คำพูดของหลงเซียวทำให้บรรยากาศยิ่งแข็งทื่อมากขึ้น ถังหว่านที่ลุกขึ้นและล้างหน้าเสร็จก็ค่อย ๆเดินลงบันไดวนมาจากห้องนอนชั้นสอง“หว่านเอ๋อร์ลูกมาแล้วเหรอ เร็ว..รีบนั่งเร็ว พวกเราเพิ่งคุยกับเซียวเอ่อร์เกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณกับคุณชายหลงยวน”หลินเสวี่ยเยี่ยนรีบเปลี่ยนหัวข้อถึงแม้สีหน้าถังหว่านที่เดินลงมาจะไม่ค่อยน่าดู เธอยกมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “เรื่องที่พวกคุณพูดเมื่อครู่ฉันได้ยินแล้ว”จากนั้นถังหว่านก็มองไปที่หลงเซียว ก่อนจะขมวดคิ้วและพูดว่า:“น้องหลงเซียว ฉันต้องขอโทษคุณล่วงหน้าด้วย การแต่งงานระหว่างตระกูลถังกับตระกูลหลงถูกยกเลิกแล้ว และไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอีก”ทันทีที่ถังหว่านพูดแบบนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมดทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่ามีความจริงอะไรที่ซ่อนไว้อยู่?สุดท้ายก็ไม่มีใครจะคิดว่าถังหว่านจะพูดแบบนี้“หว่านเอ๋อร์ ลูกพูดจาเลอะเทอะอะไรอยู่? ยังไม่ตื่นใช่ไหม? การหมั้นดี ๆ จะยกเลิกได้อย่างไรกัน?”“เรื่องแบบนี้ ลูกคนเดียวตัดสินใจได้เหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วถาม“แม่ หนูรู้ดีว่าหนูพูดอะไรอยู่ ถึงแม่เสียดายมาก แต่หนูกับคุณชายหลงยวนไม่ได้ถูกลิขิตให้อยู่ด้ว
“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง พูดจนโลกแตก คุณก็ต้องแต่งงานกับพี่ชายของฉัน!”หลงเซียวกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเกรียวโกรธ“ เรื่องอื่นฉันสามารถทำตามที่บอกได้ แต่การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตัวฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะฟังพวกคุณอย่างแน่นอน “ถังหว่านพยายามเถียงด้วยเหตุผล และไม่ประนีประนอมแม้แต่น้อย“ฮาฮาฮา......”หลงเซียวหัวเราะด้วยความโกรธกับท่าทางของถังหว่าน“ถังหว่าน ไม่ใช่ว่าคุณไม่เข้าใจสถานการณ์หรอกเหรอ? พี่ชายของฉันพอใจคุณ นั่นก็ถือเป็นบุญที่ได้มาจากบรรพบุรษของตระกูลถัง!“จะถอนหมั้นหรือไม่ การตัดสินไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คุณ ตระกูลถังของคุณมันไม่สามารถตัดสินได้ ขึ้นอยู่กับตระกูลหลงของเราที่จะตัดสินใจ!”“ได้ยินหรือเปล่า? คำพูดตระกูลหลงของฉันเท่านั้นที่สำคัญ!”คำพูดของหลงเซียวรุนแรงมาก แม้แต่สีหน้าของหลินเสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ไกล่เกลี่ยตลอดก็เปลี่ยนไปหลงเซียวคนนี้มาปรึกษาดี ๆที่ไหนกัน ก็แค่มาแสดงอำนาจให้พวกเขาเห็นชัด ๆ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นคุณก็กลับไปถามพี่ชายของคุณเถอะ”ถังหว่านเอ่ยเสียงเย็นชา “แล้วมาดูกันว่าเขาจะเห็นด้วยกับการถอนหมั้นหรือเปล่า ถ้าเขาไม่เห็นด้วย งั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ใช่แล้วหว่านเอ๋อร์ เรื่องนี้ลูกควรจะปรึกษากับพวกเราสักหน่อยถึงจะถูก”ถังว่านหลี่ก็พยายามพูดโน้มน้าวหลงยวนเป็นใครกัน?คนรุ่นหลังที่เก่งกาจของตระกูลหลง แล้วก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงมากในเมืองจิง อายุไม่ถึงสามสิบปีก็ได้เป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน แถมยังอยู่ในตำแหน่งสูงในสำนักหลงผานอีกด้วยอัจฉริยะวัยเยาว์แบบนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงที่ร่ำรวยตั้งเท่าไหร่ที่นับถือและคลั่งไคล้เป็นเทพเจ้าแต่ลูกสาวของตัวเองยิ่งกว่า ไม่เพียงไม่มีค่าพอให้ชายตามองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ายังถอนหมั้นด้วยตัวเองอีกต่อให้หลินเฟิงดีแค่ไหน ก็เทียบกับหลงยวนไม่ได้ รวมถึงเบื้องหลังของเขาอีกด้วย“เรื่องงานแต่งของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่คนอื่นมาชี้นิ้วสั่งการและยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องเสียสละตัวฉันเองเพื่อตระกูลถัง”ใบหน้าของถังหว่านไร้อารมณ์ความรู้สึกหากเป็นเมื่อก่อน เพื่อประโยชน์ของตระกูลและความเจริญของตระกูลถัง บางทีเธออาจจะยอมรับการแต่งงาน และสามารถยอมรับการจัดการของตระกูลก็ได้สุดท้ายไม่ว่าจะมองจากด้านไหนก็ตาม หลงยวนก็เป็นคนที่ดีมาก ๆและเหมาะจะเป็นคนที่ได้รับเลือกของเธอลักษณะที่สง่างาม นิสัยที่ตรงไปต
สำนักหลักทั้งสี่ได้ล้อมปราบปรามหญิงแห่งเมืองหนานไห่อยู่สามปีก็สังหารเธอไม่ได้ ไปมาไร้ร่องรอย เธอจะไปสังหารแห่งเมืองหนานไห่ภายในหนึ่งเดือนได้ยังไง?”แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งแดนแปรภาพออกลงมือก็ไม่สามารถจับแห่งเมืองหนานไห่ได้แล้วเธอจะทำอะไรได้?......ในเวลานี้ ภายในอ่าวเทียนสุ่ยหลี่ฮุ่ยหรานหวีผมแต่งตัวง่าย ๆและกำลังจะออกไปทำงาน หลินเฟิงก็มาขวางเธอไว้“การโฆษณารีสอร์ทที่พวกคุณทำเป็นยังไงบ้าง?”“นี่เพิ่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เองนะ”หลี่ฮุ่ยหรานกลอกตาไปที่หลินเฟิง ในดวงตามีความออดอ้อนซุกซน ทำให้หัวใจของหลินเฟิงกระตุกทันทีหลินเฟิงที่ยากจะต่อต้านอ้อมกอดที่วู่วามของเธอ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรที่จัดการไม่ได้ แล้วต้องการให้ผมออกตัวไหม?”“จัดการไม่ได้เหรอ....”เมื่อได้ยินความกังวลของหลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้ว และหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า“ไม่ ไม่มีหรอก เรื่องการแจกโบรชัวร์มอบให้ฉันกับถังหว่านก็ได้แล้ว คุณรีบไปจัดการเรื่องฟาร์มทางนั้นเถอะ”“ไม่มีจริง ๆ?”หลินเฟิงเข้าใกล้และหรี่ตาลง“จริงสิ....”เห็นได้ชัดเลยว่าหลี่ฮุ่ยหรานโกหกไม่เก่ง สุดท้ายเธอก็ทำท่าทาง
หลังจากหลินเฟิงขับรถไปส่งหลินเสวี่ยฮุ่ยกับฟ่านหลิงเยว่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขานั่งอยู่ในรถกดโทรเบอร์ส่วนตัวที่หลี่ฮุ่ยหรานทิ้งไว้ให้เขา“ฮัลโหล”ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่เหนื่อยล้าอ่อนเพลียมาก ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นอิ่นนั่วเจีย“คุณหนูอิ่นนั่วเจีย ผมเองหลินเฟิง”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายว่า “คุณหนูอิ่นนั่วเจียช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? คุณมีเวลาออกมาดื่มไหม?”เดิมทีหลินเฟิงไม่ได้คาดหวังมากนักที่จะเชิญดาราดังขนาดนี้ออกมาได้ เขาเพียงหาหัวข้อพูดคุยเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงว่าอิ่นนั่วเจียเงียบไปไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับว่า “ที่ไหน?”“เอ่อ......”สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงไปต่อไม่เป็น“สถานที่เหรอ......ไดนาสตี้บาร์แล้วกัน”หลินเฟิงพูดชื่อที่เขานึกขึ้นได้ในขณะนั้น อิ่นนั่วเจียที่อยู่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดให้มากความ“ได้ ฉันรู้แล้ว”พูดจบเธอก็วางสายไปหลินเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วน พร้อมเกาหัวตัวเองเดิมทีเขาต้องการใช้คําเชิญเพื่อเปิดหัวข้อสนทนา แต่เขาไม่ได้คิดว่าดาราดังจะรับคำเชิญจากเขาจริงๆหรือว่าเขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?หลินเฟิงแตะคางและยิ้มเล็กน้อย ทำได้แค่ขับรถมายบัคตรงไปไ
ในตอนนี้เอง อันธพาลคนที่นั่งอยู่บนพื้นตะโกนขึ้นเสียงดัง“ใครหาเรื่อง?”ชายหัวล้านคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคาเตอร์บาร์ขยับเข้ามาใกล้ หลังจากที่เขามองตามสายตาของลูกน้องไปยังคนที่มาหาเรื่องเขารีบหยิบผ้าขี้ริ้วที่อยู่ใกล้กับเคาเตอร์บาร์ขึ้นมา และปาไปที่ใบหน้าของลูกน้อง“แม่งเอ๊ย บอกให้แกดื่มน้อยหน่อย ๆ แกก็ไม่ฟัง แกอยากตายก็อย่าลากฉันไปด้วย!”“กินเยี่ยแมวไปนิดหน่อย แม่งจำคุณหลินไม่ได้แล้วเหรอ?”“คุณหลิน คุณหลินไหน?”เห็นได้ชัดว่าอันธพาลที่นั่งอยู่บนพื้นยังไม่รู้ตัวผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงนึกได้ว่าคุณหลินคนไหน ทันใดนั้นก็คุกเข่าตรงที่เท้าของหลินเฟิงในทันที“คุณหลิน ผมผิดไปแล้ว ขอโทษขอโทษ เมื่อครู่ผมจำคุณไม่ได้จริง ๆ หลิวหย่งพี่ใหญ่ของพวกผมเคยสั่งเอาไว้ ถ้าหากคุณหลินมาที่นี่ให้ใช้จ่ายฟรี...”“ไปเถอะ ครั้งหน้าอย่าม่อผู้หญิงซี้ซั้วแบบนี้อีก”“ถ้าให้ฉันเห็นอีก นายตายแน่”หลินเฟิงก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับอันธพาลคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าเยอะไปหน่อย สติจึงเลือนลางในตอนนี้ถูกหลินเฟิงข่มขู่ เขาก็ได้สติจากแอลกอฮอร์ในทันทีจากนั้นรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไป“หึหึ คุณหลิน คิดไม่ถึงว่าชื
“ผมหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่ตอบแทนบุญคุณ บอกมาเถอะ ช่วงนี้คุณพบเจอปัญหายุ่งยากอะไรหรือเปล่า ถ้าผมสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยคุณอย่างแน่นอน”“แต่คุณก็ต้องสัญญาด้วยว่า จะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฮมสเตย์ของผม”รอยยิ้มของหลินเฟิงทำให้ความสงสัยในแววตาของอิ่นนั่วเจียค่อย ๆหายไปรอยยิ้มที่แสร้งว่าเข้มแข็งบนใบหน้าของเธอ ก็ค่อย ๆกลายเป็นความกลัดกลุ้ม“คุณหลิน เรื่องนี้คุณก็ช่วยฉันไม่ได้”“แต่ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนอะไร”“ดังนั้นฉันก็จะเล่าเรื่องที่พบเจอในช่วงนี้ให้คุณฟัง พร้อมกับเป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัวของฉันด้วย”อิ่นนั่วเจียดื่มเหล้าอีกแก้วจากนั้น เธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่พบเจอในช่วงนี้ให้หลินเฟิงได้ฟังปรากฏว่าอิ่นนั่วเจียไม่เพียงแต่จะไม่กลั่นแกล้งคนอื่นในที่ทำงานแล้ว แต่กลับเป็นเธอเองที่ถูกรังแกในที่ทำงานบริษัทที่เธอทำงานอยู่คือเล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด เจ้าของบริษัท คือ หูตัวโหย่ว ซึ่งถือเป็นมหาอำนาจเล็ก ๆในหัวตงและหูตัวโหย่วคนนี้ก็อยากจะได้ร่างกายของอิ่นนั่วเจีย เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวันจนกระทั่งก่อนหน้านี้ที่หลินเฟิงพบกับอิ่นนั่วเจียกันครั้งแรก ที่หลินเฟิงเอาชนะคน ๆ
เหยาปินนั่งลงแล้วดื่มเหล้าอึกใหญ่ ถึงได้ผ่อนคลายลง ก่อนจะมองไปทางหลินเฟิง“เกี่ยวกับคุณอิ่นนั่วเจีย”“อะไร? อิ่นนั่วเจีย? ซูเปอร์สตาร์ของประเทศมังกรงั้นเหรอ?” เหยาปินมองอิ่วนั่วเจียอย่างตะลึงงัน ด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้“ทำไม พวกคุณรู้จักกันเหรอ?” หลินเฟิงเอ่ยถามอย่างสงสัย“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักคุณชายท่านนี้”อิ่นนั่วเจียส่ายหน้าปฏิเสธ“ฮาฮา พวกเราไม่รู้จักกันหรอก เพียงแต่บังเอิญนิดหน่อย”เหยาปินยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “คนที่ผมไล่ตามเมื่อสักครู่ ก็คือนักบัญชีจางจากบริษัทนายหน้าของคุณอิ่นนั่วเจียคนนี้”“เกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงเริ่มสนใจ และเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่นักบัญชีจางยักยอกเงินหลวงและช่วยเจ้านายเปิดบัญชีปลอม ส่งผลให้บริษัทที่ถูกซื้อกิจการอย่างไม่ถูกต้อง”เหยาปินยิ้มแล้วพูดว่า “นิติบุคคลของบริษัทนี้ชื่อว่าหูตัวโหย่ว เขาหนีไปแล้ว ทิ้งไว้แค่นักบัญชีแบบนี้ให้รับโทษ”“อะไรนะ?”เมื่อได้ยินประโยคนี้ อิ่นนั่วเจียก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปทางเหยาปินอย่างไม่อยากจะเชื่อและพูกว่า “นี่...คุณ...เหยา เล่อเจียเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัดไม่ได้ถูกบริษัทตระกูลซ