“โอกาสดี!”หลินเฟิงคว้าโอกาสไว้ได้ รูปร่างเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้าชาวเวน่าที่ถอยหลังไปยังไม่ทันได้ปล่อยพลังชี่แท้ต่อ ก็เห็นหลินเฟิงปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความว่องไว“แย่แล้ว!”ในหัวของเขามีแค่สองคำที่ปรากฏขึ้นทันเวลา หลินเฟิงก็เอาตะขอของหัวหน้าชาวเวน่าแทงเข้าหน้าอกของเขาแล้ว“เอื้อก!”ทันใดนั้นเขาก็ถูกหลินเฟิงกระชากออกมาจากค่ายกลต่อสู้“เติมเต็มช่องโหว่!”หัวหน้าชาวเวน่าที่อยู่ตรงกลางของค่ายกลต่อสู้เห็นภาพนี้ ใดนั้นก็กระวนกระวายจนเหงื่อซึมออกหน้าผาก“หึ ไร้เดียงสา! จะให้โอกาสพวกคุณได้ยังไง?”หลังจากที่หลินเฟิงกระชากชาวเวน่าคนนั้นออกจากค่ายกลต่อสู้ กลับไม่ได้ฆ่าชาวเวน่าคนนั้นในทันที แต่คว้าโอกาสเอาไว้ คนทั้งคนเข้าสู่ใจกลางของค่ายกลต่อสู้“อะไรน่ะ?!”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงพุ่งเข้ามา หัวหน้าที่ยืนอยู่ตรงกลางสุดนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นดีใจแทบบ้าถูกต้อง ดีใจแทบบ้าถ้าให้พูดว่าทั้งค่ายกลต่อสู้จุดที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ตรงไหนไม่ต้องคิดเลยว่า เป็นจุดตรงกลางศูนย์รวมของพลังชี่แท้ของทุกคนเดิมทีค่ายกลต่อสู้ชุดนี้ก็สร้างมาเพื่อล้อมฆ่าศัตรูหลินเฟิงบุกเข้ามาบุ่มบ่ามแบบนี้ ถือว่า
ถูกต้องคนที่สองที่สามารถใช้ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์วิชาการต่อสู้วิชานี้ได้นั่นก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของราชาหลินแห่งตอนใต้และก็คือหลินชิงเสวียน ลูกศิษย์คนโตของสำนักเสวียนเทียนที่หายสาบสูญไปเมื่อสามปีที่แล้ว “พี่ยัง…ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หันไปมองสีหน้าของหยินหลิง ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า“ค่ายกลต่อสู้สามารถทำให้กำลังภายในกับพลังชี่แท้ของพวกคุณทุกคน ไหลเวียนอยู่ในค่ายกลต่อสู้ได้ตามอำเภอใจ แต่ถ้าหาก…”จู่ๆ หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ถ้าหากพลังชี่แท้ของผมก็เข้าร่วมกับค่ายกลต่อสู้ของพวกคุณล่ะ?”“อะไรนะ?”“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”ชาวเวน่าที่อยู่รอบๆ พากันเผยเผยสีหนาตกตะลึงออกมาแต่จากนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานสีแดงที่มีพลังมหาศาล พรั่งพรูออกมาจากรอบด้านนั่นคือพลังชั่วร้ายของปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ของหลินเฟิง ที่บุกรุกเข้าค่ายกลต่อสู้ของพวกเขา โดยอาศัยการโจมตีของพวกเขา“อ้ากกกก!”หลังจากที่ชาวเวน่าคนแรกกุมศีรษะคุกเข่าลงบนพื้นไม่ถึงสองวินาที ก็เป็นคนที่สอง คนที่สาม…เหมือนกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ดังนั้นชาวเวน่าที่เข้าร่วมค่ายกลต่
หลังจากที่หัวหน้าชาวเวน่าตายไปไม่ถึงห้านาทีทั่วทั้งโรงงานก็ไม่มีชาวเวน่าที่มีชีวิตอยู่อีกแล้วคนส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาเสียชีวิตจากการฆ่าสังหารกันเอง อีกทั้งเสียชีวิตอย่างอนาถ มองดูจางกุ้ยหลานที่อยู่ข้างๆ อ้วกไม่หยุดจางซินก็สีหน้าซีดเซียว ตึงเกร็ง ไม่กล้าพูดจาสักประโยค“พี่…ชิงเสวียน!”ในตอนที่หลินเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางกองศพที่เหม็นคาวเลือด เขาได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังกะทันหันรอให้หลินเฟิงหันหน้ามองไปเขาเห็นหญิงสาวที่น้ำตาคลอเบ้าคนหนึ่ง จ้องมองหลินเฟิง เหมือนกับจะระบายความคิดถึงที่มีมาหลายปีผ่านสายตาของตัวเอง“คุณ…คุณจำผิดคนแล้ว”หลินเฟิงก้มหน้าด้วยความเศร้าสลด เงียบขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ายิ้มพูดว่า:“ผมชื่อหลินเฟิง ไม่ได้ชื่อหลินชิงเสวียน บ้านของผมอยู่เจียงโจว อ่อใช่ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง ครั้งที่แล้วที่พวกเราเจอหน้ากันก็คือที่สำนักเสินฉือ คุณคงไม่ลืมใช่ไหม?”หยินหลิงปิดปากของตัวเอง และส่ายหน้าอย่างแรง“พี่! พี่เลิกหลอกฉันได้แล้ว พี่ก็คือพี่ชิงเสวียน พี่เป็นพี่ชิงเสวียนขอฉันตลอดไป!”“พี่ พี่รู้ไหมว่าหลายปีมานี้ฉันตามหาพี่ด้วยความยากลำบากขนาดไหน?!”“พวกเขา
“จริงเหรอคะ? พี่…คุณหลินเฟิง? คุณไม่พิจารณาหน่อยเหรอคะ?”“เป็นเพราะฉัน…เพราะหยินหลิงโตแล้ว ไม่สวยแล้วงั้นเหรอ?”หยินหลิงอยากร้องไห้ แต่พยายามให้ตัวเองยิ้มสีหน้ากระอักกระอ่วนทำให้จีอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกสงสารเล็กน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินเฟิงเลย“อืม”หลินเฟิงหันหน้าไป และพยักหน้า“ต่อไปพวกเราไม่ต้องเจอหน้ากันอีกเป็นดี”“งั้นเอาแบบนี้ ฉันเข้าใจแล้ว”หยินหลิงใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าของตัวเอง ก้าวเดินออกไปจากโรงงาน โดยไม่หันหน้ากลับมามองอีก“เอ๊ะ ทำไมวันนี้ลมฝุ่นพัดแรงจัง? ฮ่าฮ่า…แปลกจริงๆ เลยนะ…”ขณะที่พยายามอยากจะทำให้น้ำเสียงเปลี่ยนไปผ่อนคลาย เงาของหยินหลิงหายไปจากด้านหน้าของทุกคน“สหายหลิน…”จีอวิ๋นเจี๋ยไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจหลินเฟิงอย่างไรเพราะว่าเขาเป็นคนนอก ไม่รู้ว่าทำไมหลินเฟิงถึงไม่ยอมรับกองกำลังที่แข็งแกร่ง และก็คนที่น่ารักเหมือนนางฟ้าแบบนี้“เฮ้อ…”หลินเฟิงถอนหายใจอย่างแรง หันหน้ามองไปทางจีอวิ๋นเจี๋ย และพยักหน้าพูด: “สหายจี เรื่องที่เหลือฝากคุณจัดการด้วย เรื่องในวันนี้ รบกวนคุณถือว่าทำเป็นไม่เห็นอะไร”“วางใจเธอ สหายหลิน”จีอวิ๋นเจี๋ยพยักหน้าอย่างจริงจังจาก
“เฮ้อ…ถ้าหากถังหว่านอยู่ด้วยก็ดีสิ”ในใจของหลี่ฮุ่ยหรานมีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมากะทันหัน ถ้าหากถังหว่านอยู่ด้วย งั้นยัยเด็กคนนี้ไม่มีทางกล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้เพราะว่ามีน้อยคนมากที่จะเอาชนะปากของถังหว่านได้ถ้าหากถังหว่านอยู่ที่นี่ เพียงไม่กี่ประโยคก็ปราบเด็กคนนี้จนยอมพ่ายแพ้อย่างแน่นอนส่วนปากของเธอนั้นโง่สุดๆ มองดูเด็กคนนี้เหน็บแนมเธอสารพัด เธอกลับจนปัญญาไม่สามารถเถียงกลับได้ทำได้เพียงฟังอาอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ขอโทษอย่างหนักแน่นอนว่า หลี่ฮุ่ยหรานยิ่งไม่สามารถลดหน้าลงมา คิดเล็กคิดน้อยกับยัยเด็กคนนี้ได้“แม่! พวกแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงพาจางกุ้ยหลานกับจางซินเข้ามาข้างใน หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาในเมื่อจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดว่าไม่กังวลก็เป็นเรื่องโกหกตอนนี้เห็นหลินเฟิงพาแม่ของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย เธอส่งสายตาซาบซึ้งใจไปทางหลินเฟิงอย่างอดไม่ได้“หึ จะไม่เป็นไรได้ยังไง?”จางกุ้ยหลานคิดคำพูดมาตลอดทาง เธอเหลือบมองหลินเฟิง และบ่นพึมพำ: “เงินถูกคนพวกนั้นแย่งชิงไปหมดแล้ว”“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นรีบพูดอย่างร้อนรน:“แม
อาอวี๋รีบเข้ามาขอโทษ“หนูไม่รู้เรื่องอะไรล่ะ?”อวี๋จื่อเสวียนเหยียดหยาม กอดอกแล้วพูดว่า: “ไม่เพียงทำเงินที่ลูกสาวฝากไว้กับตัวเองหาย แถมยังย้อนกลับมา ให้ลูกสาวขายบริษัททิ้ง เพื่อชดเชยความผิดของตัวเอง”“จุ๊จุ๊จุ๊ คุณเป็นแม่ที่ โหดร้ายยิ่งกว่าแวมไพร์อีกนะ! ขโมยมาแล้วยังต้องกราบคุณ ขอให้คุณสอนวิธีดูดเลือดที่เป็นธรรมชาติถึงขนาดนี้ให้กับเขา”หลังพูดจบประโยคสุดท้าย จางกุ้ยหลานก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“นังเด็กบ้า ฉันจะฉีกปากแกซะ!”จางกุ้ยหลานกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ตีกันเลย ตีกันเลย!”หลี่เยว่หรูปรบมืออยู่ที่ชั้นบน“พอแล้ว!”หลินเฟิงตวาดเสียงเย็นชา ในที่สุดก็หยุดความวุ่นวายนี้ลงได้หลินเฟิงครุ่นคิดถึงข่าวสารที่หัวหน้าชาวเวน่า เปิดเผยกับเขาในตอนสุดท้ายเขาไม่มีอารมณ์จะเข้าร่วมเรื่องของจางกุ้ยหลานกับคนอื่นๆ “ก่อนหน้านี้เงินที่คุณมอบให้ชาวเวน่า คุณชายจีอวิ๋นเจี๋ยจะตามหากลับมาให้ หักออกไปห้าร้อยล้านบาทถือเป็นการชำระค่าโครงการ เงินที่เหลือเขาจะคืนกลับให้ครบถ้วนตามธรรมชาติหลินเฟิงขมวดคิ้ว คำพูดสองสามประโยคทำให้จางกุ้ยหลินโล่งใจแต่ไม่เห็นเธอขอบคุณหลินเฟิง กลับยังยิ้มอย่างอ่อน
หลินเฟิงถูกพูดจนยอมแล้ว แต่เขายังคงไม่วางใจหลี่ฮุ่ยหราน ดังนั้นจึงตั้งกฏข้อสัญญาเอาไว้ ให้เธออยู่ในชุมชนกลางเมือง ไม่ให้ไปไหนซี้ซั้วหลี่ฮุ่ยหรานรับปากอย่างกระตือรือร้นดูท่าเธอค่อนข้างดีใจต่อเรื่องที่ตัวเองได้อยู่ต่อหลี่เยว่หรูและจางกุ้ยหลาน กับจางซินทั้งสามคน หลินเฟิงสั่งตู้ไหวให้ส่งคนไปคุ้มกันพวกเธอกลับเมืองเจียงโจวนี่เป็นการป้องกันไม่ให้ชาวเวน่าคนอื่นๆ หลบหนีออกจากเมืองจิงด้วยหลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ในที่สุดหลินเฟิงก็มีเวลาว่างเพื่อจัดการความคิดยุ่งๆ ของเขาอันดับแรกคือข่าวสารที่หัวหน้าชาวเวน่าเปิดเผยต่อเขาผุ้บริหารประเทศมังกร ประเทศเวน่า พ่อของตัวเอง และการเสียชีวิตของแม่ ยังมีการทำลายสำนักเสวียนเทียนเมื่อสามปีที่แล้ว แอบมีความเชื่อมโยงที่แปลกประหลาดดูจากพฤติกรรมของพ่อของเขาและอาฝูในตอนนั้นแล้วเกรงว่าผู้ที่บงการเบื้องหลังเหตุการณ์ เป็นพ่อของหลินเฟิง ราชาหลินแห่งตอนใต้ที่มีตัวตนที่ไม่สามารถขัดแย้งได้ส่วนสำนักเสวียนเทียนถูกทำลายหลินเฟิงก็เดาได้ว่าพ่อของเขาจงใจรับผิดผู้นำประเทศมังกรมีข้อตกลงแบบไหนกับประเทศเวน่ากันแน่นะ?หลินเฟิงไม่สามารถเข้าใจได้ และรู้สึกห
เดินทางไปก็เดินทางไปเถอะยังไงซะตอนนี้หลินเฟิงก็ไม่มีธุระอื่น มีเพียงเรื่องเดียวก็คือรอให้ศิษย์น้องหญิงของเขาแจ้งให้เขาไปพบกับตระกูลถังนี่ไม่ใช่ข่าวที่สามารถมีได้ภายในวันสองวันที่สำคัญกว่านั้นคือ…หลินเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเริ่มเข้ามาใกล้ประตูห้องของเขามากขึ้นเรื่อยๆนั่นคืออวี๋จื่อเสวียนตอนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ห้องข้างๆ ถ้าถูกเธอเห็นเข้าจะทำยังไง?ดังนั้นหลินเฟิงหยุดชะงัก ลุกขึ้นยืน พูดล้อเล่นว่า:“หมอเทวดาเลี่ยว คุณเชิญผมบ่อยขนาดนี้ ผมจะเก็บค่ารักษาแล้วนะ”“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!”เดิมทีหมอเทวดาเลี่ยวคิดว่าหลินเฟิงไม่มีทางลับปากในเมื่อวิธีการของหลินเฟิงนั้นล้ำหน้าไปจริงๆ เขารบกวนหลินเฟิงถึงสองครั้งภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆยอดฝีมือมีนิสัยแปลกประหลาดเล็กน้อยตัวเองรบกวนเขาแบบนี้ ไม่แน่ทำให้เขาโมโห ระเบิดอารมณ์ ด่าทอเขายกใหญ่ทันทีเรื่องแบบนี้ต่างก็มีความเป็นไปได้และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่รับฟังถ้าหากไม่ใช่ว่าแขกในวันนี้สำคัญอย่างมาก หมอเทวดาเลี่ยวไม่กล้ารบกวนหลินเฟิงเด็ดขาดเห็นได้ชัดว่า เขาคิดมากไปแล้วหลินเฟิงพูดง่ายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน