“นายปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นก็หมายความว่า...”“เพียะ!”หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตบหน้าของซือหม่าเหวินจนเสียงดังก้องทันที ฝ่ามือตบจนซือหม่าเหวินงุนงง“ฉันกำลังถามนาย นายตอบฉันมาดีๆ!”หลินเฟิงจับคอเสื้อของซือหม่าเหวินเอาไว้ ในดวงตาเต็มไปด้วยแรงสังหาร“แก...แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”“แกแม่งกล้าตบฉัน? อยู่ที่ถิ่นฐานของตระกูลซือหม่า?”ซือหม่าเหวินยังไม่ทันได้ตั้งตัวเล็กน้อยเขาลูบใบหน้าของตัวเอง สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนหนังหน้า ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเข้าด้วยกัน จากนั้นความโมโหและความอัปยศที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหลินเฟิงตาเป็นมัน“หลินเฟิง แกแม่งบ้าไปแล้วเหรอวะ? แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่?!”“ฉันพูดแล้วว่า ตอบคำถามของฉัน!”“เพียะ!”หลินเฟิงตวาดเสียงต่ำ โบกมือขึ้น และตบหน้าเสียงดังก้องอีกครั้ง ตบจนซือหม่าเหวินจนตาลาย และมีเลือดออกตรงริมฝีปากซือหม่าเหวินใช้เวลาหลายนาทีถึงตั้งสติกลับมาได้“หลินเฟิง...แก...”“เพียะ!”“ตอบคำถามของฉัน!”เมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าโมโหของหลินเฟิง ในใจของซือหม่าเหวินกลับเกิดความหวาดกลัวขึ้
เผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งของซือหม่าเหวินสีหน้าของหลินเฟิงไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักด้วยซ้ำ แต่กลับมองซือหม่าเหวินด้วยความเย็นชา หลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จ หลินเฟิงถึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างสงบนิ่ง:“ดังนั้น...ซือหม่าเหวิน นายหัวเราะเสร็จแล้วยัง?”“อ๊ะ?”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ซือหม่าเหวินงุนงงก็เล็กน้อยเขาถามกลับด้วยความตะลึงงัน:“หลินเฟิง...หรือว่าแกไม่กลัวเหรอ? คิดดูสิ ฉันรู้ถึงความจริงของแก แกอยู่เมืองเจียงโจว ครอบครัวของแก แก...อ่อก!”หลินเฟิงต่อยไปที่คางของซือหม่าเหวินจนแตกละเอียด ทำให้ฟันของเขาเละเทะไปพร้อมกับขากรรไกรล่างจนกลายเป็นก้อนโคลนเมื่อต่อยลงไปแบบนี้ แม้แต่กรีดร้องซือหม่าเหวินก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงกุมส่วนล่างของใบหน้าของตัวเองเอาไว้ และล้มลงบนพื้นชักดิ้นชักงออย่างบ้าคลั่ง“อาจจะใช่นะ”หลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉยมองซือหม่าเหวินที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น และพูดอย่างสงบนิ่ง:“บางทีครอบครัวของฉันอาจจะเจอกับเรื่องที่นายพูด แต่ก่อนหน้านั้น ฉันหลินเฟิงก็จะแบกรับกับความทุกข์ยากทุกอย่างเอาไว้”“ถ้าหากตระกูลซือหม่าของนายจะลงมือ ฉันก็ไม่รังเกียจ
บริวารโจวพูดตอบโต้ด้วยความแน่วแน่“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็อยากรู้เหมือนหัน”ชายชราชุดขาวที่ถูกซือหม่าเหวินเรียกว่าปู่รองพยักหน้า จากนั้นเขาลดความโมโหของตัวเองเล็กน้อยสายตาเย็นชามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“ไม่ทราบว่าคุณหลินคนนี้ มีความแค้นอะไรกับตระกูลซือหม่าของฉันกันแน่?”“ต่อให้เปิดศึก พวกเราก็ต้องทำต้นสายปลายเหตุของเรื่องให้ชัดเจน”“ถูกต้อง”บริวารโจวที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า“หึ ดูท่าตระกูลซือหม่าของคุณในที่สุดก็มีคนพูดภาษาคนรู้เรื่องแล้ว”หลินเฟิงยกฝ่าเท้าออกเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางบริวารโจวด้วยความเคร่งขรึมและพูดว่า:“บริวารโจว คุณยังจำเรื่องที่นัดกันตอนที่ผมตรวจร่างกายให้คุณก่อนหน้านี้ ว่าผมจะนำยาที่รักษาบาดแผลเก่าของคุณมาให้คุณได้ไหม?”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”ปู่รองของซือหม่าเหวิน ก็คือผู้นำอันดับสองของทั้งตระกูลซือหม่าเหวิน ซือหม่าเหยียนมองไปทางบริวารโจว“ถูกต้อง มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ครับ”บริวารโจวขมวดคิ้ว มองไปทางซือหม่าเหยียน และพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง“ผมเป็นเพราะมีธุระปลีกตัวออกมาไม่ได้ จึงส่งผู้อาวุโสของผมมาส่งยาให้บริวารโจว แต่คิดไม่ถึงว่า ที่
“โจวก้งเฟิ่ง คุณ!”ซือหม่าเหวินโกรธอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“เหวินเอ่อร์”ในตอนนี้เอง ซือหม่าเหยียนชุดขาวก็พูดอย่างใจเย็นว่า “โจวก้งเฟิ่งพูดถูก สาเหตุการเสียชีวิตคุณปู่สามของนายนั้นมีเลศนัย นายยังไม่หลุดพ้นจากความเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง”“ตอนนี้นายก็กำลังสร้างปัญหาให้กับตระกูลซือหม่าของเราอีกด้วย เรื่องที่นายทำในวันนี้มันผิด” “นายรีบลุกขึ้น แล้วขอโทษคุณหลินซะ”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดคุณปู่รองของตัวเอง ซือหม่าเหวินลูกตาแถบถลนออกมา“ปู่รอง ผมไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม?”ซือหม่าเหวินเงยหน้าขึ้นกรีดร้องและพูดออกมา:“นี่... หลินเฟิงคนนี้บุกเข้ามาในตระกูลซือหม่าของเรา ฆ่าบอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าของเรา และยังทำให้ผมบาดเจ็บสาหัส แล้วยังจะช่างมันอีกเหรอ?!”“ตระกูลซือหม่าของเราอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ถูกคนข่มเหงถึงบนหัวแล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดงั้นเหรอ?”“หุบปาก!”โจงก้งเฟิ่งก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า“ซือหม่าเหวินผมขอพูดตรง ๆเลยนะ คุณสร้างปัญหาให้กับตระกูลซือหม่าพวกเราน้อยซะที่ไหน?”“แม้แต่สาเหตุการตายของปู่สามของคุณ พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเลย ข้อสงสัยในตัวคุณก็
“ช่วยผมด้วยปู่รอง ช่วยด้วย....”ซือหม่าเหวินดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งและเมื่อซือหม่าเหยียนเห็นแบบนี้ ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนว่า:“หยุดก่อน! พวกเรากำลังคุยกับคุณดี ๆ แต่คุณกลับใช้โอกาสนี้ลงมือหนักหรือว่าคุณไม่คิดจะคุยกับพวกเราแล้วงั้นเหรอ?!”“คุณหลิน คุณใจเย็นลงหน่อย”โจวก้งเฟิ่งก็พูดโน้มน้าวใจ เขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับหลินเฟิงจริง ๆ“ฮา....”เมื่อเห็นท่าทีของซือหม่าเหยียนและโจวก้งเฟิ่ง หลินเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจ แถมยังหัวเราะเยาะพร้อมกับพูดว่า:“ที่อยากจะคุยกับผมก็คือพวกคุณ ผมมาที่นี่ครั้งนี้ ก็เพื่อจะให้ทางเลือกกับซือหม่าเหวินเพียงแค่สองทางเท่านั้น”ขณะที่กำลังพูดอยู่ หลินเฟิงก็เตะเข่าอีกข้างของซือหม่าเหวินอีกครั้งซือหม่าเหวินเจ็บมากจนพูดไม่ออก เขาแทบจะหมดสติไป และทำได้เพียงตะโกนชื่อของหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่งและสาปแช่งหลินเฟิงตลอดเวลาเท่านั้น “หากพวกคุณเข้ามา ผมจะฆ่าเขาซะเลย”หลินเฟิงเห็นว่าซือหม่าเหยียนมีท่าทีจะลงมือ จึงใช้แค่ประโยตเดียวก็ทำให้เขาเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือทำและไม่กล้าที่ก้าวเข้ามาในเมื่อซือหม่าเหยียนก็มองออกแล้วว่า หลินเฟิงความสามารถไม่ธรรมดา ถ้าหากต้องการชีวิต
“หากพวกคุณคิดจะช่วยชีวิตน้อย ๆของเขา ในวันพรุ่งนี้ก็พาเขาไปที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยว แล้วให้เขากราบขอโทษอาอวี๋”“ไม่อย่างนั้น....”“พวกคุณก็รอให้เขากรีดร้องสักสามวันแล้วก็ตายซะเถอะ”“เชื่อผมสิ ภายในสามวันนี้จะทำให้เขาเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้อย่างแน่นอน”เมื่อหลินเฟิงพูดจบและไม่ได้รอคำตอบจากทุกคนที่นั่น ก็กระโดดลงจากชั้นสองไปตกลงบนหลังคารถหรูของซือหม่าเหวินภายใต้การจ้องมองที่ตะลึงงันของพวกบอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ เขากระโดดขึ้นไปบนรถชมวิว ก่อนจะขับออกไปด้วยท่าทางสบายใจ“หยุดเขา! หยุดเขาไว้!”หน้าต่างที่แตกหักตรงชั้นสองพ่อของซือหม่าเหวิน ซือหม่าเผิงหัวที่ได้ยินข่าวก็รีบมา ก่อนจะตะโกนอย่างบ้าคลั่งและออกคำสั่งพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างล่าง“ครับ....ครับ!”พวกบอดี้การ์ดได้ยินคำสั่งของซือหม่าเผิงหัว ถึงตามตามหลินเฟิงหลังจากตั้งสติได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหลินเฟิงสลัดทิ้งแล้ว คงจะไล่ตามไม่ทันแล้วแต่ทว่าต่อให้พวกเขาจะสามารถตามทัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงเพราะอย่างนั้นสำหรับคำสั่งนี้ ดูเหมือนพวกเขาปฏิบัติอย่างรีบร้อน แต่ก็ช้าไปที่จะรู้ตัวในเมื่อใครก็ไม่อยากตาย
เมื่อบุคคลระดับสูงกับบริวารของตระกูลซือหม่าต่างก็เห็นด้วยแทบจะทั้งหมด จู่ ๆ เสียงที่ค่อนข้างน่าเกรงขามก็ดังมากจากด้านนอกประตู“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อทุกคนที่ได้ยินคำถามนี้ ต่างก็เงียบกริบกันทันที ก่อนจะก้มหน้าตัวเองลงด้วยความเคารพเห็นเพียงแค่ชายชราที่มีดวงตาหลุบลงและใบหน้าที่เหี่ยวย่น แต่ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ค่อย ๆเดินเข้ามาเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ด้วยดวงตาที่ราวกับสายฟ้าก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ที่นี่ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหม่าจง ผู้นำตระกูลซือหม่าคนปัจจุบัน“พี่ใหญ่”ซือหม่าเหยียนเดินเข้าไปเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอีกรอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง และไม่ได้โกหกใคร เพียงแค่รายงานตามความจริงจากมุมมองของตัวเองให้ซือหม่าจงรับรู้“อ่อ? หลินเฟิง? เด็กหนุ่มแดนแปรภาพ?”ซือหม่าจงไม่ได้สนใจซือหม่าเหวินมากนัก แต่กลับให้ความสนใจไปที่หลินเฟิงเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็แสดงการหัวเราะเยาะเย้ยที่ทำให้ทุกคนยากที่เข้าใจได้จนกระทั่งริ้วรอยบนใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง“ไปเถอะ พรุ่งนี้ ให้คนพาซือหม่าเหวินไปขอโทษหลินเฟิง จำไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่และทำด้วยความจร
“วางใจเถอะ”ซือหม่าจงยิ้มเล็กน้อย:“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆนี้กับการแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงมีปัญหากันเล็กน้อย และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่คนที่ชื่อหลินเฟิง”“พ่อ คุณจะบอกว่า...”ซือหม่าเผิงหัวตอบสนองทันที“ใช่แล้ว”ซือหม่าจงตะคอกอย่างเย็นชาว่า“ปล่อยให้คนของตระกูลถังและตระกูลหลงค่อย ๆแทะคนกระดูกแข็งอย่างหลินเฟิง พวกเราแค่ต้องการดูละครจากด้านหลังก็พอ”“ห้ามเปิดเผยภูมิหลังของหลินเฟิงมจะเป็นการดีที่สุด”“สุดท้ายก็รอให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายสูญเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”“ถึงตอนนั้น.....”ซือหม่าจงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“หยวนชี่ทั้งห้า......แบบนี้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพ แม้แต่เส้นทางการเป็นเทพก็ตกอยู่ในมือของเรา คำพูดทางโลกที่เข้ามา จะไปมีความหมายอะไร?”“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณคุณพ่อที่แนะนำ”หลังจากได้ยินคำพูดของซือหม่าจง ซือหม่าเผิงหัวก็แสดงสีหน้าเข้าใจออกมา“พ่อ....พ่อ ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บจะตายแล้ว....เจ็บไปหมดทั้งหมด.....”บนพื้น ซือหม่าเหวินที่กำลังกลิ้งไปมา ก็ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือ ซือหม่าเผิงหัว พ่อของตัวเองอย่างไรก็ตาม ซือหม่าเผิงหัวที่หมกมุ่นอยู
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ