เดินทางไปก็เดินทางไปเถอะยังไงซะตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีธุระอื่น มีเพียงเรื่องเดียวก็คือรอให้ศิษย์น้องหญิงของเขาแจ้งให้เขาไปพบกับตระกูลถังนี่ไม่ใช่ข่าวที่สามารถมีได้ภายในวันสองวันที่สำคัญกว่านั้นคือ…หลินเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเริ่มเข้ามาใกล้ประตูห้องของเขามากขึ้นเรื่อยๆนั่นคืออวี๋จื่อเสวียนตอนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ห้องข้างๆ ถ้าถูกเธอเห็นเข้าจะทำยังไง?ดังนั้นหลินเฟิงหยุดชะงัก ลุกขึ้นยืน พูดล้อเล่นว่า:“หมอเทวดาเลี่ยว คุณเชิญผมบ่อยขนาดนี้ ผมจะเก็บค่ารักษาแล้วนะ”“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!”เดิมทีหมอเทวดาเลี่ยวคิดว่าหลินเฟิงไม่มีทางลับปากในเมื่อวิธีการของหลินเฟิงนั้นล้ำหน้าไปจริงๆ เขารบกวนหลินเฟิงถึงสองครั้งภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆยอดฝีมือมีนิสัยแปลกประหลาดเล็กน้อยตัวเองรบกวนเขาแบบนี้ ไม่แน่ทำให้เขาโมโห ระเบิดอารมณ์ ด่าทอเขายกใหญ่ทันทีเรื่องแบบนี้ต่างก็มีความเป็นไปได้และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่รับฟังถ้าหากไม่ใช่ว่าแขกในวันนี้สำคัญอย่างมาก หมอเทวดาเลี่ยวไม่กล้ารบกวนหลินเฟิงเด็ดขาดเห็นได้ชัดว่า เขาคิดมากไปแล้วหลินเฟิงพูดง่ายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว
ขณะพูด หมอเทดาเลี่ยวขออภัยกับผูป่วยที่อยู่ข้างๆ จากน้ันรีบก้าวเท้าเดินเร่งฝีเท้าออกไปต้อนรับหลินเฟิงศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวใช้การออกแบบลานแบบดั้งเดิมของประเทศหลงทางจากโถงด้านหลังไปที่ประตูหน้าไม่ใกล้ เพราะตื่นเต้น มีหลายครั้งตอนที่ขึ้นบันไดเกือบจะล้มลงโชคดีที่มีหลานชายประคองอยู่ข้างๆไม่อย่างนั้นหมอเทวดาเลี้ยวยังไม่ได้พบหลินเฟิงก็บาดเจ็บเต็มตัว แบบนั้นจะทำให้คนหัวเราะจนฟันร่วง“คุณปู่ คุณปู่ว่าคนคนนั้นเก่งขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”หลานชายของหมอเทวดาเลี่ยวดูอายุไม่น้อยแล้ว ประมาณยี่สิบกว่าๆ สวมแว่นตามีท่าทางเรียบร้อยชื่อว่าเลี่ยวจงถึงขั้นที่ใบหน้าดูแก่กว่าหลินเฟิงเล็กน้อยเขาเห็นปู่ของตัวเองเคารพนับถือถึงขนาดนี้ และมีท่าทางรีบร้อน จึงไม่ถือว่าเป็นเช่นนั้นในทันทีเดิมทีเขายังมีความเคารพต่อคุณผู้ชายท่านนี้ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณปู่เคยพูดไว้ว่าเป็นอาจารย์ของคุณปู่แต่เมื่อครู่ได้พบเห็น บวกกับลักษณะรูปร่างหน้าตา กลับเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูอายุยังน้อยกว่าเขานี่จึงทำให้ในใจของเลี่ยวจงเกิดความรู้สึกที่เหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก หรือว่าคุณปู่ของเขาจะป่วยเป็นอัลไซเมอร์?และรับนัก
ถ้าหากให้เด็กผู้หญิงคนนี้ดื่มเข้าไป ไม่เพียงไม่ได้รักษาอาการป่วย แถมยังทำให้อาการหนักยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นที่เกิดผลที่ตามมาอย่างไม่แน่ชัด“ไม่ได้ ยาพวกนี้ให้เด็กดื่มไม่ได้ ดื่มแล้วไม่เพียงไม่รักษาอาการ แถมยังอาการหนักยิ่งกว่าเดิม!”หลินเฟิงกำใบรายการยาโยนทิ้งไปในถังขยะ“หือ?”เห็นหลินเฟิงเป็นแบบนี แม่ของเด็กนิ่งอึ้งทันที“พรวด...”ไกลออกไป เลี่ยวจงที่เตรียมจะเข้ามาก็หลุดขำออกมา“คุณปู่ นี่ก็คือหมอเทวดาที่คุณปู่เชิญมาเหรอ? คุณเลอะเลือนไปแล้วเหรอ?”เลี่ยวจงชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งอยู่ในอ้อมแขนของสตรีคนนั้น จากนั้นส่ายหน้ายิ้มพูด:“เด็กผู้หญิงคนนี้ทั้งๆ ที่เป็นโรคหนาว ชีพจรลอยและเต่งตึง แถมควบคู่กับอาการไอ คุณปู่ดูมือเล็กๆ ของเธอ ลูบคอของตัวเองไม่หยุด”“น่าจะไม่สบายคอหอย ทุกอย่างนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหวัดจากลมหนาว อีกทั้งเป็นโรคหวัดลมหนาวชนิดรุนแรง”เลี่ยวจงหยุดชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มพูด:“แต่คนคนนั้นกลับพูดว่าเป็นโรคหวัดร้อน คุณปู่ หรือว่านี่ก็คือหมดเทวดาที่คุณเชิญมา? อย่าล้อเล่นเลย?”“นี่...”หมอเทวดาเลี่ยวก็คิดว่าหลานชายของตัวเองพูดถูก
“มา แน่จริงนายก็บอกชื่อของนายออกมา ให้ฉันได้ฟังหน่อยว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านไหน หรือว่าเป็นนักเรียนที่มาจากมหาวิทยาลัยดังที่ไหนกัน?”ได้ยินคำพูดเค้นถามของจ้าวเฟิงแบบนี้ หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างนิ่งเฉยต่อหน้าทุกคน:“ในสายตาของคุณ มีเกียรติ ช่วยคนเยอะ หมอที่เงินเดือนสูงก็คือหมอที่ดีงั้นเหรอ?”ได้ยินหลินเฟิงถามแบบนี้ จ้าวเฟิงคนนั้นใช้สายตาที่มองคนโง่เหลือบมองหลินเฟิง และหัวเราะเยาะ:“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ?”“ไม่ใช่”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความแน่วแน่:“แพทย์ที่ว่านั้น ก็คือดูแลประชาชน ช่วยคนเหมือนกับดับไฟ ระบุสาเหตุของโรคให้ผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ช่วยผู้ป่วยจากความเจ็บปวดด้วยวิธีที่เล็กที่สุดและรวมรัดให้สั้นที่สุด”“ส่วนคุณ”หลินเฟิงหยิบใบรายการยาที่เขาฉีกทิ้งออกมาจากในถังขยะ และขว้างไปทางจ้าวเฟิง พูดเย็นชาว่า:“คุณไม่ใช่หมอ คุณเป็นแค่นักธุรกิจเท่านั้น!”“ยกตัวอย่างตามที่คุณพูดเมื่อครู่นี้ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นไข้หวัดจากความหนาว!”หลินเฟิงพูดเสียงเคร่งขรึม: “ใช้เพียงแค่เมลดปอกะเจาะสามสลึง ขิงแห้งห้าสลึง หญ้าเมล็ดดำหนึ่งสลึง ดื่นน้ำอุ่นเข้าไปก็พอแล้ว”“แต่ทว่าคุณกล
“คุณอาคนนี้พูดว่า...”“ไม่ต้องสนใจเขา เขาเป็นคนบ้า”แม่ของเด็กอุ้มลูกสาวขึ้นมา จากนั้นจากไปโดยไม่สนใจอย่างอื่น“...”เห็นภาพนี้ หลินเฟิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาส่วนจ้าวเฟิงกลับเผยรอยยิ้มลำพองใจที่แอบซ่อนเอาไว้“งั้นเชิญทางนี้เถอะ คุณคนบ้า อย่าบีบบังคับให้พวกผมต้องใช้กำลัง”รปภ. เป็นเหมือนหอคอยเหล็ก ยืนอยู่รอบตัวหลินเฟิง ดักล้อมหลินเฟิงไว้แน่นหนา“จงเอ่อร์ ฉันต้องการคำอธิบาย”หมอเทวดาเลี่ยวเหลือบมองเลี่ยวจงที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตานิ่งเฉยไม่ต้องพูดก่อนว่าการวินิจฉัยเมื่อครู่ของหลินเฟิงนั้นเป็นอย่างไร เรื่องวัตถุดิบยาที่หลินเฟิงพูดถึง ไม่ผิดไปแม้แต่นิดจ้าวเฟิงคนนี้ใช้วัตถุดิบยาที่ราคาแพงกว่าจริงๆดูท่าจ้าวเฟิงคนนี้อยู่ในศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยว มีช่องทางกำไรของตัวเองอยู่เรื่องนี้ เลี่ยวจงก็ตั้งตัวรับมือไม่ทันเขาก็คิดไม่ถึง“วางใจเถอะครับคุณปู่ ผมจะไปทำการตรวจสอบ”เลี่ยวจงกัดริมฝีปาก ในเมื่อจ้าวเฟิงคนนี้เป็นคนที่เขาเชิญมา เขาทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการหักหน้าเลี่ยวจง“เอาล่ะ ปล่อยคุณหลินเฟิงซะ”หมอเทวดาเลี่ยวเดินไปด้านข้างรปภ. และขมวดคิ้วพูด“เอ๊ะ? หมอเทวดาเลี่ยว?”“
“ขาดความมั่นใจหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”หลินเฟิงขี้เกียจจะสนใจจ้าวเฟิงหมอคนนี้ด้วยซ้ำ พูดว่าเขาเป็นหมอ เขามีเพียงแค่ความรู้ แต่มีความเย่อหยิ่ง คิดถึงแต่เงิน ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ของแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกรด้วยซ้ำ“นายยังเสแสร้งขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”จ้าวเฟิงเห็นท่าทางกำเริบเสิบสานของหลินเฟิงแบบนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมในทันที“เอ้ยเอ้ยเอ้ย หมอจ้าวเฟิง อย่าอย่าอย่า ไม่จำเป็นครับไม่จำเป็น…”เห็นสถานการณ์เบนไปทางความตึงเครียด เลี่ยวจงจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมที่นี่คือศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของพวกเขาถ้าหากที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็อาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของตระกูลเลี่ยวของพวกเขา“วันนี้ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณเลี่ยวจง ฉันจะต้องสั่งสอนนายอย่างแน่นอน เห็นตัวเองเป็นคนสำคัญหรือยังไง? แม้แต่ใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์ก็ยังไม่มี นายอวดดีอะไรกัน?”นิ้วมือของจ้าวเฟิงแทบจะทิ่มตาของหลินเฟิงอยู่แล้ว แต่หลินเฟิงก็ยังยืนหน้านิ่งเฉยอยู่แบบนี้ดวงตามองไปทางประตู เหมือนกับกำลังรออะไรอยู่“ช่างเถอะช่างเถอะ”เห็นหลินเฟิงเป็นแบบนี้ หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ พูดอย่างสุภาพ: “งั้นคุณหลิน ผมไปรอคุณที่เ
จ้าวเฟิงปฏิเสธความคิดที่ตัวเองมองผิดไป เขาไม่มีทางมองผิดแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหวัดจากความหนาวชัดๆ“ได้!”พูดถึงแค่ตรงนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเขาพยักหน้าไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยัน ถือว่าเป็นการตอบรับเงื่อนไขของหลินเฟิงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประหม่าหรืออะไรเขาเดินเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องตรวจของตัวเอง......“เรื่องที่จ้าวเฟิงตั้งใจใช้วัตถุดิบราคาสูง ที่คุณหลินเฟิงชี้แนะออกมา ผมมองออกแล้ว จุดนี้คุณพูดได้ไม่ผิด”“พวกเราจะจัดการอย่างเข้มงวด”เลี่ยวจงพูดออกมา จากนั้นหยุดชะงักและพูดต่อว่า: “แต่คุณหลินเฟิง ทำไมคุณถึงยืนหยัดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นไข้ร้อนล่ะครับ?”“ในเมื่อแม้แต่คุณปู่ของผมก็ยังมองไม่ออกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นไข้ร้อน”“คุณปู่ดูไม่ออกอยู่แล้ว”หลินเฟิงยังคงมองประตูอยู่ และพูดอย่างเฉยเมย:“ร่างกายนี้เป็นธาตุเย็น กลับมีควมร้อนในปอดมากเกินไป และเด็กผู้หญิงคนนั้นเกิดมาพร้อมกับโครงร่างเยาว์วัย ชี่กับม้ามตัดกัน จึงทำให้ภายนอกแสดงออกมาว่าเป็นโรคเย็น”“โครงร่างเยาว์วัย?”เลี่ยวจงครุ่นคิดอยู่นาน ก็คิดไม่ออกว่าโครงร่างเยาว์วัยคืออะไร?เขาหัวเราะหึหึ
“ไสหัวไป!”หลินเฟิงไม่มีความเกรงใจ ตบจ้าวเฟิงที่คุ้มคลั่งจนกระเด็นออกไปเลี่ยวจงเห็นจ้าวเฟิงที่ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรกระเด็นออกไปห้าหกเมตร สุดท้ายกระแทกกับโต๊ะของห้องตรวจของตัวเองจนพังยับเยิน“เป็นไปไม่ได้...”จ้าวเฟิงที่ล้มอยู่บนพื้นยังพูดคำว่าเป็นไปไม่ได้ซ้ำ ๆ“คุณผู้ชายท่านนี้ ขอร้องคุณช่วยลูกสาวของฉันด้วยนะคะ...”หญิงวัยกลางคนยังคงอ้อนวอนหลินเฟิงไม่หยุด หลินเฟิงกลับพูดปลอบใจ: “วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไม่เป็นไรครับ”พูดจบ หลินเฟิงก็นำเข็มเงินที่อยู่ในมือแทงไปตรงจุดฝังเข็มบริเวณท้องของเด็กผู้หญิงทีละเข็ม และก็ล้วงเอายาเม็ดสีเขียวออกมาจากในกระเป๋า ป้อนให้เด็กผู้หญิงกิน“คุณหลิน ยาเมื่อครู่นี้คือ...”เลี่ยวจงรู้สึกว่ายาที่หลินเฟิงนำออกมานั้นคุ้นตาอย่างมาก“ยาอมตะเลือดราชันย์ก็เท่านั้นเอง”หลินเฟิงไม่ได้เงยหน้า ตอบกลับแบบนี้ประโยคหนึ่งแต่ทว่าก็เป็นเพราะชื่อนี้ ทำให้เลี่ยวจงแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทันที คนทั้งคนงุนงงไปหมด“คุณหลิน คุณพูดอะไรนะครับ?!”“คุณ...ยาอมตะเลือดราชันย์? จริงเหรอครับ? เป็นยาอมตะเลือดราชันย์จริงเหรอครับ?! เอาให้...ให้เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทานเข้
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได