เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น
ขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม
"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ"
"ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมา
เมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ
"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"
หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจะใจอ่อนยอมให้เธอไปด้วย
หลี่เหว่ย มองหวังอ้ายหลินอย่างห่างเหินก่อนจะเอ่ย "ผมคงไปเป็นเพื่อนสหายหวังไม่ได้ครับ พอดีผมนัดกับน้องชิงชิงไว้แล้ว"
หลี่เหว่ยเดินผ่านหวังอ้ายหลินเดินไปหาเด็กสาวใบหน้าสวยหวานอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
หลินชิงชิงยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน เมื่อเห็นคุณพระเอกที่แสนดีในนิยายกำลังเดินตรงมาที่เธอด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แต่เดี๋ยวก่อน เธอไปตกปากรับคำนัดกับเขาตอนไหนกัน? หรือว่าเธอความจำเสื่อมชั่วขณะ? ยิ่งมองไปที่หวังอ้ายหลิน ก็ยิ่งเห็นเปลวไฟแห่งความเกลียดชังลุกโชนในดวงตาคู่นั้น นี่มันไม่ใช่หวังอ้ายหลิน นางเอกแสนบอบบางราวกับดอกไม้ที่เธอเคยอ่านเจอในนิยายสักนิด
"บ้าเอ๊ย ไหนใครว่านางเอกของเรื่องนี้เป็นสาวน้อยไร้เดียงสา บริสุทธิ์ดุจน้ำค้างแรกแย้มกันยะ" หลินชิงชิงสบถออกมาอย่างหัวเสีย มือบางยกขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง
"นี่มันหลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ พระเอกและนางเอกนิยายเรื่องนี้มันไม่ตรงปก" เสียงพึมพำดังขึ้นเบาๆ
เธอไม่รู้จะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ได้แต่กุมขมับ เรื่องราวชักจะยุ่งเหยิงเกินกว่าที่สมองน้อยๆ ของเธอจะรับไหว พระเอกก็มาอ้อยเธอ นางเอกก็ดูจะร้ายลึก แล้วนางร้ายอย่างเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะเนี่ย?
"คุณพระเอกก็ดันเล่นนอกบทมาสนใจนางร้ายอย่างเธอแทนซะได้" หลินชิงชิงบ่นอุบ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของวัวกระทบพื้นดินก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ บ่งบอกถึงการมาถึงของเกวียนวัวที่ชาวบ้านต่างรอคอย พวกชาวบ้านต่างทยอยขึ้นเกวียน
หลี่เหว่ยยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น "ชิงชิง พวกเราไปกันเถอะเดี๋ยววันนี้พี่จะไปส่งน้องเองครับ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาของเขาจ้องมองเธอราวกับจะรู้ว่าเธอมีจุดหมายที่ตลาดมืด
หลินชิงชิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลี่เหว่ยไปขึ้นเกวียนวัว ทิ้งให้หวังอ้ายหลิน หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงาม ยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
"นังเด็กคนนี้มันเป็นใคร กล้าดียังไงมาแย่งคนที่ฉันสนใจไป" หวังอ้ายหลินพึมพำอย่างเคียดแค้นก่อนจะตามหลี่เหว่ยขึ้นเกวียนไปติดๆ
เมื่อมาถึงในเมืองหลินชิงชิงก้าวลงจากเกวียนวัวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ทิ้งให้ฝุ่นควันจากการเดินทางลอยฟุ้งเป็นทาง ทันใดนั้นเอง หลี่เหว่ยก็กระโดดลงมาข้างๆ เธอ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
"แล้วน้องชิงชิงอยากไปที่ไหนหรือเปล่า" หลี่เหว่ยเอ่ยถามพลางปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าด้วยท่าทางสบายๆ
หลินชิงชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอรู้สึกแปลกใจที่หลี่เหว่ยเรียกเธออย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานาน
"ฉันว่าจะไปดูตลับไม้ใส่ของสวยๆ สักหน่อย" เธอตอบพลางทำตาโต "ว่าแต่... ไม่ใช่ว่าสหายหลี่จะมาซื้อของในเมืองหรือ? เหตุใดจึงเดินตามฉันมาได้ละ?"
หลี่เหว่ยหัวเราะเสียงดังลั่น "พี่ก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ชิงชิงเรียกพี่ว่าพี่เหว่ยก็ได้นะ" เขาตอบพลางขยิบตาให้หลินชิงชิงอย่างขี้เล่น
"พี่รู้ว่าชิงชิงจะไปตลาดมืด ก็เลยตามมาเป็นเพื่อนไงล่ะ ตลาดมืดมันอันตรายนะ พี่เป็นห่วงชิงชิงมากนะ"
หลินชิงชิงหน้าแดงก่ำ เธอไม่คาดคิดว่าคุณพระเอกจะเป็นห่วงเธอ แต่ในใจก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
"เช่นนั้น... ขอบคุณพี่เหว่ยมากนะคะ" หลินชิงชิงตอบเสียงแผ่ว
หลี่เหว่ยยิ้มกว้างอีกครั้ง "ไม่เป็นไรหรอกน่า ไปกันเถอะ" เขาคว้าข้อมือหลินชิงชิงแล้วจูงมือเธอเดินไปยังตลาดมืด โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนแอบตามหลังเขามาด้วยแววตาโกรธแค้น
ทั้งสองเดินเข้าไปในตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวของเมือง เสียงพ่อค้าแม่ค้าดังเซ็งแซ่ หลินชิงชิงมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ในขณะที่หลี่เหว่ยคอยระวังหลังให้เธอ
"นี่ ชิงชิงอยากได้ตลับไม้ไม่ใช่เหรอ" หลี่เหว่ยถามพลางมองไปรอบๆ
"ฉันอยากได้ตลับไม้ใส่ของที่ทำจากไม้หอมน่ะ แต่ต้องเป็นไม้หอมชั้นดีนะ"
หลี่เหว่ยพยักหน้า "เข้าใจแล้ว" เขาตอบพลางเดินนำไปยังร้านค้าแห่งหนึ่ง
"เถ้าแก่ มีตลับไม้ใส่ของที่ทำจากไม้หอมชั้นดีไหม?" หลี่เหว่ยเอ่ยถาม
เถ้าแก่ยิ้มกว้าง "มีสิ มีอยู่หลายแบบเลย" เขาตอบพลางหยิบตลับไม้หลายใบออกมาวางบนโต๊ะ
หลินชิงชิงก้มลงพิจารณาดูตลับไม้แต่ละใบอย่างละเอียด เธอหยิบตลับไม้ใบหนึ่งขึ้นมาดม "หอมจังเลย" เธอพูดพลางยิ้มกว้าง
‘เหมาะสำหรับใส่ครีมบำรุงผิวของฉันพอดีเลย’ หลินชิงชิงคิดในใจ
"น้องชิงชิงชอบไหมครับ?" หลี่เหว่ยถาม
หลินชิงชิงพยักหน้า "ชอบมากเลย" เธอตอบ "แต่ว่า... มันแพงไหมคะ?"
เถ้าแก่หัวเราะเสียงดัง "ไม่แพงหรอก ไม่แพงเลย" เขาตอบ "สำหรับสาวน้อยคนสวย เดี๋ยวลุงลดให้พิเศษเลย"
หลินชิงชิงยิ้มกว้าง "ขอบคุณนะคะ"
"ถ้าสนใจ ลุงสามารถแกะสลักชื่อของแม่หนูลงบนตลับได้นะ"
ดวงตาของหลินชิงชิงเบิกกว้างด้วยความดีใจ "จริงเหรอคะ? งั้นฉันขอสั่งตลับไม้สองแบบนี้อย่างละ 10 ชิ้น ช่วยแกะสลักชื่อ ฮวาเหม่ยเหริน ลงไปด้วยนะคะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
เถ้าแก่พยักหน้ารับคำสั่งด้วยรอยยิ้มใจดี "ได้เลยสาวน้อย เดี๋ยวแม่หนูไปเดินดูของก่อนสักชั่วโมงค่อยมาเอาของที่ร้านนะ"
หลินชิงชิงพยักหน้าให้เถ้าแก่ ก่อนจะจ่ายเงินค่ากล่องไม้ล่วงหน้า “ทั้งหมดนี้เท่าไหร่ค่ะ”
เถ้าแก่คิดราคาครู่หนึ่ง "ตลับไม้แกะสลักอย่างดีแบบนี้ ชิ้นละ 1หยวน ทั้งหมด 20 หยวนครับ"
หลินชิงชิงยิ้มกว้าง "ได้ค่ะ" เธอนับเงิน 20 หยวนที่ได้จากการขายหมูป่าส่งให้เถ้าแก่ร้าน
หญิงสาวยืนรอด้วยความตื่นเต้น ขณะดูเถ้าแก่บรรจงแกะสลักชื่อแบรนด์เครื่องสำอางของเธอลงบนตลับไม้แต่ละชิ้นอย่างประณีตบรรจง
หลี่เหว่ยหันมาถามหลินชิงชิงที่ยืนดูช่างแกะสลักด้วยแววตาเป็นประกาย "น้องชิงชิงจะไปไหนต่อหรือเปล่า?"
หลินชิงชิงยิ้มหวานให้คุณพระเอก"ฉันว่าจะไปขายสมุนไพรที่เก็บได้เมื่อวานนี้นะคะ"
หลี่เหว่ยทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ "งั้นเดี๋ยวพี่พาไปร้านที่ไม่กดราคา เจ้าของร้านขายอย่างยุติธรรม"
หลินชิงชิงมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ "พี่เหว่ยรู้จักร้านแบบนั้นด้วยเหรอคะ?"
หลี่เหว่ยยืดอกภูมิใจ "แน่นอนสิ พี่คนนี้เก่งกาจจะตายไป" ว่าแล้วเขาก็คว้าข้อมือหลินชิงชิงไป
ทั้งสองเดินไปตามถนนที่คึกคักไปด้วยผู้คน ในที่สุดก็มาถึงร้านขายสมุนไพรเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลี่เหว่ยผลักประตูเข้าไปอย่างมั่นใจ "คุณลุง พวกเรามาขายสมุนไพรครับ"
เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดบัญชี มองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงด้วยสายตาประเมิน "เอาออกมาดูหน่อยสิ"
หลินชิงชิงนำสมุนไพรลงบนเคาน์เตอร์อย่างทะนุถนอม "นี่ค่ะ สมุนไพรชั้นดีมีทั้งโสมคนและเห็ดหลินจือ สดใหม่ หนูพึ่งเก็บมาเมื่อวานนี้เอง"
เจ้าของร้านเมื่อเห็นสมุนไพรถึงกับตาโต เขาหยิบสมุนไพรขึ้นมาดมและตรวจสอบอย่างละเอียด หลี่เหว่ยยืนกอดอกมองด้วยแววตาจับผิด หากเจ้าของร้านคิดจะกดราคา เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด
"อืม... สมุนไพรพวกนี้สภาพดีทีเดียว" เจ้าของร้านพยักหน้าพอใจ "ฉันให้ราคาตามนี้..."
หลี่เหว่ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ขอบคุณมากครับคุณลุง "
ทั้งสองเดินออกจากร้านมาพร้อมกับถุงเงินที่หนักอึ้ง หลินชิงชิงยิ้มกว้าง "ขอบคุณนะคะพี่เหว่ย ที่พาฉันมาขายสมุนไพรที่ร้านนี้"
หลี่เหว่ยยักไหล่ "เรื่องเล็กน้อยน่า "
หลินชิงชิงมองคุณพระเอกด้วยความชื่นชม "พี่เหว่ยสุดยอดไปเลย ขนาดพึ่งมาอยู่ที่หมู่บ้านหลงเหมินได้ไม่นานพี่ยังรู้จักร้านค้ามากกว่าคนในพื้นที่อย่างฉันซะอีกนะคะ"
หลี่เหว่ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ "ก็พี่ตั้งใจศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีนี่นา ก็เพื่อที่จะได้มาดูแล..เอ๊ย ช่วยเหลือน้องชิงชิงได้อย่างเต็มที่ยังไงล่ะ"
หลินชิงชิงหน้าแดงก่ำ เธอรีบก้าวถอยหลัง "พี่เหว่ยพูดอะไรนะคะ"
หลี่เหว่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ "พี่ไม่ได้พูดอะไรนี่นา หรือชิงชิงคิดอะไรล่ะ" เขาแกล้งขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนหลินชิงชิงหลังติดกำแพง
"ปะ..เปล่านะคะ" หลินชิงชิงหลบสายตาชายหนุ่ม หัวใจเธอเต้นตึกตัก หรือว่าเธอจะโดนอีตาพระเอกตกให้แล้ว
"งั้นเหรอ" หลี่เหว่ยโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเกือบจะสัมผัสกัน "แต่พี่คิดไปไกลแล้วนะ"
หลินชิงชิงหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น
"ฮ่าๆๆๆๆ ชิงชิงน่ารักจัง เขินจนหน้าหน้าแดงใหญ่เลย" หลี่เหว่ยผละออกมายืนหัวเราะชอบใจ
หลินชิงชิงลืมตาขึ้นมองเขาด้วยความเขินอาย "พี่เหว่ย"
"แหม ก็ชิงชิงน่ารักนี่นา" หลี่เหว่ยยิ้มกว้าง "พี่ล้อเล่นน่ะ อย่าโกรธพี่เลยนะ"
หลินชิงชิงหน้าแดงก่ำ ไม่รู้จะเอายังไงกับคุณพระเอกดี ‘พ่อคุณช่างรุกแรงซะจริงๆ’ เธอคิดในใจ
หลี่เหว่ยยิ้มอย่างอ่อนโยน "ดีแล้วล่ะ งั้นเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า พี่รู้จักร้านอร่อยๆ เพียบเลยนะ"
หลินชิงชิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย "ค่ะ"
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องสมุดเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง หลินชิงชิงกำลังอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัวอักษรแต่ละตัวดูเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาในสายตาของเธอ พาเธอเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการที่เธอหลงใหลข้างๆ เธอ จ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิท กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียน เตรียมตัวสำหรับการสอบที่กำลังจะมาถึง แต่หลินชิงชิงกลับจมอยู่ในโลกของนิยาย"ชิงชิง! จะสอบอีกไม่กี่วันแล้วนะ เธออ่านหนังสือถึงไหนแล้วเนี่ย" เสียงจ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิทของหลินชิงชิงดังขึ้น ทำให้เธอหลุดออกจากโลกแห่งนิยายที่กำลังดำดิ่งอยู่หลินชิงชิงถอนหายใจ เธอเงยหน้าจากนิยายเล่มโปรดมองเพื่อนสนิทที่กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียนตรงหน้า เธอรู้ดีว่าจ้าวเหม่ยหลิงเป็นห่วง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการอ่านหนังสือสอบ"ฉันอ่านไปบ้างแล้วล่ะน่า" เธอตอบปัดๆจ้าวเหม่ยหลิงส่ายหัวอย่างระอาใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นคนหัวดีมีความสามารถ แต่ก็ขี้เกียจเป็นที่หนึ่ง แถมยังชอบเพ้อฝัน ชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยาย จนบางครั้งก็แยกโลกแห่งความจริงกับโลกในนิยายไม่ออก"ชิงชิง เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอยังไม่มีแฟนสักที" จ้าวเหม่
ณ มณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู หมู่บ้านหลงเหมินเสียงไอแห้ง ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของขุนเขา "เกิดอะไรขึ้น ทำไม..." หลินชิงชิงสำลักอย่างรุนแรงจนหน้าแดงก่ำ เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เธอคุ้นเคย เบื้องหน้าของเธอคือลำธารใสสะอาดที่ทอดตัวคดเคี้ยว ผืนป่าเขียวขจีปกคลุมภูเขาสูงเสียดฟ้าราวกับภาพวาดพู่กันจีน หลินชิงชิงก้มมองตัวเองด้วยความสับสน เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบเนื้อบ่งบอกว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา"ฉันควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เสียงของเธอแผ่วเบา ความสับสนและความกลัวเกาะกุมหัวใจ หลินชิงชิงพยายามรวบรวมสติหญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ พลางปัดเศษหญ้าและฝุ่นดินออกจากชุดกระโปรงสีซีดที่เธอสวมใส่อยู่ เธอจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในลำธารเบื้องหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา"เจ็บ ซี้ด... อะไรเนี่ย อีก! อ้า.... ปวดหัว" หลินชิงชิงเอามือกุมศีรษะของตัวเองและเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าริมลำธาร เธอร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันภาพความทรงจำของใครบางคนกำลังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัวของเธอ มันทำให้เ
หวังจื้อเหยาเมื่อรู้ว่าลูกสาวตัวเองปลอดภัยดีก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เธอเอ่ยถามชายชราผู้เป็นหมอประจำหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"หมอหลี่ค่ารักษาลูกของสาวฉันเป็นเงินเท่าไหร่ค่ะ?"หมอหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางลูบเคราสีดอกเลา "อาการของแม่หนูชิงชิงสาหัสพอสมควร ต้องใช้สมุนไพรห้ามเลือดอย่างดี ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูงเป็นเงินถึง 10 หยวน"หวังจื้อเหยาเมื่อได้ยินที่หมอชรากล่าวถึงกับหน้าซีดเผือด เงิน 10 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับครอบครัวยากจนเช่นพวกเธอ เงินที่สามีเธอหามาได้ก็เข้าบ้านใหญ่หมด บ้านสามแทบไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยหลินชิงชิงเมื่อได้ยินที่หมดชรากล่าวเธอค่อย ๆ แสร้งขยับตัว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเธอไม่มีวันยอมให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะเธอ"ชิงชิง หนูฟื้นแล้ว" หวังจื้อเหยาร้องออกมาด้วยความดีใจ"ดีจังที่พี่สาวปลอดภัย" หลินเสี่ยวหลงร้องออกมาด้วยความดีใจหลินชิงชิงหันไปมองน้องชายและมารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำตาคลอหน่วย"แม่หนูไม่เป็นไรแล้ว" เธอยิ้มให้แม่และน้องชายอย่างอ่อนโยน"แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะคะ" หลินชิงชิงพูดกับแม่ของเจ้าของร่างนี้"หลินผิงผิงเป็นคนผลักหนูหั
หลินชิงชิงเดินก้าวเท้าอย่างช้า ๆ เข้าไปในบริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเล็กของเธอมากนักหลินเจี้ยน ลุงใหญ่ของเจ้าของร่างนี้เป็นชายร่างท้วมวัยกลางคน เขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลินชิงชิงถูกประคองเข้ามา เขาก็เอ่ยทักทายหลานสาว "เอ้า บ้านสามมีอะไรรึ เห็นยกขบวนกันมาทั้งบ้านเลย"หลินชิงชิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น"ลุงใหญ่ค่ะ วันนี้ผิงผิงลูกสาวของลุงใหญ่ต้องการจะฆ่าหนู พี่สาวผลักหนูไปกระแทกกับหินจนสลบ แถมยังปล่อยให้หนูนอนตายเลือดไหลอาบอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลย"เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลินเจี้ยนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่หลินชิงชิงเล่า"อะไรนะ ผิงผิงทำอย่างนั้นจริงเหรอ" เขาถามเสียงเครียด "ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผิงผิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น" เขาพยายามแก้ต่างให้ลูกสาวคนเล็กหลินชิงชิงส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเห็นกับตาตัวเอง" เธอพูดเสียงแข็ง "ลุงใหญ่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้หนูนะคะ"หลินเจี้ยนถอน
สายตาของหลี่อ้ายเจียจ้องเขม็งไปที่หลินเจิ้งเทียน ลูกชายคนที่สามของเธอ ใบหน้าของหลินเจิ้งเทียนซีดเผือดด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญู"ฉันจะให้เงินพวกแกค่าแยกบ้าน 10 หยวนเท่านั้น" หลี่อ้ายเจียประกาศเสียงดัง "พวกแกก็ไสหัวออกไปอยู่บ้านเก่าตระกูลหลินที่ด้านท้ายหมู่บ้าน ฉันจะยกหม้อกับแป้งและเมล็ดข้าวโพดอย่างละ3ถุง เท่านั้นส่วนอย่างอื่นพวกแกหวังว่าจะได้อะไรไป ส่วนแปลงนา แกก็รับผิดชอบไปตามเดิมแล้วกัน"หลินเจิ้งเทียนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เขารู้ว่าแม่ของเขาโกรธมาก และการพูดอะไรออกไปตอนนี้อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก"เอาล่ะ ไปเก็บข้าวของของพวกแก แล้วออกไปจากบ้านฉันซะ" หลี่อ้ายเจียตะโกนไล่หลัง"หนูไม่เอาคำพูดปากเปล่า คุณย่าต้องทำหนังสือสัญญาแยกบ้านให้หนูด้วย และทุกๆ ปีหนูจะให้ข้าวและแป้งและเงินอีก 5 หยวน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณย่า" หลินชิงชิงพูดดักหน้าคนเป็นย่า เธอจะไม่ยอมถอย ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการหลี่อ้ายเจียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลินชิงชิง หลานสาวที่เธอเคยมองว่าเป็นเพียงเด็กสาวหัวอ่อน จะกล้าท้าทายอำนาจของเธอได้ถึงเพียงนี้
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่