หน้าบากตบหัวหัวล้านจ้าวและกัดฟันแล้วพูด "ไอ้ฉิบหายนี่ รีบไสหัวออกไปก่อน"หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หันหลังกลับทันทีและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองกลัวว่าหลินเฟิงจะหยุดเขาไว้คนอื่นๆ ก็ดูสับสนและไม่แน่ใจเช่นกันแต่เนื่องจากพี่ใหญ่เดินไปแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่ออีกได้พวกเขาจึงรีบตามพี่ใหญ่ไปโดยเร็วปากของหัวล้านจ้าวกระตุกเล็กน้อย และเขาก็หันไปจ้องมองที่หลิงเฟิงแล้วพูดว่า "ไอ้หนู ฝากไว้ก่อนเถอะ"เขาพูดอย่างหยาบคายและรีบตามพี่ชายไปหวังเส้าหรงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และโชคดีที่ไม่ได้เริ่มการต่อสู้เขาหันกลับมาและเห็นทุกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาตกตะลึงจางกุ้ยหลานถอนหายใจแล้วพูดว่า "นายน้อยหวัง ไม่คิดว่าเส้นสายของคุณจะใหญ่ขนาดนี้..."“ให้ตายเถอะ นายน้อยหวังนั้นน่าทึ่งจริงๆ เขาสามารถพูดต่อหน้าพี่หน้าบากได้ด้วย”“จุ๊ๆ สมกับเป็นนายน้อยคนโตในเจียงโจวอย่างแท้จริง ถ้าฉันสามารถแต่งงานกับคนแบบนี้ได้ มันก็คุ้มค่าที่จะให้ชีวิตของฉันสั้นลงไปสิบปี”หวังเส้าหรงเกาหัว: "อะไรกัน ทุกคนก็ไว้หน้าฉันบ้างนะครับ"แม้แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกเหลือเชื่อคงจะดีถ้าหวังเส้าหรงที่เข้าสู่โลกธุรกิจเ
“ได้ ได้เลย นั่นช่วยฉันแก้ปัญหาได้มากจริงๆ” จางกุ้ยหลาน เห็นด้วยโดยไม่ต้องคิดอีก และพยักหน้าอย่างต่อเนื่องในใจเธอก็รู้ความคิดของหวังเส้าหรงเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอหวังว่าลูกสาวจะลงหม้อเดียวกับหวังเส้าหรงได้อย่างรวดเร็วทางที่ดีควรตั้งท้อง จากนั้นตระกูลหวังอยากจะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ในขณะนี้ หวังเส้าหรงยืนขึ้นและพูดกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ของเขา "เพื่อนร่วมงานทุกคนครับ ฮุ่ยหรานและฉันจะขอตัวกลับก่อน"“ทุกคนมีอาหารและเครื่องดื่มดีๆ และสามารถเล่นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้เองครับ”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทุกคนก็โห่ร้องและปรบมือพร้อมกันจางกุ้ยหลานช่วยลูกสาวของเธอออกจากห้องส่วนตัวเพื่อนร่วมงานมองไปที่พวกเขาทั้งสามที่จากไปพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า "พรุ่งนี้ประธานของเราจะเป็นคุณนายหวัง!"“ไม่ดีเหรอ? ตระกูลหวังก็เป็นตระกูลเก่าแก่ในเจียงโจวเหมือนกัน หากประธานของเราแต่งงานกับคุณหวัง บริษัทก็จะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น”"ถูกต้อง"เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ พยักหน้าทีละคนยิ่งบริษัทเติบโตดีเท่าไร ตำแหน่งของพวกเราก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย......ด้านน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันต้องขอบคุณเธอจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงไม่สามารถจับหลี่ฮุ่ยหรานได้อย่างง่ายดาย ฮ่าฮ่าฮ่า!หวังเส้าหรงนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับและกำลังจะขับรถออกไปทันใดนั้น หลินเฟิงก็เปิดประตูรถออกด้วยมือเดียวทันใดนั้นเธอก็เอื้อมมือเข้าไปดึงกุญแจรถของเขาออกมาหวังเส้าหรงตกตะลึง และเมื่อเขาเห็นว่าคนที่มาคือหลินเฟิง เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น“คนแซ่หลิน แกไม่มีอะไรทำเหรอ ถึงหาเรื่องใส่ตัวอยู่ได้?”“แกจะพาหลี่ฮุ่ยหรานไปไหน?” หลินเฟิงถามด้วยสีหน้าเย็นชาหวังเส้าหรงด่า "จะไปที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับแก?"หลินเฟิงเหลือบมองหลี่ฮุ่ยหรานที่เบาะหลังเห็นมือทั้งสองของเธอคว้าบางอย่างอยู่ในอากาศ ขาของเธอหนีบแน่นและคงเตะอย่างดุเดือดปากพูดไม่หยุดไม่ได้ยินสิ่งที่พูดอย่างชัดเจนสภาพนี้คืออาการเมาอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัดหลินเฟิงโกรธมาก เมื่อเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานต้องถูกวางยาหนึ่งหมัดชกเข้าไปที่ใบหน้าของหวังเส้าหรง“แกกล้าดียังไงมาวางยาหลี่ฮุ่ยหราน?”หากหลี่ฮุ่ยหรานอยู่ในสภาพที่มีสติดีและเต็มใจติดตามหวังเส้าหรง เขาจะไม่พูดอะไรเลยแต่วิธีการอันน่ารังเกียจนี้ทำให้หลินเฟิงขยะแขยงอย่างยิ่ง
หวางเส้าหลงทำหน้างุนงง กุมศีรษะร้องขอความเมตตาอย่างต่อเนื่อง “อ๊าก...... พอแล้ว หยุดกระทืบเถอะพี่เตาปา”พี่เตาปาไม่สะใจจึงกระหน่ำเท้าอีกสองสามครั้ง หันหลังกลับและวิ่งไปหาหลินเฟิง“คุณหลิน ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้เด็กบ้านี่”พี่เตาปารีบแสดงความบริสุทธิ์ถึงความสัมพันธ์ของตนกับหวางเส้าหลงอย่างรีบร้อน กลัวว่าหลินเฟิงจะเข้าใจผิด คิดว่าตนกับหวางเส้าหลงเป็นพวกเดียวกัน“พี่เตาปา พี่......นี่พี่ทำอะไรเนี่ย?”หวางเส้าหลงมีเลือดออกปากออกจมูก มองเขาอย่างไม่เข้าใจสุด ๆ“ไอ้เด็กนี่เป็นแค่ไอ้เด็กหน้าอ่อนของตระกูลถัง พี่ไม่เห็นต้องกลัวเขาขนาดนี้เลย” “หุบปาก”พี่เตาปาตะคอกด้วยความโกรธพุ่งตัวตรงไปหาหวางเส้าหลง เสยเท้าเตะเขาล้มลงไปกองกับพื้นกระชากคอเสื้อของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “ถ้ามึงอยากตายก็ไสหัวไปตายที่อื่นซะ อย่ามาลากกูไปเดือดร้อนด้วย” “เดี๋ยวสิ......พี่เป็นถึงเจ้าพ่อที่รวมซีเฉิงให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่เหรอ......” หวางเส้าหลงเอ่ยอย่างสงสัยพี่เตาปาหัวเราะอย่างขุ่นเคือง “กูทำให้ไนต์คลับทั้งหมดในเขตซีเฉิงเป็นหนึ่งเดียวกัน” “แต่มึงรู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่า
เธอไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเอาเปรียบหลินเฟิงหลินเฟิงพูดไม่ออก แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้นั่งตำแหน่งคนขับ แล้วขับรถตรงไปที่โรงแรมเทียนอวี่ไปถึงส่วนของห้องพักหลินเฟิงอุ้มหลี่ฮุ่ยหรานตรงไปที่ห้องของตนถังหว่านที่ประคองจางกุ้ยหลานอยู่ข้างหลังพูดว่า “นี่ แล้วคนนี้จะเอายังไง?”หลินเฟิงพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “คุณไปจัดการห้องพักให้เธอก่อน แล้วกลับมาพาผมไปถอนพิษให้เธอ”ถังหว่านเบ้ปาก “ยังจะคิดแยกฉันออกไปอีก? ฝันไปเถอะ”เธอมองไปรอบ ๆ และพูดกับพนักงานบริการตรงโถงทางเดินว่า “น้องคนนั้น มานี่หน่อย”“คุณผู้หญิง มีอะไรให้รับใช้ครับ?” พนักงานบริการรีบเดินเข้ามาอยู่ข้างถังหว่านในทันที และถามอย่างสุภาพถังหว่านไม่พูดพร่ำทำเพลง ล้วงธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋ายัดให้พนักงานบริการไปตรง ๆ“ไปเปิดห้องให้ที จัดการเธอให้เรียบร้อย เงินพวกนี้เป็นของนายทั้งหมด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะมาเอาเรื่องกับนาย”พนักงานบริการเบิกตากว้างดูรอบ ๆ ทำงานมาก็นาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนที่ยอมจ่ายมากมายขนาดนี้รีบพยักหน้ารับ “คุณผู้หญิงสบายใจได้ครับ ผมรับรองว่าจะดูแลผู้หญิงคนนี้อย่างดี”พูดจบก็รับตัวจางกุ้ย
ห้องพักข้าง ๆ กัน พนักงานบริการวางจางกุ้ยหลานลงบนเตียงเขาที่กำลังจะออกห้องไปแล้วก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งกอดตนไว้แน่นด้านหลังมีเสียงหายใจดังห้าวลอยมา“สุดหล่อ......มา......มานี่มา”พนักงานบริการหันศีรษะกลับไป เห็นใบหน้าแก่ ๆ ของจางกุ้ยหลานในวัยสี่สิบปีเศษด้วยท่าทางยั่วยวนแม้ว่าตนจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะหื่นกระหายกินไม่เลือกแบบนั้นหรอกนะถ้าเป็นคนสวยเมื่อกี้ ตนก็อาจจะไม่ลังเลเลยสักนิดแต่ยัยแก่นี่......พอก้มมองดูธนบัตรในมือ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงคนนั้นจะให้เงินตนมากมายขนาดนี้ที่แท้ก็มีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่สินะระหว่างศีลธรรมกับเงินทอง ผู้ชายมันก็ลังเลพอ ๆ กันจนท้ายที่สุดพนักงานบริการก็กัดฟันข่มไว้ “แม่งเอ๊ย อดทนไว้เพื่อเงินแล้วกัน”เขาวางศักดิ์ศรีสุดท้ายลง หมุนร่างกลับไปและกระโจนใส่…….หลินเฟิงและถังหว่านรีบพุ่งไปที่ห้องข้าง ๆ อย่างไวพอยืนอยู่หน้าประตู ทั้งสองก็ได้ยินเสียงร้องที่สุขสมของจางกุ้ยหลานเสียแล้วถังหว่านถูนิ้วไปมาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนจะสายไปแล้วล่ะ...... คุณจะเข้าไปไหม?”หลินเฟิงตบหน้าผาก พูดอย่างหมดแรงว่า “ช่างมันเถอะ”เขาเดินกลับห้องไปอย่างเงียบ
หลี่ฮุ่ยหรานทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “โทษนะ ฉันไม่ชินกับการนอนร่วมเตียงเดียวกันกับคนอื่น” “โธ่ ๆ ๆ......”ถังหว่านทำปากมุ่ยแล้วพูดว่า “ดูรักนวลสงวนตัวมากนะเนี่ย งั้นที่เธอแต่งงานกับหลินเฟิงมาตั้งสามปี คงจะไม่ได้แยกกันนอนหรอกใช่ไหม?”พูดจบ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ในทันที“แสดงว่าหลินเฟิงก็ยังเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อยู่สินะ?” “งั้นฉันก็คงเจอสมบัติล้ำค่าจริง ๆ แล้วสิเนี่ย”หลังจากหลี่ฮุ่ยหรานฟังคำพูดของถังหว่านแล้วรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “เธอคิดมากไปแล้ว” “หลินเฟิงกับฉันนอนด้วยกันตั้งนานแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานรูปคาง ทำหน้าเย้ายวนแล้วพูดว่า “เขาก็ไม่เลวนะ ถ้าเธอมีเวลาก็ลิ้มลองดูสักหน่อยสิ”มุมปากของถังหว่านกระตุกเล็กน้อย สีหน้าที่ดูเย็นชาก็หายวับในทันที ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร มีประสบการณ์มาแล้วก็ยิ่งดี ฉันไม่ค่อยชอบคนที่ไม่เป็นงานด้วยสิ”การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานั้น ยังคงถูกตาทั้งสองของหลี่ฮุ่ยหรานจับจ้องเอาไว้ แม้ว่าจะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างตนและหลินเฟิงแต่เมื่อเห็นถังหว่านถูกบีบให้พ่ายแพ้ สีหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานก็ยังคงดูภูมิใจอยู่มาก“งั
หลินเฟิงกลอกตามองบนอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทำอะไรลูกสาวคุณทั้งนั้น”จางกุ้ยหลานชี้นิ้วไปที่หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ฉันขอเตือนนายไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของฉัน ฉันจะฟ้องนาย” “แม่ พอแล้ว เมื่อคืนหนูกับหลินเฟิงไม่ได้นอนห้องเดียวกัน” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยเดิมทีตนเองยังมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามหลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าแม่ของตนจะโผล่ออกมาในเวลานี้ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ตนก็ทำได้เพียงแค่แล้ว ๆ กันไป“เมื่อวานแกเมามากจนหมดสติไป ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนี่จะฉวยโอกาสทำอะไรแกหรือเปล่า”จางกุ้ยหลานพูดอย่างไม่ลดราวาศอก “ไป ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”พูดจบ เธอก็กำลังจะฉุดลากลูกสาวตนเองออกไปหลี่ฮุ่ยหรานหมดคำจะพูดเล็กน้อย ร่างกายตนเองเกิดอะไรขึ้นมีหรือที่ตนจะไม่รู้หลังจากออกจากโรงแรม จางกุ้ยหลานก็เอ่ยว่า “ต่อไปแกติดต่อนายหลินเฟิงคนนั้นให้มันน้อย ๆ หน่อย” “มันจะเกิดผลกระทบไม่ดี ถ้าหวางเส้าหลงมาเห็นเข้า”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างโมโหว่า “หนูกับหวางเส้าหลงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น ถ้าเขามาเห็นแล้วมันจะยังไง?”สำหรับคำพูดของหลินเฟิง เธอคิดว่าดูน่าเชื่อถือกว่ามากไม
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี