หลินเฟิงกลอกตามองบนอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทำอะไรลูกสาวคุณทั้งนั้น”จางกุ้ยหลานชี้นิ้วไปที่หลินเฟิงแล้วพูดว่า “ฉันขอเตือนนายไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของฉัน ฉันจะฟ้องนาย” “แม่ พอแล้ว เมื่อคืนหนูกับหลินเฟิงไม่ได้นอนห้องเดียวกัน” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยเดิมทีตนเองยังมีคำถามอีกมากมายที่อยากจะถามหลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าแม่ของตนจะโผล่ออกมาในเวลานี้ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ตนก็ทำได้เพียงแค่แล้ว ๆ กันไป“เมื่อวานแกเมามากจนหมดสติไป ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนี่จะฉวยโอกาสทำอะไรแกหรือเปล่า”จางกุ้ยหลานพูดอย่างไม่ลดราวาศอก “ไป ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”พูดจบ เธอก็กำลังจะฉุดลากลูกสาวตนเองออกไปหลี่ฮุ่ยหรานหมดคำจะพูดเล็กน้อย ร่างกายตนเองเกิดอะไรขึ้นมีหรือที่ตนจะไม่รู้หลังจากออกจากโรงแรม จางกุ้ยหลานก็เอ่ยว่า “ต่อไปแกติดต่อนายหลินเฟิงคนนั้นให้มันน้อย ๆ หน่อย” “มันจะเกิดผลกระทบไม่ดี ถ้าหวางเส้าหลงมาเห็นเข้า”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างโมโหว่า “หนูกับหวางเส้าหลงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น ถ้าเขามาเห็นแล้วมันจะยังไง?”สำหรับคำพูดของหลินเฟิง เธอคิดว่าดูน่าเชื่อถือกว่ามากไม
เธอกังวลเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคนโจวเฉินเป็นคนของเธอ และเธอได้รู้เกี่ยวกับความสามารถของหลินเฟิงทั้งหมดจากโจวเฉินแต่แรกแล้วแล้วก็คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนี่ที่ดูธรรมดาจืดชืดจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย“แล้วแม่ยังมีอะไรที่ต้องกังวลอีกไหม?” ถังหว่านเอียงศีรษะถาม“ดูเหมือนสิ่งที่ฉันเคยพูดกับแกก่อนหน้านี้ คงไม่เข้าหูแกสักคำเลยสินะ” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดเพราะหวังให้เธอได้ดี“แม่ ตอนนี้หนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บางเรื่องหนูก็รู้ขอบเขตน่า” น้ำเสียงของถังหว่านค่อย ๆ กระด้างขึ้นพอเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ภายในห้อง หลินเฟิงก็ลูบจมูกแล้วพูดอย่างอึดอัด “ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะ”“หยุด” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลินเฟิงค่อย ๆ หมุนตัวกลับมา “คุณน้ายังมีธุระอะไรอีกไหมครับ?” “ฉันมีบางเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อย” หลินเสวี่ยเยี่ยนวางกาแฟในมือลงแล้วพูดช่วงสองสามวันนี้ เธอเองก็ได้สืบภูมิหลังของหลินเฟิงอย่างชัดเจนแล้วด้วยเด็กหนุ่มนี่อาจไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่ตนคิดก็ได้ แต่ก็ยังพอให้โอกาสเขาอีกสักครั้งได้“คุณน้า ถ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมาได้ ไม่เป็นไรครับ” “ได้ยินมาว
ถังหว่านพูดอย่างจริงจังว่า "สำหรับเรื่องนี้ ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆ""หวังว่านายจะไม่ถือสาอะไรนะ หลังจากนี้อีกหนึ่งปี ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะโอนหุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเจียงโจวให้กับนายอย่างแน่นอน"หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเห็นร่องรอยของความสับสนและหมดหนทางในดวงตาของถังหว่าน"ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อว่าฉันสามารถเอาชนะตระกูลหรงได้"ถังหว่านถอนหายใจ "อย่าว่าแต่หนึ่งปีเลย ต่อให้จะสิบปีนายก็ทำไม่ได้หรอก""ตระกูลหรงน่ากลัวกว่าที่นายคิดเอาไว้มากนะ"นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ทะลักออกมาหลินเฟิงยิ้มๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา ‘น่ากลัวกว่าที่นายคิดเอาไว้มากนะ’ อย่างนั้นเหรอ?หลังจากบอกลาถังหว่านแล้ว หลินเฟิงก็ลุกขึ้นและกลับไปที่โรงแรมทันทีและทันทีที่เดินออกจากประตูไป เขาก็จามออกมาอย่างแรงสองทีหลินเฟิงสาปแช่ง "ให้ตายเถอะ ไอ้สารเลวคนไหนมาด่าลับหลังฉันแบบนี้?"ในเวลาเดียวกันที่โรงพยาบาลเมืองเจียงโจวหวางเส้าหลงถูกพันด้วยผ้าก๊อซทั้งตัว และนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเมื่อวานเขาถูกทุบตีอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งถึงตอนดึก เขาถึงฟื้นขึ้นมาได้และรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัว
หวางเส้าหลงตกตะลึง จากนั้นก็กลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า "ที่แท้ก็เป็นคุณชายเฉินนั่นเอง ต้องขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ""ที่พาตัวนายมา ก็เพราะอยากจะถามอะไรนายสักสองสามข้อน่ะ" เฉินเฟยอวี่เล่นมีดสั้นที่อยู่ในมือหวางเส้าหลงรีบพูดขึ้นมาว่า "เชิญคุณชายเฉินถามมาได้เลยครับ ผมยินดีบอกคุณทุกอย่าง""คนที่ชื่อหลินเฟิงนั่นฆ่าพี่น้องของเรา ฉันมาที่นี่เพื่อล้างแค้นโดยเฉพาะ"เฉินเฟยอวี่พูดอย่างสงบ "นายบอกฉันมาดีๆว่า หลินเฟิงนั่นเป็นใคร อยู่ที่ไหน บอกทุกอย่างให้ละเอียด""หากกล้าที่จะพูดโกหก..."เฉินเฟยอวี่เหลือบมองไปที่โต๊ะและเสียง "ปัง" ก็ได้ดังขึ้นมาแค่การกระแทกเพียงครั้งเดียวก็ทำให้โต๊ะหักเป็นสองท่อนได้แล้วหวางเส้าหลงตกใจจนตัวสั่น แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุขเขากำลังคิดหนักว่าจะจัดการกับหลินเฟิงอย่างไรดี นี่มันเหมือนกับการอยากนอนหลับ และมีคนเอาหมอนมาให้อย่างไงอย่างงั้น"คุณชายเฉินวางใจได้ ผมไม่มีอะไรปิดบังอย่างแน่นอน""หลินเฟิงคนนี้เคยเป็นอดีตสามีของหลี่ฮุ่ยหราน ไม่เท่าไหร่เลยครับ แค่มีทักษะอยู่บ้างก็แค่นั้น หลังจากที่หย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว เขาก็ไปปีนป่ายกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอีก…""ส่วน
จางกุ้ยหลานรีบมองไปที่หวางเส้าหลง พร้อมกับพูดขอร้องว่า "คุณชายหวางคะ คุณชายรีบพูดอธิบายแทนเราหน่อยสิคะ การตายของหลอเฟนหู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะคะ""คุณชายเป็นคนฆ่าหลอเฟนหู่ไม่ใช่หรือคะ?"หลี่เหวินเชาก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยครับคุณชายหวาง คุณยังรู้จักคนในจวนผู้ว่าราชการไม่ใช่เหรอ? พวกเขามีอะไรที่น่ากลัวขนาดนั้น?""ฮ่าฮ่าฮ่า......"ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว หวางเส้าหลงก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไปและเขาก็หัวเราะเสียงดัง พร้อมกับพูดว่า "บอกว่าตระกูลหลี่ปัญหาอ่อน พวกคุณก็ยังไม่เชื่อ""ถ้าฉันสามารถเรียกคนของจวนผู้ว่าราชการมาได้ งั้นเจียงโจวก็เป็นอาณาเขตของฉันทั้งหมดแล้วล่ะ""อะไรนะ? คุณไม่ได้เป็นคนเรียกคนของจวนผู้ว่าราชการมาหรอกเหรอ?"จางกุ้ยหลานตกตะลึง เพราะเธอคิดเสมอว่าหวางเส้าหลงเป็นคนสำคัญในจวนผู้ว่าราชการและนั่นก็เป็นสาเหตุที่หลอเฟนหู่ถูกตัดสิน"ในเมื่อคุณไม่ได้เรียกมา แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?"หวางเส้าหลงสาปแช่ง "ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร?"หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว "หวางเส้าหลง แล้วยาอมตะเลือดราชันย์ที่คุณให้คุณปู่ของฉันเป็นของแท้หรือเปล่า?""นั่นเป็นเพียงอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
เสียงกรีดร้องและเสียงร่ำไห้ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องทำงานจางกุ้ยหลานยิ่งทนไม่ไหว และรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่นหลี่ฮุ่ยหรานเหงื่อไหลท่วมตัว และหายใจอย่างหนักหน่วงดวงตาที่เดิมทีใสราวกับหยดน้ำ ในขณะนี้กลับถูกม่านหมอกมาปกคลุมเอาไว้และใบหน้าที่เธอแสนจะภาคภูมิใจนี้ก็ได้สลายหายไปตลอดกาล"จะพูดหรือไม่พูด?" เฉินเฟยอวี่ไม่ได้ออมมือหรือสงสารเธอเลยแม้แต่น้อยและมีดพกก็ถูกวางแนบแก้มอีกข้างของเธออีกครั้งแต่ทว่าในครั้งนี้ ดวงตาของหลี่ฮุ่ยหรานไร้ซึ่งความรู้สึก และมันดูว่างเปล่าเป็นอย่างมากและปราศจากสีสันใดๆเฉินเฟยอวี่ขมวดคิ้ว เขารู้ว่า หัวใจของผู้หญิงคนนี้ได้ตายไปเสียแล้วไม่ว่าเขาจะถามสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งนั้นจากนั้นเขาจึงหันไปหาจางกุ้ยหลานที่ขี้ขลาดตาขาวอีกครั้ง"คุณชาย...คุณชายเฉินคะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ..."เฉินเฟยอวี่วางมีดพกไปที่แก้มของเธออย่างชำนาญ"ยังเป็นคำถามเดิม ฉันไม่อยากจะถามซ้ำเป็นครั้งที่สอง"ตัวของจางกุ้ยหลานสั่นสะท้านราวกับตะแกรงร่อนและเธอก็กลัวจนของเหลวเหล่านั้นทะลักออกมาเต็มพื้นเฉินเฟยอวี่กำลังจะลงมือแต่จางกุ้ยหลานก็ได้ตะโกนอย่างสุดกำลังว่า "
ประตูของห้องพักถูกเปิดออกมาอย่างเงียบๆชายชุดดำสองคนเดินย่องเข้ามาอย่างเงียบเชียบสภาพแวดล้อมที่สลัว ทำให้ทั้งสองหรี่ตาลงเล็กน้อย"ปัง"และในเวลานี้ เสียงดังสนั่นก็ได้กระแทกเข้ามาที่ใบหูหลินเฟิงแตะไปที่ตัวของหนึ่งในชายชุดดำโดยที่แรงกระแทกนั้น มันหนักหน่วงราวกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ส่วนชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังก็หยุดชะงัก และรู้สึกว่ากระดูกสันหลังของตัวเองต้องหักแล้วแน่ๆและชายคนนั้นก็หมดสติไปอย่างสิ้นเชิง"แม่งเอ๊ย"ชายชุดดำอีกคนตะคอกออกมาด้วยความโกรธจากนั้นก็ดึงมีดเหล็กออกมาทันทีและพุ่งไปที่แหล่งกำเนิดเสียงอย่างรวดเร็วโดยที่ความรวดเร็วของคนคนนี้ สามารถเกิดเป็นกระแสลมได้ใบหูของหลินเฟิงขยับเล็กน้อย และเขาก็ตัดสินทิศทางการโจมตีของคู่ต่อสู้ทันทีตามเสียงลมใบมีดแหลมคมแฉลบไปด้านข้างเพียงเล็กน้อย และพอที่จะเคลื่อนผ่านเส้นผมของเขาได้จากนั้นเขาก็กำหมัดเอาไว้แน่น และชกออกไปเหมือนปืนใหญ่ถูกดีดออกจากลำกล้อง"ปัง"จู่ๆ ชายชุดดำนั้นก็ลอยออกไปทันทีเลือดสดๆได้ถูกพ่นออกมา และหน้าอกของเขาก็ยุบเป็นหลุมอย่างกะทันหันแล้วก็ลอยไปกระทบกับกำแพงอย่างแรง"แก......"ชายชุดดำเพียงคนเดีย
หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาก็โทรหาฮั่นสือทันทีในไดนาสตี้บาร์ ฮั่นสือซึ่งอยู่ในห้องน้ำก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟิงเช่นกันเขาลังเลอยู่อย่างนั้น และไม่รู้ว่าควรจะรับสายหรือไม่รับสายดีหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รับสายโทรศัพท์ในที่สุดเขากระซิบว่า "ฮัลโหล? คุณหลิน"หลินเฟิงถามออกไปแบบตรงๆว่า "หลี่ฮุ่ยหราน อยู่ที่ไดนาสตี้บาร์หรือเปล่า?""คือว่า..."ฮั่นสือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คุณชายสี่ของตระกูลเฉินส่งคนไปจัดการหลินเฟิงแล้วไม่ใช่เหรอ?ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลวเสียแล้วนะหลังจากที่หลินเฟิงถามคำถามนี้ เขาก็คงต้องเลือกข้างเสียแล้วเขาควรจะยืนอยู่ข้างเฉินเฟยอวี่หรือหลินเฟิงดี?เขายังไม่ได้ตัดสินใจ คิดเพียงว่าจะอยู่ตรงกลางอย่างมั่วๆแบบนี้ต่อไป ใครชนะ เขาก็จะอยู่ข้างคนนั้นเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเป็นเวลานาน หลินเฟิงจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า "นายแค่ตอบฉันมาว่าใช่หรือไม่ใช่""หากข่าวนั้นเป็นจริง ฉันไปถึงแล้ว สามารถไว้ชีวิตนายได้ และนายจะยังคงรับผิดชอบต่ออุตสาหกรรมในเขตซีเฉิงต่อไป"ประโยคนี้ดูเหมือนจะโดนใจฮั่นสือเอาเสียมากๆหากอยู่กับเฉินเฟยอวี่ เขาจะเป็นได้เพียงผู้ติดตาม และเ
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ
ได้ยินเสียงตวาดของหลี่เหวินเชาและคนอื่นๆ พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่รอบๆ พากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน และนินทาลับหลัง“ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง เฮ้อ ดูไม่ออกจริงๆ ประธานหลี่จะเป็นคนแบบนี้”“พูดได้แค่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจสินะ!”“ช่างเถอะ ตอนบ่ายฉันลาออกดีกว่า ติดตามผู้บริหารแบบนี้ ฉันรู้สึกอับอายขายหน้า”“ถูกต้อง ถ้าโดนเผยแพร่ออกไปก็ไม่มีหน้าเจอคนหรอก”“ฉันจะเขียนใบลาออกด้วย”“ฉันก็ด้วย”ได้ยินผู้คนที่อยู่โดยรอบพูดถึงเธอโดยไม่ได้หลีกเลี่ยง และรู้สึกผิดหวังต่อเธอ หลี่ฮุ่ยหรานจึงตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “จางกุ้ยหลาน!”เสียงตะโกนแบบนี้ ทำให้จางกุ้ยหลานสะดุ้งโหยงเล็กน้อยพนักงานคนอื่นๆ ของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่กำลังจะเดินจากไปก็นิ่งอึ้งพวกเขาพากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“จางกุ้ยหลาน ฉันหลี่ฮุ่ยหรานทำผิดต่อคุณตรงไหนกัน? ทำไมถึงต้องทำกับฉันแบบนี้?”หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก สีหน้าเหมือนกับในเวลาปกติแต่น้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้า เธอยื่นนิ้วออกไป ชี้หลี่เหวินเชากับจางซินแล้วพูดว่า:“นี่เป็นความคิดของใคร? หลี่เหวินเชาหรือว่าจางซิน?”“ฉันหลี่ฮุ่ยหรานขยันหมั่นเพียรมาหลายปี ชีวิตของคุณในตอนนี้ก็ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เอาที่ดินกลับมาให้ได้ก่อนดีกว่า“ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้ว ดูเร็ว ประธานหลี่กลับมาแล้ว!”“หึหึ ยังคงหน้าไหว้หลังหลอกอีกเหมือนเคย”“มีลูกสาวแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้าเงินเดือนที่นี่ไม่สูงขนาดนี้ ฉันคงลาออกไปนานแล้ว”“มันผิดศีลธรรมจริง ๆ”“ถ้าฉันมีลูกสาวแบบนี้ ฉันคงต้องเลิกยุ่งกับเธอแน่ ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรีบเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง“ประธานหลี่ ฉันพยายามขัดขวางแล้ว แต่ว่า...”เลขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้ดีถึงความยากลำบากของพวกเขา ในเมื่อคนเหล่านี้ก็คือคนในครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหราน พวกเขาจึงไม่กล้าใช้ความรุนแรงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาตามใจที่นี่เท่านั้น“ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”หลี่ฮุ่ยหรานตบที่ไหล่ของเลขา พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กลุ่มคน“แม่!”ยิ่งหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยของคนรอบข้างชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้วความดันโลหิตของเธอก็ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องไม่กี่ปีมานี้ ต่างก็เป็นเธอที่เป็นผู้บริจาคเงินและความพยายามเพื่อเลี้ยงดูจางกุ้ยหลาน หรือแม้แต่จา
“โอ๊ย พวกคุณช่วยตัดสินหน่อย ฉันเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาจนโตขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงไม่ดูแลฉัน ยังจะมาบังคับซื้อที่ดินของฉันไปอีก!”จางกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่พื้นแล้วตะโกนออกมาไม่หยุด ไม่มีคำพูด ๆใดที่เป็นความจริงเลย“ใช่แล้ว ตอนนี้พี่สาวของฉันก็เป็นประธานของบริษัทใหญ่แล้ว!”“หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ทิ้งคนในครอบครัวไป ถึงขนาดร่วมมือกับคนนอกเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วไปทำร้ายแม่ของฉันอย่างนี้!”หลี่เหวินเชาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหน้าไม่อายแล้วชี้ไปที่คราบเลือดบนหัวของแม่ตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ตามคำสั่งของเขาแล้วตอนนี้ ข้อกล่าวหาข้อนี้ก็ตกไปอยู่ที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน ตอนนี้หลี่เหวินเชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินตรงนี้มา“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือประธานหลี่ของพวกคุณ ผู้หญิงที่เข้มแข็งของพวกคุณแล้วก็แฟนของเธอ หึหึ ช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง!”จางซินก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า :“พวกเขาเป็นคนหลอกลวง! แล้วการซื้อที่ดินมาจากเผิงกวงฉี่ก็ล้วนเป็นที่โกหกทั้งนั้น!”เห็นได้ชัดว่าจางซินยังคงคิดหาโอกาสที่จะแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานที่ไล
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ