แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องสมุดเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง หลินชิงชิงกำลังอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัวอักษรแต่ละตัวดูเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาในสายตาของเธอ พาเธอเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการที่เธอหลงใหล
ข้างๆ เธอ จ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิท กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียน เตรียมตัวสำหรับการสอบที่กำลังจะมาถึง แต่หลินชิงชิงกลับจมอยู่ในโลกของนิยาย
"ชิงชิง! จะสอบอีกไม่กี่วันแล้วนะ เธออ่านหนังสือถึงไหนแล้วเนี่ย" เสียงจ้าวเหม่ยหลิง เพื่อนสนิทของหลินชิงชิงดังขึ้น ทำให้เธอหลุดออกจากโลกแห่งนิยายที่กำลังดำดิ่งอยู่
หลินชิงชิงถอนหายใจ เธอเงยหน้าจากนิยายเล่มโปรดมองเพื่อนสนิทที่กำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียนตรงหน้า เธอรู้ดีว่าจ้าวเหม่ยหลิงเป็นห่วง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการอ่านหนังสือสอบ
"ฉันอ่านไปบ้างแล้วล่ะน่า" เธอตอบปัดๆ
จ้าวเหม่ยหลิงส่ายหัวอย่างระอาใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นคนหัวดีมีความสามารถ แต่ก็ขี้เกียจเป็นที่หนึ่ง แถมยังชอบเพ้อฝัน ชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยาย จนบางครั้งก็แยกโลกแห่งความจริงกับโลกในนิยายไม่ออก
"ชิงชิง เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอยังไม่มีแฟนสักที" จ้าวเหม่ยหลิงพูดขึ้น
หลินชิงชิงชะงัก เธอรู้ว่าเพื่อนกำลังจะพูดอะไร
"ก็เพราะเธอตั้งสเปคไว้สูงเกินไปไง เธอจะหาผู้ชายที่เพอร์เฟกต์เหมือนพระเอกในนิยายในโลกแห่งความจริง เธอจะไปเจอได้ที่ไหนกัน"
หลินชิงชิงยิ้มแหยๆ เธอรู้ว่าจ้าวเหม่ยหลิงพูดถูก แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบกับผู้ชายที่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายจริงๆ
"ชิงชิงแล้วนี้เธออ่านนิยายเล่มหนาขนาดนี้ เธอไม่เบื่อบ้างหรือไง"
หลินชิงชิง ยิ้มให้เพื่อนเล็กน้อย "ไม่เบื่อหรอก ฉันชอบนะ มันเหมือนกับฉันได้ไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง"
จ้าวเหม่ยหลิงส่ายหัว "แต่เธอใช้เวลาไปกับมันมากเกินไปแล้วนะ ชีวิตจริงของเธอก็สำคัญเหมือนกัน"
"บางทีฉันอาจจะกำลังรอพระเอกในชีวิตจริงของฉันอยู่ก็ได้"
จ้าวเหม่ยหลิงหัวเราะ "พระเอกในนิยายน่ะเหรอ? คงหายากหน่อยนะแก"
หลินชิงชิงยิ้ม เธอรู้ว่ามันเป็นความฝันที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่ง เธอจะได้พบกับ 'เขา' คนนั้น
"แล้วนิยายเล่มนี้สนุกเหรอ ฉันเป็นแกจับไม่ปล่อยมา 2 ชั่วโมงละ?"
หลินชิงชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบ "ก็มันสนุกนี่นา นางเอกน่าสงสารจะตาย พระเอกก็ซื่อบื้อไม่รู้ใจตัวเองสักที อ่านแล้วมันหงุดหงิด" เธอบ่นอุบอิบพลางทำหน้ามุ่ย
จ้าวเหม่ยหลิงหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเพื่อนสนิท "ถ้ามันหงุดหงิดขนาดนั้น ทำไมยังอ่านอยู่ล่ะ?"
ชิงชิงถอนหายใจ "ก็อยากรู้ไง ว่าสุดท้ายแล้วพระเอกมันจะหายซืนหรือหรือเปล่า" เธอพูดพลางทำท่าฮึดฮัด
"แกนี่มันอินจัดจริงๆ เลยนะ เดี๋ยวเครียดจนสอบตกหรอก" จ้าวเหม่ยหลิงแอบแซว
"ไม่ตกหรอกน่า แกก็รู้ว่าฉันหัวดีแค่ไหน"
" แล้วการอ่านนิยายก็เหมือนได้พักผ่อนสมองไปในตัวนั้นละ" หลินชิงชิงหัวเราะร่วนให้กับเพื่อนสนิท
"แต่ฉันขัดใจในนิยายอยู่เรื่องเดียวทำไมตัวร้ายต้องชื่อ 'หลินชิงชิง' ด้วยล่ะ" เธอทำหน้าบึ้งเล็กน้อย
จ้าวเหม่ยหลิงหัวเราะร่วน "เอาน่า ชื่อซ้ำกันบ้างก็ได้ นี่นิยายนะ ไม่ใช่ชีวิตจริงสักหน่อย" เธอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
หลินชิงชิงยังคงขมวดคิ้ว "แต่ก็อดคิดไม่ได้นี่นา ว่าถ้ามีคนชื่อหลินชิงชิงอ่านนิยายเรื่องนี้เข้า จะรู้สึกยังไง"
"ก็คงขำๆ มั้ง" จ้าวเหม่ยหลิงตอบ "หรือบางทีอาจจะอินจัด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางร้ายในนิยายไปเลยก็ได้ ใครจะรู้" เธอพูดติดตลก
หลินชิงชิงส่ายหัว "ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากเป็นนางร้ายนะ" เธอพูดพลางนึกถึงพล็อตเรื่องที่ตัวละครชื่อหลินชิงชิงคอยกลั่นแกล้งนางเอกสารพัด
จ้าวเหม่ยหลิงหัวเราะคิกคัก "ฉันว่าเธอเนี่ย บางทีก็เหมือนตัวร้ายในนิยายนะ"
หลินชิงชิงหัวเราะ "บ้า! ฉัน ไม่เหมือนตัวร้ายในนิยายสักหน่อย"
"เหรอออออ..." จ้าวเหม่ยหลิงลากเสียงยาว พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนสนิท
หลินชิงชิงหัวเราะให้กับเพื่อนสาว ก่อนจะก้มลงอ่านนิยายต่อ แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า... หรือจริงๆ แล้วเธอจะแอบมีด้านร้ายๆ เหมือนตัวละครในนิยายบ้างก็ไม่รู้?
"บางที...ชีวิตจริงก็คงเหมือนในนิยายแหละ มีทั้งคนดีและคนร้าย มีทั้งเหตุผลและความไร้เหตุผล" หลินชิงชิงพึมพำกับตัวเอง
"ชิงชิงแกอย่าคิดไร้สาระเลยเดี๋ยวได้เวลาเลิกเรียนแล้ว กลับบ้านกันเถอะ"
หลินชิงชิง วางหนังสือนิยายลง ยิ้มบางๆ ให้เพื่อนสนิท "จริงด้วย เดี๋ยวจะกลับบ้านค่ำ คืนนี้มีซีรี่ย์เรื่องโปรดของฉันฉายด้วย ไปกันเถอะ" เธอลุกขึ้น พลางจัดการยืมหนังสือนิยายเล่มนั้น
เมื่อเธอจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย เธอและจ้าวเหม่ยหลิงก็พากันเดินออกมาจากตัวอาคารมหาวิทยาลัย บรรยากาศยามเย็นทาบทาแสงสีส้มจางๆ ลงบนทางเดิน สองข้างทางมีนักศึกษาเดินกันขวักไขว่ หลินชิงชิงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเหม่อลอย ก่อนจะสะดุดตากับร้านขายของเก่าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนหน้ามหาวิทยาลัย
หญิงชราเจ้าของร้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ท่ามกลางข้าวของมากมายที่วางระเกะระกะ ทั้งแจกันลายคราม โคมไฟทองเหลือง นาฬิกาโบราณ และอื่นๆ อีกมากมายที่ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน หลินชิงชิงรู้สึกสงสารหญิงชราขึ้นมาจับใจ เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
"แกจะซื้อของเหรอชิงชิง ฉันเห็นมีแต่ของเก่าๆ ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้" จ้าวเหม่ยหลิงกระซิบถามเพื่อนสาวเบาๆ ขณะที่เดินตามหลังมา หลินชิงชิงไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มบางๆ ให้เพื่อนสนิท ก่อนจะก้มลงพิจารณาข้าวของในร้านอย่างตั้งใจ
"แม่หนูต้องการอะไรหรือ"หญิงชราเอ่ยถาม
"หนูไม่รู้จะซื้ออะไรคะ คุณยายมีอะไรจะแนะนำหนูไหมคะ" เธอเอ่ยถามหญิงชราด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมอง เธอหยิบสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งออกมาจากลิ้นชักเก่าๆ แล้วส่งให้หลินชิงชิงดู
"นี่เป็นของที่ตกทอดมาในตระกูลของยาย ยายขายให้หนูถูกๆ 1000 หยวนเท่านั้น มันจะนำโชคดีมาให้หนู"
จ้าวเหม่ยหลิงหันมาหาเพื่อนสนิทก่อนจะกระซิบเบาๆ
"แกอย่าเอาเลย แกโดนยายหลอกเอาแล้วละ สร้อยบ้าอะไรเส้นละ 1000 หยวน เก่าก็เก่า" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
แต่หลินชิงชิงกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอรู้สึกถูกชะตากับสร้อยข้อมือเส้นนี้อย่างประหลาด เหมือนกับว่ามันกำลังเรียกหาเธอ
"หนูเอาเส้นนี้" เธอพูดพร้อมกับส่งเงินให้คุณยาย
หญิงชรายิ้มอย่างอบอุ่น "ขอให้แม่หนูโชคดีนะ"
หลินชิงชิงรับสร้อยข้อมือเส้นนั้นมา สวมมันไว้บนข้อมือข้างซ้าย เธอไม่รู้เลยว่าสร้อยเส้นนี้กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
"ขอบคุณนะคะคุณยาย" เธอพูดพร้อมกับโค้งให้หญิงชรา
ทั้งสองสาวเดินจากร้านของคุณยายมา แต่จ้าวเหม่ยหลิงยังคงบ่นไม่หยุด
"ชิงชิงแกโดนพวกสิบแปดมงกุฎหลอกเอาแล้วละ" ใบหน้าสวยของจ้าวเหม่ยหลิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
หลินชิงชิงยิ้มแห้งๆ "เอาน่า แกอย่าคิดมากเลย ถือว่าช่วยคุณยาย แกดูน่าสงสารออก ถึงแม้สร้อยเส้นนี้จะไม่ใช่ของเก่าแก่ ก็ถือว่าให้เงินยายแกไปใช้ก็แล้วกัน" เธอพยายามปลอบเพื่อนรัก
"แต่แกเสียไปตั้งพันหยวนนี่นะ" จ้าวเหม่ยหลิงยังคงบ่นไม่เลิก
"เงินทองเป็นของนอกกาย แกอย่าคิดมากเลย" หลินชิงชิงพูดพลางยกสร้อยเส้นปัญหาขึ้นมาดู มันเป็นสร้อยเงินธรรมดาๆ ที่มีจี้หยกเล็กๆ ห้อยอยู่ แม้จะไม่ใช่ของมีค่า แต่ก็ดูสวยงามน่ารักดี เธอคิดว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้คุณยายคนนั้นมีเงินไปซื้อข้าวกินได้หลายมื้อ
เมื่อมาถึงทางแยก หลินชิงชิง โบกมือลาเพื่อนสาวที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถโดยสาร
"เหม่ยหลิน..เจอกันพรุ่งนี้นะ!"
"โอเค บาย!" จ้าวเหม่ยหลิงตะโกนตอบกลับมา
หลินชิงชิงหันหลังกลับแล้วก้าวมารอทางม้าลาย มุ่งหน้าสู่คอนโดที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อแสงไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว หลินชิงชิงสาวเท้าก้าวข้ามทางม้าลายอย่างมั่นใจ ทว่า...
เอี๊ยดดดด!
เสียงเบรกดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ หลินชิงชิงหันขวับไปมอง แววตาเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ รถบรรทุกขนาดยักษ์กำลังพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วราวกับปีศาจคลั่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว หลินชิงชิงแข็งทื่อ ร่างกายไม่ยอมตอบสนอง
โครม!
รถบรรทุกพุ่งเข้าชนร่างบอบบางของหญิงสาวอย่างจัง ร่างของเธอปลิวลอยละลิ่วไปกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง โลหิตสีแดงฉานไหลทะลักออกจากร่างกาย อาบไปทั่วสร้อยข้อมือที่เธอสวมใส่อยู่ สร้อยเส้นนั้นดูราวกับกำลังเปล่งประกายเรืองรองขึ้นมา
"อึก..." หลินชิงชิงครางแผ่วเบา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ความร้อนแผดเผาบริเวณข้อมือ
และแล้ว...สติของเธอก็ดับวูบลงไปในความมืดมิด...
ณ มณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู หมู่บ้านหลงเหมินเสียงไอแห้ง ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของขุนเขา "เกิดอะไรขึ้น ทำไม..." หลินชิงชิงสำลักอย่างรุนแรงจนหน้าแดงก่ำ เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เธอคุ้นเคย เบื้องหน้าของเธอคือลำธารใสสะอาดที่ทอดตัวคดเคี้ยว ผืนป่าเขียวขจีปกคลุมภูเขาสูงเสียดฟ้าราวกับภาพวาดพู่กันจีน หลินชิงชิงก้มมองตัวเองด้วยความสับสน เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบเนื้อบ่งบอกว่าเธอเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา"ฉันควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เสียงของเธอแผ่วเบา ความสับสนและความกลัวเกาะกุมหัวใจ หลินชิงชิงพยายามรวบรวมสติหญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ พลางปัดเศษหญ้าและฝุ่นดินออกจากชุดกระโปรงสีซีดที่เธอสวมใส่อยู่ เธอจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในลำธารเบื้องหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา"เจ็บ ซี้ด... อะไรเนี่ย อีก! อ้า.... ปวดหัว" หลินชิงชิงเอามือกุมศีรษะของตัวเองและเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าริมลำธาร เธอร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันภาพความทรงจำของใครบางคนกำลังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัวของเธอ มันทำให้เ
หวังจื้อเหยาเมื่อรู้ว่าลูกสาวตัวเองปลอดภัยดีก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เธอเอ่ยถามชายชราผู้เป็นหมอประจำหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"หมอหลี่ค่ารักษาลูกของสาวฉันเป็นเงินเท่าไหร่ค่ะ?"หมอหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางลูบเคราสีดอกเลา "อาการของแม่หนูชิงชิงสาหัสพอสมควร ต้องใช้สมุนไพรห้ามเลือดอย่างดี ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูงเป็นเงินถึง 10 หยวน"หวังจื้อเหยาเมื่อได้ยินที่หมอชรากล่าวถึงกับหน้าซีดเผือด เงิน 10 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับครอบครัวยากจนเช่นพวกเธอ เงินที่สามีเธอหามาได้ก็เข้าบ้านใหญ่หมด บ้านสามแทบไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยหลินชิงชิงเมื่อได้ยินที่หมดชรากล่าวเธอค่อย ๆ แสร้งขยับตัว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเธอไม่มีวันยอมให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะเธอ"ชิงชิง หนูฟื้นแล้ว" หวังจื้อเหยาร้องออกมาด้วยความดีใจ"ดีจังที่พี่สาวปลอดภัย" หลินเสี่ยวหลงร้องออกมาด้วยความดีใจหลินชิงชิงหันไปมองน้องชายและมารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำตาคลอหน่วย"แม่หนูไม่เป็นไรแล้ว" เธอยิ้มให้แม่และน้องชายอย่างอ่อนโยน"แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะคะ" หลินชิงชิงพูดกับแม่ของเจ้าของร่างนี้"หลินผิงผิงเป็นคนผลักหนูหั
หลินชิงชิงเดินก้าวเท้าอย่างช้า ๆ เข้าไปในบริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเล็กของเธอมากนักหลินเจี้ยน ลุงใหญ่ของเจ้าของร่างนี้เป็นชายร่างท้วมวัยกลางคน เขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลินชิงชิงถูกประคองเข้ามา เขาก็เอ่ยทักทายหลานสาว "เอ้า บ้านสามมีอะไรรึ เห็นยกขบวนกันมาทั้งบ้านเลย"หลินชิงชิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น"ลุงใหญ่ค่ะ วันนี้ผิงผิงลูกสาวของลุงใหญ่ต้องการจะฆ่าหนู พี่สาวผลักหนูไปกระแทกกับหินจนสลบ แถมยังปล่อยให้หนูนอนตายเลือดไหลอาบอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลย"เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลินเจี้ยนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่หลินชิงชิงเล่า"อะไรนะ ผิงผิงทำอย่างนั้นจริงเหรอ" เขาถามเสียงเครียด "ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผิงผิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น" เขาพยายามแก้ต่างให้ลูกสาวคนเล็กหลินชิงชิงส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเห็นกับตาตัวเอง" เธอพูดเสียงแข็ง "ลุงใหญ่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้หนูนะคะ"หลินเจี้ยนถอน
สายตาของหลี่อ้ายเจียจ้องเขม็งไปที่หลินเจิ้งเทียน ลูกชายคนที่สามของเธอ ใบหน้าของหลินเจิ้งเทียนซีดเผือดด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญู"ฉันจะให้เงินพวกแกค่าแยกบ้าน 10 หยวนเท่านั้น" หลี่อ้ายเจียประกาศเสียงดัง "พวกแกก็ไสหัวออกไปอยู่บ้านเก่าตระกูลหลินที่ด้านท้ายหมู่บ้าน ฉันจะยกหม้อกับแป้งและเมล็ดข้าวโพดอย่างละ3ถุง เท่านั้นส่วนอย่างอื่นพวกแกหวังว่าจะได้อะไรไป ส่วนแปลงนา แกก็รับผิดชอบไปตามเดิมแล้วกัน"หลินเจิ้งเทียนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เขารู้ว่าแม่ของเขาโกรธมาก และการพูดอะไรออกไปตอนนี้อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก"เอาล่ะ ไปเก็บข้าวของของพวกแก แล้วออกไปจากบ้านฉันซะ" หลี่อ้ายเจียตะโกนไล่หลัง"หนูไม่เอาคำพูดปากเปล่า คุณย่าต้องทำหนังสือสัญญาแยกบ้านให้หนูด้วย และทุกๆ ปีหนูจะให้ข้าวและแป้งและเงินอีก 5 หยวน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณย่า" หลินชิงชิงพูดดักหน้าคนเป็นย่า เธอจะไม่ยอมถอย ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการหลี่อ้ายเจียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลินชิงชิง หลานสาวที่เธอเคยมองว่าเป็นเพียงเด็กสาวหัวอ่อน จะกล้าท้าทายอำนาจของเธอได้ถึงเพียงนี้
เมื่อในห้องเหลือเพียงหลินชิงชิงอยู่คนเดียว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางยังไม่ทำให้เธออยากนอน เธอจึงลุกขึ้นสำรวจบ้านใหม่ มองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้กลายเป็นของเธอ ทันใดนั้นเธอเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือสีเงินประดับหยกชิ้นเล็ก ๆ ที่เธอซื้อมาจากร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะมาโผล่ยังที่แห่งนี้"นี่มัน..." หลินชิงชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กำไลเส้นนี้ติดตัวเธอมาด้วยอย่างนั้นหรือ?ด้วยความสงสัย หลินชิงชิงจึงเอื้อมมือไปสัมผัสกำไลข้อมือเบาๆ ทันใดนั้น แสงสว่างวาบขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในอากาศ ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมาสติของหลินชิงชิงกลับมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อากาศบริสุทธิ์สดชื่น มีลำธารใสไหลผ่านกลางทุ่งหญ้า หลินชิงชิงเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง"ที่นี่มันที่ไหนกัน?" ร่างบางอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเธอเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ และพบ
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่