หวังจื้อเหยาเมื่อรู้ว่าลูกสาวตัวเองปลอดภัยดีก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เธอเอ่ยถามชายชราผู้เป็นหมอประจำหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
"หมอหลี่ค่ารักษาลูกของสาวฉันเป็นเงินเท่าไหร่ค่ะ?"
หมอหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางลูบเคราสีดอกเลา "อาการของแม่หนูชิงชิงสาหัสพอสมควร ต้องใช้สมุนไพรห้ามเลือดอย่างดี ค่ารักษาจึงค่อนข้างสูงเป็นเงินถึง 10 หยวน"
หวังจื้อเหยาเมื่อได้ยินที่หมอชรากล่าวถึงกับหน้าซีดเผือด เงิน 10 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ สำหรับครอบครัวยากจนเช่นพวกเธอ เงินที่สามีเธอหามาได้ก็เข้าบ้านใหญ่หมด บ้านสามแทบไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย
หลินชิงชิงเมื่อได้ยินที่หมดชรากล่าวเธอค่อย ๆ แสร้งขยับตัว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
เธอไม่มีวันยอมให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะเธอ
"ชิงชิง หนูฟื้นแล้ว" หวังจื้อเหยาร้องออกมาด้วยความดีใจ
"ดีจังที่พี่สาวปลอดภัย" หลินเสี่ยวหลงร้องออกมาด้วยความดีใจ
หลินชิงชิงหันไปมองน้องชายและมารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำตาคลอหน่วย
"แม่หนูไม่เป็นไรแล้ว" เธอยิ้มให้แม่และน้องชายอย่างอ่อนโยน
"แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะคะ" หลินชิงชิงพูดกับแม่ของเจ้าของร่างนี้
"หลินผิงผิงเป็นคนผลักหนูหัวกระแทกก้อนหิน หนูจะไปเก็บค่ารักษาพยาบาลจากคนบ้านใหญ่เอง"
คำพูดของหลินชิงชิงทำให้ชาวบ้านต่างพากันตกใจ พวกเขารู้ดีว่าหลินผิงผิงพี่สาวของหลินชิงชิงนั้นเป็นเด็กเอาแต่ใจและชอบกลั่นแกล้งคนเป็นน้องสาวอยู่เสมอ แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขั้นลงมือทำร้ายกันจนบาดเจ็บเช่นนี้
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นทั่วบริเวณ หลายคนตำหนิการกระทำของหลินผิงผิงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายในไม่ช้านี้
"นังหนูผิงผิงนี่นิสัยแย่จริงๆ ทำกับน้องสาวตัวเองได้ยังไง"
"ใกล้จะหมั้นหมายอยู่แล้ว ยังทำเรื่องงามหน้าแบบนี้อีก ใครจะอยากได้หล่อนไปเป็นภรรยา นิสัยใจคอโหดร้ายแบบนี้"
หลินชิงชิงมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ เมื่อเห็นชื่อเสียงของคนที่เคยรังแกเจ้าของร่างนี้ป่นปี้ลงต่อหน้าต่อตา
'หลินผิงผิง เธอคิดว่าจะรังแกฉันได้ตลอดไปงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ' หลินชิงชิงคิดในใจอย่างมาดมั่น
'ในเมื่อฉันได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฉันหรือครอบครัวของฉันอีกต่อไป'
หลินชิงชิงค่อยๆ แสร้งค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวัง แม้ศีรษะจะยังพันผ้าพันแผลเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดมากเท่าไหร่
"ชิงชิง หนูจะลุกไปไหน?" หวังจื้อเหยา เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอรีบสาวเท้าเข้ามาประคองลูกสาว
"แม่ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ" หลินชิงชิงยิ้มให้คนเป็นแม่ หวังให้เธอคลายความกังวลลง "หนูจะไปบ้านลุงใหญ่ค่ะ"
หวังจื้อเหยาขมวดคิ้ว "แต่หนูเพิ่งจะฟื้น..."
"พี่สาวเป็นตัวต้นเหตุให้หนูหัวแตก หนูจะไปเรียกค่าเสียหายที่บ้านใหญ่" หลินชิงชิงพูดสวนกลับหวังจื้อเหยา ทำให้พวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันหันมามอง เมื่อพวกเขาได้ยินที่หลินชิงชิงกล่าวทุกคนต่างก็หูผึ่งเตรียมรอดูเรื่องสนุกกัน
หวังจื้อเหยาถอนหายใจยาว เธอรู้ดีว่าความเจ็บปวดที่ลูกสาวต้องแบกรับนั้นหนักหนาสักเพียงใด บาดแผลที่ศีรษะของหลินชิงชิงมันทำให้เธอรู้สึกโกรธจนแทบคลั่ง แต่ความโกรธนั้นก็ไร้ความหมายเมื่ออยู่ในบ้านหลังนี้ หลินผิงผิง เด็กสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของแม่สามี คงไม่ถูกลงโทษใด ๆ แม้ว่าเธอจะทำร้ายลูกของเธอจนบาดเจ็บก็ตาม
ความอยุติธรรมนี้กัดกินหัวใจของหวังจื้อเหยา เธอรู้ดีว่าหลินผิงผิงเป็นที่รักเพราะหลินเจี้ยนเป็นลูกชายคนโตที่แม่สามีของเธอโปรดปรานที่สุด และยิ่งกว่านั้น แม่ของหลินผิงผิงยังเป็นคนมีฐานะ และแถมยังให้กำเนิดลูกชายถึงสองคน ทำให้เธอมีสถานะที่มั่นคงในบ้านหลังนี้
ในทางกลับกัน หลังจากเธอแต่งงานเข้าสู่บ้านตระกูลหลิน เธอต้องพบกับความเย็นชาจากแม่สามีผู้ถืออำนาจในบ้านหลิน เธอถูกกดขี่ข่มเหงสารพัด เพียงเพราะเธอมาจากครอบครัวยากจน ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร
แต่สิ่งที่ทำให้หวังจื้อเหยาเจ็บปวดที่สุด คือการที่ลูก ๆ ของเธอต้องทนทุกข์ไปด้วย พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และถูกตำหนิและดูถูกอยู่เสมอ
สามีของเธอเป็นลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากแม่สามี เขาเป็นคนพูดน้อย ไม่ชอบประจบประแจงใคร ทำให้เขากลายเป็นเพียงเงาในบ้านหลังใหญ่
แต่หวังจื้อเหยาไม่อยากจะยอมแพ้ เธออยากจะปกป้องลูกของเธอ และจะไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกเขาได้อีกต่อไป เธอจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แม้ว่ามันจะหมายถึงการท้าทายอำนาจของแม่สามีก็ตาม
"ถ้าลูกต้องการอย่างนั้นแม่ก็จะไม่ห้ามลูก เดี๋ยวแม่ไปช่วยประคองลูกไปบ้านลุงใหญ่เอง" หวังจื้อเหยากล่าว
ในขณะที่พวกเธอกำลังจะออกจากบ้าน ทันใดนั้นหลินเจิ้งเทียน พ่อของหลินชิงชิง ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ชิงชิง เป็นอย่างไรบ้างลูก พอดีอาเค่อบอกพ่อว่าหนูได้รับบาดเจ็บสาหัส พ่อเลยรับวิ่งจากแปลงนามาดูลูกทันที" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มองไปที่ลูกสาวคนโตที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น
"พ่อ" หลินชิงชิงพยายามลุกขึ้นไปหาคนเป็นพ่อ
"อย่าเพิ่งขยับตัวนะลูก" หวังจื้อเหยา แม่ของชิงชิงรีบเข้าไปประคองลูกสาวไว้
"ขอบคุณแม่" หลินชิงชิงพยายามยิ้มให้มารดา
หลินเจิ้งเทียนมองลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด เขาทำงานหนักทุกวันจนไม่มีเวลาใส่ใจลูก ๆ อย่างที่ควรจะเป็น
"พ่อขอโทษนะลูก" เขาพูดเสียงแผ่วเบา "พ่อไม่น่าปล่อยให้ลูกไปเก็บหญ้าแห้วหมูคนเดียวเลย เลยทำให้ลูกต้องหัวฟาดพื้น
หลินชิงชิงบีบมือของคนเป็นพ่อเบา ๆ พลางฝืนยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะพ่อ"
"มันไม่ใช่ความผิดของพ่อ หนูโดนพี่ผิงผิงผลักจนหัวหนูฟาดพื้น แต่พี่สาวกลับไม่ช่วยหนู เธอปล่อยให้หนูตายอย่างเลือดเย็น"
คนเป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าลูกสาวตนถูกกลั่นแกล้งจากลูก ๆ ของบ้านใหญ่เสมอมา แต่ฐานะของตนก็ต่ำต้อยเกินกว่าจะไปเรียกร้องอะไรได้
"วันนี้หนูจะไปเอาเรื่องบ้านใหญ่" หลินชิงชิงลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก "ถ้าวันนี้หนูไม่ได้รับความยุติธรรม หนูจะไม่อยู่บ้านหลังนี้ หนูจะแยกบ้านให้ได้ หนูจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยคนบ้านใหญ่อีกต่อไป"
หลินเจิ้งเทียนที่นั่งอยู่ข้างเตียง มองลูกสาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งสงสาร ทั้งกังวล เขากลัวว่าแม่ของเขา หรือก็คือย่าของหลินชิงชิง จะไม่ยอมยกอะไรให้เขาเลยถ้าหากพวกเขาต้องการแยกบ้านไป
"ลูก..." หลินเจิ้งเทียนเอ่ยเสียงแผ่ว
"พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ" หลินชิงชิงพูดตัดบท "พวกเราแยกบ้านออกมาอยู่ข้างนอกจะดีกว่า ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้อะไรมามากนัก แต่ถ้าเรายังไม่ตัดขาดจากบ้านใหญ่
"หลินผิงผิงคงไม่วางมือแกล้งลูก ไม่แน่คราวหน้าลูกอาจไม่มีชีวิตรอดก็เป็นได้" หลินชิงชิงจัดการใช้ยาแรงกับคนเป็นพ่อ หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ใจอ่อน คงไม่กล้าตัดสินใจแยกบ้านง่ายๆ
หลินชิงชิงรู้ดีว่าคำพูดของเธออาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่เธอจำเป็นต้องทำให้พ่อของเธอเห็นภาพความเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าพวกเขายังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป
หลินเจิ้งเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา "พ่อจะไปคุยกับย่าเอง" เขาพูดเสียงเบา "แต่ลูกต้องเตรียมใจไว้ด้วยนะ ท่านอาจจะไม่ยอมง่าย ๆ "
หลินชิงชิงพยักหน้า เธอรู้ว่าการแยกบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ที่ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิ์มีเสียงมากนัก แต่เธอไม่กลัว เธอพร้อมจะสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง
ว่าแล้วเธอก็เดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอ หวังจื้อเหยาช่วยพยุงหลินชิงชิงขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ส่วนหลินเสี่ยวหลง น้องชายคนเล็กของเธอ รีบเข้ามาช่วยประคองพี่สาวอีกแรง
"พี่สาว เจ็บมากไหม" เสี่ยวหลงถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่ไม่เจ็บมากหรอก" หลินชิงชิงตอบพร้อมฝืนยิ้มให้น้องชาย
"พี่ต้องหายเร็ว ๆ นะ" เสี่ยวหลงพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ก่อนจะหันไปมองหลินชิงชิงอย่างมีความหวัง
ทุกคนต่างเดินกันไปตามทางเดินเล็ก ๆ ที่มุ่งหน้าไปยังบ้านของลุงใหญ่ พวกเขาต่างพกความคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าการไปเยือนครั้งนี้จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวตนเอง
"วันนี้ละฉันจะต้องให้บ้านสามแยกบ้านออกมาให้ได้" หลินชิงชิงคิดวางแผนอยู่ในใจเงียบๆ ถึงแม้เธอจะไม่อยากเป็นนางร้าย แต่ถ้าใครคิดร้ายกับเธอ เธอจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน
'หลินผิงผิง วันนี้ฉันจะฉุดชื่อเสียงของแกให้ดิ่งลงเหว' หลินชิงชิงพูดพึมพำกับตัวเอง รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
หลินชิงชิงเดินก้าวเท้าอย่างช้า ๆ เข้าไปในบริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเล็กของเธอมากนักหลินเจี้ยน ลุงใหญ่ของเจ้าของร่างนี้เป็นชายร่างท้วมวัยกลางคน เขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลินชิงชิงถูกประคองเข้ามา เขาก็เอ่ยทักทายหลานสาว "เอ้า บ้านสามมีอะไรรึ เห็นยกขบวนกันมาทั้งบ้านเลย"หลินชิงชิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น"ลุงใหญ่ค่ะ วันนี้ผิงผิงลูกสาวของลุงใหญ่ต้องการจะฆ่าหนู พี่สาวผลักหนูไปกระแทกกับหินจนสลบ แถมยังปล่อยให้หนูนอนตายเลือดไหลอาบอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลย"เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลินเจี้ยนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่หลินชิงชิงเล่า"อะไรนะ ผิงผิงทำอย่างนั้นจริงเหรอ" เขาถามเสียงเครียด "ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผิงผิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น" เขาพยายามแก้ต่างให้ลูกสาวคนเล็กหลินชิงชิงส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเห็นกับตาตัวเอง" เธอพูดเสียงแข็ง "ลุงใหญ่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้หนูนะคะ"หลินเจี้ยนถอน
สายตาของหลี่อ้ายเจียจ้องเขม็งไปที่หลินเจิ้งเทียน ลูกชายคนที่สามของเธอ ใบหน้าของหลินเจิ้งเทียนซีดเผือดด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญู"ฉันจะให้เงินพวกแกค่าแยกบ้าน 10 หยวนเท่านั้น" หลี่อ้ายเจียประกาศเสียงดัง "พวกแกก็ไสหัวออกไปอยู่บ้านเก่าตระกูลหลินที่ด้านท้ายหมู่บ้าน ฉันจะยกหม้อกับแป้งและเมล็ดข้าวโพดอย่างละ3ถุง เท่านั้นส่วนอย่างอื่นพวกแกหวังว่าจะได้อะไรไป ส่วนแปลงนา แกก็รับผิดชอบไปตามเดิมแล้วกัน"หลินเจิ้งเทียนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เขารู้ว่าแม่ของเขาโกรธมาก และการพูดอะไรออกไปตอนนี้อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก"เอาล่ะ ไปเก็บข้าวของของพวกแก แล้วออกไปจากบ้านฉันซะ" หลี่อ้ายเจียตะโกนไล่หลัง"หนูไม่เอาคำพูดปากเปล่า คุณย่าต้องทำหนังสือสัญญาแยกบ้านให้หนูด้วย และทุกๆ ปีหนูจะให้ข้าวและแป้งและเงินอีก 5 หยวน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณย่า" หลินชิงชิงพูดดักหน้าคนเป็นย่า เธอจะไม่ยอมถอย ถ้าหากไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการหลี่อ้ายเจียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลินชิงชิง หลานสาวที่เธอเคยมองว่าเป็นเพียงเด็กสาวหัวอ่อน จะกล้าท้าทายอำนาจของเธอได้ถึงเพียงนี้
เมื่อในห้องเหลือเพียงหลินชิงชิงอยู่คนเดียว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางยังไม่ทำให้เธออยากนอน เธอจึงลุกขึ้นสำรวจบ้านใหม่ มองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้กลายเป็นของเธอ ทันใดนั้นเธอเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือสีเงินประดับหยกชิ้นเล็ก ๆ ที่เธอซื้อมาจากร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะมาโผล่ยังที่แห่งนี้"นี่มัน..." หลินชิงชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กำไลเส้นนี้ติดตัวเธอมาด้วยอย่างนั้นหรือ?ด้วยความสงสัย หลินชิงชิงจึงเอื้อมมือไปสัมผัสกำไลข้อมือเบาๆ ทันใดนั้น แสงสว่างวาบขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในอากาศ ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมาสติของหลินชิงชิงกลับมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อากาศบริสุทธิ์สดชื่น มีลำธารใสไหลผ่านกลางทุ่งหญ้า หลินชิงชิงเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง"ที่นี่มันที่ไหนกัน?" ร่างบางอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นเธอเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ และพบ
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ หลินชิงชิงตัดสินใจไปยังตลาดมืดเพื่อรับตลับไม้หอมที่สั่งทำไว้ แม้จะรู้ดีถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เธอซื้อผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดตัวตนก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเงามืดนั้นตลาดมืดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าต่างก็มาชุมนุมกันที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หลินชิงชิงพยายามไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเดินตรงไปยังร้านขายกล่องไม้ที่อยู่ด้านในสุดของตลาด"เถ้าแก่ กล่องไม้แกะสลักที่ฉันสั่งเมื่อเช้าเสร็จหรือยังคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเถ้าแก่หลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะ"ได้แล้ว ได้แล้ว" เขาตอบพลางยื่นกล่องไม้แกะสลักคำว่า "ฮวาเหม่ยเหริน" ให้เธอหลินชิงชิงรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ เธอลูบไล้ลวดลายที่แกะสลักดอกไม้อย่างประณีตบรรจง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุม"สวยงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่" เธอเอ่ยชม"ถ้าฉันต้องการกล่องแกะสลักแบบนี้เพิ่ม ต้องไปสั่งที่ไหนคะ?" หลินชิงชิงเอ่ยถามต่อเถ้าแก่ร้านยิ้มกว้าง "ถ้าอยากได้งานดี ๆ แบบนี้ แม่หนูต้องไปที่ "ไปที่ร้านรับ
หลินชิงชิงมองร่างของหลี่เหว่ยที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความกังวล เธอเขย่าตัวเขาเบาๆ แต่เขาไม่มีท่าทีตอบสนอง"พี่เหว่ย... พี่เหว่ย" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหัวใจของหลินชิงชิงเต้นระรัว เธอรีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลี่เหว่ยตัวสูงใหญ่กว่าเธอมาก แต่ด้วยความที่เธอมีร่างกายแข็งแรงจากการดื่มน้ำวิเศษเข้าไป หญิงสาวจึงสามารถพยุงเขาออกจากตรอกเปลี่ยว นั้นได้ทันทีที่พ้นจากซอย เธอเห็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ หลินชิงชิงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ"ทุกคนค่ะ ช่วยฉันด้วย" เธอตะโกนเสียงดังพวกชาวบ้านต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นหลินชิงชิงพยุงร่างของหลี่เหว่ยอยู่ จึงรีบเข้ามาสอบถาม"เกิดอะไรขึ้นหรือนังหนู?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม"พอดีเมื่อกี้มีกลุ่มอันธพาล 5-6 อยู่ๆ ก็เข้าทำร้ายพวกเราค่ะ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีมาช่วยขับไล่พวกมันไม่ได้" หลินชิงชิงแสร้งตอบเสียงสั่น "ตอนนี้คนรู้จักของฉันเขาโดนพวกอันธพาลจัดการ เขาเลยหมดสติไปนะคะ"พวกชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นมันคงเป็นลูกน้องของต้าเหนิง" ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น "มันคุมแถวนี้ ใครๆ ก็รู้"หลิ
หวังอ้ายหลิน กำลังเดินตามหลัง หลี่เหว่ย และ หลินชิงชิง ไปยังตลาดมืด แม้จะเป็นเพียงตรอกเล็กๆ แต่กลับคึกคักไปด้วยผู้คนและสินค้ามากมายหวังอ้ายหลินรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เป็นเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในใจ เธอเห็นหลี่เหว่ย ดูแลหลินชิงชิงเป็นอย่างดี คอยประคองเธอหลบหลีกผู้คน พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ภาพเหล่านั้นทิ่มแทงหัวใจของหวังอ้ายหลินราวกับเข็มนับพันเล่มร่างบางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความร้อนในอกแผดเผาจนแทบจะเป็นไฟ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวด้วยแรงริษยา สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหลี่เหว่ยและหลินชิงชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ"นังชิงชิง! แค่เด็กสาวบ้านนอกหน้าตาจืดชืด มีดีแค่ความใสซื่อ กล้าดียังไงมาแย่งคุณชายหลี่ไปจากฉัน" หวังอ้ายหลินกัดฟันกรอดหลี่เหว่ย... ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม บุตรชายคนเดียวของนายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง พ่อของเขาเป็นมือขวาทำงานให้ท่านผู้นำสูงสุดในฝ่ายรัฐบาล เขาคือเป้าหมายสูงสุดที่หวังอ้ายหลินหมายมั่นปั้นมือ ตั้งแต่แรกพบที่งานเลี้ยงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หวังอ้ายหลินก็ตกหลุมรักหลี่เหว่ยทันที ทั้งรูปลักษณ์ ชาติตระกูล และกิ
เมื่อมาถึงลานหน้าหมู่บ้าน หลินชิงชิงพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังรอรถเกวียนวัวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น เธอเห็นคุณพระเอกอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นขณะที่เธอคิดจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มตามมารยาท ก็มีหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในลานหน้าหมู่บ้าน เธอส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยถาม"สหายหลี่ จะเข้าไปในเมืองเหรอคะ""ใช่แล้วครับ ผมจะเข้าไปซื้อของใช้ในตัวเมืองครับ สหายหวัง" หลี่เหว่ยตอบกลับมาเมื่อหลินชิงชิงได้ยินชื่อ 'สหายหวัง' เธอถึงกับหูผึ่งขึ้นทันที นี่คงจะเป็นหวังอ้ายหลิน นางเอกในนิยายสินะ เธอจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หวังอ้ายหลินเป็นหญิงสาวที่งดงาม หุ่นบาง ร่างเล็ก ใบหน้าสวยหวาน แต่ถึงกระนั้น หลินชิงชิงก็ยังมั่นใจว่า หวังอ้ายหลินยังสวยสู้เธอไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ตอนนี้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าใคร ๆ"สหายหลี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันก็กำลังจะเข้าไปซื้อของในเมืองเหมือนกันค่ะ โชคดีที่ได้เจอสหายหลี่เข้าซะก่อน หวังว่าสหายหลี่จะไม่รังเกียจที่ฉันจะไปด้วยนะคะ"หวังอ้ายหลินกล่าว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หลี่เหว่ย หวังว่าเขาจ
หลังจากเขาขายเนื้อหมูเสร็จ หลินเจิ้งเทียนแบกเนื้อหมูส่วนที่เหลือไว้บนบ่ามุ่งหน้าไปยังบ้านของหมอหลี่ หมอเดินเท้าประจำหมู่บ้าน ผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านทุกคน"หมอหลี่ครับ หมอหลี่" หลินเจิ้งเทียนตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อมาถึงหน้าบ้านไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออก เขาเห็นหลี่เหว่ยถูกหมอหลี่รักษาบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว"อ้าว เจิ้งเทียน มาได้จังหวะพอดีเลย ลุงรักษาพ่อหนุ่มยุวชนปัญญาเสร็จพอดี เด็กคนนี้ถูกลูกสาวของเจ้ารักษามาก่อนหน้านี้แล้วตอนนี้แผลไม่เป็นอะไรมาก เลือดของเขาหยุดไหลไปแล้ว" หมอหลี่กล่าวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้หลินเจิ้งเทียน เข้าไปในบ้านหลินเจิ้งเทียน เขาขมวดคิ้วสงสัย "ชิงชิงไปรักษาให้เด็กคนนี้ได้อย่างไร?" ลูกสาวของเขา เป็นเพียงเด็กสาววัย 16 ปี เธอไม่เคยเรียนรู้การแพทย์แผนโบราณมาก่อนเขาเดินตามหมอหลี่เข้าไปในบ้าน พบเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาของเขาแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นยุวชนปัญญาที่จากเมืองหลวง เขาถูกส่งมาทำงานในชนบท แต่เนื่องจากความฉลาดของเขาทำให้สามารถสอบเข้ามาเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้านหลงเหมินได้
ในระหว่างที่เธอกำลังจะขนหมูป่าลงจากภูเขา หลินชิงชิงบังเอิญพบพ่อกับแม่ของเธอกำลังเดินกลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อพวกเขารู้เรื่องหมูป่า ทั้งสองต่างถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย"ชิงชิง ลูกปลอดภัยดีไหม?" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือหลินชิงชิงยิ้มให้แม่เพื่อคลายความกังวล "หนูปลอดภัยดีค่ะแม่ ตอนที่หนูเข้าไปช่วยเหลือสหายหลี่ หมูป่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วค่ะ หนูยิงมันไปทีเดียวมันก็ตายแล้วค่ะ" เธออธิบายให้คนเป็นแม่ฟังหลินเจิ้งเทียน พ่อของเธอขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง "คราวหลังหนูเจอหมูป่า ให้รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ อย่าเสี่ยงชีวิตอีก"หลินชิงชิงพยักหน้ารับคำ "ค่ะพ่อ หนูจะระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ" เธอรับปากพ่อของเธอทันทีก่อนจะเอ่ย"พ่อคะ เดี๋ยวพ่อช่วยลุงหวังขนหมูป่ากลับบ้านนะคะ หนูขอไปดูสหายหลี่ก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง"เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายหนุ่มยังคงรอเธออยู่ที่เดิม คนร่างสูงลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้ๆ "เหนื่อยไหมครับ สหายหลิน?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง"เหนื่อยมากค่ะ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง "หมูตัวนี้หนักไม่ใช่เล่น แต่ละคนถึงกับลิ้นห้อยเลยค่ะ
"สหายหลิน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาอยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่านี้หลินชิงชิงคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคุณพระเอก "ฉันมาเก็บสมุนไพรค่ะ เพื่อนำไปขายที่ตลาดมืด" เธอตอบชายหนุ่มไปตามตรงเพราะเธอรู้จักนิสัยพระเอกธงเขียวคนนี้ดี ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือจากใครเขาจะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนหลี่เหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตลาดมืด?" เขาทำเสียงทุ้มต่ำลง "มันค่อนข้างจะอันตรายมากเลยนะครับ"ดวงตาของหลินชิงชิงเป็นประกาย "ฉันรู้ค่ะ" เธอกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฉันแยกออกมาจากตระกูลหลิน ทำให้พวกเรามีเงินเหลืออยู่ในมือไม่เยอะมาก ถ้าได้สมุนไพรราคาแพงมา จะทำให้ครอบครัวของพวกเราสามารถลืมตาอ้าปากได้ค่ะ"หลี่เหว่ยรู้สึกทึ่งในตัวของหญิงสาว เธอช่างเป็นเด็กกตัญญูเสียจริงๆ เหมาะสำหรับการเป็นภรรยาของเขาแม้ในใจเขาจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำนี้ออกไป รอให้เขาจีบเด็กสาวได้สำเร็จเมื่อไหร่เขาจะขอเธอแต่งงานทันที"สหายหลินก็ระวังตัวด้วยนะครับ" เขาพูดอย่างเป็นห่วง "ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลย"หลินชิงชิงยิ้มกว้างในความห่วงใยของคุณพระเอก "
หลินชิงชิงจัดเตรียมตะกร้าสะพายหลังให้เรียบร้อย เธอตรวจดูให้แน่ใจว่ามีมีดเล็ก ขวดน้ำ และถุงผ้าสำหรับใส่ของป่าอยู่ในนั้นครบถ้วนแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้"ชิงชิง หนูพร้อมหรือยัง?" เสียงของหวังจื้อเหยา ดังมาจากหน้าบ้าน"พร้อมแล้วค่ะแม่" หลินชิงชิงตอบรับเสียงใส ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับครอบครัวพ่อของเธอแบกขวานคู่ใจไว้บนบ่า ส่วนแม่ของเธออุ้มตะกร้าสานใบใหญ่สำหรับใส่ของป่า หลินเสี่ยวหลงน้องชายของเธอวิ่งตามมาติดๆ มือเล็กๆ กำเชือกไว้แน่น เตรียมพร้อมสำหรับการผูกมัดฟืนที่พวกเขาจะเก็บได้"วันนี้พวกเราจะไปหาของป่ากันที่ไหนหรือคะ?" หลินชิงชิงถามพ่อของเธอ"พ่อว่าจะไปที่เนินเขาด้านตะวันออก วันนี้พ่อกับแม่จะเข้าไปหาไม้เนื้อแข็งในป่าลึก ส่วนหนูกับเสี่ยวหลงไปหาของป่าแถวชายป่าแถวนี้ก็พอ" พ่อของเธออธิบายหลินชิงชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะพ่อ" ก่อนจะมองไปที่น้องชาย "เสี่ยวหลง วันนี้พวกเราต้องช่วยกันหาของป่าให้ได้เยอะๆ นะ""ได้เลยครับพี่สาว!" หลินเสี่ยวหลงตอบรับด้วยดวงตาเป็นประกายครอบครัวบ้านสามต่างก็เดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี กลิ่นดินและหญ้าสดชื่นโชยมาตามล
ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มาไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่