“คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณไม่โง่งั้นเหรอ?”“ไม่ แบบนี้มีแต่จะแสดงให้เห็นว่าคุณโง่เง่ามากขึ้น อีกทั้งสมองกลวงอีกด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”“ฮ่า...”“ฮะ?”หัวเราะไปหัวเราะมา เสียงหัวเราะของหลงเซียวก็หยุดลงทันทีเพราะว่าหินหยกที่อยู่ในมือของหลินเฟิงแตกร้าว ข้างในกลับเกิดหน่ออ่อนที่เล็กมากปรากฏออกมาเป็นหน่ออ่อนจริง ๆ ด้วยภายในหินหยกจวี้คังชิ้นนี้ มีหน่ออ่อนสีเขียวมรกตที่เล็กและประณีต?หน่ออ่อนนี้ถึงแม้จะเล็ก แต่ทั่วทั้งชิ้นพร่างพราว เนียนและประณีตอย่างมาก เหมือนกับหยกเจไดต์ที่สมบูรณ์แบบ สวยงามเหมือนงานศิลปะแสงสีเขียวโดดเด่น สว่างจ้าจนแสบตาแต่เมื่อมองอย่างละเอียด และก็เห็นของเหลวสีเขียวไหลมาจากแกนกลางหน่ออ่อน แค่ได้กลิ่นก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของแก่นแท้แห่งชีวิตในตอนนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนปัญญาอ่อนมา ต่างก็สามารถดูออกได้ถึงความไม่ธรรมดาของหน่ออ่อนที่เรียวเล็ก“นี่...นี่คือแก่นสารจวี้คัง? แก่นสารจวี้คังในตำนาน?!”หลังจากแสงวูบวาบในระยะสั้น ๆ หนุ่มวัยรุ่นของสำนักร้อยพิษก็ไม่สามารถรักษาหน้าตาของหลงเซียวได้อีก เขากรีดร้องออกมาเสียงสูงด้วยความเหลือเชื่อเ
หลงเซียวรู้สึกว่าท้องไส้ของตัวเองช้ำเขียวจากความโมโหไปหมดแล้วโดยเฉพาะตอนที่ด้านหลังมีคนถามหลินเฟิงเสียงดัง ว่ายอมขายแก่นสารจวี้คังก้อนนี้หรือไม่ เขาจะรับซื้อในราคาสองแสนห้าหมื่นล้านบาทหนึ่งพันล้านบาทเทียบกับสองแสนห้าหมื่นล้านบาทไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น หลินเฟิงคงจะได้กำไรจนตัวชาไปหมดถ้าหากรู้แต่แรกว่าภายในหินหยกก้อนนี้มีความวิเศษ ไม่ว่าอย่างไรหลงเซียวก็ไม่มีทางยอมแพ้การแข่งขันคิดถึงตรงนี้ เธอรู้สึกเสียใจอย่างมากถึงขั้นที่อยากจะย้อนเวลากลับไป ตบหน้าตัวเองในอดีตแรง ๆ สักสองครั้ง“เป็นอย่างไรบ้าง คุณหนูหลงเซียว? ตระกูลหลงของพวกคุณนำแก่นสารจวี้คังนี้ขายให้กับตระกูลเย่ในราคาหนึ่งล้านบาท ผมพูดได้แค่ว่า...จุ๊จุ๊จุ๊...”จ้าวเทียนหวาทำเสียงจุ๊ปาก ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสมน้ำหน้าหลินเฟิงก็รู้สึกดีอกดีใจน้อยมากที่จะมีสิ่งของที่สามารถทำให้เขาดีใจได้ถึงขนาดนี้เพราะว่าแก่นสารจวี้คังชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีน้อยมากจริง ๆ ถึงขั้นที่ระดับสูงยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่าห้าธาตุแต่กำเนิดที่เขาเคยได้รับมาก่อนหน้านี้อีกด้วยมีมันอยู่ อย่าว่าแต่บาดแผลของตัวเองสามารถรักษาหายได้การบริหารฟาร์ม
“ขอโทษด้วยครับคุณหนูหลงเซียว แก่นสารจวี้คังชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อผมอย่างมาก ไม่ว่าตระกูลหลงของพวกคุณเสนอราคาเท่าไหร่ผมก็ไม่ขาย”หลินเฟิงไม่มีท่าทีจะเจรจาใด ๆ เมื่อเอ่ยปากก็ปฏิเสธโดยตรง“ไม่ขาย?”หลงเซียวนิ่งอึ้งเล็กน้อย หลายปีมานี้ นี่คือครั้งแรกที่มีคนกล้าไม่เชื่อฟังเธอในฐานะคุณหนูตระกูลหลง จึงทำให้เธอเกิดเปลวไฟความโมโหขึ้นในหัวใจ“หึ คุณอย่าไว้หน้าไม่ไว้หน้า ของที่ฉันอยากได้ที่ผ่านมามีแต่คนประเคนมาให้อย่างว่าง่าย ยังไม่เคยกล้าปฏิเสธฉันสักคำเดียว”“ถ้าหากคุณรู้ตัวก็รีบมอบแก่นสารจวี้คังชิ้นนั้นออกมาให้ฉันอย่างว่าง่าย!”“อ่อ? การปล้นจี้กลางวันแสก ๆ พูดได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือว่าการประมูลใต้ดินของเมืองหนิงโจวเป็นถิ่นของตระกูลหลงของพวกคุณ?”หลินเฟิงเลิกคิ้วแล้วพูดเยาะหยัน: “คุณหนูหลงเซียว คนเราจำเป็นต้องรู้จักกฎเกณฑ์การมาก่อนมาหลัง คุณยินยอมฉันยินยอมนะครับ?”“อย่าพูดมาก คำพูดของฉันก็คือกฎเกณฑ์!”หลงเซียวกำเริบเสิบสานอย่างมาก เธอถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วตะโกนพูด: “ตระกูลหลงของฉันไม่มีทางให้คุณขาดทุนอยู่แล้ว เมื่อครู่คุณใช้เงินหนึ่งพันล้านบาทซื้อแก่นสารจวี้คังชิ้นน
งั้นตระกูลเย่จัดงานประมูลนี้ยังจะมีประโยชน์อะไร?นำของประมูลไปส่งให้ตระกูลหลงโดยตรงเลยก็จบเรื่องไม่ใช่เหรอ?“หึ ลาก่อน”ในที่สุด ในงานปรากฏคนที่ออกจากงานประมูลเป็นคนแรก“ตระกูลหลงธุรกิจใหญ่โต พวกเรามีปัญหาด้วยไม่ได้หรอก กลับกัน”คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ส่ายหน้าจากไป“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ ทุกท่านอย่าเพิ่งกลับสินะ...”ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีร้อนรนอยากจะรั้งให้อยู่ต่อ แต่คนที่เข้าร่วมงานประมูลต่างก็เห็นชัดแล้วว่างานประมูลครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยซ้ำดังนั้นต่างเริ่มเก็บข้าวของของตัวเองแล้วออกจากงานไป“นี่...”หลงเซียวมองดูคนที่อยู่รอบ ๆพากันจากไป สีหน้าก็ตกตะลึงไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะถอนตัวออกจากงานประมูลโดยตรงเหตุผลหนึ่งในนี้ง่ายมากในเมื่อหลินเฟิงเป็นบทเรียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขางั้นพวกเขาถ้าหากต่อไปได้สมบัติล้ำค่ามา งั้นจะไม่ต้องขอให้คุณหนูตระกูลหลงอนุญาตก่อนแล้วถึงจะนำไปได้หรอกเหรอ?คนเขาไม่ยินยอม คุณยังต้องมอบให้คนเขาอย่างว่าง่ายอีกด้วยไม่อย่างนั้นก็รอตระกูลหลงแก้แค้นได้เลยทุกคนที่อยู่ในงานมีกี่คนที่สามารถบาดหมางกับตระกูลหลงได้?ดังนั้นทุก
“ขออภัยด้วยค่ะ”ลูกสาวตระกูลเย่พยักหน้า จากนั้นก็เดินหนีไปโดยไม่หันหน้ากลับมา“......”หลงเซียวยืนอยู่ที่เดิม โมโหจนตัวสั่นไปหมดวันนี้สำหรับเธอแล้วเป็นความซวยอย่างมากไม่เพียงขาดทุนอย่างหนัก สูญเสียเงินจำนวนสองหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยล้านบาท ซื้อของที่ไม่มีประโยชน์อะไรจำนวนสองชิ้นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ตระกูลร่ำรวยและพวกเถ้าแก่ที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ได้เห็นถึงความเผด็จการของตระกูลหลงภาพพจน์ที่เผด็จการของตระกูลหลง เกรงว่าในอนาคตหลังจากผ่านเรื่องในวันนี้ก็จะถูกส่งความคิดต่อไปยังทุกคนหลังจากการพูดปากต่อปากของผู้คนอย่าว่าแต่เมืองหนิงโจว เกรงว่าตระกูลหลงของเมืองจิงก็จะได้รับผลกระทบที่รุนแรงด้วยเช่นกัน“สารเลว...”หลงเซียวกำหมัดแน่น ความโมโหเหมือนกับจะกลืนกินเธอเข้าไปจนหมด เธอรู้ว่าตัวเองสร้างเรื่องครั้งใหญ่แล้วแต่จากนั้น เธอก็เผยรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมาในเมื่อสร้างเรื่องแล้ว ก็สร้างจนถึงที่สุด!ต่อให้วันนี้เธอตกเป็นขี้ปากของคนเมืองหนิงโจว เธอก็จะให้หลินเฟิงรับผิดชอบ ที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องนำสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในกระเป๋าของหลินเฟิงมาให้ได้ทรัพย์สินนำมาซึ่งความซวยในเมื
“คุณหนูหลงเซียวคนนั้นเผด็จการจริง ๆ...และก็ไร้ยางอาย”ได้ยินหลินเฟิงพูดถึงชื่อของหลงเซียว นักบู๊ระดับเซียนเทียนหยุดชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็พูดอย่างหงุดหงิด: “พวกเรากับคุณหนูหลงเซียวไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กันทั้งนั้น”“ส่งแก่นสารจวี้คังออกมา ไม่อย่างนั้น ตาย!”“ งั้นฉันมอบให้นายก็สามารถรอดไปได้งั้นเหรอ? ยังจะบอกว่าไม่รู้จักคุณหนูหลงเซียว”หลินเฟิงหลุดขำออกมา ใบหน้าก็เผยความเหน็บแนม: “นายหลุดปากพูดออกมาแล้ว พี่ชาย”“......”เมื่อเห็นตัวเองถูกล่อให้พูดออกมา คนที่นำหน้ามาก็ไม่เสแสร้งแล้วเขาตะโกนขึ้นเสียงดัง และเรียกลูกน้องที่ล้อมรอบหลินเฟิงให้เข้าโจมตี“ลุย!”“อ่อใช่ พวกนายอยากจะได้ของสิ่งนี้สินะ?”หลินเฟิงล้วงสารแก่นจวี้คังสีเขียวมรกตที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่นี้ออกมา“หยุดนะ! อย่าทำแก่นสารจวี้คังพังนะ!”เห็นหลินเฟิงหยิบแก่นสารจวี้คังออกมา ลูกน้องที่อยู่รอบ ๆ ที่มุ่งหน้าเข้ามาแล้วนั้นพากันถอยออกไป กลัวจะทำให้สมบัติล้ำค่าเสียหาย“ใช่แล้ว รีบเอามาให้ฉัน!”นักบู๊ระดับเซียนเทียนที่นำหน้าลุกขึ้นยืนและขู่ให้หลินเฟิงยื่นออกมา“ก็ได้ งั้นก็ให้พวกคุณแล้วกัน”ขณะพูด หลินเฟิง
คลื่นพลังชี่แท้ที่ไหลออกมานั้น จู่ ๆกลุ่มพลังชี่แท้จำนวนมหาศาลก็ก่อตัวขึ้นที่ตรงหน้าของตัวเองกลุ่มพลังชี่แท้ คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยซ้ำพวกลูกสมุนที่พุ่งเข้ามารู้สึกได้ทันทีว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองเปลี่ยนกลายเป็นเชื่องช้ามาก แม้ว่าจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้เลยแต่หลินเฟิงกลับเพิ่มการเคลื่อนไหวขึ้นอีก“ผัวะผัวะผัวะผัวะ!”หลินเฟิงลงมือไปทีละคน และชกเข้าที่เนื้อ ในระหว่างนั้นลูกสมุนที่สวมหน้ากากทั้งห้าก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ก่อนที่ร่างกานจะแข็งทื่อไป“ อะไรนะ?!”เมื่อลูกสมุนคนหนึ่งที่อยู่วงนอกสุดเห็นฉากนี้เข้า ก็รีบยกบันไดที่เอามาคืนขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงราวกับมองเห็นผี“คนนี้....หรือว่าคนนี้ก็คือขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน?!”การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงคล่องแคล่ว โดยไม่มีการคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย คนที่ดูอยู่ข้าง ๆก็คิดไม่ถึงว่ามันจะรู้สึกสวยงามละเอียดอ่อน หลินเฟิงรีบพุ่งออกมาวงนอก ไม่ว่าจะฝ่ามือหรือหมัด กรงเล็บหรือการโจมตีตรง ๆ ลูกสมุนสวมหน้ากากทุกคนที่โดนเขาโจมตียังคงอยู่ในท่าทางที่แข็งทื่อและชูอาวุธขึ้นสูงขณะที่หลินเฟิงเดินออกมาจากกลุ่มลู
และลูกสมุนผู้โชคดีคนนั้น ก็ไม่กล้าแม้แต่จะมองป้ายทะเบียนรถของหลินเฟิงหลินเฟิงไม่ได้โกหกครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกลูกสมุนสวมหน้ากากที่เพิ่งจะโดยหลินเฟิงโจมตี ก็เริ่มฟื้นขึ้นมาทีละคนหลังจากที่พวกเขาลุกขึ้นและมองหน้ากัน ต่างก็ลืมเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งถูกเตือนสติ พวกเขาถึงได้มีท่าทีตอบรับกลับมาแทบจะทุกคน ตกอยู่ในความหวาดกลัวหลินเฟิงรู้สึกว่าคราวนี้หลงเซียวได้ไปยั่วยุคนที่เขาไม่ควรยั่วยุเข้าซะแล้วและในตอนนี้เองที่หลงเซียวก็มาถึงที่เกิดเหตุการณ์เมื่อเธอเห็นความยุ่งเหยิงที่อยู่บนพื้นและศพไม่มีหัวทั้งสาม ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? แก่นสารจวี้คังของฉันล่ะ?”หลงเซียวถามพวกลูกสมุน“คุณหลงเซียว คนนั้นเก่งเกินไป เขาเอาชนะพวกเราได้อย่างง่ายดาย พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ”ลูกสมุนที่ถูกหลินเฟิงฝากข้อความไว้ก่อนจะเรียกความกล้าแล้วยืนขึ้นมา“พวกขยะ!”เมื่อเห็นคนพวกนี้หน้าม่อยคอตก หลงเซียวก็โกรธขึ้นมาตะโกนด่าว่า “เขาก็เป็นแค่ไอ้ทึ่ม พวกคุณต่างก็จัดการมกับไอ้ทึ้มนี้ไม่ได้เลย ผู้หญิงคนนี้ยังจะใช้อะไรพวกคุณได้อีก?!”ลูกสมุนทั้งหมดก้มหน้า ไม่กล้
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา