ณ มณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู หมู่บ้านหลงเหมิน
เสียงไอแห้ง ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของขุนเขา "เกิดอะไรขึ้น ทำไม..." หลินชิงชิงสำลักอย่างรุนแรงจนหน้าแดงก่ำ เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เธอคุ้นเคย
เบื้องหน้าของเธอคือลำธารใสสะอาดที่ทอดตัวคดเคี้ยว ผืนป่าเขียวขจีปกคลุมภูเขาสูงเสียดฟ้าราวกับภาพวาดพู่กันจีน หลินชิงชิงก้มมองตัวเองด้วยความสับสน เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบเนื้อบ่งบอกว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา
"ฉันควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เสียงของเธอแผ่วเบา ความสับสนและความกลัวเกาะกุมหัวใจ หลินชิงชิงพยายามรวบรวมสติ
หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ พลางปัดเศษหญ้าและฝุ่นดินออกจากชุดกระโปรงสีซีดที่เธอสวมใส่อยู่ เธอจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในลำธารเบื้องหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
"เจ็บ ซี้ด... อะไรเนี่ย อีก! อ้า.... ปวดหัว" หลินชิงชิงเอามือกุมศีรษะของตัวเองและเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าริมลำธาร เธอร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหัน
ภาพความทรงจำของใครบางคนกำลังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัวของเธอ มันทำให้เธอกลัวและเจ็บปวดมากจนเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ
หลินชิงชิงลุกขึ้นและเริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง เธอก็ต้องตาโตเมื่อพบว่าร่างกายนี้เป็นของเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่ร่างกายเดิมของตัวเธอเอง
"นี่มัน... นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?" หลินชิงชิงร้องออกมาอย่างตกใจ เธอเอามือลูบใบหน้าเรียวเล็กของเด็กสาวในเงาน้ำเธอเห็นดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี อายุประมาณ 15 – 16 ปีแม้จะยังเด็ก แต่ก็มองออกว่าในอนาคตต้องเป็นหญิงงามอย่างแน่นอน แต่... นี่มันไม่ใช่ร่างของเธอ
"ฉันมาอยู่ในร่างของใครกัน?" หลินชิงชิงบ่นพึมพำกับตัวเอง ความสับสนและความตกใจถาโถมเข้ามาในจิตใจ เธอพยายามตั้งสติและเริ่มนึกทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างนี้
ยิ่งนึก เธอก็ยิ่งตกใจ ความทรงจำที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
“หลินผิงผิง! แกกล้าดียังไงมาผลักฉัน!” เสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังก้องอยู่ในห้วงความคิด
เธอถูกหลินผิงผิง พี่สาวของเธอ ที่เป็นลูกของลุงใหญ่ ผลักไปกระแทกหินข้างลำธาร หัวของเธอกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่เข้าอย่างแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ฉายชัดขึ้นในมโนสำนึก เธอเห็นภาพของหลินชิงชิง เจ้าของร่างเดิม เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความลำเอียง คุณย่าของเธอเอ็นดูครอบครัวของลุงใหญ่ และลุงรอง ส่วนบ้านสามของเธอ พ่อของเธอไม่เป็นที่โปรดปรานของคุณย่า เนื่องจากพ่อของเธอไปตกหลุมรักกับแม่ของเธอที่เป็นเพียงหญิงยากจน ครอบครัวของเธอต่างถูกใช้งานอย่างหนัก และหลินชิงชิงถูกบังคับให้ทำงานหนัก เธอถูกดุด่าว่ากล่าว และถูกกลั่นแกล้งจากหลินผิงผิงอยู่เป็นประจำ
ความเจ็บปวด ความคับแค้น และความเกลียดชัง ได้หล่อหลอมให้หลินชิงชิงกลายเป็น 'นางร้าย' ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เธอใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนคนที่เคยทำร้ายเธอ
"นี่ฉันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองอ่านก่อนตายงั้นเหรอ? และดันมาอยู่ในร่างของนางร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดในเรื่องซะด้วย!"
หลินชิงชิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกคว่ำ เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ก็ทำได้แค่กัดริมฝีปากแน่น
"นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมต้องเป็นนางร้ายด้วย?" หลินชิงชิงคร่ำครวญในใจ นางร้ายที่ไร้สมองวันๆ ทำแต่เรื่องร้ายกาจฉันคนนี้ของบายแล้วกัน
แต่ไม่ว่าจะคร่ำครวญยังไง ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ว่าเธอตอนนี้ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหลินชิงชิง นางร้ายในนิยายที่เธออ่านยังไม่จบ
"เอาล่ะ หลินชิงชิง ตั้งสติหน่อย" เธอพยายามบอกตัวเอง "อย่างน้อยเธอก็รู้เนื้อเรื่องบางส่วน นั่นหมายความว่าเธอสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของนางร้ายคนนี้ได้"
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังเงาของตัวเองในแม่น้ำ
"ไม่ต้องห่วงนะ หลินชิงชิง เจ่เจ้จะไม่ยอมให้เธอต้องตายอย่างน่าอนาถเหมือนในนิยายอย่างแน่นอน เดี๋ยวเจ่เจ้คนนี้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเธอเอง และฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่า นางร้ายคนนี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิด"
ในขณะหลินชิงชิง กำลังก้าวเท้ากลับไปบ้านตามความทรงจำเลือนรางของเจ้าของร่างเดิม ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงผู้คนส่งเสียงดังออกมาจากริมป่า
"ทุกคนมาช่วยพี่สาวผมด้วย! ผมเห็นพี่ชิงชิงนอนสลบอยู่ที่ริมธาร"
หัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว นี่ต้องเป็นเสียงของน้องชายเจ้าของร่างนี้แน่ๆ เขาคงกำลังตามคนมาช่วยพี่สาวของเขา ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของหลินชิงชิง
เธอตัดสินใจแกล้งสลบเพื่อให้ทุกอย่างดูสมจริง เธอทรุดตัวลงไปนอนแน่นิ่งที่ริมธาร จุดเดียวกับที่เธอฟื้นขึ้นมา
ไม่นานนัก ชาวบ้าน 3-4 คนก็วิ่งกระหืดกระหอบมาที่ริมธาร พวกเขารีบเข้ามาดูอาการของหลินชิงชิง เธอแอบหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย มองเห็นเด็กน้อยหน้าตาตื่นตระหนกในกลุ่มพวกชาวบ้าน เขาคงเป็นน้องชายของเธอ
หลินเสี่ยวหลง เด็กชายวัยสิบขวบ เมื่อเขาเห็นพี่สาวที่รักหมดสติอยู่ข้างก้อนหินใหญ่ เขาวิ่งเข้ามาหาคนเป็นพี่สาวทันที หัวใจดวงน้อยแทบแหลกสลาย เขาไม่เคยเห็นพี่สาวในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้มาก่อน
"พี่ชิงชิง ผมพาคนมาช่วยแล้ว พี่จะต้องไม่เป็นอะไรนะ" เสียงเล็กๆ ตะโกนเรียกพี่สาวที่นอนแน่นิ่ง หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาตอบเขา
ทันใดนั้นเอง พวกชาวบ้านที่เดินตามหลังมาก็กล่าว "นี่มันนังหนูชิงชิงจริงด้วย อาการหนักน่าดูเลย?"
หญิงวัยกลางคนอีกคนรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ "ใช่แล้ว น่าสงสารจริงๆ ไปทำยังไงให้หัวไปกระแทกก้อนหินได้ สงสัยจะเป็นลมแดด"
หลินเสี่ยวหลงเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสอง น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ไหลลงอาบแก้มผอมตอบ"ทุกคนช่วยพี่สาวผมด้วย ได้โปรดช่วยพี่สาวผมที"
หลินเสี่ยวหลงร้องไห้โฮ พลางเขย่าตัวหลินชิงชิงเบาๆ "พี่สาว ตื่นขึ้นมาสิ"
"ใจเย็นๆ เสี่ยวหลง" ชายวัยกลางคนพูดปลอบ "พวกเราต้องรีบพาเธอไปหาหมอ"
"ไป ไปเร็วๆ เข้า" หญิงวัยกลางคนเอ่ยเร่ง
ชาวบ้านช่วยกันอุ้มหลินชิงชิงขึ้นจากพื้นอย่างระมัดระวัง หลินชิงชิงแอบลืมตามองหลินเสี่ยวหลง เธอเห็นแววตาแดงก่ำของน้องชายแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
'ขอโทษนะเสี่ยวหลง พี่ต้องทำแบบนี้เพื่อให้ทุกอย่างดูสมจริง เพื่อที่พี่จะเอาคืนยัยผิงผิงให้แสบถึงทรวงจนยัยนั้นไม่กล้ามารังแกครอบครัวเราอีก' หลินชิงชิงคิดแผนการอยู่ในใจ
เธอแกล้งหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้ตัวเองถูกพาไปตามกระแสของเหตุการณ์
"พี่สาว พี่ต้องไม่เป็นอะไรนะ อดทนไว้นะครับ" เด็กชายพึมพำ
หลินชิงชิงรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด แม้จะเป็นเพียงการแสดง แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความรักที่บริสุทธิ์ของเด็กน้อยคนนี้
'ดูเหมือนว่าชีวิตใหม่ของฉันจะไม่โดดเดี่ยวอย่างที่คิด' หลินชิงชิงคิดในใจ ขณะที่ถูกอุ้มไปตามทางเดินเล็กๆ ในหมู่บ้าน
ทันทีที่พวกชาวบ้านวางหลินชิงชิงลงที่แคร่หน้าบ้าน เด็กชายตัวเล็กๆ ก็วิ่งพรวดพราดเข้าไปในบ้าน ก่อนจะตะโกนเรียกคนเป็นแม่ทันที
"แม่ แม่มาดูพี่สาวเร็ว" หลินเสี่ยวหลงตะโกนเรียกคนเป็นแม่เสียงดังนั้นลั่น
สตรีวัยกลางคนรีบร้อนออกมาจากห้องครัวมา เธอทรุดตัวลงข้างแคร่ น้ำตาไหลอาบแก้มทันทีที่เห็นสภาพของลูกสาว
"ชิงชิง...ลูกแม่" หวังจื้อเหยาโอบกอดร่างนั้นไว้แนบอก
พวกชาวบ้านต่างพากันถอนหายใจด้วยความสงสาร หลินชิงชิงเด็กคนนี้เป็นเด็กดี ขยันขันแข็งเอาการเอางาน ไม่น่าต้องมาพบเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้เลย
"รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า" เสียงใครบางคนตะโกนลั่น
ไม่นานนัก หมอหลี่หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบมาถึง เขาคุกเข่าลงข้างหลินชิงชิงและตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด
"เร็วเข้า ต้องรีบห้ามเลือดให้ยัยหนูชิงชิงก่อนที่จะเสียเลือดมากไปกว่านี้" หมอชราร้องบอกอย่างร้อนรน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ใครก็ได้! ช่วยไปต้มน้ำร้อนมาที!" หมอหลี่ร้องบอกอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเร่งเร้าอย่างเห็นได้ชัด ทุกวินาทีมีค่า ชีวิตของเด็กสาวแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ไม่นานนัก หวังจื้อเหยาผู้เป็นแม่ของหลินชิงชิงก็วิ่งกลับมาพร้อมกับหม้อน้ำร้อนที่ส่งควันกรุ่น
"หมอหลี่ น้ำร้อนค่ะ" หวังจื้อเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย
"ดีมาก เดี๋ยวฉันจะรักษาแม่หนูชิงชิงเอง" หมอชรากล่าว ก่อนจะเริ่มทำการรักษาบาดแผลอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่ามือของเขาจะไม่คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดหลายสิบปีทำให้เขายังคงสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างเชี่ยวชาญ
เขาเริ่มทำความสะอาดบาดแผลอย่างเบามือด้วยน้ำร้อน ก่อนจะใส่สมุนไพรห้ามเลือดลงไปอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น หมอชราก็พันผ้าพันแผลรอบบาดแผลอย่างแน่นหนา แต่ไม่แน่นจนเกินไป
"เรียบร้อยแล้ว" หมอชรากล่าวด้วยน้ำเสียงโล่งอก
"หมอหลี่" เธอเอ่ยเรียกหมอชราที่เพิ่งรักษาอาการของลูกสาวเสร็จ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความกังวล "ลูกสาวของฉันจะเป็นอะไรไหมคะ"
หมอหลี่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน รอยย่นบนใบหน้าของเขาลึกขึ้นเมื่อเขายิ้ม "สะใภ้สามไม่ต้องห่วงหรอก" เขาพูดเสียงแผ่ว "ตอนนี้บาดแผลของแม่หนูชิงชิงไม่น่ากังวลมากนัก ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว นอนรักษาตัวสักพักก็น่าจะหายดี"
หวังจื้อเหยายังคงขมวดคิ้วด้วยความกังวล แม้จะได้รับคำปลอบโยนจากหมอชราแล้วก็ตาม เธอเอื้อมมือไปลูบผมของหลินชิงชิงอย่างแผ่วเบา
"ขอบคุณค่ะหมอหลี่" เธอกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
ส่วนตัวต้นเหตุอย่างหลินชิงชิงก็ได้แต่แอบดูทุกทุกคน "โอ๊ย..หวังว่าจะไม่มีใครจับได้นะว่าเธอแกล้งสลบอยู่"
หวังจื้อเหยาเมื่อรู้ว่าลูกสาวตัวเองปลอดภัยดีก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เธอเอ่ยถามชายชราผู้เป็นหมอประจำหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"หมอหลี่ค่ารักษาลูกของสาวฉันเป็นเงินเท่าไหร่ค่ะ?"หมอหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางลูบเคราสีดอกเลา "อาการของแม่หนูชิงชิงสาหัสพอสมควร ต้องใช้สมุนไพรห้ามเลือดอย่างดี ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูงเป็นเงินถึง 10 หยวน"หวังจื้อเหยาเมื่อได้ยินที่หมอชรากล่าวถึงกับหน้าซีดเผือด เงิน 10 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับครอบครัวยากจนเช่นพวกเธอ เงินที่สามีเธอหามาได้ก็เข้าบ้านใหญ่หมด บ้านสามแทบไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยหลินชิงชิงเมื่อได้ยินที่หมดชรากล่าวเธอค่อย ๆ แสร้งขยับตัว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเธอไม่มีวันยอมให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะเธอ"ชิงชิง หนูฟื้นแล้ว" หวังจื้อเหยาร้องออกมาด้วยความดีใจ"ดีจังที่พี่สาวปลอดภัย" หลินเสี่ยวหลงร้องออกมาด้วยความดีใจหลินชิงชิงหันไปมองน้องชายและมารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำตาคลอหน่วย"แม่หนูไม่เป็นไรแล้ว" เธอยิ้มให้แม่และน้องชายอย่างอ่อนโยน"แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะคะ" หลินชิงชิงพูดกับแม่ของเจ้าของร่างนี้"หลินผิงผิงเป็นคนผลักหนูหั
หลินชิงชิงเดินก้าวเท้าอย่างช้า ๆ เข้าไปในบริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเล็กของเธอมากนักหลินเจี้ยน ลุงใหญ่ของเจ้าของร่างนี้เป็นชายร่างท้วมวัยกลางคน เขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลินชิงชิงถูกประคองเข้ามา เขาก็เอ่ยทักทายหลานสาว "เอ้า บ้านสามมีอะไรรึ เห็นยกขบวนกันมาทั้งบ้านเลย"หลินชิงชิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น"ลุงใหญ่ค่ะ วันนี้ผิงผิงลูกสาวของลุงใหญ่ต้องการจะฆ่าหนู พี่สาวผลักหนูไปกระแทกกับหินจนสลบ แถมยังปล่อยให้หนูนอนตายเลือดไหลอาบอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลย"เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลินเจี้ยนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่หลินชิงชิงเล่า"อะไรนะ ผิงผิงทำอย่างนั้นจริงเหรอ" เขาถามเสียงเครียด "ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผิงผิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น" เขาพยายามแก้ต่างให้ลูกสาวคนเล็กหลินชิงชิงส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเห็นกับตาตัวเอง" เธอพูดเสียงแข็ง "ลุงใหญ่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้หนูนะคะ"หลินเจี้ยนถอน
สายตาของหลี่อ้ายเจียจ้องเขม็งไปที่หลินเจิ้งเทียน ลูกชายคนที่สามของเธอ ใบหน้าของหลินเจิ้งเทียนซีดเผือดด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญู"ฉันจะให้เงินพวกแกค่าแยกบ้าน 10 หยวนเท่านั้น" หลี่อ้ายเจียประกาศเสียงดัง "พวกแกก็ไสหัวออกไปอยู่บ้านเก่าตระกูลหลินที่ด้านท้ายหมู่บ้าน ฉันจะยกหม้อกับแป้งและเมล็ดข้าวโพดอย่างละ3ถุง เท่านั้นส่วนอย่างอื่นพวกแกหวังว่าจะได้อะไรไป ส่วนแปลงนา แกก็รับผิดชอบไปตามเดิมแล้วกัน"หลินเจิ้งเทียนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เขารู้ว่าแม่ของเขาโกรธมาก และการพูดอะไรออกไปตอนนี้อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก"เอาล่ะ ไปเก็บข้าวของของพวกแก แล้วออกไปจากบ้านฉันซะ" หลี่อ้ายเจียตะโกนไล่หลัง"หนูไม่เอาคำพูดปากเปล่า คุณย่าต้องทำหนังสือสัญญาแยกบ้านให้หนูด้วย และทุกๆ ปีหนูจะให้ข้าวและแป้งและเงินอีก 5 หยวน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณย่า" หลินชิงชิงพูดดักหน้าคนเป็นย่า เธอจะไม่ยอมถอย ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการหลี่อ้ายเจียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลินชิงชิง หลานสาวที่เธอเคยมองว่าเป็นเพียงเด็กสาวหัวอ่อน จะกล้าท้าทายอำนาจของเธอได้ถึงเพียงนี้
เมื่อในห้องเหลือเพียงหลินชิงชิงอยู่คนเดียว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางยังไม่ทำให้เธออยากนอน เธอจึงลุกขึ้นสำรวจบ้านใหม่ มองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้กลายเป็นของเธอ ทันใดนั้นเธอเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือสีเงินประดับหยกชิ้นเล็ก ๆ ที่เธอซื้อมาจากร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะมาโผล่ยังที่แห่งนี้"นี่มัน..." หลินชิงชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กำไลเส้นนี้ติดตัวเธอมาด้วยอย่างนั้นหรือ?ด้วยความสงสัย หลินชิงชิงจึงเอื้อมมือไปสัมผัสกำไลข้อมือเบาๆ ทันใดนั้น แสงสว่างวาบขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในอากาศ ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมาสติของหลินชิงชิงกลับมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อากาศบริสุทธิ์สดชื่น มีลำธารใสไหลผ่านกลางทุ่งหญ้า หลินชิงชิงเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง"ที่นี่มันที่ไหนกัน?" ร่างบางอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเธอเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ และพบ
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่