ถูกต้องคนที่สองที่สามารถใช้ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์วิชาการต่อสู้วิชานี้ได้นั่นก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของราชาหลินแห่งตอนใต้และก็คือหลินชิงเสวียน ลูกศิษย์คนโตของสำนักเสวียนเทียนที่หายสาบสูญไปเมื่อสามปีที่แล้ว “พี่ยัง…ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หันไปมองสีหน้าของหยินหลิง ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า“ค่ายกลต่อสู้สามารถทำให้กำลังภายในกับพลังชี่แท้ของพวกคุณทุกคน ไหลเวียนอยู่ในค่ายกลต่อสู้ได้ตามอำเภอใจ แต่ถ้าหาก…”จู่ๆ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ถ้าหากพลังชี่แท้ของผมก็เข้าร่วมกับค่ายกลต่อสู้ของพวกคุณล่ะ?”“อะไรนะ?”“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”ชาวเวน่าที่อยู่รอบๆ พากันเผยเผยสีหนาตกตะลึงออกมาแต่จากนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานสีแดงที่มีพลังมหาศาล พรั่งพรูออกมาจากรอบด้านนั่นคือพลังชั่วร้ายของปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ของหลินเฟิง ที่บุกรุกเข้าค่ายกลต่อสู้ของพวกเขา โดยอาศัยการโจมตีของพวกเขา“อ้ากกกก!”หลังจากที่ชาวเวน่าคนแรกกุมศีรษะคุกเข่าลงบนพื้นไม่ถึงสองวินาที ก็เป็นคนที่สอง คนที่สาม…เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ดังนั้นชาวเวน่าที่เข้าร่วมค่ายกลต่
หลังจากที่หัวหน้าชาวเวน่าตายไปไม่ถึงห้านาทีทั่วทั้งโรงงานก็ไม่มีชาวเวน่าที่มีชีวิตอยู่อีกแล้วคนส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาเสียชีวิตจากการฆ่าสังหารกันเอง อีกทั้งเสียชีวิตอย่างอนาถ มองดูจางกุ้ยหลานที่อยู่ข้างๆ อ้วกไม่หยุดจางซินก็สีหน้าซีดเซียว ตึงเกร็ง ไม่กล้าพูดจาสักประโยค“พี่…ชิงเสวียน!”ในตอนที่หลินเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางกองศพที่เหม็นคาวเลือด เขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังกะทันหันรอให้หลินเฟิงหันหน้ามองไปเขาเห็นหญิงสาวที่น้ำตาคลอเบ้าคนหนึ่ง จ้องมองหลินเฟิง เหมือนกับจะระบายความคิดถึงที่มีมาหลายปีผ่านสายตาของตัวเอง“คุณ…คุณจำผิดคนแล้ว”หลินเฟิงก้มหน้าด้วยความเศร้าสลด เงียบขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ายิ้มพูดว่า:“ผมชื่อหลินเฟิง ไม่ได้ชื่อหลินชิงเสวียน บ้านของผมอยู่เจียงโจว อ่อใช่ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง ครั้งที่แล้วที่พวกเราเจอหน้ากันก็คือที่สำนักเสินฉือ คุณคงไม่ลืมใช่ไหม?”หยินหลิงปิดปากของตัวเอง และส่ายหน้าอย่างแรง“พี่! พี่เลิกหลอกฉันได้แล้ว พี่ก็คือพี่ชิงเสวียน พี่เป็นพี่ชิงเสวียนขอฉันตลอดไป!”“พี่ พี่รู้ไหมว่าหลายปีมานี้ฉันตามหาพี่ด้วยความยากลำบากขนาดไหน?!”“พวกเขา
“จริงเหรอคะ? พี่…คุณหลินเฟิง? คุณไม่พิจารณาหน่อยเหรอคะ?”“เป็นเพราะฉัน…เพราะหยินหลิงโตแล้ว ไม่สวยแล้วงั้นเหรอ?”หยินหลิงอยากร้องไห้ แต่พยายามให้ตัวเองยิ้มสีหน้ากระอักกระอ่วนทำให้จีอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกสงสารเล็กน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินเฟิงเลย“อืม”หลินเฟิงหันหน้าไป และพยักหน้า“ต่อไปพวกเราไม่ต้องเจอหน้ากันอีกเป็นดี”“งั้นเอาแบบนี้ ฉันเข้าใจแล้ว”หยินหลิงใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าของตัวเอง ก้าวเดินออกไปจากโรงงาน โดยไม่หันหน้ากลับมามองอีก“เอ๊ะ ทำไมวันนี้ลมฝุ่นพัดแรงจัง? ฮ่าฮ่า…แปลกจริงๆ เลยนะ…”ขณะที่พยายามอยากจะทำให้น้ำเสียงเปลี่ยนไปผ่อนคลาย เงาของหยินหลิงหายไปจากด้านหน้าของทุกคน“สหายหลิน…”จีอวิ๋นเจี๋ยไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหลินเฟิงอย่างไรเพราะว่าเขาเป็นคนนอก ไม่รู้ว่าทำไมหลินเฟิงถึงไม่ยอมรับกองกำลังที่แข็งแกร่ง และก็คนที่น่ารักเหมือนนางฟ้าแบบนี้“เฮ้อ…”หลินเฟิงถอนหายใจอย่างแรง หันหน้ามองไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย และพยักหน้าพูด: “สหายจี เรื่องที่เหลือฝากคุณจัดการด้วย เรื่องในวันนี้ รบกวนคุณถือว่าทำเป็นไม่เห็นอะไร”“วางใจเธอ สหายหลิน”จีอวิ๋นเจี๋ยพยักหน้าอย่างจริงจังจาก
“เฮ้อ…ถ้าหากถังหว่านอยู่ด้วยก็ดีสิ”ในใจของหลี่ฮุ่ยหรานมีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมากะทันหัน ถ้าหากถังหว่านอยู่ด้วย งั้นยัยเด็กคนนี้ไม่มีทางกล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้เพราะว่ามีน้อยคนมากที่จะเอาชนะปากของถังหว่านได้ถ้าหากถังหว่านอยู่ที่นี่ เพียงไม่กี่ประโยคก็ปราบเด็กคนนี้จนยอมพ่ายแพ้อย่างแน่นอนส่วนปากของเธอนั้นโง่สุดๆ มองดูเด็กคนนี้เหน็บแนมเธอสารพัด เธอกลับจนปัญญาไม่สามารถเถียงกลับได้ทำได้เพียงฟังอาอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ขอโทษอย่างหนักแน่นอนว่า หลี่ฮุ่ยหรานยิ่งไม่สามารถลดหน้าลงมา คิดเล็กคิดน้อยกับยัยเด็กคนนี้ได้“แม่! พวกแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงพาจางกุ้ยหลานกับจางซินเข้ามาข้างใน หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาในเมื่อจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดว่าไม่กังวลก็เป็นเรื่องโกหกตอนนี้เห็นหลินเฟิงพาแม่ของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย เธอส่งสายตาซาบซึ้งใจไปทางหลินเฟิงอย่างอดไม่ได้“หึ จะไม่เป็นไรได้ยังไง?”จางกุ้ยหลานคิดคำพูดมาตลอดทาง เธอเหลือบมองหลินเฟิง และบ่นพึมพำ: “เงินถูกคนพวกนั้นแย่งชิงไปหมดแล้ว”“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นรีบพูดอย่างร้อนรน:“แม
อาอวี๋รีบเข้ามาขอโทษ“หนูไม่รู้เรื่องอะไรล่ะ?”อวี๋จื่อเสวียนเหยียดหยาม กอดอกแล้วพูดว่า: “ไม่เพียงทำเงินที่ลูกสาวฝากไว้กับตัวเองหาย แถมยังย้อนกลับมา ให้ลูกสาวขายบริษัททิ้ง เพื่อชดเชยความผิดของตัวเอง”“จุ๊จุ๊จุ๊ คุณเป็นแม่ที่ โหดร้ายยิ่งกว่าแวมไพร์อีกนะ! ขโมยมาแล้วยังต้องกราบคุณ ขอให้คุณสอนวิธีดูดเลือดที่เป็นธรรมชาติถึงขนาดนี้ให้กับเขา”หลังพูดจบประโยคสุดท้าย จางกุ้ยหลานก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“นังเด็กบ้า ฉันจะฉีกปากแกซะ!”จางกุ้ยหลานกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ตีกันเลย ตีกันเลย!”หลี่เยว่หรูปรบมืออยู่ที่ชั้นบน“พอแล้ว!”หลินเฟิงตวาดเสียงเย็นชา ในที่สุดก็หยุดความวุ่นวายนี้ลงได้หลินเฟิงครุ่นคิดถึงข่าวสารที่หัวหน้าชาวเวน่า เปิดเผยกับเขาในตอนสุดท้ายเขาไม่มีอารมณ์จะเข้าร่วมเรื่องของจางกุ้ยหลานกับคนอื่นๆ “ก่อนหน้านี้เงินที่คุณมอบให้ชาวเวน่า คุณชายจีอวิ๋นเจี๋ยจะตามหากลับมาให้ หักออกไปห้าร้อยล้านบาทถือเป็นการชำระค่าโครงการ เงินที่เหลือเขาจะคืนกลับให้ครบถ้วนตามธรรมชาติหลินเฟิงขมวดคิ้ว คำพูดสองสามประโยคทำให้จางกุ้ยหลินโล่งใจแต่ไม่เห็นเธอขอบคุณหลินเฟิง กลับยังยิ้มอย่างอ่อน
หลินเฟิงถูกพูดจนยอมแล้ว แต่เขายังคงไม่วางใจหลี่ฮุ่ยหราน ดังนั้นจึงตั้งกฏข้อสัญญาเอาไว้ ให้เธออยู่ในชุมชนกลางเมือง ไม่ให้ไปไหนซี้ซั้วหลี่ฮุ่ยหรานรับปากอย่างกระตือรือร้นดูท่าเธอค่อนข้างดีใจต่อเรื่องที่ตัวเองได้อยู่ต่อหลี่เยว่หรูและจางกุ้ยหลาน กับจางซินทั้งสามคน หลินเฟิงสั่งตู้ไหวให้ส่งคนไปคุ้มกันพวกเธอกลับเมืองเจียงโจวนี่เป็นการป้องกันไม่ให้ชาวเวน่าคนอื่นๆ หลบหนีออกจากเมืองจิงด้วยหลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ในที่สุดหลินเฟิงก็มีเวลาว่างเพื่อจัดการความคิดยุ่งๆ ของเขาอันดับแรกคือข่าวสารที่หัวหน้าชาวเวน่าเปิดเผยต่อเขาผุ้บริหารประเทศมังกร ประเทศเวน่า พ่อของตัวเอง และการเสียชีวิตของแม่ ยังมีการทำลายสำนักเสวียนเทียนเมื่อสามปีที่แล้ว แอบมีความเชื่อมโยงที่แปลกประหลาดดูจากพฤติกรรมของพ่อของเขาและอาฝูในตอนนั้นแล้วเกรงว่าผู้ที่บงการเบื้องหลังเหตุการณ์ เป็นพ่อของหลินเฟิง ราชาหลินแห่งตอนใต้ที่มีตัวตนที่ไม่สามารถขัดแย้งได้ส่วนสำนักเสวียนเทียนถูกทำลายหลินเฟิงก็เดาได้ว่าพ่อของเขาจงใจรับผิดผู้นำประเทศมังกรมีข้อตกลงแบบไหนกับประเทศเวน่ากันแน่นะ?หลินเฟิงไม่สามารถเข้าใจได้ และรู้สึกห
เดินทางไปก็เดินทางไปเถอะยังไงซะตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีธุระอื่น มีเพียงเรื่องเดียวก็คือรอให้ศิษย์น้องหญิงของเขาแจ้งให้เขาไปพบกับตระกูลถังนี่ไม่ใช่ข่าวที่สามารถมีได้ภายในวันสองวันที่สำคัญกว่านั้นคือ…หลินเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเริ่มเข้ามาใกล้ประตูห้องของเขามากขึ้นเรื่อยๆนั่นคืออวี๋จื่อเสวียนตอนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ห้องข้างๆ ถ้าถูกเธอเห็นเข้าจะทำยังไง?ดังนั้นหลินเฟิงหยุดชะงัก ลุกขึ้นยืน พูดล้อเล่นว่า:“หมอเทวดาเลี่ยว คุณเชิญผมบ่อยขนาดนี้ ผมจะเก็บค่ารักษาแล้วนะ”“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!”เดิมทีหมอเทวดาเลี่ยวคิดว่าหลินเฟิงไม่มีทางลับปากในเมื่อวิธีการของหลินเฟิงนั้นล้ำหน้าไปจริงๆ เขารบกวนหลินเฟิงถึงสองครั้งภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆยอดฝีมือมีนิสัยแปลกประหลาดเล็กน้อยตัวเองรบกวนเขาแบบนี้ ไม่แน่ทำให้เขาโมโห ระเบิดอารมณ์ ด่าทอเขายกใหญ่ทันทีเรื่องแบบนี้ต่างก็มีความเป็นไปได้และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่รับฟังถ้าหากไม่ใช่ว่าแขกในวันนี้สำคัญอย่างมาก หมอเทวดาเลี่ยวไม่กล้ารบกวนหลินเฟิงเด็ดขาดเห็นได้ชัดว่า เขาคิดมากไปแล้วหลินเฟิงพูดง่ายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว
ขณะพูด หมอเทดาเลี่ยวขออภัยกับผูป่วยที่อยู่ข้างๆ จากน้ันรีบก้าวเท้าเดินเร่งฝีเท้าออกไปต้อนรับหลินเฟิงศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวใช้การออกแบบลานแบบดั้งเดิมของประเทศหลงทางจากโถงด้านหลังไปที่ประตูหน้าไม่ใกล้ เพราะตื่นเต้น มีหลายครั้งตอนที่ขึ้นบันไดเกือบจะล้มลงโชคดีที่มีหลานชายประคองอยู่ข้างๆไม่อย่างนั้นหมอเทวดาเลี้ยวยังไม่ได้พบหลินเฟิงก็บาดเจ็บเต็มตัว แบบนั้นจะทำให้คนหัวเราะจนฟันร่วง“คุณปู่ คุณปู่ว่าคนคนนั้นเก่งขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”หลานชายของหมอเทวดาเลี่ยวดูอายุไม่น้อยแล้ว ประมาณยี่สิบกว่าๆ สวมแว่นตามีท่าทางเรียบร้อยชื่อว่าเลี่ยวจงถึงขั้นที่ใบหน้าดูแก่กว่าหลินเฟิงเล็กน้อยเขาเห็นปู่ของตัวเองเคารพนับถือถึงขนาดนี้ และมีท่าทางรีบร้อน จึงไม่ถือว่าเป็นเช่นนั้นในทันทีเดิมทีเขายังมีความเคารพต่อคุณผู้ชายท่านนี้ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณปู่เคยพูดไว้ว่าเป็นอาจารย์ของคุณปู่แต่เมื่อครู่ได้พบเห็น บวกกับลักษณะรูปร่างหน้าตา กลับเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูอายุยังน้อยกว่าเขานี่จึงทำให้ในใจของเลี่ยวจงเกิดความรู้สึกที่เหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก หรือว่าคุณปู่ของเขาจะป่วยเป็นอัลไซเมอร์?และรับนัก
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได