ถ้าหากให้เด็กผู้หญิงคนนี้ดื่มเข้าไป ไม่เพียงไม่ได้รักษาอาการป่วย แถมยังทำให้อาการหนักยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นที่เกิดผลที่ตามมาอย่างไม่แน่ชัด“ไม่ได้ ยาพวกนี้ให้เด็กดื่มไม่ได้ ดื่มแล้วไม่เพียงไม่รักษาอาการ แถมยังอาการหนักยิ่งกว่าเดิม!”หลินเฟิงกำใบรายการยาโยนทิ้งไปในถังขยะ“หือ?”เห็นหลินเฟิงเป็นแบบนี แม่ของเด็กนิ่งอึ้งทันที“พรวด...”ไกลออกไป เลี่ยวจงที่เตรียมจะเข้ามาก็หลุดขำออกมา“คุณปู่ นี่ก็คือหมอเทวดาที่คุณปู่เชิญมาเหรอ? คุณเลอะเลือนไปแล้วเหรอ?”เลี่ยวจงชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งอยู่ในอ้อมแขนของสตรีคนนั้น จากนั้นส่ายหน้ายิ้มพูด:“เด็กผู้หญิงคนนี้ทั้งๆ ที่เป็นโรคหนาว ชีพจรลอยและเต่งตึง แถมควบคู่กับอาการไอ คุณปู่ดูมือเล็กๆ ของเธอ ลูบคอของตัวเองไม่หยุด”“น่าจะไม่สบายคอหอย ทุกอย่างนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหวัดจากลมหนาว อีกทั้งเป็นโรคหวัดลมหนาวชนิดรุนแรง”เลี่ยวจงหยุดชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มพูด:“แต่คนคนนั้นกลับพูดว่าเป็นโรคหวัดร้อน คุณปู่ หรือว่านี่ก็คือหมดเทวดาที่คุณเชิญมา? อย่าล้อเล่นเลย?”“นี่...”หมอเทวดาเลี่ยวก็คิดว่าหลานชายของตัวเองพูดถูก
“มา แน่จริงนายก็บอกชื่อของนายออกมา ให้ฉันได้ฟังหน่อยว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านไหน หรือว่าเป็นนักเรียนที่มาจากมหาวิทยาลัยดังที่ไหนกัน?”ได้ยินคำพูดเค้นถามของจ้าวเฟิงแบบนี้ หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างนิ่งเฉยต่อหน้าทุกคน:“ในสายตาของคุณ มีเกียรติ ช่วยคนเยอะ หมอที่เงินเดือนสูงก็คือหมอที่ดีงั้นเหรอ?”ได้ยินหลินเฟิงถามแบบนี้ จ้าวเฟิงคนนั้นใช้สายตาที่มองคนโง่เหลือบมองหลินเฟิง และหัวเราะเยาะ:“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ?”“ไม่ใช่”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความแน่วแน่:“แพทย์ที่ว่านั้น ก็คือดูแลประชาชน ช่วยคนเหมือนกับดับไฟ ระบุสาเหตุของโรคให้ผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ช่วยผู้ป่วยจากความเจ็บปวดด้วยวิธีที่เล็กที่สุดและรวมรัดให้สั้นที่สุด”“ส่วนคุณ”หลินเฟิงหยิบใบรายการยาที่เขาฉีกทิ้งออกมาจากในถังขยะ และขว้างไปทางจ้าวเฟิง พูดเย็นชาว่า:“คุณไม่ใช่หมอ คุณเป็นแค่นักธุรกิจเท่านั้น!”“ยกตัวอย่างตามที่คุณพูดเมื่อครู่นี้ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นไข้หวัดจากความหนาว!”หลินเฟิงพูดเสียงเคร่งขรึม: “ใช้เพียงแค่เมลดปอกะเจาะสามสลึง ขิงแห้งห้าสลึง หญ้าเมล็ดดำหนึ่งสลึง ดื่นน้ำอุ่นเข้าไปก็พอแล้ว”“แต่ทว่าคุณกล
“คุณอาคนนี้พูดว่า...”“ไม่ต้องสนใจเขา เขาเป็นคนบ้า”แม่ของเด็กอุ้มลูกสาวขึ้นมา จากนั้นจากไปโดยไม่สนใจอย่างอื่น“...”เห็นภาพนี้ หลินเฟิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาส่วนจ้าวเฟิงกลับเผยรอยยิ้มลำพองใจที่แอบซ่อนเอาไว้“งั้นเชิญทางนี้เถอะ คุณคนบ้า อย่าบีบบังคับให้พวกผมต้องใช้กำลัง”รปภ. เป็นเหมือนหอคอยเหล็ก ยืนอยู่รอบตัวหลินเฟิง ดักล้อมหลินเฟิงไว้แน่นหนา“จงเอ่อร์ ฉันต้องการคำอธิบาย”หมอเทวดาเลี่ยวเหลือบมองเลี่ยวจงที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตานิ่งเฉยไม่ต้องพูดก่อนว่าการวินิจฉัยเมื่อครู่ของหลินเฟิงนั้นเป็นอย่างไร เรื่องวัตถุดิบยาที่หลินเฟิงพูดถึง ไม่ผิดไปแม้แต่นิดจ้าวเฟิงคนนี้ใช้วัตถุดิบยาที่ราคาแพงกว่าจริงๆดูท่าจ้าวเฟิงคนนี้อยู่ในศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยว มีช่องทางกำไรของตัวเองอยู่เรื่องนี้ เลี่ยวจงก็ตั้งตัวรับมือไม่ทันเขาก็คิดไม่ถึง“วางใจเถอะครับคุณปู่ ผมจะไปทำการตรวจสอบ”เลี่ยวจงกัดริมฝีปาก ในเมื่อจ้าวเฟิงคนนี้เป็นคนที่เขาเชิญมา เขาทำแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการหักหน้าเลี่ยวจง“เอาล่ะ ปล่อยคุณหลินเฟิงซะ”หมอเทวดาเลี่ยวเดินไปด้านข้างรปภ. และขมวดคิ้วพูด“เอ๊ะ? หมอเทวดาเลี่ยว?”“
“ขาดความมั่นใจหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”หลินเฟิงขี้เกียจจะสนใจจ้าวเฟิงหมอคนนี้ด้วยซ้ำ พูดว่าเขาเป็นหมอ เขามีเพียงแค่ความรู้ แต่มีความเย่อหยิ่ง คิดถึงแต่เงิน ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ของแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกรด้วยซ้ำ“นายยังเสแสร้งขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”จ้าวเฟิงเห็นท่าทางกำเริบเสิบสานของหลินเฟิงแบบนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมในทันที“เอ้ยเอ้ยเอ้ย หมอจ้าวเฟิง อย่าอย่าอย่า ไม่จำเป็นครับไม่จำเป็น…”เห็นสถานการณ์เบนไปทางความตึงเครียด เลี่ยวจงจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมที่นี่คือศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของพวกเขาถ้าหากที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็อาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของตระกูลเลี่ยวของพวกเขา“วันนี้ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณเลี่ยวจง ฉันจะต้องสั่งสอนนายอย่างแน่นอน เห็นตัวเองเป็นคนสำคัญหรือยังไง? แม้แต่ใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์ก็ยังไม่มี นายอวดดีอะไรกัน?”นิ้วมือของจ้าวเฟิงแทบจะทิ่มตาของหลินเฟิงอยู่แล้ว แต่หลินเฟิงก็ยังยืนหน้านิ่งเฉยอยู่แบบนี้ดวงตามองไปทางประตู เหมือนกับกำลังรออะไรอยู่“ช่างเถอะช่างเถอะ”เห็นหลินเฟิงเป็นแบบนี้ หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ พูดอย่างสุภาพ: “งั้นคุณหลิน ผมไปรอคุณที่เ
จ้าวเฟิงปฏิเสธความคิดที่ตัวเองมองผิดไป เขาไม่มีทางมองผิดแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหวัดจากความหนาวชัดๆ“ได้!”พูดถึงแค่ตรงนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเขาพยักหน้าไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยัน ถือว่าเป็นการตอบรับเงื่อนไขของหลินเฟิงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประหม่าหรืออะไรเขาเดินเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องตรวจของตัวเอง......“เรื่องที่จ้าวเฟิงตั้งใจใช้วัตถุดิบราคาสูง ที่คุณหลินเฟิงชี้แนะออกมา ผมมองออกแล้ว จุดนี้คุณพูดได้ไม่ผิด”“พวกเราจะจัดการอย่างเข้มงวด”เลี่ยวจงพูดออกมา จากนั้นหยุดชะงักและพูดต่อว่า: “แต่คุณหลินเฟิง ทำไมคุณถึงยืนหยัดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นไข้ร้อนล่ะครับ?”“ในเมื่อแม้แต่คุณปู่ของผมก็ยังมองไม่ออกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นไข้ร้อน”“คุณปู่ดูไม่ออกอยู่แล้ว”หลินเฟิงยังคงมองประตูอยู่ และพูดอย่างเฉยเมย:“ร่างกายนี้เป็นธาตุเย็น กลับมีควมร้อนในปอดมากเกินไป และเด็กผู้หญิงคนนั้นเกิดมาพร้อมกับโครงร่างเยาว์วัย ชี่กับม้ามตัดกัน จึงทำให้ภายนอกแสดงออกมาว่าเป็นโรคเย็น”“โครงร่างเยาว์วัย?”เลี่ยวจงครุ่นคิดอยู่นาน ก็คิดไม่ออกว่าโครงร่างเยาว์วัยคืออะไร?เขาหัวเราะหึหึ
“ไสหัวไป!”หลินเฟิงไม่มีความเกรงใจ ตบจ้าวเฟิงที่คุ้มคลั่งจนกระเด็นออกไปเลี่ยวจงเห็นจ้าวเฟิงที่ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรกระเด็นออกไปห้าหกเมตร สุดท้ายกระแทกกับโต๊ะของห้องตรวจของตัวเองจนพังยับเยิน“เป็นไปไม่ได้...”จ้าวเฟิงที่ล้มอยู่บนพื้นยังพูดคำว่าเป็นไปไม่ได้ซ้ำ ๆ“คุณผู้ชายท่านนี้ ขอร้องคุณช่วยลูกสาวของฉันด้วยนะคะ...”หญิงวัยกลางคนยังคงอ้อนวอนหลินเฟิงไม่หยุด หลินเฟิงกลับพูดปลอบใจ: “วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไม่เป็นไรครับ”พูดจบ หลินเฟิงก็นำเข็มเงินที่อยู่ในมือแทงไปตรงจุดฝังเข็มบริเวณท้องของเด็กผู้หญิงทีละเข็ม และก็ล้วงเอายาเม็ดสีเขียวออกมาจากในกระเป๋า ป้อนให้เด็กผู้หญิงกิน“คุณหลิน ยาเมื่อครู่นี้คือ...”เลี่ยวจงรู้สึกว่ายาที่หลินเฟิงนำออกมานั้นคุ้นตาอย่างมาก“ยาอมตะเลือดราชันย์ก็เท่านั้นเอง”หลินเฟิงไม่ได้เงยหน้า ตอบกลับแบบนี้ประโยคหนึ่งแต่ทว่าก็เป็นเพราะชื่อนี้ ทำให้เลี่ยวจงแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทันที คนทั้งคนงุนงงไปหมด“คุณหลิน คุณพูดอะไรนะครับ?!”“คุณ...ยาอมตะเลือดราชันย์? จริงเหรอครับ? เป็นยาอมตะเลือดราชันย์จริงเหรอครับ?! เอาให้...ให้เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทานเข้
ยิ่งไม่ต้องพูดว่าคลานไปขอความเมตตาเลยส่วนทางด้านหลินเฟิงหลังจากที่หลินเฟิงปล่อยพลังชี่แท้ผ่านนิ้วมือไปตรงที่แผงอกกับท้องน้อยของเด็กผู้หญิง กระตุ้นอวัยวะภายใน เด็กผู้หญิงกลับอ้วกออกมาเป็นเลือดสีแดงสดเมื่ออ้วกเป็นเลือดออกมาแบบนี้ ทำให้แม่ของเด็กผู้หญิงตกใจจนหน้าซีด“วางใจได้ ไม่เป็นไรหรอก” หลินเฟิงพูดปลอบใจเธอจากนั้น สุดท้ายเด็กผู้หญิงก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา“โอ๊ย เด็กบ้าคนนี้ ทำให้แม่ตกใจแทบตาย!”เห็นลูกสาวฟื้นขึ้นมา หญิงวัยกลางคนก็ดีใจจนร้องห่มร้องไห้ โอบกอดลูกสาวของเธอไว้จนแน่นจากนั้นพยักนห้าของคุณหลินเฟิงไม่หยุด“ขอบคุณค่ะคุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าหากคุณไม่ลงมือช่วย เกรงว่าลูกสาวของฉันก็จะต้องถูกหมอกำมะลอคนนี้ทำให้เสียชีวิตแล้ว ค่ารักษาพยาบาลของคุณเท่าไหร่คะ ฉันจ่ายให้คุณ”เลี่ยวจงที่อยู่ข้างๆ มองดูหญิงวัยกลางคนล้วงกระเป๋างเงินของตัวเอง สีหน้าก็กระตุกเล็กน้อยยาอมตะเลือดราชันย์หนึ่งเม็ด ราคาสูงอุปสงค์น้อยถ้าหากลองฝืนคำนวณดู ราคาห้าสิบล้านบาทอีกทั้งนี่ยังพูดในราคาที่น้อยในตอนที่จงเลี่ยวอารมณ์สับสน กลับเห็นหลินเฟิงยิ้มบาง ส่ายหน้าพูด: “ค่ารักษาของผมราคาแพงนะครับ”“คุณพูดมา.
ไม่นานนัก หลินเฟิงก็มาถึงเรือนด้านหลัง ผลักประตูเข้าไปในอาคารหลังเล็กที่งดงามเรียบง่ายสไตล์โบราณ เห็นผู้ป่วยตระกูลร่ำรวยคนที่ว่านั้นแล้วเมื่อไม่มองก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคุ้นเคยของหลินเฟิง“คุณหลิน ไม่เจอกันมานมากจริงๆ”คนที่นั่งจิบชาด้วยใบหน้าสบายอกสบายใจอยู่ตรงที่นั่ง นั่นก็คือบริวารของตระกูลซือหม่าตอนนั้นที่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน บริวารโจวที่ไปหาเรื่องหลินเฟิงถึงที่พร้อมกับซือหม่าเหวินเห็นเพียงแค่บริวารโจวลูบคล้ำหนวดของตัวเอง จากนั้นยิ้มตาหยีมองหลินเฟิง:“คิดไม่ถึงว่าคุณหลินจะเดินทางไกลมาที่เมืองจิง ไม่ทราบว่า เป้าหมายที่คุณมาเมืองจิงคืออะไร?”ตอนนี้เห็นท่าทางของบริวารโจว แตกต่างอย่างกับคนละคน“เรื่องส่วนตัวก็เท่านั้นเองหลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นมองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นเรียบๆ: “หรือว่านี่ก็คือผู้ป่วยที่หมอเทวดาเลี่ยวพูดถึง ก็คือเขา?”“ถูกต้องครับ”หมอเทวดาเลี่ยวเห็นทั้งสองคนรู้จักกัน จึงลูบเคราแล้วยิ้มพูด:“นี่ก็คือพรหมลิขิตสินะ”“......”บริวารโจวคนี้คือคนของตระกูลซือหม่า ส่วนหลินเฟิงก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไรต่อคนของตระกูลซือหม่า
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน