ห้องพักข้าง ๆ กัน พนักงานบริการวางจางกุ้ยหลานลงบนเตียงเขาที่กำลังจะออกห้องไปแล้วก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งกอดตนไว้แน่นด้านหลังมีเสียงหายใจดังห้าวลอยมา“สุดหล่อ......มา......มานี่มา”พนักงานบริการหันศีรษะกลับไป เห็นใบหน้าแก่ ๆ ของจางกุ้ยหลานในวัยสี่สิบปีเศษด้วยท่าทางยั่วยวนแม้ว่าตนจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะหื่นกระหายกินไม่เลือกแบบนั้นหรอกนะถ้าเป็นคนสวยเมื่อกี้ ตนก็อาจจะไม่ลังเลเลยสักนิดแต่ยัยแก่นี่......พอก้มมองดูธนบัตรในมือ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงคนนั้นจะให้เงินตนมากมายขนาดนี้ที่แท้ก็มีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่สินะระหว่างศีลธรรมกับเงินทอง ผู้ชายมันก็ลังเลพอ ๆ กันจนท้ายที่สุดพนักงานบริการก็กัดฟันข่มไว้ “แม่งเอ๊ย อดทนไว้เพื่อเงินแล้วกัน”เขาวางศักดิ์ศรีสุดท้ายลง หมุนร่างกลับไปและกระโจนใส่…….หลินเฟิงและถังหว่านรีบพุ่งไปที่ห้องข้าง ๆ อย่างไวพอยืนอยู่หน้าประตู ทั้งสองก็ได้ยินเสียงร้องที่สุขสมของจางกุ้ยหลานเสียแล้วถังหว่านถูนิ้วไปมาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนจะสายไปแล้วล่ะ...... คุณจะเข้าไปไหม?”หลินเฟิงตบหน้าผาก พูดอย่างหมดแรงว่า “ช่างมันเถอะ”เขาเดินกลับห้องไปอย่างเงียบ
หลี่ฮุ่ยหรานทำหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “โทษนะ ฉันไม่ชินกับการนอนร่วมเตียงเดียวกันกับคนอื่น” “โธ่ ๆ ๆ......”ถังหว่านทำปากมุ่ยแล้วพูดว่า “ดูรักนวลสงวนตัวมากนะเนี่ย งั้นที่เธอแต่งงานกับหลินเฟิงมาตั้งสามปี คงจะไม่ได้แยกกันนอนหรอกใช่ไหม?”พูดจบ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ในทันที“แสดงว่าหลินเฟิงก็ยังเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อยู่สินะ?” “งั้นฉันก็คงเจอสมบัติล้ำค่าจริง ๆ แล้วสิเนี่ย”หลังจากหลี่ฮุ่ยหรานฟังคำพูดของถังหว่านแล้วรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “เธอคิดมากไปแล้ว” “หลินเฟิงกับฉันนอนด้วยกันตั้งนานแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานรูปคาง ทำหน้าเย้ายวนแล้วพูดว่า “เขาก็ไม่เลวนะ ถ้าเธอมีเวลาก็ลิ้มลองดูสักหน่อยสิ”มุมปากของถังหว่านกระตุกเล็กน้อย สีหน้าที่ดูเย็นชาก็หายวับในทันที ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร มีประสบการณ์มาแล้วก็ยิ่งดี ฉันไม่ค่อยชอบคนที่ไม่เป็นงานด้วยสิ”การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานั้น ยังคงถูกตาทั้งสองของหลี่ฮุ่ยหรานจับจ้องเอาไว้ แม้ว่าจะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างตนและหลินเฟิงแต่เมื่อเห็นถังหว่านถูกบีบให้พ่ายแพ้ สีหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานก็ยังคงดูภูมิใจอยู่มาก“งั
หลินเฟิงกลอกตามองบนอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทำอะไรลูกสาวคุณทั้งนั้น”จางกุ้ยหลานชี้นิ้วไปที่หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ฉันขอเตือนนายไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของฉัน ฉันจะฟ้องนาย” “แม่ พอแล้ว เมื่อคืนหนูกับหลินเฟิงไม่ได้นอนห้องเดียวกัน” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยเดิมทีตนเองยังมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามหลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าแม่ของตนจะโผล่ออกมาในเวลานี้ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ตนก็ทำได้เพียงแค่แล้ว ๆ กันไป“เมื่อวานแกเมามากจนหมดสติไป ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนี่จะฉวยโอกาสทำอะไรแกหรือเปล่า”จางกุ้ยหลานพูดอย่างไม่ลดราวาศอก “ไป ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”พูดจบ เธอก็กำลังจะฉุดลากลูกสาวตนเองออกไปหลี่ฮุ่ยหรานหมดคำจะพูดเล็กน้อย ร่างกายตนเองเกิดอะไรขึ้นมีหรือที่ตนจะไม่รู้หลังจากออกจากโรงแรม จางกุ้ยหลานก็เอ่ยว่า “ต่อไปแกติดต่อนายหลินเฟิงคนนั้นให้มันน้อย ๆ หน่อย” “มันจะเกิดผลกระทบไม่ดี ถ้าหวางเส้าหลงมาเห็นเข้า”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างโมโหว่า “หนูกับหวางเส้าหลงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น ถ้าเขามาเห็นแล้วมันจะยังไง?”สำหรับคำพูดของหลินเฟิง เธอคิดว่าดูน่าเชื่อถือกว่ามากไม
เธอกังวลเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคนโจวเฉินเป็นคนของเธอ และเธอได้รู้เกี่ยวกับความสามารถของหลินเฟิงทั้งหมดจากโจวเฉินแต่แรกแล้วแล้วก็คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนี่ที่ดูธรรมดาจืดชืดจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย“แล้วแม่ยังมีอะไรที่ต้องกังวลอีกไหม?” ถังหว่านเอียงศีรษะถาม“ดูเหมือนสิ่งที่ฉันเคยพูดกับแกก่อนหน้านี้ คงไม่เข้าหูแกสักคำเลยสินะ” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดเพราะหวังให้เธอได้ดี“แม่ ตอนนี้หนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บางเรื่องหนูก็รู้ขอบเขตน่า” น้ำเสียงของถังหว่านค่อย ๆ กระด้างขึ้นพอเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ภายในห้อง หลินเฟิงก็ลูบจมูกแล้วพูดอย่างอึดอัด “ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะ”“หยุด” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลินเฟิงค่อย ๆ หมุนตัวกลับมา “คุณน้ายังมีธุระอะไรอีกไหมครับ?” “ฉันมีบางเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อย” หลินเสวี่ยเยี่ยนวางกาแฟในมือลงแล้วพูดช่วงสองสามวันนี้ เธอเองก็ได้สืบภูมิหลังของหลินเฟิงอย่างชัดเจนแล้วด้วยเด็กหนุ่มนี่อาจไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่ตนคิดก็ได้ แต่ก็ยังพอให้โอกาสเขาอีกสักครั้งได้“คุณน้า ถ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมาได้ ไม่เป็นไรครับ” “ได้ยินมาว
ถังหว่านพูดอย่างจริงจังว่า "สำหรับเรื่องนี้ ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆ""หวังว่านายจะไม่ถือสาอะไรนะ หลังจากนี้อีกหนึ่งปี ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะโอนหุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเจียงโจวให้กับนายอย่างแน่นอน"หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเห็นร่องรอยของความสับสนและหมดหนทางในดวงตาของถังหว่าน"ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อว่าฉันสามารถเอาชนะตระกูลหรงได้"ถังหว่านถอนหายใจ "อย่าว่าแต่หนึ่งปีเลย ต่อให้จะสิบปีนายก็ทำไม่ได้หรอก""ตระกูลหรงน่ากลัวกว่าที่นายคิดเอาไว้มากนะ"นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ทะลักออกมาหลินเฟิงยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา ‘น่ากลัวกว่าที่นายคิดเอาไว้มากนะ’ อย่างนั้นเหรอ?หลังจากบอกลาถังหว่านแล้ว หลินเฟิงก็ลุกขึ้นและกลับไปที่โรงแรมทันทีและทันทีที่เดินออกจากประตูไป เขาก็จามออกมาอย่างแรงสองทีหลินเฟิงสาปแช่ง "ให้ตายเถอะ ไอ้สารเลวคนไหนมาด่าลับหลังฉันแบบนี้?"ในเวลาเดียวกันที่โรงพยาบาลเมืองเจียงโจวหวางเส้าหลงถูกพันด้วยผ้าก๊อซทั้งตัว และนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเมื่อวานเขาถูกทุบตีอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งถึงตอนดึก เขาถึงฟื้นขึ้นมาได้และรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัว
หวางเส้าหลงตกตะลึง จากนั้นก็กลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า "ที่แท้ก็เป็นคุณชายเฉินนั่นเอง ต้องขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ""ที่พาตัวนายมา ก็เพราะอยากจะถามอะไรนายสักสองสามข้อน่ะ" เฉินเฟยอวี่เล่นมีดสั้นที่อยู่ในมือหวางเส้าหลงรีบพูดขึ้นมาว่า "เชิญคุณชายเฉินถามมาได้เลยครับ ผมยินดีบอกคุณทุกอย่าง""คนที่ชื่อหลินเฟิงนั่นฆ่าพี่น้องของเรา ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นโดยเฉพาะ"เฉินเฟยอวี่พูดอย่างสงบ "นายบอกฉันมาดีๆว่า หลินเฟิงนั่นเป็นใคร อยู่ที่ไหน บอกทุกอย่างให้ละเอียด""หากกล้าที่จะพูดโกหก..."เฉินเฟยอวี่เหลือบมองไปที่โต๊ะและเสียง "ปัง" ก็ได้ดังขึ้นมาแค่การกระแทกเพียงครั้งเดียวก็ทำให้โต๊ะหักเป็นสองท่อนได้แล้วหวางเส้าหลงตกใจจนตัวสั่น แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุขเขากำลังคิดหนักว่าจะจัดการกับหลินเฟิงอย่างไรดี นี่มันเหมือนกับการอยากนอนหลับ และมีคนเอาหมอนมาให้อย่างไงอย่างงั้น"คุณชายเฉินวางใจได้ ผมไม่มีอะไรปิดบังอย่างแน่นอน""หลินเฟิงคนนี้เคยเป็นอดีตสามีของหลี่ฮุ่ยหราน ไม่เท่าไหร่เลยครับ แค่มีทักษะอยู่บ้างก็แค่นั้น หลังจากที่หย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว เขาก็ไปปีนป่ายกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอีก…""ส่วน
จางกุ้ยหลานรีบมองไปที่หวางเส้าหลง พร้อมกับพูดขอร้องว่า "คุณชายหวางคะ คุณชายรีบพูดอธิบายแทนเราหน่อยสิคะ การตายของหลอเฟนหู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะคะ""คุณชายเป็นคนฆ่าหลอเฟนหู่ไม่ใช่หรือคะ?"หลี่เหวินเชาก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยครับคุณชายหวาง คุณยังรู้จักคนในจวนผู้ว่าราชการไม่ใช่เหรอ? พวกเขามีอะไรที่น่ากลัวขนาดนั้น?""ฮ่าฮ่าฮ่า......"ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว หวางเส้าหลงก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไปและเขาก็หัวเราะเสียงดัง พร้อมกับพูดว่า "บอกว่าตระกูลหลี่ปัญหาอ่อน พวกคุณก็ยังไม่เชื่อ""ถ้าฉันสามารถเรียกคนของจวนผู้ว่าราชการมาได้ งั้นเจียงโจวก็เป็นอาณาเขตของฉันทั้งหมดแล้วล่ะ""อะไรนะ? คุณไม่ได้เป็นคนเรียกคนของจวนผู้ว่าราชการมาหรอกเหรอ?"จางกุ้ยหลานตกตะลึง เพราะเธอคิดเสมอว่าหวางเส้าหลงเป็นคนสำคัญในจวนผู้ว่าราชการและนั่นก็เป็นสาเหตุที่หลอเฟนหู่ถูกตัดสิน"ในเมื่อคุณไม่ได้เรียกมา แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?"หวางเส้าหลงสาปแช่ง "ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?"หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว "หวางเส้าหลง แล้วยาอมตะเลือดราชันย์ที่คุณให้คุณปู่ของฉันเป็นของแท้หรือเปล่า?""นั่นเป็นเพียงอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
เสียงกรีดร้องและเสียงร่ำไห้ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องทำงานจางกุ้ยหลานยิ่งทนไม่ไหว และรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่นหลี่ฮุ่ยหรานเหงื่อไหลท่วมตัว และหายใจอย่างหนักหน่วงดวงตาที่เดิมทีใสราวกับหยดน้ำ ในขณะนี้กลับถูกม่านหมอกมาปกคลุมเอาไว้และใบหน้าที่เธอแสนจะภาคภูมิใจนี้ก็ได้สลายหายไปตลอดกาล"จะพูดหรือไม่พูด?" เฉินเฟยอวี่ไม่ได้ออมมือหรือสงสารเธอเลยแม้แต่น้อยและมีดพกก็ถูกวางแนบแก้มอีกข้างของเธออีกครั้งแต่ทว่าในครั้งนี้ ดวงตาของหลี่ฮุ่ยหรานไร้ซึ่งความรู้สึก และมันดูว่างเปล่าเป็นอย่างมากและปราศจากสีสันใดๆเฉินเฟยอวี่ขมวดคิ้ว เขารู้ว่า หัวใจของผู้หญิงคนนี้ได้ตายไปเสียแล้วไม่ว่าเขาจะถามสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้นจากนั้นเขาจึงหันไปหาจางกุ้ยหลานที่ขี้ขลาดตาขาวอีกครั้ง"คุณชาย...คุณชายเฉินคะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ..."เฉินเฟยอวี่วางมีดพกไปที่แก้มของเธออย่างชำนาญ"ยังเป็นคำถามเดิม ฉันไม่อยากจะถามซ้ำเป็นครั้งที่สอง"ตัวของจางกุ้ยหลานสั่นสะท้านราวกับตะแกรงร่อนและเธอก็กลัวจนของเหลวเหล่านั้นทะลักออกมาเต็มพื้นเฉินเฟยอวี่กำลังจะลงมือแต่จางกุ้ยหลานก็ได้ตะโกนอย่างสุดกำลังว่า "
หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนเด็ดขาด บอกว่าไปก็ไปไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าบริษัทเต๋อเซิ่งขณะนี้ กัวไฉ ลูกชายของกัวโหยวเต๋อ อยู่ในออฟฟิศกำลังคุยกับชายหัวโล้นด้วยท่าทางดุร้าย“พี่เซิง นี่เงิน 1000 ล้าน”กัวไฉดูไม่แก่เลย แต่ท่าทางของเขาค่อนข้างซับซ้อน เขาวางเช็คบนโต๊ะแล้วผลักไปทางชายหัวโล้น“หืม? คราวนี้เกิดอะไรขึ้น? นายอยากให้ฉันเป็นคนจัดการให้ใครสักคนแทนนายเหรอ?”ดูเหมือนว่ากัวไฉจะเป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน ทันทีที่เขารับเช็คไปข้างหน้าพี่เซิง พี่เซิงก็ไขว่ห้าง จุดบุหรี่ และถามอย่างไม่ใส่ใจ“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไรปิดบังพี่เซิงได้จริง ๆ”กัวไฉยิ้มและพูดว่า“บริษัทของพ่อฉัน หลี่ซื่อกรุ๊ปประสบปัญหาบางอย่าง พ่อของฉันถูกพวกเขาคุมขัง”“ตระกูลหลี่มีประธานหญิงคนใหม่ ที่ต้องการควบคุมหลี่ซื่อกรุ๊ปอย่างเต็มรูปแบบ เธอขัดแย้งกับพ่อของฉัน”“พ่อของฉันตั้งใจว่า จะไม่ให้คุณพูดถึงเรื่องเงินที่ได้จ่ายไปก่อนหน้านี้ คืนกลับไปให้เธอ และจะดีที่สุดถ้าคุณสามารถหาวิธีทำให้เธออับอาย บางทีก็อาจถึงขั้น….”กัวไฉทำท่าเฉือนคอด้วยมือของเขา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่เซิงก็ส่งเช็ค 1000 ล้านคืนให้กัวไฉทันที ขมว
หลี่ฮุ่ยหรานหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ“แต่ตอนนี้ฉันเป็นประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ฉันต้องเอาเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปคืนมา เข้าใจไหม?”“เข้าใจ แต่ว่า...”โจวคุนยังคงกังวลหลี่ฮุ่ยหรานมาจากเจียงโจวและไม่เคยอยู่ในเมืองนี้นานนัก เธอไม่เข้าใจความน่ากลัวของบริษัทเต๋อเซิ่งเลยต้องรู้ว่า บริษัทนี้เชี่ยวชาญในธุรกิจสีเทา เช่น การว่าจ้างบอดี้การ์ดและอันธพาล และยังมีปรมาจารย์การต่อสู้หลายคนในบริษัทด้วยหนี้ที่กัวโหย่วคังกล่าวถึง เป็นเพียงค่าจ้างงานที่เขาจ่ายให้กับผู้อื่นก่อนหน้านี้ โดยคำนวณเป็นรายปีเป็นค่าจ้างการใช้บริการสองปีการที่หลี่ฮุ่ยหรานเรียกร้องขอคืนด้วยตัวเองนั้น เปรียบเสมือนกระตุกหนวดเสือกล้าบ้าบิ่นกันมากจริง ๆ “เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ฉันยังมีหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยอยู่”หลี่ฮุ่ยหรานมองหลินเฟิง อย่างมีนัยยะชัดเจน“เอาจริงเหรอ พี่? คุณต้องพึ่งหลินเฟิงเพียงคนเดียวจริง ๆ เหรอ ในการจัดการกับใครบางคนจากบริษัทอื่น”“ฉันรู้ว่าเขามีฝีมืออยู่บ้าง แต่….”จางซินไม่พูดต่อเพราะหลี่ฮุ่ยหรานได้เตือนเธอด้วยสายตาแล้วถ้าจางซินกล้าพูดอีกครั้ง หลี่ฮุ่ยหรานอาจจะไม่สุภาพกับเธออีกต่อไปหลี
หลังจากพูดออกไป หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้ฟังสิ่งที่จางกุ้ยหลานจะพูดและวางสายทันที“อะไรนะ ฉันได้ยินถูกใช่ไหม? พี่ ทำไมคุณถึงใจร้ายจัง!”“ฉันแค่มาสายนิดหน่อยและไม่ได้ดูแลโน้ตบุ๊คของคุณให้ดี ทำไมคุณถึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้!”“ฉันไม่ใช่ญาติของคุณเหรอ?!”“ฉันได้ขอให้จ้าวเอ่ยส่งโน้ตบุ๊คของคุณมาให้แล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก? คนอื่นเขาก็ยุ่งมากทั้งนั้น!”“ส่งมาให้ได้ ก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากแล้ว!”คำพูดของจางซินเกือบทำให้หลอดเลือดในขมับของหลี่ฮุ่ยหรานแตก เธอยิ้มเยาะและส่ายหัวด้วยความผิดหวัง และไม่ต้องการพูดอะไรกับจางซินอีกเลยเธอเดินกลับไปที่สำนักงานของเธอเอง“จริงเลย ๆ ทำไมพี่ถึงทำกับฉันแบบนี้!”จางซินกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดหลินเฟิงที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมด โดยสังเกตดวงตา จมูก ปาก และหัวใจด้วยท่าทางสับสน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขาเขาต้องรับผิดชอบแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น และไม่อยากกังวลเรื่องอื่นในตอนนี้แต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงความดันโลหิตของหลี่ฮุ่ยหรานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้วในฐานะผู้หญิงที่เข้มแข็ง หลี่ฮุ่ยหรานจึงมัก
“คุณพระ!”จางซินตบหน้าผากของเธอและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า“โอ้ไม่ โอ้ไม่ พี่ ฉันมัวแต่สนใจการออกเดทกับแฟนจนลืมเรื่องนี้ไป…..”“เธอ….เฮ้อ…..”หลี่ฮุ่ยหรานไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วจางซินได้ตำแหน่งนี้เพราะจางกุ้ยหลานบ่นให้หลี่ฮุ่ยหรานฟังทุกวันในช่วงนี้ โดยขอให้หลี่ฮุ่ยหรานหางานให้จางซินเพราะเมื่อจางซินมาที่ตัวเมือง เขาบังเอิญได้พบกับหนุ่มหล่อจากแผนกก่อสร้างเมืองของเมืองเจิ้งเต๋อตอนนั้น หนุ่มหล่อคนนี้ ได้ถามจางซินเกี่ยวกับงานของเธอจางซินกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ เธอจึงบอกว่าเธอทำงานในหลี่ซื่อกรุ๊ปและหนุ่มหล่อคนนั้นเข้าใจผิดว่า หลี่ซื่อกรุ๊ปที่จางซินพูดถึงคือหลี่ซื่อกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อในตัวเมืองแต่ไม่ใช่หลี่ซื่อกรุ๊ปในเมืองเจียงโจวนั่นคือเหตุผล ที่ทำให้จางซินจึงขอร้องป้าและพี่เธอเพราะยังไง พี่เธอเป็นผู้นำตระกูลหลี่แล้ว การมอบตำแหน่งในบริษัทให้เธอก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ?หลี่ฮุ่ยหรานเอง ก็เรื่องของจางซิน ทำให้รำคาญใจมาเป็นเวลานานเช่นกันแน่นอนว่า การหางานให้จางซินไม่ใช่เรื่องยากสิ่งที่ยากคือจางซินไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการกิน ๆ ดื่ม ๆ และเที่ยวเล่นส
“มีสามสิ่งที่หลี่ซื่อกรุ๊ปจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนตอนนี้ หากสามารถทำสามสิ่งนี้ได้ ฉัน กัวโหย่วคังจะชดใช้หนี้ที่ติดค้างบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเดี๋ยวนี้”“และหลังจากนั้น ฉันจะมอบตัว”หลังจากพูดจบ กัวโหย่วคังก็เหลือบมองหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดูถูกและพูดอย่างใจเย็น“ว่าไงล่ะ เธอกล้าไหม?”“ทำไมฉันต้องฟังคุณด้วย?”หลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองกัวโหย่วคังด้วยท่าทีเหมือนคนโง่และพูดอย่างเย็นชา“ตอนนี้ฉันสามารถส่งคุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าคุณอยู่ในตำแหน่งที่จะต่อรองกับฉันได้?”“ฮ่า ๆ……”ใครก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กัวโหย่วคังไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังหัวเราะอย่างร่าเริงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดว่า“เธอยังเด็กเกินไป ประธานกรรมการหลี่!”“ฉันได้เตรียมทางออกสำหรับตัวเองไว้แล้ว เงินที่ฉันได้รับจากบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่ฉันก่อตั้งขึ้นเองในนามของฉันเอง”กัวโหย่วคังหรี่ตาและพูด“และองค์กรการกุศลนี้ก็อยู่ต่างประเทศ!”“ถ้าเธอส่งฉันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ว่าฉันอาจถูกประหารชีวิต แต่เงินของบริษัทตลอดหลายปีมานี้ สลึงเดียวเธอก็เอากล
“ฉันแนะนำให้ฆ่าเขา….เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”“ไม่ ๆ ต้องทำให้เขาคายเงินที่ยักยอกทั้งหมดจากบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามาซะ!”“ถูกต้อง คายเงินที่ขโมยมาออกไปก่อน แล้วค่อยจัดการกับเขา!”เมื่อได้ยินเหล่าอดีตพันธมิตรหันหลังให้ กัวโหย่วคังก็โกรธมากแต่ไม่กล้าพูดออกมาเขาแอบมองหลินเฟิงตอนนี้ กัวโหย่วคังเริ่มไตร่ตรองว่า เขาสามารถจับหลี่ฮุ่ยหรานเป็นตัวประกันได้หรือไม่ ก่อนที่หลินเฟิงจะโต้ตอบได้“ฮ่า ๆ….”เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าบอร์ดบริหาร "ความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม" และต้องการฆ่ากัวโหย่วคัง หลี่ฮุ่ยหรานก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองกัวโหย่วคังและหรี่ตาถามว่า“กรรมการกัว ตอนนี้คุณยอมรับฉันแล้วหรือยัง?”ในขั้นตอนนี้ กัวโหย่วคังรู้สึกประหลาดใจที่เธอยังคงเสียเวลาไปกับคำถามเช่นนี้เนื่องจากสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว กัวโหย่วคังเบือนหน้าหนีไปเดินตรงไปยังมุมมืด แล้วพูดอย่างเย็นชา“ฉันยังไม่ยอมรับ!”“เธอหลอกคนโง่พวกนี้ได้ แต่เธอหลอกฉันไม่ได้!”“ตอนนี้เธอกำลังจับพวกเขาเป็นตัวประกันอยู่ เธอไม่กลัวเหรอว่าบริษัทจะเลิกจ้างผู้บริหารจำนวนมากชั่วคราวแ
เมื่อเห็นหลินเฟิงเย่อหยิ่งขนาดนั้นพวกอันธพาลกระหายเลือดเหล่านี้ ต่างตะโกนปลุกขวัญกำลังใจ "ลุย" คนทั้งกลุ่มก็คำรามและวิ่งเข้าหาหลินเฟิง“ปัง!”เมื่อเห็นจังหวะที่เหมาะสม หลินเฟิงก็เตะอันธพาลคนแรกออกไปนอกหน้าต่าง และทำให้กระจกบานใหญ่แตกอีกบานอันธพาลคนอื่น ๆ ก็มีชะตากรรมแบบเดียวกันหลินเฟิงยืนบนโต๊ะ และอันธพาลเหล่านี้ไม่สามารถทนการท้าทายของหลินเฟิงได้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที มีบอดี้การ์ดสิบคนก็บินออกจากหน้าต่างจากตำแหน่งเดียวกันต้องรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ชั้นที่ 20 และไม่มีวิธีเอาตัวรอด เมื่อถูกโยนออกจากหน้าต่างแค่ได้ยินเสียงกรีดร้องของอันธพาลเหล่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งสั่นสะท้านแล้วเมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของหลินเฟิง กรรมการที่เพิ่งสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อหลี่ฮุ่ยหรานต่างก็เงียบและรู้สึกขอบคุณในใจตลอดเวลาโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดื้อรั้นหากเลือกตามกัวโหย่วคัง เพื่อจัดการกับประธานกรรมการคนใหม่หลี่ฮุ่ยหรานไม่เช่นนั้นหากหลี่ฮุ่ยหรานกลายเป็นคนไร้ความปรานี พวกเขาก็จะถูกโยนออกไปจากตึกโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นไม่ใช่แค่การชดเชยการสูญเสียของบริษัทเท่านั้นชีวิตก็ไม่มีแล้ว
อันธพาลบุกเข้ามาอย่างกล้าหาญ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตะลึงชัดเจนว่ากัวโหย่วคังได้ส่งคนเหล่านี้ มารอรอบห้องประชุมล่วงหน้า ตราบใดที่เขาส่งสัญญาณ อันธพาลทั้งหมดเหล่านี้จะรีบวิ่งเข้ามาทั้งโขยงกำจัดทุกคนและปิดปากบอร์ดบริหารที่เพิ่งหันหลังให้กับกัวโหย่วคังหน้าซีดด้วยความกลัว ความรู้สึกหวาดกลัวที่น่ากลัวเติมเต็มหัวใจของพวกเขา“ไม่ต้องห่วง หลี่ฮุ่ยหรานทางไปลงนรกของแกจะไม่เงียบเหงา คนพวกนี้จะไปเป็นเพื่อนร่วมทางแกเอง”"ไปเล่าเรื่องบริษัทใหญ่ให้ยมบาลฟังนะ!""ฮ่า ๆ..."กัวโหย่วคังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แสดงท่าทางว่าเขาสามารถควบคุมทุกคนได้อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานเห็นพวกอันธพาลรีบเข้ามาอย่างไม่คาดคิด เธอไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังแสดงเสียงหัวเราะเย็นชาด้วย“กัวโหย่วคัง แกไม่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเหรอ?”"แกคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกจะฉีกหน้าฉันเหรอ?"“ฉันเตรียมใจไว้แล้วสำหรับสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว!”คำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานมีจุดประสงค์ เพื่อปลอบใจเหล่าบอร์ดบริหาร ที่กำลังตื่นตระหนกรอบตัวและป้องกันไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนใจไปเข้าข้างอีกฝ่ายในทางกลับกัน มันยังช่วยข่มขู่กัวโหย่วคังอีก
แข็งแกร่งกว่ากัวโหย่วคังด้วยซ้ำบอร์ดบริหารเหล่านี้ตอบสนองทันทีวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้คือรีบก้มหัวและขอโทษ หวังว่าอีกฝ่ายจะจ้างพวกเขาต่อไปการมอบอำนาจต่อรองให้กับเธอโดยเต็มใจเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาทรัพย์สินและตำแหน่งของพวกเขาไว้ได้ แทนที่จะสูญเสียทรัพย์สินและสถานะทั้งหมดไปอาจกล่าวได้ว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะยืนหยัดต่อต้านหลี่ฮุ่ยหรานในขณะนี้ความดูถูกเหยียดหยามทั้งหมดก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นความกลัว และการทำใจจำยอม“ฮึ่ม เนื่องจากทัศนคติของคุณจริงใจมาก ฉันจึงจะละเว้นคุณอย่างไม่เต็มใจ”หลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองหลินเฟิงแล้วหันไปหากรรมการเหล่านี้แล้วพูดว่า“ฉันสัญญาว่า จะไม่ทำเรื่องสกปรกที่คุณเคยทำมาก่อน แต่ต้องชดใช้ให้ฉันเต็มจำนวนสำหรับการสูญเสียที่กรุ๊ปและบริษัทต้องเผชิญ”“แน่นอน เมื่อฉันเข้ารับช่วงต่อหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉัน หลี่ฮุ่ยหรานก็ต้องการนำหลี่ซื่อกรุ๊ปให้ใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น”“ฉันรับรองกับคุณได้ว่า ถ้าพวกคุณติดตามฉัน จะไม่มีขาดทุน และยังจะทำเงินได้มากมายอีก”“เป็นไง ทำได้ไหม?”บอร์ดบริหารรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาของเธอ จึงกราบลงและขอบคุณเธอ