แชร์

2 : ทวงหนี้     

ผู้แต่ง: หิมะที่ปลิดปลิว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 11:17:16

2 : ทวงหนี้     

          โรงหมออานฉวน

          “คุณหนูหลิน” ผู้ดูแลลู่รีบเข้ามาทักทายหลินซือเยว่ด้วยสีหน้าเป็นมิตร

          “ข้ามาทวงหนี้” นางไม่อ้อมค้อมสักคำ ทำเอาผู้ดูแลลู่ถึงกับผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ท่าทางเย็นชาทว่าสูงส่งของหลินซือเยว่ ไม่เหมือนคนกำลังเอ่ยวาจาทวงหนี้แม้แต่น้อย

          “คุณหนูหลินเหตุใดถึงรีบร้อนมาทวงเงินแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าตกลงกันไว้ว่าอีกสองเดือนหรืออย่างไร”

          เห็นผู้ดูแลลู่มีท่าทีสงสัย เผิงฉือจึงเอ่ยแทนผู้เป็นนาย “ผู้ดูแลลู่ความจริงแล้วคุณหนูมีเหตุจำเป็น ต้องได้ใช้เงินอย่างเร่งด่วน ท่านพ่อของคุณหนูส่งคนมารับกลับตระกูลหลินที่อยู่ในเมืองหลวง แต่รถม้าที่มารับกลับล้อหักเสียหาย คนขับรถม้านั้นไม่มีเงินติดตัวมาด้วย เกรงว่าทางโน้นจะลืมคิดเรื่องพวกนี้ไป คุณหนูเลยจำใจมาทวงเงินค่าสมุนไพร ที่โรงหมอของท่านติดค้างเอาไว้ หวังว่าผู้ดูแลลู่จะเห็นใจสตรีสองคนนายบ่าว ที่ต้องเดินทางไกลไปถึงเมืองหลวงโน่น”

          ผู้ดูแลลู่ได้ยินแล้วถึงกับชะงักงันไปอึดใจหนึ่ง “เช่นนี้หรอกรึ”

          “สรุปแล้วเจ้ามีเงินคืนข้าหรือไม่” หลินซือเยว่รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย

          “มีขอรับคุณหนูหลิน นายท่านได้แยกเงินที่ต้องคืนคุณหนูหลินเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เพียงแต่ว่าเก็บได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” ผู้ดูแลลู่ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย นอกจากค่าสมุนไพรที่หลินซือเยว่นำมาขายให้ที่นี่แล้ว ยังมีค่ารักษาคนไข้ ที่ยากเกินความสามารถของโรงหมออานฉวนอีกด้วย นับรวมทั้งหมดได้ห้าคนพอดิบพอดี ค่าสมุนไพรไม่เท่าไหร่เพียงสามร้อยตำลึง แต่ค่ารักษาคนไข้อาการหนักห้าคนนี้ ตกคนละสองร้อยตำลึงเลยทีเดียว

          “ครึ่งหนึ่งคือเท่าใด” หลินซือเยว่ไม่เคยจดบันทึก นางค่อนข้างไว้ใจโรงหมออานฉวน

          “ติดค้างไว้ทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยตำลึงขอรับ ตอนนี้ที่เก็บไว้มีเพียงหกร้อยห้าสิบตำลึงเท่านั้น”

          “เอาที่มีทั้งหมดนั่นมาให้ข้าก่อน ที่เหลือฝากผู้ดูแลลู่มอบเป็นค่าธูปเทียนน้ำมันตะเกียง แก่อารามไท่ผิงกวนด้วย”

          หากมอบเป็นค่าธูปเทียนน้ำมันตะเกียงแก่อารามไท่ผิงกวน เช่นนั้นคงไม่ต้องรีบร้อนคืน ผู้ดูแลลู่ยิ้มรับในทันที “ได้ขอรับคุณหนูหลิน เช่นนั้นรบกวนคุณหนูหลิน ลงลายมือชื่อบนสมุดบันทึกหนี้ด้วยขอรับ”

          เงินมาลายมือชื่อไป แต่เหมือนหลินซือเยว่จะนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ “จัดย่ามยาสามัญให้ข้าด้วยหนึ่งชุด”

          “ได้ขอรับคุณหนูหลิน” ผู้ดูแลลู่ไม่คิดมาก ย่ามยาสามัญเป็นสิ่งที่โรงหมอมีพร้อม ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด อีกทั้งราคาไม่ได้แพงมากนัก สามารถหักออกจากเงินที่ต้องใช้คืนได้

          นี่เป็นเพียงลูกหนี้รายแรก ในอำเภอฝูแห่งนี้ยังมีลูกหนี้ของหลินซือเยว่อีกสามราย หนึ่งนายอำเภอฝู สองเถ้าแก่ภัตตาคารชื่อดัง สามโรงประมูลสินค้า สามรายนี้เรียกลูกหนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก คงต้องเรียกว่าเป็นสถานที่ฝากเงินเอาไว้มากกว่า

          หลินซือเยว่รู้ดีว่าอาจารย์ของตนนั้น มีนิสัยเห็นเงินไม่ได้ เป็นอันต้องเอาไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย หลัก ๆ มักลงที่สุรากับนารี นางรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เกือบจะบาปหนากลายเป็นศิษย์เนรคุณไปเสียแล้ว จึงเลือกวิธีสุดท้ายออกมา บอกไปว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรง จึงงดรับการรักษาไปก่อนภายในครึ่งปี

          ทั้งสามแห่งนางไม่ได้ไปทวงด้วยตัวเอง แต่ให้เผิงฉือเป็นคนถือจดหมาย พร้อมป้ายประจำตัวไปจัดการแทน ตัวนางนั้นไปเลือกซื้อรถม้าคันใหม่ ม้าตัวนั้นนางดูแล้วมันยังแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพียงแต่ต้องให้หญ้าคุณภาพดีมากหน่อย

          หลินอ้ายตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากเห็นรถม้าคันใหญ่ พร้อมกับของกินของใช้บรรจุมาเต็มคันรถ อีกทั้งยังมีหญ้าคุณภาพดีมาให้ม้ากินอีกด้วย เขาไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบ่นอันใดอีก เพราะซาลาเปาไส้เนื้อสามลูกโต ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า

          “รีบกินซะ จะได้เดินทางต่อ” เผิงฉือเป็นคนเอ่ย จากนั้นนางก็เข้าไปปูผ้านวมบนรถม้า เตรียมของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ตามช่องลิ้นชักใต้เบาะนั่ง เตรียมให้หลินซือเยว่ไว้กินระหว่างทาง

          นางอารมณ์ดีไม่น้อยเงินที่ไปทวงมาจากสามแห่งนั้น รวมกันแล้วเกือบสามพันตำลึง ไม่คิดว่าคุณหนูของนาง สามารถเก็บซ่อนเงินจากเจ้าอาวาสชุน ได้มากมายถึงเพียงนี้ เสียดายที่ตามกฎชะตาฟ้า นางต้องนำเงินไปทำบุญที่อารามเต๋าครึ่งหนึ่ง

          ในจดหมายระบุไว้เป็นอย่างดี ว่าต้องบริจาคเงินให้อารามในช่วงเวลาใด หลินซือเยว่คำนวณไว้เรียบร้อย ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพียงแต่ไม่มีให้ใช้อย่างมือเติบอีกต่อไป

          ยามอู่(11.00-12.59)ทั้งสามคนเดินทางออกจากอำเภอฝู

          หลินซินเยว่เปิดหน้าต่างมองดูทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย นางทะลุมิติมาอยู่ยังโลกแห่งนี้ได้สิบปีเต็มแล้วสินะ เดิมทีเจ้าของร่างเดิมเป็นบุตรสาวของนายท่านรองตระกูลหลิน มีบิดามารดาและพี่ชาย เพิ่งมีน้องสาวหลังจากที่นางออกจากตระกูลหลินมาแล้ว จึงยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สำหรับคนอื่น ๆ ในตระกูลหลินนั้น เจ้าของร่างเดิมแทบไม่มีความทรงจำมากนัก ทุกอย่างจึงเลือนรางยากแก่การเข้าใจได้

          หลินซินเยว่ในวัยห้าขวบได้ประสบอุบัติเหตุ ทำให้กลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน พูดจาติดอ่างเคลื่อนไหวเชื่องช้า สมองได้รับผลกระทบ จากการตกลงมาจากต้นไม้สูง ตอนนั้นมีนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งมาทำนายเอาไว้ ว่าดวงชะตาของนางจะทำให้ตระกูลหลินตกต่ำ ให้นำนางออกจากตระกูลหลินไปอยู่ที่อื่น และห้ามคนในครอบครัวพบเจอหน้านางอีก

          แม้บิดามารดาของหลินซินเยว่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจขัดขืนความประสงค์ของผู้ใหญ่ในตระกูลได้ ยิ่งตอนนั้นนายท่านใหญ่กำลังเข้ารับตำแหน่งนายอำเภอตงจี้ ตระกูลหลินทิ้งหลินซินเยว่ไว้ที่อารามไท่ผิงกวน แล้วย้ายเข้าไปอยู่ที่อำเภอตงจี้ จากนั้นเพียงสามปีพวกเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองหลวง เหตุเพราะนายท่านใหญ่สร้างผลงานใหญ่หลวง จนได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย มีหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกันประตูวังหลวง

          หลินซินเยว่กลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนในวัยห้าขวบ ถูกเลี้ยงดูอยู่ในอารามไท่ผิงกวนอย่างยากลำบาก เจ้าอาวาสยอมรับเด็กปัญญาอ่อนเข้ามาเลี้ยงดู เพราะตระกูลหลินรับปากบริจาคเงินให้แก่ทางอารามทุกปี ปีละหนึ่งร้อยตำลึง จนกว่าหลินซินเยว่จะไม่ได้อยู่ในอารามอีกต่อไป แต่การเลี้ยงเด็กปัญญาอ่อนผู้หนึ่งไหนเลยจะง่าย

          ยามนั้นเผิงฉือที่ถูกโจรป่าปล้นชิงระหว่างเดินทางกลางหุบเขา นางสูญเสียสามีและลูกสาวไปในวัยห้าขวบไป กลายเป็นคนใกล้เสียสติ เดินโซซัดโซเซไปทั่ว กระทั่งมาเจอเด็กสาวผู้หนึ่งกลิ้งตกลงมาจากเนินเขา หัวกระแทกเข้ากับก้อนหินจนหมดสติไป

          เจ้าอาวาสชุนวิ่งหน้าตาตื่นมาดูอาการของหลินซินเยว่ อีกทั้งยังต้องหิ้วสตรีใกล้บ้ากลับอารามไปด้วย ผ่านไปสองวันสองคืนหลินซินเยว่ถึงได้ฟื้นคืนสติ อาการปัญญาอ่อนจะเรียกว่าหายก็ไม่ได้ เพราะยังมึนงงสับสน นั่งเหม่อดวงตาเลื่อนลอย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พูดจายังไม่รู้เรื่อง นั่นคือตอนที่หลินซือเยว่ในยุคปัจจุบันทะลุมิติมา

          เจ้าอาวาสชุนมองเห็นโอกาสดีของทั้งคู่ จึงขอให้เผิงฉืออยู่เลี้ยงดูหลินซินเยว่จนเติบใหญ่ วันข้างหน้าจะได้พึ่งพาบุญวาสนาของนาง เผิงฉือที่เพิ่งสูญเสียทุกสิ่งอย่างในชีวิตไป ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับในทันที 

          หลินซือเยว่ที่ข้ามมิติมานั้น ต้องใช้เวลาถึงสองวันกว่านางจะเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้ แต่เพราะร่างกายของเจ้าของร่างเดิมนั้น เป็นเด็กปัญญาอ่อนจากการเกิดอุบัติเหตุ การที่จะพูดคุยกับผู้อื่นให้เป็นปกติ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ระหว่างนั้นสิ่งที่ทำให้นางต้องตื่นตะลึงก็คือ

          นางไม่เพียงแค่ระลึกอดีตอันน้อยนิดของคุณหนูตัวน้อยผู้นี้ได้ จำปัจจุบันที่จากมาได้ ว่าตัวเองเป็นถึงหมอศัลยกรรมชื่อดังของประเทศหนึ่ง แต่ว่านางยังระลึกอดีตชาติอันไกลโพ้นได้อีกด้วย อดีตกาลนั้นนางเคยเป็นถึงปรมาจารย์เต๋าเลื่องชื่อ ล่วงรู้ความลับฟ้า รักษาผู้คนได้ อีกทั้งยังมีดวงเนตรทิพย์ สามารถมองเห็นวิญญาณคนตายได้ด้วย

          หลินซือเยว่ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่นาน นางกลายเป็นคนที่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต อยู่ในคนคนเดียว ความสามารถนั้นล้นหลามจนตัวนางไม่อยากเชื่อ เมื่อนางอายุสิบขวบดวงเนตรทิพย์ของนางเริ่มทำงาน นางมองเห็นวิญญาณคนตายเต็มไปหมด ไม่ใช่โลกที่นางต้องการแม้แต่น้อย นางเค้นเอาความสามารถในอดีตกาลออกมา ร่ายคาถาปิดผนึกดวงเนตรทิพย์ไม่ให้มองเห็น เช่นนั้นนางถึงอยู่อย่างสงบมาได้จนถึงทุกวันนี้

          ใครจะคาดคิดว่าหลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อน ที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้ว ทั้งยังจำอดีตชาติอันรุ่งเรืองได้อีกด้วย ผู้คนอาจคิดว่านางเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาสชุน แต่ในความเป็นจริงนั้น เจ้าอาวาสชุนต่างหากที่ยกให้นางเป็นอาจารย์ เรียนรู้เคล็ดวิชาเต๋าขั้นสูงจากนาง เพียงแต่นางไม่กล้ารับไว้ และยกให้ท่านเป็นอาจารย์ไว้เช่นเดิม 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   3 : เกิดเรื่องที่ศาลาพักม้า   

    3 : เกิดเรื่องที่ศาลาพักม้า หลินซือเยว่ในอดีตกาลนั้น มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้คน เปิดดวงเนตรทิพย์สื่อสารกับเหล่าดวงวิญญาณ ตรงกันข้ามกับนางในตอนนี้ ใช้ชีวิตด้วยความระแวดระวัง ไม่ยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นเกินความจำเป็น นั่นเพราะนางมาอยู่ในร่างนี้ในวัยเด็ก ที่มีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น แต่ละวันจึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไร้คนมีฝีมือข้างกายทรัพย์สินเงินทองนั้นยิ่งไม่มี กว่านางจะรอให้ตัวเองเติบโต มีกำลังพอจะลงจากเขาไปรักษาผู้คนได้ ก็ยามเมื่ออายุสิบปีเสียก่อน ยามนี้นางอายุสิบหกปี เคยไปไกลสุดแค่อำเภอฝู การเดินทางกลับตระกูลหลินคราวนี้ นับว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของนางในโลกนี้ก็ว่าได้ จะว่าไปแล้วพ่อแม่พี่ชายหรือคนตระกูลหลินหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น นางนึกไม่ออกเลยจริง ๆ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อใดที่หลินซือเยว่บอกให้หยุด เส้นทางข้างหน้ามักจะมีปัญหาอยู่เสมอ ในคราแรกหลินอ้ายก็โต้แย้งอยู่บ้าง ต่อมาถึงรู้สิ่งใดที่คุณหนูรองผู้นี้เอ่ยออกมา มักกลายเป็นเรื่องจริงในภายหลัง โดยเฉพาะหลังออกจากอำเภอฝูได้วันเดียว ลมหนาวมาเยือนอย่างกะทันหัน ตกดึกหิมะตกหนักในทันที เรียกได้ว่าปีนี้อ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   4 : ช่วยต่งฮูหยินทำคลอด

    4 : ช่วยต่งฮูหยินทำคลอด เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ดังแข่งกับเสียงอาวุธกระทบกันในความมืด สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน ที่อยู่บริเวณรอบข้างเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปราย หนทางยามค่ำคืนนั้น ไม่เหลือทางรอดให้พวกเขา ภายในกระโจมหลินซือเยว่ตรวจดูต่งฮูหยินแล้วชะงักไป นางหันไปทางแม่นมฉี “ฮูหยินของเจ้าตั้งท้องได้กี่เดือนแล้ว” แม่นมฉีลอบกลืนน้ำลายเบา ๆ “เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ” “เจ็ดเดือน ! คุณหนูเจ้าคะ นี่น้ำคร่ำแตกแล้ว” เผิงฉือเคยคลอดลูกมาก่อน ย่อมรู้ว่าน้ำคร่ำแตกนั้นหมายความว่าจำเป็นต้องคลอดทารกออกมา แต่ว่าอายุครรภ์เพียงเจ็ดเดือนนั้น ค่อนข้างอันตรายไม่น้อย รีบหันไปทางแม่นมฉี แล้วขึงสายตามองนางตรง ๆ “นี่เจ้าน่ะ หากคุณหนูของข้าช่วยทำคลอดให้ ไม่ว่าคนจะเป็นหรือตาย เจ้าห้ามโทษคุณหนูของข้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าก็พาฮูหยินของเจ้า ออกจากกระโจมของคุณหนูข้าไปเสีย” “แม่นาง ได้โปรด...ช่วยลูกข้าด้วย” ต่งฮูหยินฝืนความเจ็บเอ่ยออกมา สายตาจดจ้องไปยังหลินซือเยว่ เหมือนรู้ว่านางคือคนที่จะชี้ชะตาของตัวเองกับลูกได้

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   5 : เหตุใดไม่ให้คุณหนูของข้าเข้าจวน  

    5 : เหตุใดไม่ให้คุณหนูของข้าเข้าจวน “คุณหนูเหตุใดไม่ยอมบอกชื่อแซ่แก่พวกเขาล่ะเจ้าคะ ข้าดูแล้วพวกเขาคงมีฐานะใหญ่โตอยู่ไม่น้อย วันข้างหน้าอาจได้พึ่งพากันก็เป็นได้” เผิงฉือรินน้ำชาใส่ถ้วยเลื่อนให้ผู้เป็นนาย “เหตุใดป้าเผิงถึงอยากพึ่งพาคนแปลกหน้าล่ะ” เผิงฉือพูดไม่ออก นั่นสินะ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด หลินซือเยว่กลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน “หากมีวาสนาต่อกันจริง วันข้างหน้าก็ต้องได้เจอกันอีก แต่หากไร้วาสนารู้จักชื่อแซ่ไปก็เปล่าประโยชน์” “จริงของคุณหนูเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหนูไปถึงตระกูลหลินแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง” หลินซือเยว่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ นางไม่อาจล่วงรู้ชะตาของตนเองได้ นี่คือสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน ยามได้ล่วงรู้ความลับของสวรรค์ “ดีหรือไม่ดีแล้วอย่างไรเล่า” นางเอ่ยคล้ายไม่แยแสในชีวิตวันข้างหน้าของตนเอง เผิงฉือได้แต่ลอบพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ คุณหนูของนางช่างเย็นชาเสียจริง เมืองหลวง จวนตระกูลหลิน หิมะยังคงโปรยปรายลงมาดั่งสายฝน รถม้าของหลินอ้ายถูกขวางไว้ตรงหน้าประตูด้านข้าง เสียงคนคุยกันด้านนอกรถม้า ทำให้หลินซือเย

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   6 : ตระกูลหลิน    

    6 : ตระกูลหลิน ห้องโถงใหญ่จวนตระกูลหลิน หญิงชราในวัยเจ็ดสิบห้าปี มวยผมต่ำไว้ด้านหลัง ปักด้วยปิ่นทองรูปหงส์หนึ่งอัน นางคือฮูหยินเฒ่า เจียงลี่เฟย นางได้เรียกลูกชายทั้งสองกับเหล่าลูกสะใภ้เข้ามาหารือเรื่องสำคัญ นายท่านใหญ่หลินเฉินนั่งอยู่ฝั่งขวา พร้อมด้วยหวางฮูหยิน หวางหลี่จิ้ง ฝั่งซ้ายเป็นนายท่านรองหลินเต๋อและเถียนฮูหยิน เถียนจินเยว่ “ข้าให้นางไปอยู่เรือนเฟยเฟิ่ง พวกเจ้าเห็นชอบว่าอย่างไร” ฮูหยินเฒ่านั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง หันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองด้วยความลำบากใจ หลินเฉินผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เขาหันไปมองน้องชายราวกับประเมินความรู้สึกของอีกฝ่ายไปด้วย “น้องรองเจ้าว่าอย่างไร” หลินเต๋อเป็นน้องชายที่เชื่อฟังพี่ชายมาโดยตลอด เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยแย้งอันใดออกมา เป็นเถียนฮูหยินที่เอ่ยขึ้น “ท่านพี่นางเป็นลูกสาวของเรานะ” เอ่ยแล้วกลั้นน้ำตาที่เอ่ยคลอเบ้าไม่อยู่ “นางมีดวงชะตาไม่ดี ทำให้ตระกูลหลินต้องตกต่ำ ไม่อาจให้นางเข้ามาอยู่ในจวนตระกูลหลินได้” ฮูหยินเฒ่าปรามลูกสะใภ้รองด้วยสายตาดุดัน “ท่านแม่ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่ที่ท่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน

    7 : ข้าพิการนางปัญญาอ่อน ตระกูลโจว มีบุรุษรูปร่างผ่ายผอมทว่ายังมองเห็นเค้าโครงความหล่อเหลา กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียง ด้านข้างมีคนสนิทอย่างชุยเหลียง คอยรายงานข่าวคราวให้เขาฟัง “เจ้าบอกว่าตระกูลหลินไม่ยอมรับนางเข้าจวนอย่างนั้นรึ” “ขอรับคุณชายใหญ่ พวกเขาอ้างว่าดวงชะตาของนางไม่เป็นมงคล มีผลให้ตระกูลหลินตกต่ำหรือล่มจมลงได้ จึงให้นางพักอาศัยอยู่นอกจวน ห่างจากจวนใหญ่ไปหลายตรอกอยู่เหมือนกัน” “นางคงเหมือนกับข้าสินะ เมื่อไร้ค่าก็หมดประโยชน์” “ตระกูลหลินทำไม่ถูก เหตุใดถึงได้มอบสตรีปัญญาอ่อนผู้นั้นมาแต่งงานแทน หากท่านไม่ให้ข้าไปตามสืบก็คงไม่รู้ ว่าตอนเด็กนางได้รับอุบัติเหตุจนมีอาการปัญญาอ่อนขึ้น” ชุยเหลียงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ นี่มันหยามหน้ากันเกินไปแล้ว “ข้าพิการนางปัญญาอ่อน เหตุใดจะไม่เหมาะสมกันเล่า” “คุณชายใหญ่ !” “งานแต่งจะยังเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดบอกได้ ชุยเหลียงเจ้าอย่าได้กังวลไปนักเลย ไม่ใช่ว่าวันนี้ท่านหมอเจินต้องเข้ามาดูอาการของข้าหรือ” “ขอรับ สักพักคงมาถึงแล้ว คุณชายใหญ่ต้องการย้ายไป

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   8 : เนรเทศทั้งตระกูล  

    8 : เนรเทศทั้งตระกูล หลายวันต่อมา เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ประตูวังหลวง มีคนร้ายจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปภายในวังหลัง ทำร้ายพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จนเกือบสูญเสียเด็กในครรภ์ หลังจับกุมคนร้ายได้บางส่วน พวกมันต่างซัดทอดไปยังที่ปรึกษาเว่ยเว่ย เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลินเฉินในยามนั้นปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่จดหมายที่อยู่บนตัวของคนร้าย กลับเป็นลายมือของเขาอย่างชัดเจน ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งปลดหลินเฉินออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย และลงโทษคนตระกูลหลินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย มีราชโองการให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมด และเนรเทศคนตระกูลหลินออกไปยังชายแดน ห้ามกลับเข้ามาเหยียบเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต หลังรับราชโองการ คนตระกูลหลินถึงกับล้มทั้งยืน ไม่ทันได้เก็บข้าวของอันใด ทหารก็บุกเข้ามายึดทรัพย์สินและจับกุมทุกคนไปห้องขัง เสียงร้องไห้ของสตรีบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของบุรุษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนทั้งตระกูลสามสิบกว่าชีวิต ถูกขังรวมไว้ด้วยกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิงแต่อย่าง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   9 : พบหน้าในคุก      

    9 : พบหน้าในคุก เมื่อควบม้ามาถึงเรือนเฟยเฟิ่ง หิมะที่หยุดตกไปก่อนหน้ากลับโปรยปรายลงมาอีกหน มีทหารมารออยู่ภายในห้องโถง เพื่อรอนางกลับมาจริง ๆ เผิงฉือถูกสั่งให้เตรียมห่อผ้าเอาไว้ล่วงหน้า หลินซือเยว่สั่งให้นางเย็บห่อผ้าแบบสมัยใหม่ เป็นเป้ผ้าขนาดใหญ่ใส่ของได้เยอะ แต่ที่นางคิดไม่ถึงคือเผิงฉือกลับเตรียมเป้ของตัวเองเอาไว้ด้วย “คุณหนูไปไหนข้าไปด้วยเจ้าคะ” “ป้าเผิง การถูกเนรเทศไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรข้าก็ไม่อาจรู้ได้” “ข้าไม่กลัว ข้าเสียครอบครัวไปหมดแล้ว ที่มีชีวิตอยู่มาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะคุณหนูนะเจ้าคะ หากไม่มีคุณหนูข้าเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม” เผิงฉือตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ป้าเผิงท่านคิดดีแล้วหรือ” “ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ” หลินซือเยว่ไม่อาจฝืนใจผู้อื่นได้ นางหันไปมองรอบกาย “แล้วหลินอ้ายล่ะ” “หลินอ้ายมีสัญญาซื้อขายตัวกับตระกูลหลิน ยังไงก็ต้องถูกเนรเทศไปกับตระกูลหลินเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ” เสื้อกันหนาวอย่างอุ่นถูกเตรียมพร้อมเอาไว้ ผ้าห่มอย่าหนากับของใช้บางอ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ

    10 : ออกเดินทางท่ามกลางหิมะ จวนแม่ทัพโจว หลังจากหลินซือเยว่จากไปแล้ว ช่วงดึกท่านหมอเจินได้เดินทางกลับมาพอดี เขาได้ตรวจดูอาการของโจวจื่อถง ปรากฏว่าร่างกายของชายหนุ่มดีขึ้นถึงสามส่วน ชุยเหลียงรีบนำกระดาษที่หลินซือเยว่ให้ไว้มอบให้เขาตรวจดู หลังจากนั่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ ท่านหมอเจินดวงตาฉายแววยินดีออกมา “นี่เป็นหมอเทวดาท่านไหนกัน” “ไม่ใช่หมอเทวดาที่ไหนหรอก เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น” “แล้วนางอยู่ที่ไหน ข้าต้องการหารือเรื่องรักษากับนาง” ชุยเหลียง “ท่านหมอเจินนี่หมายความว่า” “เจ้าโง่นัก อาการของคุณชายใหญ่ดีขึ้นหลังนางฝังเข็มให้ นั่นหมายความว่านางรักษาได้ผล แล้วรูปแบบการฝังเข็มเช่นนี้ มหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าสามารถฝังเข็มรักษาแบบนี้ได้” ชุยเหลียงได้รับคำยืนยันเช่นนี้ เกิดนึกเสียดายในโอกาสรักษาของคุณชายใหญ่ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านหมอเจินได้รับรู้ หลังฟังจบท่านหมอเจินมีเพียงคำพูดเดียว คือน่าเสียดายจริง ๆ แต่ว่าเขายังมีความหวังอยู่ เพราะหลินซือเยว่ได้แนะนำวิธีการรักษาไว้อย่างละเอียด เพ

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   75 : ตอนพิเศษ 4 : พระชายานางไม่คู่ควร

    4 : พระชายานางไม่คู่ควร ฮู่ตงหยางนำเรื่องสำคัญ มาขอคำชี้แนะจากพระชายา เดิมทีเผิงฉือไม่อยากให้เขาไปรบกวนหลินซือเยว่ แต่ทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จึงได้เข้าไปรายงานพระชายาให้รับรู้ “หากไม่มีเรื่องสำคัญคงไม่มาหาข้า ป้าเผิงให้องครักษ์ฮู่เข้ามาเถอะ” หลินซือเยว่ยามนี้ใบหน้าอิ่มเอิบ เหมือนคนถูกเติมเต็มไปด้วยความรัก “เพคะพระชายา” เผิงฉือยามได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของผู้เป็นนาย ราวกับก้อนหินหนักอึ้งในใจถูกวางลง เหลียงอ๋องยามนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าได้มอบความรักให้พระชายาเพียงผู้เดียวจริง ๆ “พระชายา” ฮู่ตงหยางเข้าไปคำนับหลินซือเยว่ พร้อมกับเล่าความปรารถนาของตนเอง ให้พระนางฟังอย่างละเอียดทุกเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องของเขาแม้แต่น้อย กลับเป็นเรื่องราวความรักของสวีวั่งซูแทน “องครักษ์ฮู่ท่านกล้าเอาเรื่องเหลวไหลมาเอ่ยกับพระชายาเชียวรึ” เผิงฉือขึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “ท่านป้าเผิง ข้าแค่เป็นห่วงวั่งซูเกรงว่าเขาจะพบเจอคนไม่ดีเข้า” หลินซือเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ออกไปเที่ยวชมเมืองเล่นอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป “ร

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   74 : ตอนพิเศษ 3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ    

    3 : ข้าอยากได้ลูกชายตัวอ้วน ๆ ชีวิตของการเป็นพระชายาของเหลียงอ๋อง ไม่ได้ทำให้หลินซือเยว่ถูกขังอยู่แต่ในจวนได้ บางวันนางออกไปท่องเที่ยวข้างนอก ทำให้นางได้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองเหลียงมากขึ้น เซวียนหมิงยู่รู้ว่าห้ามนางไม่ได้ จึงยอมปลอมตัวออกไปเที่ยวข้างนอกกับนางด้วย “ท่านอ๋อง ท่านจะไปข้างนอกกับพระชายาข้าไม่ว่า แต่เหตุใดไม่ให้ข้ากับตงหยางไปด้วยเล่า” สวีวั่งซูเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นนาย “วั่งซูเจ้าคิดว่าในเมืองเหลียงแห่งนี้ มีใครทำอันตรายข้ากับพระชายาได้บ้าง ลำพังข้าไม่เป็นไรแต่พระชายานั้น อย่าได้ดูแคลนฝีมือนางเด็ดขาด” สวีวั่งซูหันไปมองสหายด้านข้าง ฮู่ตงหยางกระซิบเบา ๆ “ขนาดฟ้ายังเรียกมาผ่าจวนหยางอ๋องได้ ข้าว่าเจ้าวางใจเถอะ ให้ท่านอ๋องไปกับพระชายาสองต่อสองเถอะ” สวีวั่งซูคล้ายไม่ยินยอมแต่ทำอันใดไม่ได้ เพราะพระชายาในชุดปลอมตัวเป็นบุรุษ ได้เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “พระชายาหน้าข้ามีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีวั่งซูแปลกใจเล็กน้อย พระชายาไม่เคยมองเขาแบบนี้มาก่อน นี่คล้ายกำลัง

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   73 : ตอนพิเศษ 2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา

    2 : มอบจวนให้ท่านพ่อตา ตระกูลหลินสายรอง หลังจากหลินซือเยว่ได้แต่งงานเข้าจวนเหลียงอ๋องได้สองเดือน ครอบครัวของนางต้องหารือกันครั้งใหญ่ เพราะการกระทำของพวกเขาทุกคน จะส่งผลต่อฐานะพระชายาของหลินซือเยว่ไปด้วย หลินซูฮวารับบทหนักกว่าผู้อื่น มารดาของนางถึงกับจ้างคนมาสั่งสอน เรื่องที่บุตรีตระกูลมีชื่อเสียงต้องร่ำเรียนกัน “เจ้าต้องจำเอาไว้ซูฮวา เจ้าคือน้องสาวของพระชายาเหลียงอ๋อง จะทำสิ่งใดต้องมีผู้คนจับตามอง ข้าไม่อยากให้พวกเราทุกคน ทำร้ายพระชายาไปมากกว่านี้” เถียนฮูหยินสั่งสอนบุตรสาวคนเล็ก ในยามที่นางโอดครวญไม่อยากร่ำเรียน “ท่านแม่ข้าก็บ่นไปเช่นนั้นเอง ความจริงข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี” หลินซูฮวาเดินเข้าไปกอดแขนมารดาเอาไว้แน่น “ท่านพ่อก็เหมือนกัน ท่านอย่าได้ไปคบหาพวกอันธพาลเข้าล่ะ ห้ามไปบ่อนเด็ดขาด” หลินซีฮันรู้สึกว่าหากปล่อยปละละเลย บิดาของเขาคงถูกคนล่อลวงไปได้ง่าย ๆ “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หลินเต๋อหลบสายตาบุตรชาย ต่อไปนี้ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้แล้วล่ะ “ท่านพี่ต่อไปพวกเราไม่ต้องไปที่หอโอสถทุกวันแล้วล่ะ ข้าว่าให้ผู้ดูแลร้านเขา

DMCA.com Protection Status