คำพูดของหลงเซียวทำให้บรรยากาศยิ่งแข็งทื่อมากขึ้น ถังหว่านที่ลุกขึ้นและล้างหน้าเสร็จก็ค่อย ๆเดินลงบันไดวนมาจากห้องนอนชั้นสอง“หว่านเอ๋อร์ลูกมาแล้วเหรอ เร็ว..รีบนั่งเร็ว พวกเราเพิ่งคุยกับเซียวเอ่อร์เกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณกับคุณชายหลงยวน”หลินเสวี่ยเยี่ยนรีบเปลี่ยนหัวข้อถึงแม้สีหน้าถังหว่านที่เดินลงมาจะไม่ค่อยน่าดู เธอยกมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “เรื่องที่พวกคุณพูดเมื่อครู่ฉันได้ยินแล้ว”จากนั้นถังหว่านก็มองไปที่หลงเซียว ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดว่า:“น้องหลงเซียว ฉันต้องขอโทษคุณล่วงหน้าด้วย การแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงถูกยกเลิกแล้ว และไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอีก”ทันทีที่ถังหว่านพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมดทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่ามีความจริงอะไรที่ซ่อนไว้อยู่?สุดท้ายก็ไม่มีใครจะคิดว่าถังหว่านจะพูดแบบนี้“หว่านเอ๋อร์ ลูกพูดจาเลอะเทอะอะไรอยู่? ยังไม่ตื่นใช่ไหม? การหมั้นดี ๆ จะยกเลิกได้อย่างไรกัน?”“เรื่องแบบนี้ ลูกคนเดียวตัดสินใจได้เหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วถาม“แม่ หนูรู้ดีว่าหนูพูดอะไรอยู่ ถึงแม่เสียดายมาก แต่หนูกับคุณชายหลงยวนไม่ได้ถูกลิขิตให้อยู่ด้ว
“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง พูดจนโลกแตก คุณก็ต้องแต่งงานกับพี่ชายของฉัน!”หลงเซียวกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเกรียวโกรธ“ เรื่องอื่นฉันสามารถทำตามที่บอกได้ แต่การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตัวฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะฟังพวกคุณอย่างแน่นอน “ถังหว่านพยายามเถียงด้วยเหตุผล และไม่ประนีประนอมแม้แต่น้อย“ฮาฮาฮา......”หลงเซียวหัวเราะด้วยความโกรธกับท่าทางของถังหว่าน“ถังหว่าน ไม่ใช่ว่าคุณไม่เข้าใจสถานการณ์หรอกเหรอ? พี่ชายของฉันพอใจคุณ นั่นก็ถือเป็นบุญที่ได้มาจากบรรพบุรษของตระกูลถัง!“จะถอนหมั้นหรือไม่ การตัดสินไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คุณ ตระกูลถังของคุณมันไม่สามารถตัดสินได้ ขึ้นอยู่กับตระกูลหลงของเราที่จะตัดสินใจ!”“ได้ยินหรือเปล่า? คำพูดตระกูลหลงของฉันเท่านั้นที่สำคัญ!”คำพูดของหลงเซียวรุนแรงมาก แม้แต่สีหน้าของหลินเสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ไกล่เกลี่ยตลอดก็เปลี่ยนไปหลงเซียวคนนี้มาปรึกษาดี ๆที่ไหนกัน ก็แค่มาแสดงอำนาจให้พวกเขาเห็นชัด ๆ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นคุณก็กลับไปถามพี่ชายของคุณเถอะ”ถังหว่านเอ่ยเสียงเย็นชา “แล้วมาดูกันว่าเขาจะเห็นด้วยกับการถอนหมั้นหรือเปล่า ถ้าเขาไม่เห็นด้วย งั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ใช่แล้วหว่านเอ๋อร์ เรื่องนี้ลูกควรจะปรึกษากับพวกเราสักหน่อยถึงจะถูก”ถังว่านหลี่ก็พยายามพูดโน้มน้าวหลงยวนเป็นใครกัน?คนรุ่นหลังที่เก่งกาจของตระกูลหลง แล้วก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงมากในเมืองจิง อายุไม่ถึงสามสิบปีก็ได้เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน แถมยังอยู่ในตำแหน่งสูงในสำนักหลงผานอีกด้วยอัจฉริยะวัยเยาว์แบบนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงที่ร่ำรวยตั้งเท่าไหร่ที่นับถือและคลั่งไคล้เป็นเทพเจ้าแต่ลูกสาวของตัวเองยิ่งกว่า ไม่เพียงไม่มีค่าพอให้ชายตามองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ายังถอนหมั้นด้วยตัวเองอีกต่อให้หลินเฟิงดีแค่ไหน ก็เทียบกับหลงยวนไม่ได้ รวมถึงเบื้องหลังของเขาอีกด้วย“เรื่องงานแต่งของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่คนอื่นมาชี้นิ้วสั่งการและยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องเสียสละตัวฉันเองเพื่อตระกูลถัง”ใบหน้าของถังหว่านไร้อารมณ์ความรู้สึกหากเป็นเมื่อก่อน เพื่อประโยชน์ของตระกูลและความเจริญของตระกูลถัง บางทีเธออาจจะยอมรับการแต่งงาน และสามารถยอมรับการจัดการของตระกูลก็ได้สุดท้ายไม่ว่าจะมองจากด้านไหนก็ตาม หลงยวนก็เป็นคนที่ดีมาก ๆและเหมาะจะเป็นคนที่ได้รับเลือกของเธอลักษณะที่สง่างาม นิสัยที่ตรงไปต
สำนักหลักทั้งสี่ได้ล้อมปราบปรามหญิงแห่งเมืองหนานไห่อยู่สามปีก็สังหารเธอไม่ได้ ไปมาไร้ร่องรอย เธอจะไปสังหารแห่งเมืองหนานไห่ภายในหนึ่งเดือนได้ยังไง?”แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งแดนแปรภาพออกลงมือก็ไม่สามารถจับแห่งเมืองหนานไห่ได้แล้วเธอจะทำอะไรได้?......ในเวลานี้ ภายในอ่าวเทียนสุ่ยหลี่ฮุ่ยหรานหวีผมแต่งตัวง่าย ๆและกำลังจะออกไปทำงาน หลินเฟิงก็มาขวางเธอไว้“การโฆษณารีสอร์ทที่พวกคุณทำเป็นยังไงบ้าง?”“นี่เพิ่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เองนะ”หลี่ฮุ่ยหรานกลอกตาไปที่หลินเฟิง ในดวงตามีความออดอ้อนซุกซน ทำให้หัวใจของหลินเฟิงกระตุกทันทีหลินเฟิงที่ยากจะต่อต้านอ้อมกอดที่วู่วามของเธอ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรที่จัดการไม่ได้ แล้วต้องการให้ผมออกตัวไหม?”“จัดการไม่ได้เหรอ....”เมื่อได้ยินความกังวลของหลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้ว และหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า“ไม่ ไม่มีหรอก เรื่องการแจกโบรชัวร์มอบให้ฉันกับถังหว่านก็ได้แล้ว คุณรีบไปจัดการเรื่องฟาร์มทางนั้นเถอะ”“ไม่มีจริง ๆ?”หลินเฟิงเข้าใกล้และหรี่ตาลง“จริงสิ....”เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่ฮุ่ยหรานโกหกไม่เก่ง สุดท้ายเธอก็ทำท่าทาง
หลังจากหลินเฟิงขับรถไปส่งหลินเสวี่ยฮุ่ยกับฟ่านหลิงเยว่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขานั่งอยู่ในรถกดโทรเบอร์ส่วนตัวที่หลี่ฮุ่ยหรานทิ้งไว้ให้เขา“ฮัลโหล”ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่เหนื่อยล้าอ่อนเพลียมาก ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นอิ่นนั่วเจีย“คุณหนูอิ่นนั่วเจีย ผมเองหลินเฟิง”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายว่า “คุณหนูอิ่นนั่วเจียช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? คุณมีเวลาออกมาดื่มไหม?”เดิมทีหลินเฟิงไม่ได้คาดหวังมากนักที่จะเชิญดาราดังขนาดนี้ออกมาได้ เขาเพียงหาหัวข้อพูดคุยเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงว่าอิ่นนั่วเจียเงียบไปไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับว่า “ที่ไหน?”“เอ่อ......”สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงไปต่อไม่เป็น“สถานที่เหรอ......ไดนาสตี้บาร์แล้วกัน”หลินเฟิงพูดชื่อที่เขานึกขึ้นได้ในขณะนั้น อิ่นนั่วเจียที่อยู่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดให้มากความ“ได้ ฉันรู้แล้ว”พูดจบเธอก็วางสายไปหลินเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วน พร้อมเกาหัวตัวเองเดิมทีเขาต้องการใช้คําเชิญเพื่อเปิดหัวข้อสนทนา แต่เขาไม่ได้คิดว่าดาราดังจะรับคำเชิญจากเขาจริงๆหรือว่าเขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?หลินเฟิงแตะคางและยิ้มเล็กน้อย ทำได้แค่ขับรถมายบัคตรงไปไ
ในตอนนี้เอง อันธพาลคนที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนขึ้นเสียงดัง“ใครหาเรื่อง?”ชายหัวล้านคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคาเตอร์บาร์ขยับเข้ามาใกล้ หลังจากที่เขามองตามสายตาของลูกน้องไปยังคนที่มาหาเรื่องเขารีบหยิบผ้าขี้ริ้วที่อยู่ใกล้กับเคาเตอร์บาร์ขึ้นมา และปาไปที่ใบหน้าของลูกน้อง“แม่งเอ๊ย บอกให้แกดื่มน้อยหน่อย ๆ แกก็ไม่ฟัง แกอยากตายก็อย่าลากฉันไปด้วย!”“กินเยี่ยแมวไปนิดหน่อย แม่งจำคุณหลินไม่ได้แล้วเหรอ?”“คุณหลิน คุณหลินไหน?”เห็นได้ชัดว่าอันธพาลที่นั่งอยู่บนพื้นยังไม่รู้ตัวผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงนึกได้ว่าคุณหลินคนไหน ทันใดนั้นก็คุกเข่าตรงที่เท้าของหลินเฟิงในทันที“คุณหลิน ผมผิดไปแล้ว ขอโทษขอโทษ เมื่อครู่ผมจำคุณไม่ได้จริง ๆ หลิวหย่งพี่ใหญ่ของพวกผมเคยสั่งเอาไว้ ถ้าหากคุณหลินมาที่นี่ให้ใช้จ่ายฟรี...”“ไปเถอะ ครั้งหน้าอย่าม่อผู้หญิงซี้ซั้วแบบนี้อีก”“ถ้าให้ฉันเห็นอีก นายตายแน่”หลินเฟิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับอันธพาลคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าเยอะไปหน่อย สติจึงเลือนลางในตอนนี้ถูกหลินเฟิงข่มขู่ เขาก็ได้สติจากแอลกอฮอร์ในทันทีจากนั้นรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไป“หึหึ คุณหลิน คิดไม่ถึงว่าชื
“ผมหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่ตอบแทนบุญคุณ บอกมาเถอะ ช่วงนี้คุณพบเจอปัญหายุ่งยากอะไรหรือเปล่า ถ้าผมสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยคุณอย่างแน่นอน”“แต่คุณก็ต้องสัญญาด้วยว่า จะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฮมสเตย์ของผม”รอยยิ้มของหลินเฟิงทำให้ความสงสัยในแววตาของอิ่นนั่วเจียค่อย ๆหายไปรอยยิ้มที่แสร้งว่าเข้มแข็งบนใบหน้าของเธอ ก็ค่อย ๆกลายเป็นความกลัดกลุ้ม“คุณหลิน เรื่องนี้คุณก็ช่วยฉันไม่ได้”“แต่ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนอะไร”“ดังนั้นฉันก็จะเล่าเรื่องที่พบเจอในช่วงนี้ให้คุณฟัง พร้อมกับเป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัวของฉันด้วย”อิ่นนั่วเจียดื่มเหล้าอีกแก้วจากนั้น เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่พบเจอในช่วงนี้ให้หลินเฟิงได้ฟังปรากฏว่าอิ่นนั่วเจียไม่เพียงแต่จะไม่กลั่นแกล้งคนอื่นในที่ทำงานแล้ว แต่กลับเป็นเธอเองที่ถูกรังแกในที่ทำงานบริษัทที่เธอทำงานอยู่คือเล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด เจ้าของบริษัท คือ หูตัวโหย่ว ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจเล็ก ๆในหัวตงและหูตัวโหย่วคนนี้ก็อยากจะได้ร่างกายของอิ่นนั่วเจีย เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวันจนกระทั่งก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงพบกับอิ่นนั่วเจียกันครั้งแรก ที่หลินเฟิงเอาชนะคน ๆ
เหยาปินนั่งลงแล้วดื่มเหล้าอึกใหญ่ ถึงได้ผ่อนคลายลง ก่อนจะมองไปทางหลินเฟิง“เกี่ยวกับคุณอิ่นนั่วเจีย”“อะไร? อิ่นนั่วเจีย? ซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกรงั้นเหรอ?” เหยาปินมองอิ่วนั่วเจียอย่างตะลึงงัน ด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้“ทำไม พวกคุณรู้จักกันเหรอ?” หลินเฟิงเอ่ยถามอย่างสงสัย“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักคุณชายท่านนี้”อิ่นนั่วเจียส่ายหน้าปฏิเสธ“ฮาฮา พวกเราไม่รู้จักกันหรอก เพียงแต่บังเอิญนิดหน่อย”เหยาปินยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “คนที่ผมไล่ตามเมื่อสักครู่ ก็คือนักบัญชีจางจากบริษัทนายหน้าของคุณอิ่นนั่วเจียคนนี้”“เกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงเริ่มสนใจ และเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่นักบัญชีจางยักยอกเงินหลวงและช่วยเจ้านายเปิดบัญชีปลอม ส่งผลให้บริษัทที่ถูกซื้อกิจการอย่างไม่ถูกต้อง”เหยาปินยิ้มแล้วพูดว่า “นิติบุคคลของบริษัทนี้ชื่อว่าหูตัวโหย่ว เขาหนีไปแล้ว ทิ้งไว้แค่นักบัญชีแบบนี้ให้รับโทษ”“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินประโยคนี้ อิ่นนั่วเจียก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปทางเหยาปินอย่างไม่อยากจะเชื่อและพูกว่า “นี่...คุณ...เหยา เล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัดไม่ได้ถูกบริษัทตระกูลซ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน