์รัชทายาทได้ส่งข้าน้อยให้มารับตัวคุณหนูรอง เนื่องจากพระองค์ติดงานราชกิจสำคัญขอรับ”“เข้าใจแล้ว ข้าขอฝากหลี่กงกงดูแลบุตรสาวของข้าน้อย”“ข้าน้อยจะดูแลว่าที่พระชายารองอย่างดีที่สุดเลยขอรับ”หลี่กงกงโค้งศีรษะด้วยความนอบน้อม หลังจากพูดคุยกันพอเป็นพิธี เย่ตงจื่อจึงได้ประคองเย่ม่านให้ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงหกคนหาม สินเดิมและสินสอดที่เย่ม่านนำติดตัวมาด้วยนั้น น้อยกว่าเย่ปิงปิงถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้ตอนนี้ภายในใจของเย่ม่านรู้สึกขมฝาดนัก“ออกเดินทางได้!!”เสียงเล็กแหลมของหลี่กงกงดังก้องไปทั่วบริเวณ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจ
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั
กงเฟยหรงตวาดเสียงใส่เย่ปิงปิง ตอนนี้เขาไม่ต้องเสแสร้งทำสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร ปิงเอ๋อร์ของเขาก็ไม่มีวันหันมามองเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่เขารักและถนอมนางมากมายถึงเพียงนี้“จวิ้นอ๋อง หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของพระองค์นะเพคะ”“หึ ๆ เคยเป็นต่างหากเล่า แต่หลังจากนี้เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้วล่ะ”“กงเฟยหรง ท่านมันบ้าไปแล้ว ข้าคือภรรยาของพี่ชายท่านนะ จิตใจของท่านมันมืดบอดไปเสียแล้วหรือ”เย่ปิงปิงตวาดเสียงกร้าว บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่ากงเฟยหรงที่นางรู้จักนั้น แท้จริงแล้วนางไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาเลยต่างหาก ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น“ข้าหรือจิตใจมืดบอด เป็นเจ้าต่างหากที่มีดวงตามืดบอด หลงรูปโฉมของซ่างเหว่ย ครานั้นข้าควรจะเข้าไปช่วยเจ้าด้วยตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ามีงานใหญ่สำคัญ คงเป็นข้าที่ได้เชยชมเจ้าไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านเป็นคนวางยากำหนัดข้าหรือ”“ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างฉลาดนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ เป็นข้าที่ให้คนวางยากำหนัดเจ้าเอง แม้ว่าซ่างเหว่ยจะส่งเสว
บทที่ 27ลอบโจมตี กงเฟยหรงกลับมาที่จวนด้วยความเกรี้ยวกราด แม้เขาจะรีบใช้วิชาตัวเบากลับมาที่จวน แต่ดวงตาของเขาข้างขวาก็มิอาจจะรักษาได้ เขาได้สูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างขวาไปแล้ว ทันทีที่เขารู้เช่นนั้น ดาบที่อยู่ใกล้มือได้ถูกดึงออกมาแทงท่านหมอจนขาดใจตาย"ไร้ประโยชน์ จะบอกว่าข้าตาบอดหรือ ฮ่ะฮ่าฮ่า"กงเฟยหรงไล่ฟาดดาบฟันไปทุกที่ภายในห้อง จนห้องเละเทะจนแทบดูไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับสติตัวเอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะลุกโชนด้วยความปรารถนา"ตงไห่ ส่งคนไปบอกนางว่าข้าต้องการตัวปิงเอ๋อร์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ปิงเอ๋อร์ออกจากจวนชินอ๋อง แล้วมาที่ถนนทิศตะวันตก""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"ตงไห่ผู้นี้คือคนสนิทของกงเฟยหรง เขาเปรียบดั่งมือและเท้าของกงเฟยหรง และยังเป็นคนที่คอยเก็บกวาดงานต่าง ๆ ด้วย ข่าวลี่หลินใช้ปิ่นแทงตัวเองตายล่วงรู้มาถึงหูของเย่ปิงปิง นางไม่เชื่อจึงได้นั่งรอพระสวามีเพื่อเอ่ยถามเร
เย่ซานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เขาเกรงว่าพวกเขาอาจจะถูกลอบเล่นงานก็เป็นได้ และอาจจะมาช่วยทางวังหลวงไม่ทัน""เจ้าวางใจเถิดคุณชายใหญ่ ข้าไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาของข้าไม่ปลอดภัยหรอก""ที่แท้เสด็จอาก็เป็นห่วงพระชายา""ภรรยาข้า ข้าย่อมต้องเป็นห่วงสิ เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้แล้ว อาลู่อย่าได้ลืมเตรียมพลธนูให้พร้อมเล่า""พ่ะย่ะค่ะ"กงเจียวลู่ผุดยิ้มร้ายออกมา เขารอเวลาที่จะได้แสดงฝีมือกองกำลังนกกระเรียนทองของเขามานานเต็มทีแล้ว ครานี้เขาจะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าเขานั้นเหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่ากงหนิงหลง! จวนชินอ๋องเย่ปิงปิงที่เคยชอบตื่นเช้ากลับตื่นสายจนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหนือศีรษะนานแล้ว กงซ่างเหว่ยที่เพิ่งกลับออกมาจากวังหลวงรีบเข้ามาหานางด้วยความคิดถึง คิ้วกระบี่เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ"น้องหญิง เจ้าไม่สบายหรือไม่""อื้อ...ท่านพี่หรือเพคะ"เย่ปิงปิงปรือตาขึ้นมามองพระสวามี ทั้งที่วันนี้นางตั้งใจว่าจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกันกับเขา แต่นางกลับรู้สึกว่าหนังตาทั้งสองหนักอึ้