“วางใจเถอะ”ซือหม่าจงยิ้มเล็กน้อย:“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆนี้กับการแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงมีปัญหากันเล็กน้อย และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่คนที่ชื่อหลินเฟิง”“พ่อ คุณจะบอกว่า...”ซือหม่าเผิงหัวตอบสนองทันที“ใช่แล้ว”ซือหม่าจงตะคอกอย่างเย็นชาว่า“ปล่อยให้คนของตระกูลถังและตระกูลหลงค่อย ๆแทะคนกระดูกแข็งอย่างหลินเฟิง พวกเราแค่ต้องการดูละครจากด้านหลังก็พอ”“ห้ามเปิดเผยภูมิหลังของหลินเฟิงมจะเป็นการดีที่สุด”“สุดท้ายก็รอให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายสูญเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”“ถึงตอนนั้น.....”ซือหม่าจงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“หยวนชี่ทั้งห้า......แบบนี้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพ แม้แต่เส้นทางการเป็นเทพก็ตกอยู่ในมือของเรา คำพูดทางโลกที่เข้ามา จะไปมีความหมายอะไร?”“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณคุณพ่อที่แนะนำ”หลังจากได้ยินคำพูดของซือหม่าจง ซือหม่าเผิงหัวก็แสดงสีหน้าเข้าใจออกมา“พ่อ....พ่อ ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บจะตายแล้ว....เจ็บไปหมดทั้งหมด.....”บนพื้น ซือหม่าเหวินที่กำลังกลิ้งไปมา ก็ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือ ซือหม่าเผิงหัว พ่อของตัวเองอย่างไรก็ตาม ซือหม่าเผิงหัวที่หมกมุ่นอยู
เนี่ยหมิงวางตะกร้าผลไม้ในมือลง พร้อมกับขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า:“ คือ...”อาอวี๋เงียบไปนานก็ไม่เอ่ยชื่อออกมา ในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า “ช่างมันเถอะ พวกเราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้”“ลุงเขยของเขา สิ่งที่คุณพูดเหมือนจะประเมินกันต่ำไปหน่อย!”ในขณะนี้มีเสียงแหลมคมของผู้หญิงดังขึ้นที่ด้านนอกห้องผู้ป่วยมองเห็นเพียงแค่ผู้หญิงวันกลางคนที่สวมกระโปรงสีเหลือง ผมหยิกและแต่งหน้าได้อลังการเดินข้ามาเธอเข้ามาก็จ้องมองอาอวี๋ด้วยความประหลาดใจ“น่าเสียดายจริง ๆ ลุงเขย คุณไปทำอะไรกันแน่ ถึงถูกคนทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้”พูดจบ เธอก็มองไปที่เนี่ยหมิงด้วยความภูมิใจ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า“แต่ไม่ต้องห่วง มีลูกชายของฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครที่ทุบตีคุณ บอกกับเนี่ยหมิง เนี่ยหมิงสามารถช่วยคุณแก้แค้นให้ได้นะ!”“ใช่แล้ว ลุงเขย คุณบอกมาเถอะ ผมสามารถช่วยคุณแก้แค้นได้แน่นอน!”“ไม่ต้องแล้วจริง ๆ”ถึงแม้ว่าอาอวี๋จะได้ยินคำพูดของน้องสาวภรรยาที่ไม่น่าฟัง แต่เขาก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับพวกเขามากเกินไป เพราะอย่างนั้นจึงทำได้แค่ส่ายหน้า“พ่อ พ่อก็บอกฉันมาเถอะ! พ่อไปทำอะไรมากันแน่?”“หรือจะเป็นฉันที่ทำงานเหรอ?”
“ถ้าคุณเงินไม่พอก็บอกพวกเรามาตรง ๆก็ได้ ถ้าต้องรักษาหน้าจนทรมาน ไปยุ่งวุ่นวายกับคนซี้ซั้ว”“ตอนนี้คงจะเห็นแล้วว่า ถูกคนทุบตีแล้ว คนที่ตีคนจะไม่เข้ามาเยี่ยม และพูดขอโทษอะไรหรอกนะ”เก่อหงเหมยน้าของอวี๋จื่อเสวียน ถึงแม้ว่าจะมีสีหน้าที่เสียใจจนพูดไม่ออก แต่ท่าทางไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจสักเท่าไหร่ กลับแสดงออกถึงการเสียดสีมากกว่าหลินเฟิงก็มองออกว่าญาติของอาอวี๋ มีท่าทางที่ละเอียดอ่อนอยู่เล็กน้อยต่อพวกเขาดังนั้นเขาจึงหยุดไปชั่วครู่ แล้วหันกลับมามองเนี่ยหมิง และเอ่ยอย่างใจเย็นว่า“ฟังฉัน คนที่ขัดแย้งกับอาอวี๋ พวกคุณไม่สามารถรับมือได้หรอก”“รับมือไม่ได้?”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง เนี่ยะหมิงก็เยาะเย้ย ก่อนจะสลัดคอเสื้อของหลินเฟิง แล้วเดินไปทางเก่อหงเหมยและพูดด้วยท่าทางเหน็บแนมว่า“แม่ แม่ได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า?”“เขาบอกว่าผมไม่สามารถรับมือกับคนที่ทุบตีลุงเขยได้ล่ะ”“อาจารย์หลิน ใครทุบตีพ่อของฉันกันแน่? คุณบอกฉันมาได้ใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนเข้ามาใกล้ ๆในเวลานี้ และมองไปที่หลินเฟิงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว“มีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ เด
เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดถึงฆาตกร เนี่ยหมิงและเก่อหงเหมยต่างก็แสดงท่าทางไม่อยากจะเชื่อออกมาหลังจากที่ทั้งสองตกอยู่ในเงียบที่กระอักกระอ่วน เก่อหงเหมยก็กระแอมในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงดังว่า“เจ้าหนู แกโกหกก็ควรจะใช้เหตุผลสักหน่อยสิ?”“คุณชายรองของตระกูลซือหม่า จะทุบตีลุงเขยไปทำไม? ลุงเขยของเขาเป็นคนดี จะไปล่วงเกินคุณชายของตระกูลซือหม่าได้ยังไงกัน?”“ใช่แล้ว!”เนี่ยหมิงก็ตอบอีกว่า“ฉันเคยเจอกับคุณชายรองซือหม่าเหวินด้วยนะ ถึงแม้ว่าจะเคยเจอในระยะไกล ๆแต่เขาก็นิสัยดีและถ่อมตนอย่างมาก จะไปลงมือทุบตีคนได้ยังไงกัน?!”“นายกำลังโกหกอยู่ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง แววตาของเก่อหงเหมยก็วาววับ ก่อนจะยกยอลูกชายของตัวเองว่าสมกับที่เป็นลูกชายของฉัน เก่งอะไรขนาดนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังได้เจอคุณชายซือหม่าเหวินด้วย”จากนั้นเธอก็หันเป้าหมายไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างเหยียดหยามว่า“ไอ้หนุ่ม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?”“จะโกหกถึงคนที่ลูกชายของฉันเคยเจอ มันช่างน่าอายจริง ๆเลย! ถ้าหากฉันเป็นคุณ ฉันจะหารอยแยกที่พื้นแล้วรีบคลานเข้าไปในนั้นเลย” “คุณไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง ว
“จื่อเสวียน ไม่ใช่ว่าพวกเราไปทุบตีลุงเขยนะ เธอจะตวาดใส่พวกเราทำไม? หรือว่าเธอไม่ควรจะถามว่าใครที่ทำให้พ่อของเธอเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”เก่อหาเหมยเห็นท่าทางของลูกชายตัวเองไม่ปกติ จึงรีบออกมาปกป้องก่อนจะชี้นิ้วไปที่หลินเฟิง“ใช่”เนี่ยหมิงรีบพูดว่า “พวกเราก็แค่หวังดี และจะล้างแค้นให้ลุงเขย แต่ก็เป็นห่วงพวกคุณด้วย”“พวกคุณไม่ต้องไปล้างแค้นหรอก แล้วพวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย!”อวี๋จื่อเสวียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าวางใจเถอะ”ในตอนนี้หลินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า“เมื่อวานฉันไปบ้านตระกูลซือหม่ามาแล้ว วันนี้ซือหม่าเหวินก็จะเข้ามาขอโทษด้วยตัวเอง หากเขาไม่มา ถ้าอย่างนั้นชีวิตน้อย ๆของเขาก็คงไม่รอดแล้ว”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ดวงตาของเนี่ยหมิงก็เบิกกว้างราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดแล้วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาแทน“ไม่หรอก ฉันพูดว่าไอ้หรุ่ม แกสมควรเก็บอาการหน่อยไหม?”เขาตบที่ไหล่ของหลินเฟิง ด้วยสีหน้าที่เห็นอกเห็นใจราวกับมองไอ้โง่คนหนึ่ง และพูดเยาะเย้ยว่า“จื่อเสวียน ลุงเขย คุณดูสิ พวกคุณหาผู้เช่าบ้านแบบไหนมานะ? คาดไม่ถึงว่าจะพูดเรื่องไร้สาระได้
“ความสามารถของคนเรามักมีขีดจำกัด ดังนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนยิ้มพูดว่า: “อย่างน้อยพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างมีแนวโน้มจะหายดีเป็นปกติ”“ฉันไม่ได้โกหก”หลินเฟิงก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเธอถึงจะเชื่อ ทำได้แค่ขมวดคิ้ว และพูดแบบนี้โดยไม่มีมูลเหตุ“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อสหาย”เนี่ยหมิงเดินเข้ามา พาดแขนไปที่บนไหล่ของหลินเฟิง หัวเราะร่าพูดว่า:“วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ ให้คุณชายซือหม่าเหวินมาอธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง”“จากนั้นฉันจะให้คนหาโรงพยาบาลจิตเวชที่สภาพแวดล้อมดีๆ ให้นาย ส่งนายเข้าไป จัดแจงแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้นาย”“ให้เทคนิคการฟื้นฟูความทรงจำที่ดีให้กับนาย ดูว่าต่อไปนายยังจะเห็นเรื่องเพ้อฝันเป็นความจริงอีกไหม”“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้”หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และแบมือออกถามการคาดเดาของเขา ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเดินทางมาขอโทษ หรือส่งคนมา น่าจะใกล้ถึงแล้วหลินเฟิงไม่อยากให้อวี๋จื่อเสวียนกับเนี่ยหมิงและคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นก็เป็นเพราะแบบนี้ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเลือกจะสู้กันให้ตายไปข้าง ส่งคนมาเปิดศึกกับเขา เช่น
อาอวี๋เปิดเผยความจริงด้วยความเฉียดขาด นี่จึงทำให้หลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนได้เห็นอีกด้านหนึ่งของอาอวี๋“พ่อ แม่ของหนู…”“จื่อเสวียน พ่อไม่ควรปิดบังลูกมานานขนาดนี้”อาอวี๋ลูบศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนด้วยท่าทางรักใคร่เอ็นดู จากนั้นทอดถอนใจพูดว่า: “แม่ของลูกเคยเป็นนักบู๊ยอดฝีมือคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอถูกกับดักของคนชั่วโดยไม่ระวัง พ่อไปพบเข้าพอดี จึงช่วยชีวิตเธอไว้”“ภายหลังเธอปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง และมีลูกกับพ่อ”“แต่ไม่รู้ว่าทำไม ศัตรูในอดีตมาหาถึงที่ เธอจึงทำได้แค่ฝากฝังลูกไว้กับพ่อ สุดท้ายก็เสียชีวิตในน้ำมือของศัตรู”“พ่อทำตัวต่ำต้อยมาหลายปีแบบนี้ ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง ก็เป็นเพราะลูกแน่นอนอยู่แล้ว”อาอวี๋ถอนหายใจ โบกมือพูดว่า:“หงเหมย พวกเธอกลับไปเถอะ ของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของหงยิงไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เธอ แต่เป็นเพราะให้ไม่ได้”“ถ้าหากเธอจะแย่งชิงไป ต่อให้ฆ่าฉันตาย งั้นฉันก็ไม่มีทางให้เธอทำได้สำเร็จ”ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของอาอวี๋ เก่อหงเหมยถลึงตาโตเธอหายใจหอบ เดินเตร่อยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยกลับไปกลับมา และพูดด้วยความโหโหว่า:“พี่เขย พี่ดูสภาพตกอับในตอนนี้ของพี่สิ!”“ไม่มีเ
อยากได้ของต่างหน้าที่แม่ของจื่อเสวียนทิ้งไว้มาโดยตลอดในเมื่อเป็นของต่างหน้าที่ยอดฝีมือแดนแปรภาพทิ้งไว้ มันจะต้องเป็นทรัพย์สินจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอนครั้งแล้วครั้งเล่าที่เก่อหงเหมยมาขอร้องและอาอวี๋ต่างก็ทำตามคำขอร้องของเธอ และยังมอบของต่างหน้าที่ภรรยาของตัวเองทิ้งไว้ให้กับเธออีกด้วยนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมแม่ลูกเก่อหงเหมย จึงมีชีวิตที่ดีกว่าอาอวี๋อาอวี๋ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ในใจสนใจเพียงแค่อวี๋จื่อเสวียนเท่านั้นอย่างไรก็ตามการประนีประนอมครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เก่อหงเหมยได้ทีก็เอาใหญ่ เริ่มมองของต่างหน้าที่แม่จื่อเสวียนทิ้งไว้ให้จื่อเสวียน“ออกไปซะ ฉันจะนับถึงสาม”หลินเฟิงเดินอย่างมั่นคงไปที่ด้านข้างของอวี๋จื่อเสวียน ก่อนจะเหยียดนิ้วสามนิ้วไปทางบอดี้การ์ดหลาย ๆคนที่อยู่ล้อมรอบด้วยท่าทางไร้ความรู้สึก“เฮ้ คุณยังอยากจะหยุดพวกเราอีกเหรอ?”“ไป ไปหักกระดูกทั้งหมดของไอ้หนุ่มคนนั้นมาให้ฉัน!”เนี่ยหมิงออกคำสั่งบอดี้การ์ดหลายคนที่เป็นลูกน้องของเขาก็ไม่ลังเล และไม่รอให้หลินเฟิงนับถึงสามก็พุ่งเข้าไปหาหลินเฟิง“อาจารย์หลิน คุณรับผิดชอบทางนั้นสามคน สองคนนี้ฉันจัดการเอง”อวี๋จื่อเ
เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยต่างพากันเบิกตากว้าง มองรอยยางรถที่อยู่บนพื้นด้วยความอิจฉาส่วนหลินเฟิงที่เหยียบคันเร่งจนเครื่องยนค์มายบัคคำรามลั่น หายไปจากสายตาของทุกคนในทันที......วันต่อมา มหาวิทยาลัยเจียงโจวหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง และไม่ได้ยินชื่อหลินเฟิงปรากฏในรายชื่อของศาตราจารย์ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังไร้เดียงสาเกินไปแล้วก็ใช่ตอนนี้พี่หลินเฟิงคบค้าสมาคบกับบุคคลแบบไหน ส่วนเธอเองเป็นคนแบบไหน เธอจบการศีกษา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะรบกวนหลินเฟิงหูหนวกตาบอดเกินไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็จับชายกระโปรงไว้ แต่ภายในดวงตากลับมีความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมได้ดูเหมือนว่าจะต้องขอโทษพี่หลินเฟิงในภายหลังซะแล้วหลินเสวี่ยฮุ่ยคิดได้อย่างนี้“เสวี่ยฮุ่ย อย่าเสียใจไปเลย”โจวเสี่ยวหาง เพื่อนสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ยตบที่มือของหลินเสวี่ยฮุ่ย พร้อมกับปลอบใจว่า :“ไม่มาก็ไม่มา หลังจากนี้ยังมีเวลาอีกมาก”“ทำท่าทางดี ๆหน่อย หลังจากนี้เธอยังต้องพูดสุนทรพจน์กับแสดงละครอีกไม่
“หลินเฟิง กลับบริษัท”หลี่ฮุ่ยหราน นั่งกอดเข่าของตัวเธอเองอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ โดยมีสีหน้าที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง“ฮุ่ยหราน จริง ๆแล้ว.....”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หลินเฟิง ฉันรู้ทุกอย่าง”หลี่ฮุ่ยหรานมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไม่อยากให้หลินเฟิงเห็นน้ำตาของเธอ แล้วเธอก็พึมพำว่า :“ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ได้เสียใจเลยแม้แต่น้อย”“......”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็สตาร์ทรถในที่สุดฝนก็เริ่มตกปรอย ๆหลินเฟิงกำลังไปส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป ทั้งสองคนต่างก็เงียบกันไปตลอดทาง หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฉันจะให้คุณลาหยุดสองวัน”ที่หน้าทางเข้าบริษัท เสียงของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดทางนั้น แต่ก็ยังคงแสร้งยิ้มออกมา“คุณก็เหนื่อยแย่แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”“อืม”เมื่อรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องการเวลา หลินเฟิงก็พยักหน้าแล้วออกไป“ใช่แล้ว ที่แม่ของฉันพูด คุณก็ไม่ต้องใส่ใจนะ”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า :“แม้ว่าคุณจะเป็นสุนัข แต่ก็เป็นสุนัขที่ทรงพลังแล้วหล่อที่สุดในโลก”“หึ.....”หลินเฟิงถูกเธอทำใ
“แน่นอนว่าอยากจะให้บทเรียนกับไอ้หมอนั่น่สักหน่อย! ใครใช้ให้เขามักจะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเราล่ะ?”“เขาชอบโอ้อวดความเก่ง ก็ต้องมีจุดจบแบบนี้แหละ”จางซินพูดเต็มปากเต็มคำ“พอแล้ว”หลินเฟิงแย่งโทรศัพท์ไป เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโมโหจนทนไม่ไหวหลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “คุณน้าจาง วันนี้ผมถามพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เชื่อผม ที่ดินพวกนี้คุณได้ครอบครอง ก็สามารถทำเงินได้ไม่ใช่แค่สิบเท่า”“อีกทั้งถ้าหากไม่รับไป ถึงเวลาพวกคุณอย่ามาเอะอะโวยวาย ขอร้องให้ผมขายให้พวกคุณอีกนะ”ได้ยินคำพูดนี้ จางกุ้ยหลานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“หลินเฟิง นายหมายความว่ายังไง? หรือว่าในสายตาของนาย ฉันก็คือผู้หญิงบ้าที่ชอบเอะอะโวยวายงั้นเหรอ?”“หึ แม่ไม่ใช่เหรอ?”คำพูดนี้ไม่ใช่หลินเฟิงเป็นคนพูด แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กอดอกพูดออกมาตอนนี้เธอถือว่าผิดหวังต่อแม่ของเธอเป็นที่สุดได้ยินคำพูดนี้ของลูกสาว จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าถูกทำให้โมโหอย่างมาก“ได้เลยหลี่ฮุ่ยหราน แก...แกปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำเพื่อนแกมาโดยตลอด กลัวว่าแกจะแต่งงานกับคนชั่ว แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่เห็นว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้ว”“แ
แต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เสียบรรยากาศไปจนหมดแล้วหลินเฟิงทำได้เพียงขยับโทรศัพท์มาที่ข้างหูด้วยความจนใจและพูดขึ้นว่า:“น้า....จาง เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจสอบแล้ว ที่ดินแห่งนี้อันที่จริงมีมูลค่าอย่างมาก”“หือ? มีมูลค่ายังไง?”จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีความเยาะหยันเล็กน้อยถึงขั้นที่หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะของจางซินที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อยู่ที่อีกฝ่ายของโทรศัพท์“คุณป้า ป้าว่าไอ้โง่นี่คิดว่าขาดทุนแล้วหรือเปล่า ถึงได้ขายที่ดินแห่งนี้ให้ป้าใหม่อีกครั้ง?”จางซินถึงขั้นที่พูดเยาะหยันออกมา“ผมได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้มา”หลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ แต่พูดปากเปียกปากแฉะว่า: “ที่ดินผืนนี้ต่อไปจะถูกนำไปรวมอยู่ในผังเมือง จะมีการเปิดถนนเลียบไปตามพื้นที่ที่พักอาศัยแห่งนี้”“ถึงเวลา มูลค่าของที่ดินแห่งนี้ก็จะเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่สิบเท่า!”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง จางซินไม่หัวเราะแล้ว จางกุ้ยหลานก็เงียบขรึมลงครู่หนึ่ง จางกุ้ยหลานถึงได้ถามลองเชิงว่า:“ดังนั้นล่ะหลินเฟิง ความหมายของนายคือ ให้ฉันซื้อที่ดินผืนนี้กลับไปมาจากมือของนาย?”“ผมคิดเอาไว้แบบนี้แหละครับ”หลินเฟิงพย
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ