เมื่อบุคคลระดับสูงกับบริวารของตระกูลซือหม่าต่างก็เห็นด้วยแทบจะทั้งหมด จู่ ๆ เสียงที่ค่อนข้างน่าเกรงขามก็ดังมากจากด้านนอกประตู“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อทุกคนที่ได้ยินคำถามนี้ ต่างก็เงียบกริบกันทันที ก่อนจะก้มหน้าตัวเองลงด้วยความเคารพเห็นเพียงแค่ชายชราที่มีดวงตาหลุบลงและใบหน้าที่เหี่ยวย่น แต่ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ค่อย ๆเดินเข้ามาเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ด้วยดวงตาที่ราวกับสายฟ้าก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ที่นี่ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหม่าจง ผู้นำตระกูลซือหม่าคนปัจจุบัน“พี่ใหญ่”ซือหม่าเหยียนเดินเข้าไปเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอีกรอบ เขาไม่ได้พูดเกินจริง และไม่ได้โกหกใคร เพียงแค่รายงานตามความจริงจากมุมมองของตัวเองให้ซือหม่าจงรับรู้“อ่อ? หลินเฟิง? เด็กหนุ่มแดนแปรภาพ?”ซือหม่าจงไม่ได้สนใจซือหม่าเหวินมากนัก แต่กลับให้ความสนใจไปที่หลินเฟิงเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็แสดงการหัวเราะเยาะเย้ยที่ทำให้ทุกคนยากที่เข้าใจได้จนกระทั่งริ้วรอยบนใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง“ไปเถอะ พรุ่งนี้ ให้คนพาซือหม่าเหวินไปขอโทษหลินเฟิง จำไว้ว่าต้องยิ่งใหญ่และทำด้วยความจร
“วางใจเถอะ”ซือหม่าจงยิ้มเล็กน้อย:“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆนี้กับการแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงมีปัญหากันเล็กน้อย และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่คนที่ชื่อหลินเฟิง”“พ่อ คุณจะบอกว่า...”ซือหม่าเผิงหัวตอบสนองทันที“ใช่แล้ว”ซือหม่าจงตะคอกอย่างเย็นชาว่า“ปล่อยให้คนของตระกูลถังและตระกูลหลงค่อย ๆแทะคนกระดูกแข็งอย่างหลินเฟิง พวกเราแค่ต้องการดูละครจากด้านหลังก็พอ”“ห้ามเปิดเผยภูมิหลังของหลินเฟิงมจะเป็นการดีที่สุด”“สุดท้ายก็รอให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายสูญเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”“ถึงตอนนั้น.....”ซือหม่าจงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า“หยวนชี่ทั้งห้า......แบบนี้สามารถเข้าสู่ขอบเขตเทพ แม้แต่เส้นทางการเป็นเทพก็ตกอยู่ในมือของเรา คำพูดทางโลกที่เข้ามา จะไปมีความหมายอะไร?”“เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณคุณพ่อที่แนะนำ”หลังจากได้ยินคำพูดของซือหม่าจง ซือหม่าเผิงหัวก็แสดงสีหน้าเข้าใจออกมา“พ่อ....พ่อ ช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บจะตายแล้ว....เจ็บไปหมดทั้งหมด.....”บนพื้น ซือหม่าเหวินที่กำลังกลิ้งไปมา ก็ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือ ซือหม่าเผิงหัว พ่อของตัวเองอย่างไรก็ตาม ซือหม่าเผิงหัวที่หมกมุ่นอยู
เนี่ยหมิงวางตะกร้าผลไม้ในมือลง พร้อมกับขมวดคิ้วและเอ่ยถามว่า:“ คือ...”อาอวี๋เงียบไปนานก็ไม่เอ่ยชื่อออกมา ในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า “ช่างมันเถอะ พวกเราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้”“ลุงเขยของเขา สิ่งที่คุณพูดเหมือนจะประเมินกันต่ำไปหน่อย!”ในขณะนี้มีเสียงแหลมคมของผู้หญิงดังขึ้นที่ด้านนอกห้องผู้ป่วยมองเห็นเพียงแค่ผู้หญิงวันกลางคนที่สวมกระโปรงสีเหลือง ผมหยิกและแต่งหน้าได้อลังการเดินข้ามาเธอเข้ามาก็จ้องมองอาอวี๋ด้วยความประหลาดใจ“น่าเสียดายจริง ๆ ลุงเขย คุณไปทำอะไรกันแน่ ถึงถูกคนทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้”พูดจบ เธอก็มองไปที่เนี่ยหมิงด้วยความภูมิใจ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า“แต่ไม่ต้องห่วง มีลูกชายของฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครที่ทุบตีคุณ บอกกับเนี่ยหมิง เนี่ยหมิงสามารถช่วยคุณแก้แค้นให้ได้นะ!”“ใช่แล้ว ลุงเขย คุณบอกมาเถอะ ผมสามารถช่วยคุณแก้แค้นได้แน่นอน!”“ไม่ต้องแล้วจริง ๆ”ถึงแม้ว่าอาอวี๋จะได้ยินคำพูดของน้องสาวภรรยาที่ไม่น่าฟัง แต่เขาก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับพวกเขามากเกินไป เพราะอย่างนั้นจึงทำได้แค่ส่ายหน้า“พ่อ พ่อก็บอกฉันมาเถอะ! พ่อไปทำอะไรมากันแน่?”“หรือจะเป็นฉันที่ทำงานเหรอ?”
“ถ้าคุณเงินไม่พอก็บอกพวกเรามาตรง ๆก็ได้ ถ้าต้องรักษาหน้าจนทรมาน ไปยุ่งวุ่นวายกับคนซี้ซั้ว”“ตอนนี้คงจะเห็นแล้วว่า ถูกคนทุบตีแล้ว คนที่ตีคนจะไม่เข้ามาเยี่ยม และพูดขอโทษอะไรหรอกนะ”เก่อหงเหมยน้าของอวี๋จื่อเสวียน ถึงแม้ว่าจะมีสีหน้าที่เสียใจจนพูดไม่ออก แต่ท่าทางไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจสักเท่าไหร่ กลับแสดงออกถึงการเสียดสีมากกว่าหลินเฟิงก็มองออกว่าญาติของอาอวี๋ มีท่าทางที่ละเอียดอ่อนอยู่เล็กน้อยต่อพวกเขาดังนั้นเขาจึงหยุดไปชั่วครู่ แล้วหันกลับมามองเนี่ยหมิง และเอ่ยอย่างใจเย็นว่า“ฟังฉัน คนที่ขัดแย้งกับอาอวี๋ พวกคุณไม่สามารถรับมือได้หรอก”“รับมือไม่ได้?”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง เนี่ยะหมิงก็เยาะเย้ย ก่อนจะสลัดคอเสื้อของหลินเฟิง แล้วเดินไปทางเก่อหงเหมยและพูดด้วยท่าทางเหน็บแนมว่า“แม่ แม่ได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า?”“เขาบอกว่าผมไม่สามารถรับมือกับคนที่ทุบตีลุงเขยได้ล่ะ”“อาจารย์หลิน ใครทุบตีพ่อของฉันกันแน่? คุณบอกฉันมาได้ใช่ไหม?”อวี๋จื่อเสวียนเข้ามาใกล้ ๆในเวลานี้ และมองไปที่หลินเฟิงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว“มีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ เด
เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดถึงฆาตกร เนี่ยหมิงและเก่อหงเหมยต่างก็แสดงท่าทางไม่อยากจะเชื่อออกมาหลังจากที่ทั้งสองตกอยู่ในเงียบที่กระอักกระอ่วน เก่อหงเหมยก็กระแอมในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงดังว่า“เจ้าหนู แกโกหกก็ควรจะใช้เหตุผลสักหน่อยสิ?”“คุณชายรองของตระกูลซือหม่า จะทุบตีลุงเขยไปทำไม? ลุงเขยของเขาเป็นคนดี จะไปล่วงเกินคุณชายของตระกูลซือหม่าได้ยังไงกัน?”“ใช่แล้ว!”เนี่ยหมิงก็ตอบอีกว่า“ฉันเคยเจอกับคุณชายรองซือหม่าเหวินด้วยนะ ถึงแม้ว่าจะเคยเจอในระยะไกล ๆแต่เขาก็นิสัยดีและถ่อมตนอย่างมาก จะไปลงมือทุบตีคนได้ยังไงกัน?!”“นายกำลังโกหกอยู่ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง แววตาของเก่อหงเหมยก็วาววับ ก่อนจะยกยอลูกชายของตัวเองว่าสมกับที่เป็นลูกชายของฉัน เก่งอะไรขนาดนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังได้เจอคุณชายซือหม่าเหวินด้วย”จากนั้นเธอก็หันเป้าหมายไปทางหลินเฟิง และพูดอย่างเหยียดหยามว่า“ไอ้หนุ่ม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?”“จะโกหกถึงคนที่ลูกชายของฉันเคยเจอ มันช่างน่าอายจริง ๆเลย! ถ้าหากฉันเป็นคุณ ฉันจะหารอยแยกที่พื้นแล้วรีบคลานเข้าไปในนั้นเลย” “คุณไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง ว
“จื่อเสวียน ไม่ใช่ว่าพวกเราไปทุบตีลุงเขยนะ เธอจะตวาดใส่พวกเราทำไม? หรือว่าเธอไม่ควรจะถามว่าใครที่ทำให้พ่อของเธอเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”เก่อหาเหมยเห็นท่าทางของลูกชายตัวเองไม่ปกติ จึงรีบออกมาปกป้องก่อนจะชี้นิ้วไปที่หลินเฟิง“ใช่”เนี่ยหมิงรีบพูดว่า “พวกเราก็แค่หวังดี และจะล้างแค้นให้ลุงเขย แต่ก็เป็นห่วงพวกคุณด้วย”“พวกคุณไม่ต้องไปล้างแค้นหรอก แล้วพวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย!”อวี๋จื่อเสวียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าวางใจเถอะ”ในตอนนี้หลินเฟิงทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า“เมื่อวานฉันไปบ้านตระกูลซือหม่ามาแล้ว วันนี้ซือหม่าเหวินก็จะเข้ามาขอโทษด้วยตัวเอง หากเขาไม่มา ถ้าอย่างนั้นชีวิตน้อย ๆของเขาก็คงไม่รอดแล้ว”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ดวงตาของเนี่ยหมิงก็เบิกกว้างราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดแล้วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาแทน“ไม่หรอก ฉันพูดว่าไอ้หรุ่ม แกสมควรเก็บอาการหน่อยไหม?”เขาตบที่ไหล่ของหลินเฟิง ด้วยสีหน้าที่เห็นอกเห็นใจราวกับมองไอ้โง่คนหนึ่ง และพูดเยาะเย้ยว่า“จื่อเสวียน ลุงเขย คุณดูสิ พวกคุณหาผู้เช่าบ้านแบบไหนมานะ? คาดไม่ถึงว่าจะพูดเรื่องไร้สาระได้
“ความสามารถของคนเรามักมีขีดจำกัด ดังนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนยิ้มพูดว่า: “อย่างน้อยพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างมีแนวโน้มจะหายดีเป็นปกติ”“ฉันไม่ได้โกหก”หลินเฟิงก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเธอถึงจะเชื่อ ทำได้แค่ขมวดคิ้ว และพูดแบบนี้โดยไม่มีมูลเหตุ“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อสหาย”เนี่ยหมิงเดินเข้ามา พาดแขนไปที่บนไหล่ของหลินเฟิง หัวเราะร่าพูดว่า:“วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ ให้คุณชายซือหม่าเหวินมาอธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง”“จากนั้นฉันจะให้คนหาโรงพยาบาลจิตเวชที่สภาพแวดล้อมดีๆ ให้นาย ส่งนายเข้าไป จัดแจงแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้นาย”“ให้เทคนิคการฟื้นฟูความทรงจำที่ดีให้กับนาย ดูว่าต่อไปนายยังจะเห็นเรื่องเพ้อฝันเป็นความจริงอีกไหม”“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้”หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และแบมือออกถามการคาดเดาของเขา ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเดินทางมาขอโทษ หรือส่งคนมา น่าจะใกล้ถึงแล้วหลินเฟิงไม่อยากให้อวี๋จื่อเสวียนกับเนี่ยหมิงและคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นก็เป็นเพราะแบบนี้ถ้าหากคนของตระกูลซือหม่าเลือกจะสู้กันให้ตายไปข้าง ส่งคนมาเปิดศึกกับเขา เช่น
อาอวี๋เปิดเผยความจริงด้วยความเฉียดขาด นี่จึงทำให้หลินเฟิงกับอวี๋จื่อเสวียนได้เห็นอีกด้านหนึ่งของอาอวี๋“พ่อ แม่ของหนู…”“จื่อเสวียน พ่อไม่ควรปิดบังลูกมานานขนาดนี้”อาอวี๋ลูบศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนด้วยท่าทางรักใคร่เอ็นดู จากนั้นทอดถอนใจพูดว่า: “แม่ของลูกเคยเป็นนักบู๊ยอดฝีมือคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอถูกกับดักของคนชั่วโดยไม่ระวัง พ่อไปพบเข้าพอดี จึงช่วยชีวิตเธอไว้”“ภายหลังเธอปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง และมีลูกกับพ่อ”“แต่ไม่รู้ว่าทำไม ศัตรูในอดีตมาหาถึงที่ เธอจึงทำได้แค่ฝากฝังลูกไว้กับพ่อ สุดท้ายก็เสียชีวิตในน้ำมือของศัตรู”“พ่อทำตัวต่ำต้อยมาหลายปีแบบนี้ ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามจริง ก็เป็นเพราะลูกแน่นอนอยู่แล้ว”อาอวี๋ถอนหายใจ โบกมือพูดว่า:“หงเหมย พวกเธอกลับไปเถอะ ของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของหงยิงไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เธอ แต่เป็นเพราะให้ไม่ได้”“ถ้าหากเธอจะแย่งชิงไป ต่อให้ฆ่าฉันตาย งั้นฉันก็ไม่มีทางให้เธอทำได้สำเร็จ”ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของอาอวี๋ เก่อหงเหมยถลึงตาโตเธอหายใจหอบ เดินเตร่อยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยกลับไปกลับมา และพูดด้วยความโหโหว่า:“พี่เขย พี่ดูสภาพตกอับในตอนนี้ของพี่สิ!”“ไม่มีเ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน