เมื่อบุคคลระดับสูงกับบริวารของตระกูลซือหม่าต่างก็เห็นด้วยแทบจะทั้งหมด จู่ ๆ เสียงที่ค่อนข้างน่าเกรงขามก็ดังมากจากด้านนอกประตู“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อทุกคนที่ได้ยินคำถามนี้ ต่างก็เงียบกริบกันทันที ก่อนจะก้มหน้าตัวเองลงด้วยความเคารพเห็นเพียงแค่ชายชราที่มีดวงตาหลุบลงและใบหน้าที่เหี่ยวย่น แต่ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ค่อย ๆเดินเข้ามาเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ด้วยดวงตาที่ราวกับสายฟ้าก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ที่นี่ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหม่าจง ผู้นำตระกูลซือหม่าคนปัจจุบัน“พี่ใหญ่”ซือหม่าเหยียนเดินเข้าไปเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอีกรอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง และไม่ได้โกหกใคร เพียงแค่รายงานตามความจริงจากมุมมองของตัวเองให้ซือหม่าจงรับรู้“อ่อ? หลินเฟิง? เด็กหนุ่มแดนแปรภาพ?”ซือหม่าจงไม่ได้สนใจซือหม่าเหวินมากนัก แต่กลับให้ความสนใจไปที่หลินเฟิงเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็แสดงการหัวเราะเยาะเย้ยที่ทำให้ทุกคนยากที่เข้าใจได้จนกระทั่งริ้วรอยบนใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง“ไปเถอะ พรุ่งนี้ ให้คนพาซือหม่าเหวินไปขอโทษหลินเฟิง จำไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่และทำด้วยความจร
“วางใจเถอะ”ซือหม่าจงยิ้มเล็กน้อย:“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆนี้กับการแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงมีปัญหากันเล็กน้อย และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่คนที่ชื่อหลินเฟิง”“พ่อ คุณจะบอกว่า...”ซือหม่าเผิงหัวตอบสนองทันที“ใช่แล้ว”ซือหม่าจงตะคอกอย่างเย็นชาว่า“ปล่อยให้คนของตระกูลถังและตระกูลหลงค่อย ๆแทะคนกระดูกแข็งอย่างหลินเฟิง พวกเราแค่ต้องการดูละครจากด้านหลังก็พอ”“ห้ามเปิดเผยภูมิหลังของหลินเฟิงมจะเป็นการดีที่สุด”“สุดท้ายก็รอให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายสูญเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”“ถึงตอนนั้น.....”ซือหม่าจงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“หยวนชี่ทั้งห้า......แบบนี้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพ แม้แต่เส้นทางการเป็นเทพก็ตกอยู่ในมือของเรา คำพูดทางโลกที่เข้ามา จะไปมีความหมายอะไร?”“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณคุณพ่อที่แนะนำ”หลังจากได้ยินคำพูดของซือหม่าจง ซือหม่าเผิงหัวก็แสดงสีหน้าเข้าใจออกมา“พ่อ....พ่อ ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บจะตายแล้ว....เจ็บไปหมดทั้งหมด.....”บนพื้น ซือหม่าเหวินที่กำลังกลิ้งไปมา ก็ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือ ซือหม่าเผิงหัว พ่อของตัวเองอย่างไรก็ตาม ซือหม่าเผิงหัวที่หมกมุ่นอยู
เนี่ยหมิงวางตะกร้าผลไม้ในมือลง พร้อมกับขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า:“ คือ...”อาอวี๋เงียบไปนานก็ไม่เอ่ยชื่อออกมา ในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า “ช่างมันเถอะ พวกเราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้”“ลุงเขยของเขา สิ่งที่คุณพูดเหมือนจะประเมินกันต่ำไปหน่อย!”ในขณะนี้มีเสียงแหลมคมของผู้หญิงดังขึ้นที่ด้านนอกห้องผู้ป่วยมองเห็นเพียงแค่ผู้หญิงวันกลางคนที่สวมกระโปรงสีเหลือง ผมหยิกและแต่งหน้าได้อลังการเดินข้ามาเธอเข้ามาก็จ้องมองอาอวี๋ด้วยความประหลาดใจ“น่าเสียดายจริง ๆ ลุงเขย คุณไปทำอะไรกันแน่ ถึงถูกคนทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้”พูดจบ เธอก็มองไปที่เนี่ยหมิงด้วยความภูมิใจ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า“แต่ไม่ต้องห่วง มีลูกชายของฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครที่ทุบตีคุณ บอกกับเนี่ยหมิง เนี่ยหมิงสามารถช่วยคุณแก้แค้นให้ได้นะ!”“ใช่แล้ว ลุงเขย คุณบอกมาเถอะ ผมสามารถช่วยคุณแก้แค้นได้แน่นอน!”“ไม่ต้องแล้วจริง ๆ”ถึงแม้ว่าอาอวี๋จะได้ยินคำพูดของน้องสาวภรรยาที่ไม่น่าฟัง แต่เขาก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับพวกเขามากเกินไป เพราะอย่างนั้นจึงทำได้แค่ส่ายหน้า“พ่อ พ่อก็บอกฉันมาเถอะ! พ่อไปทำอะไรมากันแน่?”“หรือจะเป็นฉันที่ทำงานเหรอ?”
“ถ้าคุณเงินไม่พอก็บอกพวกเรามาตรง ๆก็ได้ ถ้าต้องรักษาหน้าจนทรมาน ไปยุ่งวุ่นวายกับคนซี้ซั้ว”“ตอนนี้คงจะเห็นแล้วว่า ถูกคนทุบตีแล้ว คนที่ตีคนจะไม่เข้ามาเยี่ยม และพูดขอโทษอะไรหรอกนะ”เก่อหงเหมยน้าของอวี๋จื่อเสวียน ถึงแม้ว่าจะมีสีหน้าที่เสียใจจนพูดไม่ออก แต่ท่าทางไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจสักเท่าไหร่ กลับแสดงออกถึงการเสียดสีมากกว่าหลินเฟิงก็มองออกว่าญาติของอาอวี๋ มีท่าทางที่ละเอียดอ่อนอยู่เล็กน้อยต่อพวกเขาดังนั้นเขาจึงหยุดไปชั่วครู่ แล้วหันกลับมามองเนี่ยหมิง และเอ่ยอย่างใจเย็นว่า“ฟังฉัน คนที่ขัดแย้งกับอาอวี๋ พวกคุณไม่สามารถรับมือได้หรอก”“รับมือไม่ได้?”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง เนี่ยะหมิงก็เยาะเย้ย ก่อนจะสลัดคอเสื้อของหลินเฟิง แล้วเดินไปทางเก่อหงเหมยและพูดด้วยท่าทางเหน็บแนมว่า“แม่ แม่ได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า?”“เขาบอกว่าผมไม่สามารถรับมือกับคนที่ทุบตีลุงเขยได้ล่ะ”“อาจารย์หลิน ใครทุบตีพ่อของฉันกันแน่? คุณบอกฉันมาได้ใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนเข้ามาใกล้ ๆในเวลานี้ และมองไปที่หลินเฟิงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว“มีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ เด
เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดถึงฆาตกร เนี่ยหมิงและเก่อหงเหมยต่างก็แสดงท่าทางไม่อยากจะเชื่อออกมาหลังจากที่ทั้งสองตกอยู่ในเงียบที่กระอักกระอ่วน เก่อหงเหมยก็กระแอมในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงดังว่า“เจ้าหนู แกโกหกก็ควรจะใช้เหตุผลสักหน่อยสิ?”“คุณชายรองของตระกูลซือหม่า จะทุบตีลุงเขยไปทำไม? ลุงเขยของเขาเป็นคนดี จะไปล่วงเกินคุณชายของตระกูลซือหม่าได้ยังไงกัน?”“ใช่แล้ว!”เนี่ยหมิงก็ตอบอีกว่า“ฉันเคยเจอกับคุณชายรองซือหม่าเหวินด้วยนะ ถึงแม้ว่าจะเคยเจอในระยะไกล ๆแต่เขาก็นิสัยดีและถ่อมตนอย่างมาก จะไปลงมือทุบตีคนได้ยังไงกัน?!”“นายกำลังโกหกอยู่ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง แววตาของเก่อหงเหมยก็วาววับ ก่อนจะยกยอลูกชายของตัวเองว่าสมกับที่เป็นลูกชายของฉัน เก่งอะไรขนาดนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังได้เจอคุณชายซือหม่าเหวินด้วย”จากนั้นเธอก็หันเป้าหมายไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างเหยียดหยามว่า“ไอ้หนุ่ม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?”“จะโกหกถึงคนที่ลูกชายของฉันเคยเจอ มันช่างน่าอายจริง ๆเลย! ถ้าหากฉันเป็นคุณ ฉันจะหารอยแยกที่พื้นแล้วรีบคลานเข้าไปในนั้นเลย” “คุณไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง ว
“จื่อเสวียน ไม่ใช่ว่าพวกเราไปทุบตีลุงเขยนะ เธอจะตวาดใส่พวกเราทำไม? หรือว่าเธอไม่ควรจะถามว่าใครที่ทำให้พ่อของเธอเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”เก่อหาเหมยเห็นท่าทางของลูกชายตัวเองไม่ปกติ จึงรีบออกมาปกป้องก่อนจะชี้นิ้วไปที่หลินเฟิง“ใช่”เนี่ยหมิงรีบพูดว่า “พวกเราก็แค่หวังดี และจะล้างแค้นให้ลุงเขย แต่ก็เป็นห่วงพวกคุณด้วย”“พวกคุณไม่ต้องไปล้างแค้นหรอก แล้วพวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย!”อวี๋จื่อเสวียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าวางใจเถอะ”ในตอนนี้หลินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า“เมื่อวานฉันไปบ้านตระกูลซือหม่ามาแล้ว วันนี้ซือหม่าเหวินก็จะเข้ามาขอโทษด้วยตัวเอง หากเขาไม่มา ถ้าอย่างนั้นชีวิตน้อย ๆของเขาก็คงไม่รอดแล้ว”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ดวงตาของเนี่ยหมิงก็เบิกกว้างราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดแล้วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาแทน“ไม่หรอก ฉันพูดว่าไอ้หรุ่ม แกสมควรเก็บอาการหน่อยไหม?”เขาตบที่ไหล่ของหลินเฟิง ด้วยสีหน้าที่เห็นอกเห็นใจราวกับมองไอ้โง่คนหนึ่ง และพูดเยาะเย้ยว่า“จื่อเสวียน ลุงเขย คุณดูสิ พวกคุณหาผู้เช่าบ้านแบบไหนมานะ? คาดไม่ถึงว่าจะพูดเรื่องไร้สาระได้
“ความสามารถของคนเรามักมีขีดจำกัด ดังนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนยิ้มพูดว่า: “อย่างน้อยพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างมีแนวโน้มจะหายดีเป็นปกติ”“ฉันไม่ได้โกหก”หลินเฟิงก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเธอถึงจะเชื่อ ทำได้แค่ขมวดคิ้ว และพูดแบบนี้โดยไม่มีมูลเหตุ“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อสหาย”เนี่ยหมิงเดินเข้ามา พาดแขนไปที่บนไหล่ของหลินเฟิง หัวเราะร่าพูดว่า:“วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ ให้คุณชายซือหม่าเหวินมาอธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง”“จากนั้นฉันจะให้คนหาโรงพยาบาลจิตเวชที่สภาพแวดล้อมดีๆ ให้นาย ส่งนายเข้าไป จัดแจงแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้นาย”“ให้เทคนิคการฟื้นฟูความทรงจำที่ดีให้กับนาย ดูว่าต่อไปนายยังจะเห็นเรื่องเพ้อฝันเป็นความจริงอีกไหม”“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้”หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และแบมือออกถามการคาดเดาของเขา ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเดินทางมาขอโทษ หรือส่งคนมา น่าจะใกล้ถึงแล้วหลินเฟิงไม่อยากให้อวี๋จื่อเสวียนกับเนี่ยหมิงและคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นก็เป็นเพราะแบบนี้ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเลือกจะสู้กันให้ตายไปข้าง ส่งคนมาเปิดศึกกับเขา เช่น
อาอวี๋เปิดเผยความจริงด้วยความเฉียดขาด นี่จึงทำให้หลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนได้เห็นอีกด้านหนึ่งของอาอวี๋“พ่อ แม่ของหนู…”“จื่อเสวียน พ่อไม่ควรปิดบังลูกมานานขนาดนี้”อาอวี๋ลูบศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนด้วยท่าทางรักใคร่เอ็นดู จากนั้นทอดถอนใจพูดว่า: “แม่ของลูกเคยเป็นนักบู๊ยอดฝีมือคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอถูกกับดักของคนชั่วโดยไม่ระวัง พ่อไปพบเข้าพอดี จึงช่วยชีวิตเธอไว้”“ภายหลังเธอปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง และมีลูกกับพ่อ”“แต่ไม่รู้ว่าทำไม ศัตรูในอดีตมาหาถึงที่ เธอจึงทำได้แค่ฝากฝังลูกไว้กับพ่อ สุดท้ายก็เสียชีวิตในน้ำมือของศัตรู”“พ่อทำตัวต่ำต้อยมาหลายปีแบบนี้ ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง ก็เป็นเพราะลูกแน่นอนอยู่แล้ว”อาอวี๋ถอนหายใจ โบกมือพูดว่า:“หงเหมย พวกเธอกลับไปเถอะ ของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของหงยิงไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เธอ แต่เป็นเพราะให้ไม่ได้”“ถ้าหากเธอจะแย่งชิงไป ต่อให้ฆ่าฉันตาย งั้นฉันก็ไม่มีทางให้เธอทำได้สำเร็จ”ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของอาอวี๋ เก่อหงเหมยถลึงตาโตเธอหายใจหอบ เดินเตร่อยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยกลับไปกลับมา และพูดด้วยความโหโหว่า:“พี่เขย พี่ดูสภาพตกอับในตอนนี้ของพี่สิ!”“ไม่มีเ
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่