“ใช่แล้วหว่านเอ๋อร์ เรื่องนี้ลูกควรจะปรึกษากับพวกเราสักหน่อยถึงจะถูก”ถังว่านหลี่ก็พยายามพูดโน้มน้าวหลงยวนเป็นใครกัน?คนรุ่นหลังที่เก่งกาจของตระกูลหลง แล้วก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงมากในเมืองจิง อายุไม่ถึงสามสิบปีก็ได้เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน แถมยังอยู่ในตำแหน่งสูงในสำนักหลงผานอีกด้วยอัจฉริยะวัยเยาว์แบบนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงที่ร่ำรวยตั้งเท่าไหร่ที่นับถือและคลั่งไคล้เป็นเทพเจ้าแต่ลูกสาวของตัวเองยิ่งกว่า ไม่เพียงไม่มีค่าพอให้ชายตามองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ายังถอนหมั้นด้วยตัวเองอีกต่อให้หลินเฟิงดีแค่ไหน ก็เทียบกับหลงยวนไม่ได้ รวมถึงเบื้องหลังของเขาอีกด้วย“เรื่องงานแต่งของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่คนอื่นมาชี้นิ้วสั่งการและยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องเสียสละตัวฉันเองเพื่อตระกูลถัง”ใบหน้าของถังหว่านไร้อารมณ์ความรู้สึกหากเป็นเมื่อก่อน เพื่อประโยชน์ของตระกูลและความเจริญของตระกูลถัง บางทีเธออาจจะยอมรับการแต่งงาน และสามารถยอมรับการจัดการของตระกูลก็ได้สุดท้ายไม่ว่าจะมองจากด้านไหนก็ตาม หลงยวนก็เป็นคนที่ดีมาก ๆและเหมาะจะเป็นคนที่ได้รับเลือกของเธอลักษณะที่สง่างาม นิสัยที่ตรงไปต
สำนักหลักทั้งสี่ได้ล้อมปราบปรามหญิงแห่งเมืองหนานไห่อยู่สามปีก็สังหารเธอไม่ได้ ไปมาไร้ร่องรอย เธอจะไปสังหารแห่งเมืองหนานไห่ภายในหนึ่งเดือนได้ยังไง?”แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งแดนแปรภาพออกลงมือก็ไม่สามารถจับแห่งเมืองหนานไห่ได้แล้วเธอจะทำอะไรได้?......ในเวลานี้ ภายในอ่าวเทียนสุ่ยหลี่ฮุ่ยหรานหวีผมแต่งตัวง่าย ๆและกำลังจะออกไปทำงาน หลินเฟิงก็มาขวางเธอไว้“การโฆษณารีสอร์ทที่พวกคุณทำเป็นยังไงบ้าง?”“นี่เพิ่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เองนะ”หลี่ฮุ่ยหรานกลอกตาไปที่หลินเฟิง ในดวงตามีความออดอ้อนซุกซน ทำให้หัวใจของหลินเฟิงกระตุกทันทีหลินเฟิงที่ยากจะต่อต้านอ้อมกอดที่วู่วามของเธอ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรที่จัดการไม่ได้ แล้วต้องการให้ผมออกตัวไหม?”“จัดการไม่ได้เหรอ....”เมื่อได้ยินความกังวลของหลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้ว และหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า“ไม่ ไม่มีหรอก เรื่องการแจกโบรชัวร์มอบให้ฉันกับถังหว่านก็ได้แล้ว คุณรีบไปจัดการเรื่องฟาร์มทางนั้นเถอะ”“ไม่มีจริง ๆ?”หลินเฟิงเข้าใกล้และหรี่ตาลง“จริงสิ....”เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่ฮุ่ยหรานโกหกไม่เก่ง สุดท้ายเธอก็ทำท่าทาง
หลังจากหลินเฟิงขับรถไปส่งหลินเสวี่ยฮุ่ยกับฟ่านหลิงเยว่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขานั่งอยู่ในรถกดโทรเบอร์ส่วนตัวที่หลี่ฮุ่ยหรานทิ้งไว้ให้เขา“ฮัลโหล”ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่เหนื่อยล้าอ่อนเพลียมาก ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นอิ่นนั่วเจีย“คุณหนูอิ่นนั่วเจีย ผมเองหลินเฟิง”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายว่า “คุณหนูอิ่นนั่วเจียช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? คุณมีเวลาออกมาดื่มไหม?”เดิมทีหลินเฟิงไม่ได้คาดหวังมากนักที่จะเชิญดาราดังขนาดนี้ออกมาได้ เขาเพียงหาหัวข้อพูดคุยเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงว่าอิ่นนั่วเจียเงียบไปไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับว่า “ที่ไหน?”“เอ่อ......”สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงไปต่อไม่เป็น“สถานที่เหรอ......ไดนาสตี้บาร์แล้วกัน”หลินเฟิงพูดชื่อที่เขานึกขึ้นได้ในขณะนั้น อิ่นนั่วเจียที่อยู่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดให้มากความ“ได้ ฉันรู้แล้ว”พูดจบเธอก็วางสายไปหลินเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วน พร้อมเกาหัวตัวเองเดิมทีเขาต้องการใช้คําเชิญเพื่อเปิดหัวข้อสนทนา แต่เขาไม่ได้คิดว่าดาราดังจะรับคำเชิญจากเขาจริงๆหรือว่าเขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?หลินเฟิงแตะคางและยิ้มเล็กน้อย ทำได้แค่ขับรถมายบัคตรงไปไ
ในตอนนี้เอง อันธพาลคนที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนขึ้นเสียงดัง“ใครหาเรื่อง?”ชายหัวล้านคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคาเตอร์บาร์ขยับเข้ามาใกล้ หลังจากที่เขามองตามสายตาของลูกน้องไปยังคนที่มาหาเรื่องเขารีบหยิบผ้าขี้ริ้วที่อยู่ใกล้กับเคาเตอร์บาร์ขึ้นมา และปาไปที่ใบหน้าของลูกน้อง“แม่งเอ๊ย บอกให้แกดื่มน้อยหน่อย ๆ แกก็ไม่ฟัง แกอยากตายก็อย่าลากฉันไปด้วย!”“กินเยี่ยแมวไปนิดหน่อย แม่งจำคุณหลินไม่ได้แล้วเหรอ?”“คุณหลิน คุณหลินไหน?”เห็นได้ชัดว่าอันธพาลที่นั่งอยู่บนพื้นยังไม่รู้ตัวผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงนึกได้ว่าคุณหลินคนไหน ทันใดนั้นก็คุกเข่าตรงที่เท้าของหลินเฟิงในทันที“คุณหลิน ผมผิดไปแล้ว ขอโทษขอโทษ เมื่อครู่ผมจำคุณไม่ได้จริง ๆ หลิวหย่งพี่ใหญ่ของพวกผมเคยสั่งเอาไว้ ถ้าหากคุณหลินมาที่นี่ให้ใช้จ่ายฟรี...”“ไปเถอะ ครั้งหน้าอย่าม่อผู้หญิงซี้ซั้วแบบนี้อีก”“ถ้าให้ฉันเห็นอีก นายตายแน่”หลินเฟิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับอันธพาลคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าเยอะไปหน่อย สติจึงเลือนลางในตอนนี้ถูกหลินเฟิงข่มขู่ เขาก็ได้สติจากแอลกอฮอร์ในทันทีจากนั้นรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไป“หึหึ คุณหลิน คิดไม่ถึงว่าชื
“ผมหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่ตอบแทนบุญคุณ บอกมาเถอะ ช่วงนี้คุณพบเจอปัญหายุ่งยากอะไรหรือเปล่า ถ้าผมสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยคุณอย่างแน่นอน”“แต่คุณก็ต้องสัญญาด้วยว่า จะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฮมสเตย์ของผม”รอยยิ้มของหลินเฟิงทำให้ความสงสัยในแววตาของอิ่นนั่วเจียค่อย ๆหายไปรอยยิ้มที่แสร้งว่าเข้มแข็งบนใบหน้าของเธอ ก็ค่อย ๆกลายเป็นความกลัดกลุ้ม“คุณหลิน เรื่องนี้คุณก็ช่วยฉันไม่ได้”“แต่ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนอะไร”“ดังนั้นฉันก็จะเล่าเรื่องที่พบเจอในช่วงนี้ให้คุณฟัง พร้อมกับเป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัวของฉันด้วย”อิ่นนั่วเจียดื่มเหล้าอีกแก้วจากนั้น เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่พบเจอในช่วงนี้ให้หลินเฟิงได้ฟังปรากฏว่าอิ่นนั่วเจียไม่เพียงแต่จะไม่กลั่นแกล้งคนอื่นในที่ทำงานแล้ว แต่กลับเป็นเธอเองที่ถูกรังแกในที่ทำงานบริษัทที่เธอทำงานอยู่คือเล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด เจ้าของบริษัท คือ หูตัวโหย่ว ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจเล็ก ๆในหัวตงและหูตัวโหย่วคนนี้ก็อยากจะได้ร่างกายของอิ่นนั่วเจีย เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวันจนกระทั่งก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงพบกับอิ่นนั่วเจียกันครั้งแรก ที่หลินเฟิงเอาชนะคน ๆ
เหยาปินนั่งลงแล้วดื่มเหล้าอึกใหญ่ ถึงได้ผ่อนคลายลง ก่อนจะมองไปทางหลินเฟิง“เกี่ยวกับคุณอิ่นนั่วเจีย”“อะไร? อิ่นนั่วเจีย? ซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกรงั้นเหรอ?” เหยาปินมองอิ่วนั่วเจียอย่างตะลึงงัน ด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้“ทำไม พวกคุณรู้จักกันเหรอ?” หลินเฟิงเอ่ยถามอย่างสงสัย“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักคุณชายท่านนี้”อิ่นนั่วเจียส่ายหน้าปฏิเสธ“ฮาฮา พวกเราไม่รู้จักกันหรอก เพียงแต่บังเอิญนิดหน่อย”เหยาปินยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “คนที่ผมไล่ตามเมื่อสักครู่ ก็คือนักบัญชีจางจากบริษัทนายหน้าของคุณอิ่นนั่วเจียคนนี้”“เกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงเริ่มสนใจ และเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่นักบัญชีจางยักยอกเงินหลวงและช่วยเจ้านายเปิดบัญชีปลอม ส่งผลให้บริษัทที่ถูกซื้อกิจการอย่างไม่ถูกต้อง”เหยาปินยิ้มแล้วพูดว่า “นิติบุคคลของบริษัทนี้ชื่อว่าหูตัวโหย่ว เขาหนีไปแล้ว ทิ้งไว้แค่นักบัญชีแบบนี้ให้รับโทษ”“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินประโยคนี้ อิ่นนั่วเจียก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปทางเหยาปินอย่างไม่อยากจะเชื่อและพูกว่า “นี่...คุณ...เหยา เล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัดไม่ได้ถูกบริษัทตระกูลซ
เมื่อได้ยินคำแนะนำของหลินเฟิง อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงไปทันทีเธอคิดไม่ถึงจริง ๆเลยว่า หลินเฟิงจะมีความมั่นใจในการต่อสู้กับตระกูลซือหม่า?แน่นอน ว่าสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงอีกเรื่องก็คือ หลินเฟิงยังจะไปล่วงเกินตระกูลหลงในเวลาเดียวกันอีกด้วย?หลินเฟิงไม่ได้สนใจสายตาตกตะลึงของอิ่นนั่วเจีย และสยังคงวางแผนต่อไปว่า “ผมวางแผนที่จะสร้างโฮมสเตย์บริเวณชานเมืองเจียงโจว ให้เป็นสวนแบบระบบนิเวศ”“ถึงขนาดสามารถก่อสร้างเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์แบบธรรมชาติได้”“มีคุณ ราชินีวงการภาพยนตร์แห่งเมืองจิงคนนี้ที่คนลงมือด้วยตัวเอง ผมก็สามารถลงทุนในการถ่ายทำภาพยนตร์ให้แก่คุณได้เช่นกัน และการถ่ายทำก็ทำภายในโฮมสเตย์ของผมเอง”“ถือโอกาสให้มคุณทำงานฟาร์มธรรมดา ๆบ้าง อย่างเช่น การปลูกและเก็บชา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับผู้คน และยังสามารถโปรโมตโฮมสเตย์ของผมได้อีกด้วย” “ ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มทัวร์ได้ เพียงแต่จะต้องลำบากคุณให้ทำงานเพิ่มอีกสักหน่อย.....”สมองของหลินเฟิงกำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว โดยที่ปากก็ยังแจกแจงคำพูดเกี่ยวกับแนวคิดต่าง ๆภายในสมองของเขาสิ่งนี้ทำให้สายตาของอิ
ถึงขั้นที่ในใจของเธอรู้สึกเฝ้ารอเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นแต่สุดท้ายหลินเฟิงเพียงแค่พาเธอกลับไปส่งที่คฤหาสน์หรูของเธอเท่านั้นจริง ๆนี่จึงทำให้ลึก ๆ ในใจของอิ่นนั่วเจียเกิดความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเธอครุ่นคิดถึงเหตุผลของความผิดหวัง ทันใดนั้นก็ทำให้เธอเขินอายจนหน้าแดง และล้มคว่ำไปบนเตียงไม่กล้าเงยหน้าเมื่อออกมาจากคฤหาสน์หรูของอิ่นนั่วเจีย หลินเฟิงก็อารมณ์ดีอย่างมากเขาเดินทางไปที่เมืองหนิงโจว ตัวเองได้รับแก่นสารจวี้คังมา สามารถทำตามสัญญาที่จะสร้างโฮมสเตย์ให้เป็นจริงได้ ถึงขั้นที่เกินความต้องการและก็ดึงอิ่นนั่วเจียมาเข้าร่วมได้อาศัยสถานการณ์ในช่วงนี้ โฮมสเตย์ของเขาไม่อยากมีชื่อเสียงก็ไม่เป็นไปไม่ได้แต่ความคิดบางอย่าง ต้องรอให้หลินเฟิงกลับไปยังจุดสูงสุดแล้วค่อยพิจารณาดังนั้นหลังออกมาจากคฤหาสน์หรูของอิ่นนั่วเจีย หลินเฟิงก็โทรศัพท์ไปหาหลี่ฮุ่ยหรานก่อน บอกเธอว่าเรื่องของอิ่นนั่วเจีย เขาได้จัดการแล้วไม่รอให้หลี่ฮุ่ยหรานถามรายละเอียด หลินเฟิงก็วางสายไป และขับรถไปที่สำนักไป๋เกาที่นอกสำนักไป๋เกา หลินเฟิงไม่ได้เห็นรถมายบัครุ่นเดียวกับของตัวเอง ดูท่าวันนี้จางเจียหนิงไม่ได้มาทำงาน
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน