"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้
หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน
หลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"
ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"
หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขา
แม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที
"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"
หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "ขอบคุณค่ะ สหายหลี่ ฉันจะจำไว้"
ในขณะที่สนทนากัน หลินชิงชิงสังเกตเห็นว่าหลี่เหว่ยมีบาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลออกมาไม่หยุด เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "สหายหลี่ คุณได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเลยนะคะ"
หลี่เหว่ยพยายามฝืนยิ้ม "ผมแค่โดนหมูป่าไล่ขวิดน่ะครับ เลยมีเลือดออกมานิดหน่อย โชคดีที่มันบาดเจ็บอยู่แล้ว เลยไม่มีแรงพอจะฆ่าผมได้" เขาหัวเราะแห้ง ๆ บาดแผลนี้ทำให้ชายหนุ่มเจ็บจนแทบขยับตัวไม่ได้ แต่เขาไม่อยากให้เด็กสาวต้องกังวล
หลินชิงชิงขมวดคิ้วมุ่น มองบาดแผลนั้นด้วยสายตาเป็นห่วง เธอแสร้งล้วงมือเข้าไปในตะกร้า ก่อนจะหยิบขวดยาสีเข้มออกมาออกมาจากห้องปรุงยาในมิติของเธอ ทันใดนั้น หลี่เหว่ยก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นขวดยา "นั่นอะไรน่ะครับ?" เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ยาห้ามเลือดค่ะ" หลินชิงชิงตอบ พลางเปิดฝาขวด เทผงยาสีน้ำตาลลงบนบาดแผลอย่างเบามือ
หลี่เหว่ยรู้สึกแสบเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเลือดหยุดไหลอย่างน่าประหลาดใจ "ยาดีนี่ ขอบคุณมากนะสหายหลิน" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มเข้ม
หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบาง มือเรียวเก็บขวดยาเข้าตะกร้าสานใบเล็กอย่างเรียบร้อย ภายในตะกร้าเต็มไปสมุนไพรและผักป่านานาชนิดที่เธอเก็บมาจากในมิติ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ" น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน "แต่คราวหลังสหายหลี่ก็ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ อย่าให้ต้องเจ็บตัวอีกเลย" ดวงตาใสซื่อสบตามองหลี่เหว่ยด้วยความห่วงใย
หลี่เหว่ยรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด หัวใจที่เคยด้านชาจากการต่อสู้กับความอยุติธรรม กลับเต้นแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าคมคายแดงระเรื่อ "ครับ ผมจะระวังตัวให้มากขึ้น" เขาตอบรับคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาจ้องมองหลินชิงชิงไม่วางตา ไม่ใช่เพียงเพราะยาดีที่เธอมีให้ แต่เพราะความห่วงใยจากใจจริงที่เธอมีให้ต่างหาก มันทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
หลินชิงชิงหันไปมองหมูป่าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น "เดี๋ยวหมูป่าตัวนี้เราแบ่งกันคนละครึ่งนะคะ ก่อนที่ฉันจะฆ่ามัน คุณก็ได้จัดการมันจนบาดเจ็บสาหัส" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลี่เหว่ยส่ายหน้าปฏิเสธ "คุณเป็นคนฆ่ามันให้ตาย ไม่งั้นผมคงจะไม่มีชีวิตรอด ผมขอแค่เนื้อบางส่วนก็พอครับ นอกนั้นสหายหลินเอาไปเถอะ"
หลินชิงชิงยิ้มรับ "ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหาคนมาช่วยขนหมูนะคะ "
"ผมคงต้องรบกวนคุณอีกแล้ว" หลี่เหว่ยกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
หลินชิงชิงมองคนร่างสูงที่พยายามพยุงตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าคมคายนั้นซีดเผือด แต่แววตากลับมุ่งมั่น
คนร่างบางรู้สึกใจเต้นแปลกๆ ใบหน้าหล่อเหลาของคุณพระเอกในระยะใกล้ชวนให้ใจสั่น และเธอก็พยายามระงับความรู้สึกนั้นไว้ เตือนตัวเองว่านี่คือพระเอกของนิยาย และเธอต้องไม่เข้าไปพัวพันกับเขามากเกินไป
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเต็มใจช่วย" หลินชิงชิงตอบ พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ "แต่ว่า...คุณเดินไหวเหรอคะ ดูท่าทางจะเจ็บหนักอยู่นะ"
หลี่เหว่ยพยายามขยับขา แต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด "ผมว่า...คงพอไหวครับ แต่คงจะช้าหน่อย"
หลินชิงชิงลังเล เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพระเอกมากเกินไป แต่ในเมื่อเธอช่วยเขาไว้แล้ว ก็คงต้องรับผิดชอบจนกว่าเขาจะปลอดภัย
"งั้น...เดี๋ยวฉันช่วยพยุงนะคะ" หลินชิงชิงตัดสินใจ เธอก้าวเข้าไปใกล้ ยื่นมือออกไปประคองแขนของชายหนุ่ม "จับไว้ให้แน่นนะคะ ระวังล้ม"
หลี่เหว่ยสบตามองหลินชิงชิง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มือหนาเอื้อมมาจับมือเล็กของเธอไว้ สัมผัสที่อบอุ่นส่งผ่านมา ทำให้หลินชิงชิงรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
ทั้งสองค่อยๆ เดินไปตามทาง หลินชิงชิงพยายามประคองหลี่เหว่ยอย่างระมัดระวัง สายตาของเธอเหลือบมองใบหน้าคมคายของเขาเป็นระยะ และหลี่เหว่ยเองก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนจากสัมผัสของเด็กสาว หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปตามทางดินแคบๆ สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของพวกเขาเป็นระยะๆ คล้ายกับจะปลอบประโลมความเจ็บปวด
เมื่อเดินมาถึงจุดที่น้องชายของเธอกำลังเก็บฟืนอยู่ หญิงสาวเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสดใส "เสี่ยวหลง น้องเก็บฟืนได้เยอะหรือยัง"
"ผมเก็บฟืนได้เยอะเลยครับ พอใช้งานได้หลายวัน" หลินเสี่ยวหลงตอบกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนเป็นพี่สาว เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มแปลกหน้ายืนอยู่ข้างๆ
"แล้วนี่พี่ชายคนนี้คือใครครับ" เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มยิ้มให้หลินเสี่ยวหลงอย่างเป็นมิตร "พี่ชื่อ หลี่เหว่ยนะ พอดีพี่โดนหมูป่าไล่ล่า แล้วถูกพี่สาวของเสี่ยวหลงช่วยชีวิตไว้"
หลินเสี่ยวหลงมองหลี่เหว่ยด้วยความชื่นชม "พี่ชายเก่งจังเลยครับ โดนหมูป่าไล่ล่า ยังรอดมาได้"
หลี่เหว่ยหัวเราะเบาๆ "ก็ไม่เชิงหรอก ถ้าไม่ได้พี่สาวของน้องช่วยไว้ พี่คงแย่แน่ๆ" เขาหันไปมองหลินชิงชิงด้วยดวงตาเป็นประกาย
ดวงตาของหลินเสี่ยวหลงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ "พี่สาวเก่งมากเลยครับ" เขาอุทานออกมาอย่างภาคภูมิใจ
"พี่สาวของเสี่ยวหลงเก่งจริงๆ นะ" หลี่เหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย "เธอใช้ธนูยิงหมูป่าจนมันตาย พี่เลยรอดมาได้"
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หลินชิงชิงหันไปบอกหลี่เหว่ยด้วยรอยยิ้มหวาน "สหายหลี่..บ้านของพวกเราอยู่ท้ายหมู่บ้าน อยู่ไม่ไกลจากนี้แล้วค่ะ อีกเดี๋ยวก็ถึง อดใจรอนิดนึงนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปตามคนมาช่วยหามหมูป่าตัวนั้นลงมา"
เขาพยักหน้ารับ "ขอบคุณสหายหลินมากครับ"
เมื่อพวกเขาทั้งสามกลับมาถึงบ้าน เธอก็รีบยกตะกร้าที่ใส่ผักป่า สมุนไพร และฟืนที่เก็บมาได้ระหว่างทางเข้าไปไว้ในครัว ก่อนจะหันมาบอกหลี่เหว่ยที่ยังคงยืนรออยู่หน้าบ้านอย่างใจเย็น "สหายหลี่ เข้าไปนั่งรอในบ้านก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปไปตามคนมาช่วยหามหมูป่าลงมา"
หลี่เหว่ยพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะที่อยู่ในลานบ้านอย่างว่าง่าย หลินชิงชิงมองตามแผ่นหลังของเขา ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากบ้านไป
เธอรู้ว่าต้องรีบหน่อย เพราะตอนนี้ใกล้จะเย็นมากแล้ว ถ้าหากล่าช้าอาจจะมืดลงเสียก่อน การเดินทางก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น หลินชิงชิงมุ่งหน้าไปยังบ้านของลุงหวัง เพื่อนสนิทของพ่อเธอ เธอรู้ว่าลุงหวังมีลูกชายที่แข็งแรงหลายคน พวกเขาน่าจะช่วยหามหมูป่าลงมาได้ไม่ยาก
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ หลินชิงชิงเร่งฝีเท้าจนในที่สุดก็มาถึงบ้านของลุงหวัง
"ลุงหวัง ลุงหวัง " เสียงของหลินชิงชิงดังขึ้นหน้าบ้าน หวังเค่อที่กำลังนั่งซ่อมเครื่องมือทำไร่อยู่รีบวางมือแล้วเดินออกมาดู
"ชิงชิง หลานมีเรื่องอะไรหรือ ถึงวิ่งมาตื่นมาถึงบ้านลุงได้" หวังเค่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าร้อนใจของหลานสาว
"คุณลุงคะ หนูพอดีหนูได้ช่วยยุวชนปัญญาที่ชื่อว่าหลี่เหว่ย เขาได้ถูกหมูป่าไล่ล่า ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกหมูป่าทำร้าย หนูได้ทำการช่วยชีวิตเขาโดยการฆ่าหมูป่าที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้น จนมันเสียชีวิตค่ะ หนูต้องการให้ลุงช่วยขนหมูตัวนั้นลงจากภูเขา" หลินชิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
"อะไรนะ แล้วเจ้าหนุ่มยุวชนปัญญาเป็นอย่างไรบ้าง" หวังเค่อรู้สึกตกใจ
"เขาบาดเจ็บที่ขาค่ะ เดินไม่ไหว หนูเลยประคองเขาลงมาจากภูเขาและรีบวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากลุง"
"ไม่ต้องห่วงนะชิงชิง เดี๋ยวลุงจะไปหามหมูป่าลงมาจากภูเขาเอาลงมาให้" หวังเค่อปลอบใจหลานสาว ก่อนจะหันไปตะโกนเสียงดัง "อาเฉียง อาหลง อาจิ้น รีบมาเร็วเข้า มีเรื่องด่วน" ลูกชายทั้งสามของหวังเค่อรีบวิ่งหน้าตั้งมาหาบิดาด้วยความร้อนใจ
"เกิดอะไรขึ้นพ่อ" หวังเฉียง ลูกชายคนโตเอ่ยถาม
"หลี่เหว่ย ยุวชนปัญญาโดนหมูป่าทำร้าย หลินชิงชิงไปช่วยไว้ได้ แต่หมูป่าตัวนั้นตาย พวกแกรีบขึ้นเขาไปดูหน่อย แล้วเอาหมูป่าตัวนั้นลงมาด้วย" หวังเค่อสั่งลูกชายทั้งสาม
"ได้เลยพ่อ พวกเราพร้อมแล้ว" หวังหลง ลูกชายคนกลางตอบรับ
"ชิงชิง หนูรีบพาพวกเราไปหาหมูป่าเถอะ ถ้ามันตัวใหญ่หนูก็สามารถนำมาขายให้พวกชาวบ้านได้จะได้มีเงินมาซ่อมแซมบ้านเรือนที่ผุพังของหนู" คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหวังดีต่อเด็กสาว
หลินชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองลุงหวังด้วยความซาบซึ้ง "ขอบคุณมากค่ะลุง" เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สดใส ก่อนจะรีบพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังจุดที่หมูป่านอนเสียชีวิต
เมื่อมาถึงจุดหมาย ทุกคนต่างช่วยกันหามหมูป่าตัวใหญ่ลงมาจากเนินเขาด้วยความยากลำบาก และในที่สุด พวกเขาก็สามารถนำหมูป่าลงจากภูเขาสูงชันได้สำเร็จ
"โอ๊ย...เหนื่อยเสียจริง หมูตัวนี้ก็ตัวใหญ่มาก" หลินชิงชิงได้แต่บ่นอยู่ในใจ เธอปาดเหงื่อที่ไหลอาบหน้าผากด้วยหลังมือ
"ตัวนี้น่าจะขายได้หลายหยวน ในที่สุดฉันก็จะมีเงินอยู่ในมือแล้ว" หลินชิงชิงยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะฮัมเพลงไปตลอดทาง
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องสมุดเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง หลินชิงชิงกำลังอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัวอักษรแต่ละตัวดูเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาในสายตาของเธอ พาเธอเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการที่เธอหลงใหลข้างๆ เธอ จ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิท กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียน เตรียมตัวสำหรับการสอบที่กำลังจะมาถึง แต่หลินชิงชิงกลับจมอยู่ในโลกของนิยาย"ชิงชิง! จะสอบอีกไม่กี่วันแล้วนะ เธออ่านหนังสือถึงไหนแล้วเนี่ย" เสียงจ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิทของหลินชิงชิงดังขึ้น ทำให้เธอหลุดออกจากโลกแห่งนิยายที่กำลังดำดิ่งอยู่หลินชิงชิงถอนหายใจ เธอเงยหน้าจากนิยายเล่มโปรดมองเพื่อนสนิทที่กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียนตรงหน้า เธอรู้ดีว่าจ้าวเหม่ยหลิงเป็นห่วง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการอ่านหนังสือสอบ"ฉันอ่านไปบ้างแล้วล่ะน่า" เธอตอบปัดๆจ้าวเหม่ยหลิงส่ายหัวอย่างระอาใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นคนหัวดีมีความสามารถ แต่ก็ขี้เกียจเป็นที่หนึ่ง แถมยังชอบเพ้อฝัน ชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยาย จนบางครั้งก็แยกโลกแห่งความจริงกับโลกในนิยายไม่ออก"ชิงชิง เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอยังไม่มีแฟนสักที" จ้าวเหม่
ณ มณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู หมู่บ้านหลงเหมินเสียงไอแห้ง ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของขุนเขา "เกิดอะไรขึ้น ทำไม..." หลินชิงชิงสำลักอย่างรุนแรงจนหน้าแดงก่ำ เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เธอคุ้นเคย เบื้องหน้าของเธอคือลำธารใสสะอาดที่ทอดตัวคดเคี้ยว ผืนป่าเขียวขจีปกคลุมภูเขาสูงเสียดฟ้าราวกับภาพวาดพู่กันจีน หลินชิงชิงก้มมองตัวเองด้วยความสับสน เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบเนื้อบ่งบอกว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา"ฉันควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เสียงของเธอแผ่วเบา ความสับสนและความกลัวเกาะกุมหัวใจ หลินชิงชิงพยายามรวบรวมสติหญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ พลางปัดเศษหญ้าและฝุ่นดินออกจากชุดกระโปรงสีซีดที่เธอสวมใส่อยู่ เธอจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในลำธารเบื้องหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา"เจ็บ ซี้ด... อะไรเนี่ย อีก! อ้า.... ปวดหัว" หลินชิงชิงเอามือกุมศีรษะของตัวเองและเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าริมลำธาร เธอร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันภาพความทรงจำของใครบางคนกำลังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัวของเธอ มันทำให้เ
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่