ในตอนที่บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ด้านหน้าสุดยังไม่ทันตั้งตัว เขาใช้มือจับข้างละคน บีบคอของทั้งสองคนจนหักดังแกร่กทันที“ลุยสิ! ฆ่าเขาซะ!”เห็นหลินเฟิงลงมือกะทันหัน พวกบอดี้การ์ดก็รู้แล้วว่าวันนี้พวกเขาเจอของแข็งเข้าแล้วหนีก็ไม่มีทางหนีพ้นแน่นอนจึงนำมีดสปาต้าและกระบองที่อยู่ในมือออกมา พุ่งไปทางหลินเฟิงโดยตรง“หึ!”หลินเฟิงโยนศัตรูสองคนที่สูญเสียพลังชีวิตไปในกลุ่มคนอย่างง่ายดายในตอนที่บอดี้การ์ดเหล่านี้กรูกันเข้ามาตามทางเดิน หลินเฟิงกลับเหยียบกำแพง กระโดดไปทางด้านหลังสุดของกลุ่มคนในทันที“นายอยากจะหนีไปงั้นเหรอ? ขอโทษด้วย ไม่มีทางทำแบบนั้นได้แน่นอน”หลินเฟิงกระโดดไปยังด้านหลังสุดของกลุ่มคนเขาเห็นด้านหลังกลุ่มมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งเตรียมจะหนีไป จากนั้นพูดประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินในขณะที่มีชีวิตคำพูดเมื่อครู่ที่อยู่ด้านบนกลุ่มคน เป็นเขาที่ตะโกนออกมาผลปรากฏว่าขณะที่เขายืนอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มคน และตะโกนประโยคนี้ออกมา อยากให้พวกบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงทางเดินดึงดูดความสนใจของหลินเฟิง เพื่อที่จะหนีออกไปได้เพียงลำพัง“ผลัวะ!”หลินเฟิงปล่อยหมัดไปที่คอของเขาโดยตรง มองดูเขาล้มลงบนพื้นด
เลี่ยวจงคิดได้ไม่ผิดหลินเฟิงจะไปเล่นงานตระกูลซือหม่าจริงๆ นั่นแหละทุกครั้งที่หลินเฟิงนึกถึงอาอวี๋ที่ถูกทารุณกรรม ในใจก็มีความโมโหและความดุร้ายเพิ่มขึ้นมาอาอวี๋รับเขามาอยู่ด้วยก็ถือว่าเป็นบุญคุณมากแล้วยิ่งไม่ต้องพูดว่าบาดแผลของอาอวี๋ได้รับมาเพราะเขา นี่จึงทำให้ขณะเดียวกันที่หลินเฟิงโมโห ก็ยังมีความรู้สึกทุกข์ใจจากความละอายอย่างถึงที่สุดถ้าหากให้อวี๋จื่อเสวียนรู้ คิดว่าอวี๋จื่อเสวียนต้องไม่มีทางแสดงท่าทีที่ดีต่อเขาอย่างมาก“ซือหม่าเหวิน...วันนี้ นายจะต้องตาย!”หลินเฟิงกำหมัดแน่น ในสายตาเกิดความโมโหรุนแรงขึ้นมาเขาจะให้ซือหม่าเหวินชดใช้อย่างสาสม จะให้คนที่เข้าร่วมการทารุณอาอวี๋ทุกคนต่างชดใช้ด้วยเลือดเนื้อ!ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เปิดศึกกับทั้งตระกูลซือหม่า หลินเฟิงก็ไม่เห็นแก่ตัวเอง!รถของหลินเฟิงถูกหลี่ฮุ่ยหรานขับไปแล้วหลินเฟิงเดินออกมาจากโรงพยาบาล เรียกรถแท็กซี่ที่ข้างทางโดยตรง และมาถึงที่หน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลซือหม่าพอดีกับที่ เขาได้พบกับบอดี้การ์ดเฝ้าประตูคนนั้นที่อาอวี๋พูดถึง“เฮ้ย ไอ้หนุ่มนายมาทำอะไร?”บอดี้การ์ดคนนั้นหยิ่งผยองเหมือนที่อาอวี๋พูด ทั้งๆ เป็นแค่หมาเฝ
หลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูดกับคนแบบนี้เขาออกแรง บีบคอของเขาจนแตกเป็นเศษดัง “แกร่ก”บอดี้การ์ดคนนี้ล้มลงบนกองเลือด ดวงตาสองข้างเบิกตากว้าง นอนตายตาไม่หลับจนตายเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไมถึงได้ตายไปอย่างง่ายดายแบบนี้หรือว่ามีคนที่ใจกล้าแตะต้องตระกูลซือหม่าจริงๆ?“ฟู่ว...”บีบบอดี้การ์ดคนนี้จนตาย หลินเฟิงเดินไปที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ช้าๆ เขาสูดหายใจ จากนั้นคำรามเสียงต่ำ ถีบไปที่ประตูใหญ่ของตระกูลซือหม่าจนเปิดออกหลังจากประตูโลหะสองบานล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น ยังมีรั้วที่เชื่อมต่อประตูโลหะ ก็ล้มลงกว่าครึ่งในทันที“ใคร? เกิดอะไรขึ้น?”“เกิดเรื่องอะไร? แผ่นดินไหวงั้นเหรอ?”หลังจากที่หลินเฟิงเดินออกมาจากควันฝุ่นของประตูใหญ่ที่ล้มลง บอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าทั้งหมดต่างนิ่งอึ้งไปพวกเขาพากันรวมตัวไปที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ ทันใดนั้นเห็นผู้ชายวัยรุ่นสีหน้านิ่งเฉยคนหนึ่งมองตามทางที่คนผู้นี้เข้ามา พวกเขาก็เห็นบอดี้การ์ดเฝ้าประตูที่จมอยู่ในกองเลือดในจุดที่ไกลออกไป แต่ละคนก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่เป็นเวลานาน“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?”“หรือว่า...มีคนมาหาเรื่องที่ตระกูลซือหม่า?”“ไม่ใ
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขาจริงจัง!มองดูสีหน้าสงบนิ่งของหลินเฟิง กลุ่มบอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าพากันเผยสีหน้าหวาดกลัวเป็นอย่างมากออกมาเพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็ทำให้หัวหน้าบอดี้การ์ดที่ฝึกวิทยายุทธจนมีกำลังภายในถูกฆ่าตายภายในวินาทีเดียว ความสามารถของไอ้หมอนี่เพียงพอที่จะเทียบเท่ากับพวกบริวารที่อยู่ภายในตระกูลได้เลย!นี่ไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาบอดี้การ์ดกลุ่มนี้จะสามารถต่อต้านได้!“เร็ว...รีบไปเชิญท่านบริวารมา!”บอดี้การ์ดคนหนึ่งหันหลังวิ่งหนีไป ส่วนหลินเฟิงก็มองดูบอดี้การ์ดคนนี้วิ่งหนีไปทั้งแบบนี้ เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว“ไอ้หนุ่ม นายอย่ากำเริบเสิบสาน กล้ามาสร้างเรื่องที่ตระกูลซือหม่า วันนี้นายตายแน่!”มองดูศพของหัวหน้าที่ล้มอยู่บนพื้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งอดใจไม่ไหว เอ่ยปากตะโกนใส่หลินเฟิงด้วยความโมโหทันที“หือ?”หลินเฟิงหันหน้ามากะทันหัน ส่งสายตามองไปทางเขาจากนั้น บอดี้การ์ดคนนั้นดวงตาพร่ามัว สบตากับดวงตาที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกของหลินเฟิงทันที“นายพูดว่า...ฉันตายแน่งั้นเหรอ?”หลินเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ถึงครึ่งเมตร ถามขึ้นด้วยความนิ่งเฉย“นาย...นาย...”บอดี
“ผ่านไปห้านาทีแล้ว ในเมื่อพวกนายไม่ได้พาตัวซือหม่าเหวินมา งั้นก็พาฉันไปพบเขา”หลินเฟิงใบหน้านิ่งเฉยมองดูบอดี้การ์ดที่ตัวสั่นเทาตรงหน้าคนนี้ เขาก็แค่เห็นบอดี้การ์ดที่ขี้กลัวมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดคนนี้ท่ามกลางกลุ่มคนโดยทั่วไปแล้วคนที่ขี้กลัว ก็แสดงว่ากลัวตาย ควบคุมได้ง่ายถ้าหากเจอกับคนที่หัวแข็งดื้อรั้น กลับจะทำให้เขาเสียเวลา“อ๊ะ? คุณชายซือหม่าเหวิน?”บอดี้การ์ดคนนี้ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจจนกลัว เขาลังเลอยู่นาน และมองไปทางบอดี้การ์ดคนอื่นๆ อย่างอดไม่ได้และบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด พวกเขากลัวว่าหลินเฟิงจะฆ่าบอดี้การ์ดคนนั้น และเล็งเป้ามาที่ตัวของพวกเขาต่างก็ได้เงินเดือนที่แน่นอน จะสู้ชีวิตไปทำไมกัน!หลินเฟิงบรรยายบอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าแค่สองคำอ่อนแอแน่นอนว่า นี่จะโทษบอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าไม่ได้ ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่ตระกูลบู๊โดยเฉพาะ จึงไม่สามารถเทียบกับตระกูลหลงได้จุดที่พวกเขายิ่งใหญ่ก็มีเพียงแค่บริวารที่อยู่ภายในตระกูลก็เท่านั้นบอดี้การ์ดเหล่านี้ แทนที่จะพูดว่าเป็นบอดี้การ์ด ไม่สู้พูดว่าเป็นรปภ. จะดีกว่าเหตุผลที่พวกเขาสามารถรับรอบงานนี้ได้ไม่
ประมาณสิบนาที หลินเฟิงนั่งอยู่บนรถชมวิว ก็เห็นคฤหาสน์หรูหราที่ใหญ่โตหลังหนึ่งตรงหน้าคฤหาสน์มีรถหรูจอดอยู่หกเจ็ดคัน ต่างเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่เมื่ออยู่ข้างนอกก็จะสร้างความดึงดูดได้ดูแล้วนี่ก็คือของสะสมของซือหม่าเหวินสินะหลินเฟิงลงจากรถชมวิว เขาก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้บอดี้การ์ดที่ขี้กลัวคนนี้ ในเมื่อใครก่อหนี้เอาไว้ ก็ให้คนนั้นมารับผิดชอบ ก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงฆ่าคนเป็นเพราะโมโหและแสดงอำนาจตอนนี้เขามาถึงที่พักของซือหม่าเหวินแล้ว ไม่จำเป็นต้องฆ่าแกงจนใหญ่โตอีกแล้วหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการสังหารอะไรสำหรับคนที่รู้จักเอาตัวรอด เขาเป็นคนที่ใจกว้างมาโดยตลอด“ไปเถอะ”หลินเฟิงโบกมือ ให้บอดี้การ์ดคนนั้นจากไปซะส่วนบอดี้การ์ดคนนี้ที่เดิมทีคิดว่าวันนี้ตัวเองต้องตายแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงกลับไม่ได้ฆ่าเขา นี่จึงทำให้เขาดีใจอย่างบ้าคลั่งไม่มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจยิ่งกว่าการที่รักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้วเขาถึงขั้นที่ขอบคุณหลินเฟิงคนนอกคนนี้ที่บุกเข้ามาในตระกูลซือหม่า ภาพนี้ทำให้หลินเฟิงส่ายหน้าไม่หยุดบอดี้การ์ดของต้นตระกูลซือหม่าท่าทางน่าเป็นกังวลมากจริงๆแน่นอนว่า นี่จะโทษ
“นายปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นก็หมายความว่า...”“เพียะ!”หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตบหน้าของซือหม่าเหวินจนเสียงดังก้องทันที ฝ่ามือตบจนซือหม่าเหวินงุนงง“ฉันกำลังถามนาย นายตอบฉันมาดีๆ!”หลินเฟิงจับคอเสื้อของซือหม่าเหวินเอาไว้ ในดวงตาเต็มไปด้วยแรงสังหาร“แก...แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”“แกแม่งกล้าตบฉัน? อยู่ที่ถิ่นฐานของตระกูลซือหม่า?”ซือหม่าเหวินยังไม่ทันได้ตั้งตัวเล็กน้อยเขาลูบใบหน้าของตัวเอง สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนหนังหน้า ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเข้าด้วยกัน จากนั้นความโมโหและความอัปยศที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหลินเฟิงตาเป็นมัน“หลินเฟิง แกแม่งบ้าไปแล้วเหรอวะ? แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่?!”“ฉันพูดแล้วว่า ตอบคำถามของฉัน!”“เพียะ!”หลินเฟิงตวาดเสียงต่ำ โบกมือขึ้น และตบหน้าเสียงดังก้องอีกครั้ง ตบจนซือหม่าเหวินจนตาลาย และมีเลือดออกตรงริมฝีปากซือหม่าเหวินใช้เวลาหลายนาทีถึงตั้งสติกลับมาได้“หลินเฟิง...แก...”“เพียะ!”“ตอบคำถามของฉัน!”เมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าโมโหของหลินเฟิง ในใจของซือหม่าเหวินกลับเกิดความหวาดกลัวขึ้
เผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งของซือหม่าเหวินสีหน้าของหลินเฟิงไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักด้วยซ้ำ แต่กลับมองซือหม่าเหวินด้วยความเย็นชา หลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จ หลินเฟิงถึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างสงบนิ่ง:“ดังนั้น...ซือหม่าเหวิน นายหัวเราะเสร็จแล้วยัง?”“อ๊ะ?”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ซือหม่าเหวินงุนงงก็เล็กน้อยเขาถามกลับด้วยความตะลึงงัน:“หลินเฟิง...หรือว่าแกไม่กลัวเหรอ? คิดดูสิ ฉันรู้ถึงความจริงของแก แกอยู่เมืองเจียงโจว ครอบครัวของแก แก...อ่อก!”หลินเฟิงต่อยไปที่คางของซือหม่าเหวินจนแตกละเอียด ทำให้ฟันของเขาเละเทะไปพร้อมกับขากรรไกรล่างจนกลายเป็นก้อนโคลนเมื่อต่อยลงไปแบบนี้ แม้แต่กรีดร้องซือหม่าเหวินก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงกุมส่วนล่างของใบหน้าของตัวเองเอาไว้ และล้มลงบนพื้นชักดิ้นชักงออย่างบ้าคลั่ง“อาจจะใช่นะ”หลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉยมองซือหม่าเหวินที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น และพูดอย่างสงบนิ่ง:“บางทีครอบครัวของฉันอาจจะเจอกับเรื่องที่นายพูด แต่ก่อนหน้านั้น ฉันหลินเฟิงก็จะแบกรับกับความทุกข์ยากทุกอย่างเอาไว้”“ถ้าหากตระกูลซือหม่าของนายจะลงมือ ฉันก็ไม่รังเกียจ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน