“นายปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นก็หมายความว่า...”“เพียะ!”หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตบหน้าของซือหม่าเหวินจนเสียงดังก้องทันที ฝ่ามือตบจนซือหม่าเหวินงุนงง“ฉันกำลังถามนาย นายตอบฉันมาดีๆ!”หลินเฟิงจับคอเสื้อของซือหม่าเหวินเอาไว้ ในดวงตาเต็มไปด้วยแรงสังหาร“แก...แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”“แกแม่งกล้าตบฉัน? อยู่ที่ถิ่นฐานของตระกูลซือหม่า?”ซือหม่าเหวินยังไม่ทันได้ตั้งตัวเล็กน้อยเขาลูบใบหน้าของตัวเอง สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนหนังหน้า ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเข้าด้วยกัน จากนั้นความโมโหและความอัปยศที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหลินเฟิงตาเป็นมัน“หลินเฟิง แกแม่งบ้าไปแล้วเหรอวะ? แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่?!”“ฉันพูดแล้วว่า ตอบคำถามของฉัน!”“เพียะ!”หลินเฟิงตวาดเสียงต่ำ โบกมือขึ้น และตบหน้าเสียงดังก้องอีกครั้ง ตบจนซือหม่าเหวินจนตาลาย และมีเลือดออกตรงริมฝีปากซือหม่าเหวินใช้เวลาหลายนาทีถึงตั้งสติกลับมาได้“หลินเฟิง...แก...”“เพียะ!”“ตอบคำถามของฉัน!”เมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าโมโหของหลินเฟิง ในใจของซือหม่าเหวินกลับเกิดความหวาดกลัวขึ้
เผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งของซือหม่าเหวินสีหน้าของหลินเฟิงไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักด้วยซ้ำ แต่กลับมองซือหม่าเหวินด้วยความเย็นชา หลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จ หลินเฟิงถึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างสงบนิ่ง:“ดังนั้น...ซือหม่าเหวิน นายหัวเราะเสร็จแล้วยัง?”“อ๊ะ?”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ซือหม่าเหวินงุนงงก็เล็กน้อยเขาถามกลับด้วยความตะลึงงัน:“หลินเฟิง...หรือว่าแกไม่กลัวเหรอ? คิดดูสิ ฉันรู้ถึงความจริงของแก แกอยู่เมืองเจียงโจว ครอบครัวของแก แก...อ่อก!”หลินเฟิงต่อยไปที่คางของซือหม่าเหวินจนแตกละเอียด ทำให้ฟันของเขาเละเทะไปพร้อมกับขากรรไกรล่างจนกลายเป็นก้อนโคลนเมื่อต่อยลงไปแบบนี้ แม้แต่กรีดร้องซือหม่าเหวินก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงกุมส่วนล่างของใบหน้าของตัวเองเอาไว้ และล้มลงบนพื้นชักดิ้นชักงออย่างบ้าคลั่ง“อาจจะใช่นะ”หลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉยมองซือหม่าเหวินที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น และพูดอย่างสงบนิ่ง:“บางทีครอบครัวของฉันอาจจะเจอกับเรื่องที่นายพูด แต่ก่อนหน้านั้น ฉันหลินเฟิงก็จะแบกรับกับความทุกข์ยากทุกอย่างเอาไว้”“ถ้าหากตระกูลซือหม่าของนายจะลงมือ ฉันก็ไม่รังเกียจ
บริวารโจวพูดตอบโต้ด้วยความแน่วแน่“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็อยากรู้เหมือนหัน”ชายชราชุดขาวที่ถูกซือหม่าเหวินเรียกว่าปู่รองพยักหน้า จากนั้นเขาลดความโมโหของตัวเองเล็กน้อยสายตาเย็นชามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“ไม่ทราบว่าคุณหลินคนนี้ มีความแค้นอะไรกับตระกูลซือหม่าของฉันกันแน่?”“ต่อให้เปิดศึก พวกเราก็ต้องทำต้นสายปลายเหตุของเรื่องให้ชัดเจน”“ถูกต้อง”บริวารโจวที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า“หึ ดูท่าตระกูลซือหม่าของคุณในที่สุดก็มีคนพูดภาษาคนรู้เรื่องแล้ว”หลินเฟิงยกฝ่าเท้าออกเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางบริวารโจวด้วยความเคร่งขรึมและพูดว่า:“บริวารโจว คุณยังจำเรื่องที่นัดกันตอนที่ผมตรวจร่างกายให้คุณก่อนหน้านี้ ว่าผมจะนำยาที่รักษาบาดแผลเก่าของคุณมาให้คุณได้ไหม?”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”ปู่รองของซือหม่าเหวิน ก็คือผู้นำอันดับสองของทั้งตระกูลซือหม่าเหวิน ซือหม่าเหยียนมองไปทางบริวารโจว“ถูกต้อง มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ครับ”บริวารโจวขมวดคิ้ว มองไปทางซือหม่าเหยียน และพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง“ผมเป็นเพราะมีธุระปลีกตัวออกมาไม่ได้ จึงส่งผู้อาวุโสของผมมาส่งยาให้บริวารโจว แต่คิดไม่ถึงว่า ที่
“โจวก้งเฟิ่ง คุณ!”ซือหม่าเหวินโกรธอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“เหวินเอ่อร์”ในตอนนี้เอง ซือหม่าเหยียนชุดขาวก็พูดอย่างใจเย็นว่า “โจวก้งเฟิ่งพูดถูก สาเหตุการเสียชีวิตคุณปู่สามของนายนั้นมีเลศนัย นายยังไม่หลุดพ้นจากความเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง”“ตอนนี้นายก็กำลังสร้างปัญหาให้กับตระกูลซือหม่าของเราอีกด้วย เรื่องที่นายทำในวันนี้มันผิด” “นายรีบลุกขึ้น แล้วขอโทษคุณหลินซะ”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดคุณปู่รองของตัวเอง ซือหม่าเหวินลูกตาแถบถลนออกมา“ปู่รอง ผมไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม?”ซือหม่าเหวินเงยหน้าขึ้นกรีดร้องและพูดออกมา:“นี่... หลินเฟิงคนนี้บุกเข้ามาในตระกูลซือหม่าของเรา ฆ่าบอดี้การ์ดของตระกูลซือหม่าของเรา และยังทำให้ผมบาดเจ็บสาหัส แล้วยังจะช่างมันอีกเหรอ?!”“ตระกูลซือหม่าของเราอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ถูกคนข่มเหงถึงบนหัวแล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดงั้นเหรอ?”“หุบปาก!”โจงก้งเฟิ่งก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า“ซือหม่าเหวินผมขอพูดตรง ๆเลยนะ คุณสร้างปัญหาให้กับตระกูลซือหม่าพวกเราน้อยซะที่ไหน?”“แม้แต่สาเหตุการตายของปู่สามของคุณ พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเลย ข้อสงสัยในตัวคุณก็
“ช่วยผมด้วยปู่รอง ช่วยด้วย....”ซือหม่าเหวินดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งและเมื่อซือหม่าเหยียนเห็นแบบนี้ ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนว่า:“หยุดก่อน! พวกเรากำลังคุยกับคุณดี ๆ แต่คุณกลับใช้โอกาสนี้ลงมือหนักหรือว่าคุณไม่คิดจะคุยกับพวกเราแล้วงั้นเหรอ?!”“คุณหลิน คุณใจเย็นลงหน่อย”โจวก้งเฟิ่งก็พูดโน้มน้าวใจ เขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับหลินเฟิงจริง ๆ“ฮา....”เมื่อเห็นท่าทีของซือหม่าเหยียนและโจวก้งเฟิ่ง หลินเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจ แถมยังหัวเราะเยาะพร้อมกับพูดว่า:“ที่อยากจะคุยกับผมก็คือพวกคุณ ผมมาที่นี่ครั้งนี้ ก็เพื่อจะให้ทางเลือกกับซือหม่าเหวินเพียงแค่สองทางเท่านั้น”ขณะที่กำลังพูดอยู่ หลินเฟิงก็เตะเข่าอีกข้างของซือหม่าเหวินอีกครั้งซือหม่าเหวินเจ็บมากจนพูดไม่ออก เขาแทบจะหมดสติไป และทำได้เพียงตะโกนชื่อของหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่งและสาปแช่งหลินเฟิงตลอดเวลาเท่านั้น “หากพวกคุณเข้ามา ผมจะฆ่าเขาซะเลย”หลินเฟิงเห็นว่าซือหม่าเหยียนมีท่าทีจะลงมือ จึงใช้แค่ประโยตเดียวก็ทำให้เขาเกรงกลัวจนไม่กล้าลงมือทำและไม่กล้าที่ก้าวเข้ามาในเมื่อซือหม่าเหยียนก็มองออกแล้วว่า หลินเฟิงความสามารถไม่ธรรมดา ถ้าหากต้องการชีวิต
“หากพวกคุณคิดจะช่วยชีวิตน้อย ๆของเขา ในวันพรุ่งนี้ก็พาเขาไปที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยว แล้วให้เขากราบขอโทษอาอวี๋”“ไม่อย่างนั้น....”“พวกคุณก็รอให้เขากรีดร้องสักสามวันแล้วก็ตายซะเถอะ”“เชื่อผมสิ ภายในสามวันนี้จะทำให้เขาเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้อย่างแน่นอน”เมื่อหลินเฟิงพูดจบและไม่ได้รอคำตอบจากทุกคนที่นั่น ก็กระโดดลงจากชั้นสองไปตกลงบนหลังคารถหรูของซือหม่าเหวินภายใต้การจ้องมองที่ตะลึงงันของพวกบอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ เขากระโดดขึ้นไปบนรถชมวิว ก่อนจะขับออกไปด้วยท่าทางสบายใจ“หยุดเขา! หยุดเขาไว้!”หน้าต่างที่แตกหักตรงชั้นสองพ่อของซือหม่าเหวิน ซือหม่าเผิงหัวที่ได้ยินข่าวก็รีบมา ก่อนจะตะโกนอย่างบ้าคลั่งและออกคำสั่งพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างล่าง“ครับ....ครับ!”พวกบอดี้การ์ดได้ยินคำสั่งของซือหม่าเผิงหัว ถึงตามตามหลินเฟิงหลังจากตั้งสติได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกหลินเฟิงสลัดทิ้งแล้ว คงจะไล่ตามไม่ทันแล้วแต่ทว่าต่อให้พวกเขาจะสามารถตามทัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงเพราะอย่างนั้นสำหรับคำสั่งนี้ ดูเหมือนพวกเขาปฏิบัติอย่างรีบร้อน แต่ก็ช้าไปที่จะรู้ตัวในเมื่อใครก็ไม่อยากตาย
เมื่อบุคคลระดับสูงกับบริวารของตระกูลซือหม่าต่างก็เห็นด้วยแทบจะทั้งหมด จู่ ๆ เสียงที่ค่อนข้างน่าเกรงขามก็ดังมากจากด้านนอกประตู“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อทุกคนที่ได้ยินคำถามนี้ ต่างก็เงียบกริบกันทันที ก่อนจะก้มหน้าตัวเองลงด้วยความเคารพเห็นเพียงแค่ชายชราที่มีดวงตาหลุบลงและใบหน้าที่เหี่ยวย่น แต่ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ค่อย ๆเดินเข้ามาเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ด้วยดวงตาที่ราวกับสายฟ้าก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ที่นี่ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหม่าจง ผู้นำตระกูลซือหม่าคนปัจจุบัน“พี่ใหญ่”ซือหม่าเหยียนเดินเข้าไปเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอีกรอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง และไม่ได้โกหกใคร เพียงแค่รายงานตามความจริงจากมุมมองของตัวเองให้ซือหม่าจงรับรู้“อ่อ? หลินเฟิง? เด็กหนุ่มแดนแปรภาพ?”ซือหม่าจงไม่ได้สนใจซือหม่าเหวินมากนัก แต่กลับให้ความสนใจไปที่หลินเฟิงเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็แสดงการหัวเราะเยาะเย้ยที่ทำให้ทุกคนยากที่เข้าใจได้จนกระทั่งริ้วรอยบนใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง“ไปเถอะ พรุ่งนี้ ให้คนพาซือหม่าเหวินไปขอโทษหลินเฟิง จำไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่และทำด้วยความจร
“วางใจเถอะ”ซือหม่าจงยิ้มเล็กน้อย:“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆนี้กับการแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงมีปัญหากันเล็กน้อย และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่คนที่ชื่อหลินเฟิง”“พ่อ คุณจะบอกว่า...”ซือหม่าเผิงหัวตอบสนองทันที“ใช่แล้ว”ซือหม่าจงตะคอกอย่างเย็นชาว่า“ปล่อยให้คนของตระกูลถังและตระกูลหลงค่อย ๆแทะคนกระดูกแข็งอย่างหลินเฟิง พวกเราแค่ต้องการดูละครจากด้านหลังก็พอ”“ห้ามเปิดเผยภูมิหลังของหลินเฟิงมจะเป็นการดีที่สุด”“สุดท้ายก็รอให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายสูญเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”“ถึงตอนนั้น.....”ซือหม่าจงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“หยวนชี่ทั้งห้า......แบบนี้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพ แม้แต่เส้นทางการเป็นเทพก็ตกอยู่ในมือของเรา คำพูดทางโลกที่เข้ามา จะไปมีความหมายอะไร?”“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณคุณพ่อที่แนะนำ”หลังจากได้ยินคำพูดของซือหม่าจง ซือหม่าเผิงหัวก็แสดงสีหน้าเข้าใจออกมา“พ่อ....พ่อ ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บจะตายแล้ว....เจ็บไปหมดทั้งหมด.....”บนพื้น ซือหม่าเหวินที่กำลังกลิ้งไปมา ก็ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือ ซือหม่าเผิงหัว พ่อของตัวเองอย่างไรก็ตาม ซือหม่าเผิงหัวที่หมกมุ่นอยู
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน