หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาก็โทรหาฮั่นสือทันทีในไดนาสตี้บาร์ ฮั่นสือซึ่งอยู่ในห้องน้ำก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟิงเช่นกันเขาลังเลอยู่อย่างนั้น และไม่รู้ว่าควรจะรับสายหรือไม่รับสายดีหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รับสายโทรศัพท์ในที่สุดเขากระซิบว่า "ฮัลโหล? คุณหลิน"หลินเฟิงถามออกไปแบบตรงๆว่า "หลี่ฮุ่ยหราน อยู่ที่ไดนาสตี้บาร์หรือเปล่า?""คือว่า..."ฮั่นสือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คุณชายสี่ของตระกูลเฉินส่งคนไปจัดการหลินเฟิงแล้วไม่ใช่เหรอ?ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลวเสียแล้วนะหลังจากที่หลินเฟิงถามคำถามนี้ เขาก็คงต้องเลือกข้างเสียแล้วเขาควรจะยืนอยู่ข้างเฉินเฟยอวี่หรือหลินเฟิงดี?เขายังไม่ได้ตัดสินใจ คิดเพียงว่าจะอยู่ตรงกลางอย่างมั่วๆแบบนี้ต่อไป ใครชนะ เขาก็จะอยู่ข้างคนนั้นเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเป็นเวลานาน หลินเฟิงจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า "นายแค่ตอบฉันมาว่าใช่หรือไม่ใช่""หากข่าวนั้นเป็นจริง ฉันไปถึงแล้ว สามารถไว้ชีวิตนายได้ และนายจะยังคงรับผิดชอบต่ออุตสาหกรรมในเขตซีเฉิงต่อไป"ประโยคนี้ดูเหมือนจะโดนใจฮั่นสือเอาเสียมากๆหากอยู่กับเฉินเฟยอวี่ เขาจะเป็นได้เพียงผู้ติดตาม และเ
ในไดนาสตี้บาร์ เฉินเฟยอวี่กำลังเล่นมีดพกในมืออยู่ในสายตาของเขา ลูกน้องทั้งสองของตัวเองมีความแข็งแกร่งมากและการเอาชนะหลินเฟิงก็ง่ายดายเอาเสียมากๆและในขณะที่เขาภาคภูมิใจอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมาประตูของไดนาสตี้บาร์ถูกเปิดออกกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมมีดเหล็กในมือกระโจนเข้ามาจากนั้นก็กระหน่ำฟันไปที่ลูกน้องของเฉินเฟยอวี่โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงฮั่นสือเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี โดยเขารู้ดีว่าหลินเฟิงจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน เขาได้แจ้งให้คนของเขาทราบแล้ว และวิ่งหนีไปทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินเฟิงจะเรียกคนมามากมายขนาดนี้ฮั่นสือเต็มไปด้วยความสับสน ครั้งนี้ที่เขามาเจียงโจวก็ได้พาลูกน้องตระกูลเฉินมาเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายจะมีคนถึงสี่สิบห้าสิบคนเลยทีเดียว มันดูมืดไปหมด และยังมีคนด้านหลังที่กำลังจะกระโจนเข้ามาอีกด้วย"หลินเฟิงไปเอาคนมากมายขนาดนี้มาจากไหน?""พี่ใหญ่ครับ คนของเราต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ทำอย่างไรดีครับ?" ลูกน้องวิ่งเข้ามาหาฮั่นสือฮั่นสือกัดฟัน แล้วพูดว่า "ไปจับหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้"หลินเฟิงคนนี้กล้าที่จะม
ฮั่นสือกระโดดไปบนตัวของชายชุดดำพร้อมมือที่ถือมีดพก จากนั้นก็กระหน่ำแทงไปที่หลังของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงโดยฉับพลัน เลือดสดๆของชายชุดดำก็ทะลักออกมาไม่ขาดสายชายคนนั้นตะคอกสาปแช่งว่า "แกกล้าทรยศคุณชายเฉิน?""แม่งเอ๊ย ฉันต่างหากล่ะที่เป็นพี่ใหญ่ของเมืองซีเฉิง คุณชายของแกก็แค่ตัวกระจ๊อก"ฮั่นสือสาปแช่งอย่างดูแคลนการเคลื่อนไหวที่มือของเขาไม่เคยหยุด และกระหน่ำแทงชายชุดดำคนนั้นหลายต่อหลายครั้งจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ ไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน เธอกอดลูกชายด้วยอาการตัวสั่นงันงกฮั่นสือถ่มน้ำลายใส่ชายชุดดำ และหันไปมองหวางเส้าหลงและคนอื่นๆเขาชี้ไปที่ประตู แล้วพูดว่า "เซ่ออะไรอยู่? รีบวิ่งหนีไปเร็วเข้า?"หวางเส้าหลงเป็นคนแรกที่ตอบสนองและเป็นคนแรกที่กระโจนออกจากห้องจางกุ้ยหลานและลูกชายรีบช่วยกันประคองหลี่ฮุ่ยหราน และกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "ขอบคุณพี่เตาปา ขอบคุณพี่เตาปา ... "ทันทีที่ทั้งสามมาถึงชั้นสอง พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ต่อสู้กันที่ชั้นล่างพวกเขากลัวมากจนไม่กล้าลงไปชั้นล่างฮั่นสือชี้ไปที่ปลายทางเดิน "ใช้ทางหนีไฟ"ซึ่งทั้งสามก็ตระหนกขึ้นมาได้ และรีบเดินตรงไ
ถังหว่านถลึงตาใส่เธอด้วยความรังเกียจ "หุบปาก ฉันไม่ต้องการให้คุณมาสอนฉันว่าต้องทำอย่างไรหรอกนะ""เอ่อ..."เมื่อจางกุ้ยหลานถูกถังหว่านตะโกนใส่ เธอก็ตื่นตระหนกและรีบพยักหน้าหงึกๆ พร้อมพูดว่า "ใช่ ใช่ ใช่...คุณถังพูดถูกค่ะ"คนของจ้าวเทียนหวาเกือบจะปิดล้อมเฉินเฟยอวี่ด้วยความได้เปรียบทางจำนวนคนนี้เมื่อเขาลัดเลาะตามทางหนีไฟเพื่อที่จะออกมา ก็บังเอิญพบกับถังหว่านพอดี"คุณถัง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณก็มาด้วย เรื่องในครั้งนี้ คุณชายหลินไม่ต้องการให้คุณหลินลงมือนะครับ" จ้าวเทียนหวาพูดด้วยความนอบน้อมถังหว่านพูดอย่างใจเย็นว่า "ลุงจ้าวเกรงใจไปแล้วนะคะ หลินเฟิงมีเรื่อง ฉันจะไม่มาช่วยได้อย่างไรกัน?"ขณะที่พูด เธอก็มองไปยังบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังของจ้าวเทียนหวาในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ เธอจึงพอมีความเข้าใจเกี่ยวกับนักสู้มือฉกาจอยู่บ้างชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ มีออร่าที่ควบคุม เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังมาก และแข็งแกร่งกว่าโจวเฉินเสียด้วยซ้ำนักสู้มือฉกาจที่ทรงพลังเช่นนี้เต็มใจรับคำสั่งจากจ้าวเทียนหวา แต่จ้าวเทียนหวากลับให้ความเคารพต่อหลินเฟิงเป็นอย่างยิ่งเธออดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัยว่า "ลุงจ
จากนั้นจางกุ้ยหลานถึงได้หันมาพูดกับหลี่ฮุ่ยหรานว่า "ดูเหมือนว่าจ้าวเทียนหวา ยังคงห่วงใยครอบครัวหลี่ของเราอยู่นะ"หลี่เหวินเชาก็พยักหน้าเช่นกัน "จริงครับ ครั้งนี้แม้แต่คนในตระกูลถังก็มาแล้ว จะต้องเป็นผู้จัดการจ้าวที่เรียกมาอย่างแน่นอนเลยนะครับ"หวางเส้าหลงกลอกตามองบนในเวลานี้ และพูดว่า "ฮุ่ยหราน คุณก็อย่าเสียใจไปเลย ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้วนะ"หลี่ฮุ่ยหรานถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน "ไสหัวออกไปให้พ้น ตอนนี้ฉันไม่อยากฟังคุณพูดอะไรทั้งนั้น"หลังจากรู้ว่าหวางเส้าหลงเป็นเพียงคนโกหก หลี่ฮุ่ยหรานก็ยิ่งรังเกียจเขามากขึ้นที่แท้การที่ตัวเธอสามารถประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่หวางเส้าหลงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะจ้าวเทียนหวาเสียมากกว่าแม้ว่าจ้าวเทียนหวาจะยุติความร่วมมือกับเธอไปนานแล้ว แต่คนคนนั้นที่ถังหว่านได้พูดถึง นอกจากจ้าวเทียนหวาแล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก?โดยที่คุณปู่ตระกูลถังก็ยิ่งตอบตกลงที่จะให้เธอดำเนินการประมูล หลังจากได้ยินเพียงชื่อของจ้าวเทียนหวาเท่านั้นเธอควรคิดได้ตั้งนานแล้วว่า หวางเส้าหลงมีคุณสมบัติอย่างไรที่จะไปควบคุมความคิดของตระกูลถังได้แบบนั้น"เฮ้ ฮุ่ยหราน คุณอย่าเกรี้ยวกราด
หลินเฟิงต้องการเดินเข้าไปหาเพื่อปลอบโยน แต่ถูกหลี่ฮุ่ยหรานผลักออกไปเสียก่อนจางกุ้ยหลานตะโกนด้วยความโกรธว่า "แกมาทำอะไรที่นี่ ไอ้สวะ?""ลูกสาวของฉันไม่อยากแกตอนนี้ รีบไสหัวออกไปซะ"หลินเฟิงเพิกเฉยต่อจางกุ้ยหลาน แต่มองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานอย่างจริงจัง "ฮุ่ยหราน คุณอย่ากังวลไปเลยนะ อาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก""ผมมีตำรับยาที่ใช้กำจัดรอยแผลเป็นโดยเฉพาะนะ""และรอยแผลบนใบหน้าของคุณจะไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้หรอกนะ"หลี่ฮุ่ยหรานปิดหูและส่ายหน้าไปมา ตอนนี้เธอไม่ต้องการพูดอะไรทั้งนั้น และก็ยิ่งไม่อยากจะเห็นหลินเฟิงด้วยเธอไม่อยากจะเจอใครทั้งนั้นเมื่อได้ยินดังนั้น จางกุ้ยหลานก็สาปแช่งออกมาทันทีว่า "ไอ้สวะ แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ ลูกสาวของฉันไม่ต้องการให้แกมารักษาหรอก""คนแซ่หลิน นายฟังภาษาคนไม่ออกหรือไง? "หลี่เหวินเชาสาปแช่งออกมาแม้แต่แพทย์ก็ยังแนะนำในเวลานี้ "คุณผู้ชายท่านนี้ ตอนนี้อารมณ์ของคนไข้กำลังแปรปรวนอยู่ คุณออกไปก่อนจะดีกว่านะครับ"คราวนี้หลินเฟิงไม่ได้พูดอีกต่อไป เขารู้ว่าไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไรในตอนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็คงไม่รับฟังอย่างแน่นอนเขาถอยกลับไปอย่างเงียบๆ และดู
"แม่งเอ๊ย ไอ้หลินเฟิงคนนี้ ฉันจะฆ่ามันไม่ช้าก็เร็ว""คิดไม่ถึงเลยว่า ไอ้หลินเฟิงคนนี้จะหานักสู้มือฉกาจมาได้มากมายขนาดนั้น"จู่ๆ เฉินเฟยอวี่ก็ถามขึ้นมาว่า "รู้หรือเปล่าว่าผู้ช่วยที่มันหามาเป็นใคร?""ไม่ค่อยแน่ใจครับ...""ดูเหมือนว่าหลินเฟิงยังมีภูมิหลังอยู่บ้าง ครั้งนี้ฉันประเมินศัตรูต่ำไปจริงๆ"เฉินเฟยอวี่โทษตัวเอง"คุณชายเฉินครับ ผมคิดว่าเราควรจะออกจากเจียงโจวให้เร็วที่สุดดีกว่านะครับ คนของหลินเฟิงกำลังติดตามเราอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วเขาคงไม่คิดที่จะปล่อยเราออกไปอย่างแน่นอนเลยครับ"ลูกน้องได้แนะนำในเวลานี้ "รอให้เรากลับไปที่จงโจวแล้ว ค่อยคิดหาวิธีเอาคืนหลินเฟิง มันก็ยังไม่สายนะครับ"เฉินเฟยอวี่พยักหน้าเห็นด้วย น้ำเสียงของเขาฟังดูไร้เรี่ยวแรงเอาเสียมากๆ "กลับไปที่จงโจวก่อนเถอะ""ฉันได้ติดต่อลุงรองแล้ว เขาจะมารับพวกเราทางน้ำนะ"ในที่สุดชายทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากได้ยินแบบนั้นเห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนเช่นพวกเขาสามารถจัดการได้โชคดีเหลือเกินที่คุณชายสี่ไม่ได้ดื้อรั้นแต่อย่างใด เพราะหากขืนอยู่ในเจียงโจวต่อไปคาดว่าพวกเขาสองคนจะมีแต่ทางตันเท่านั้น
หลินเฟิงจับจ้องไปที่เฉินเฟยอวี่ด้วยดวงตาคู่อาฆาต"แกกลับมาตอนนี้ ฉันจะให้แกเห็นดีกันไปเลย"เฉินเจี้ยนเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างเย็นชาว่า "ไอ้หนุ่ม ไม่ว่านายจะมีพลังมากแค่ไหนในเจียงโจว เมื่อข้ามแม่น้ำสายนี้ไปแล้วก็คืออาณาเขตของจงโจว แล้วนายจะมีอะไรให้อวดเก่งอยู่อีก?"ไอ้หนุ่มคนนี้ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้ มันยังพูดปาวๆ ว่าต้องการฆ่าหลานชายของเขามันช่างไม่เห็นตระกูลเฉินจากเมืองจงโจวอยู่ในสายตาจริงๆเฉินเฟยอวี่หัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่าฮ่า... หลินเฟิง ถ้าแกมีความสามารถก็เข้ามาเลย""คุณชายอย่างฉันจะรอแกอยู่ตรงนี้นะ""ถ้าไม่กล้าก็อย่าปากดีไปหน่อยเลย"เมื่อเฉินเฟยอวี่เห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้โกรธเท่าที่เขาจินตนาการไว้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยเขากลอกตามองบน และเยาะเย้ยอีกครั้งว่า "หลินเฟิง ดูแลผู้หญิงของตัวเองให้ดีๆ ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคดีไปนะ""ครั้งหน้าหากฉันมาเจียงโจวอีกครั้ง เธอจะต้องมารับใช้ฉันถึงเตียงอย่างแน่นอน""แม่งเอ๊ย"จ้าวเทียนหวาโกรธมาก และหันไปมองหลินเฟิง "คุณชายหลินครับ ต้องการเตรียมเรือหรือเปล่าครับ?"หลินเฟิงส่ายหน้า และพูดกับเฉิน
ที่นอกประตู ซือหม่าเซิงลดเสียงลงเพื่อยืนยันตัวตนของหลินเฟิง ในขณะที่กัวไฉซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมด้านในประตูจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ“พวก...พวกแกติดสินบนพี่เซิงมาก่อนหน้างั้นเหรอ?”“พี่เซิง?”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับประธานของบริษัทเต๋อเซิ่งแห่งนี้ เธอจะติดสินบนเขาได้ยังไงกัน?หลี่ฮุ่ยหรานจึงมองไปที่หลินเฟิง“หากบุคคลนั้นมาจากตระกูลซือหม่าจริง เขาก็ควรจะได้ยินชื่อฉัน หากเขาได้ยินชื่อฉัน….”หลินเฟิงแสดงสีหน้าเสียใจต่อกัวไฉ“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงโชคร้ายแล้วล่ะ”“นี่มัน... เป็นไปได้ยังไง?!”กัวไฉส่งเสียงคำรามแหบพร่า ซึ่งส่งไปที่หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพูดว่า“แกไม่ใช่ผู้นำตระกูลหลี่เล็ก ๆ ในเจียงหนานหรอกเหรอ? และแก….”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงอีกครั้ง“แกไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดโง่ ๆ เหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่แกจะมีเส้นสายตระกูลซือหม่าในเมืองหลวงได้?!”“ฉันเคยมีปัญหากับตระกูลซือหม่าอยู่ช่วงหนึ่ง”เมื่อเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย หลินเฟิงก็อธิบายอย่างช่วยไม่ได้:“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้อาอวี๋ส่งยาเป็นเครื่องบรรณาการตระกูลซือหม่าแทนฉัน แต่อาอวี๋ได้รั
“หลิน...หลินเฟิง?!”ซือหม่าเซิงจำได้ทันทีถึงคำเตือนเป็นพิเศษ ที่ซือหม่าเผิงหัวเคยสั่งเขาในระหว่างการประชุมออนไลน์กับตระกูลหลักซือหม่าก่อนหน้านี้“นี่คือชายหนุ่มที่ชื่อหลินเฟิง ซึ่งเมืองเจิ้งเต๋อที่นายอยู่ ก็ไม่ไกลจากเจียงโจวเลย ดังนั้นฉันกังวลว่านายอาจจะไปยั่วยุเขาได้”“จดจำไว้!”“ตระกูลซือหม่าของเราไม่อยากไปยั่วยุคน ๆ นี้ในตอนนี้! หากนายไปยั่วยุเขา ก็เตรียมรับโทษของตระกูลได้เลย!”ซือหม่าเซิงสั่นไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็หลุดออกจากความทรงจำและเปรียบเทียบหลินเฟิงกับรูปถ่ายที่เขาจำได้อย่างระมัดระวังใช่แล้ว เป็นเขาจริง ๆ!ในขณะนี้ เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมาจากหลังของซือหม่าเซิงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ทำไมซือหม่าเผิงฮวาจึงให้ความสนใจหลินเฟิงเป็นพิเศษ แต่สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ ถ้าเขาไปยั่วยุหลินเฟิง เขาจะละเมิดกฏตระกูลซือหม่าอย่างแน่นอน!เมื่อถึงเวลานั้น ชะตากรรมของเขา…..เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซือหม่าเซิงก็ตัวสั่นเทาทันทีทันใดนั้น เขาเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า แถมกำลังยั่วยุหลินเฟิงอยู่อีก“แกพิเศษอะไร!”เลือดลมของซือหม่าเซิงพุ่งพล่าน กัวไฉโยนขี้ก้อนใหญ่มาให
“แกไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม?”กัวไฉส่ายหัวและยิ้มพร้อมพูดว่า“แกรู้ไหมว่า กองกำลังที่ห้ามท้ายทายในเมืองเจิ้งเต๋อคือใคร หรือ... แกรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังพี่เซิง?”“ฉันไม่รู้”คำตอบที่ซื่อตรงของหลินเฟิง ทำให้กัวไฉพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เขากลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยาะ“คนเบื้องหลังพี่เซิงคือตระกูลซือหม่า หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง! ชื่อเต็มของพี่เซิงคือซือหม่าเซิง”“ตระกูลซือหม่า?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปทันทีต้องรู้ว่าตระกูลซือหม่า เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองหลวง และเป็นตระกูลที่ไม่ควรยั่วยุมากสุด รองจากตระกูลหลงหากบริษัทเต๋อเซิ่งมีตระกูลซือหม่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การทวงเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปอาจเป็นไปไม่ได้ยากที่จะเอากลับคืนมา“เหอะ….”ตอนนี้ซือหม่าเซิงยังแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจเล็กน้อย เพราะเขาเห็นแววของความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังบนใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหราน“แบบนี้เป็นไง เอาเงินมา 250 ล้าน เพื่อชดเชยเวลาที่รบกวนพี่เซิงซะ แล้วเราอาจจะปล่อยพวกแกไป”“ถ้าพวกแกปฏิเสธ ฮึ่ม...”ท่าทางที่น่ารังเกียจของก
“อย่ากังวลไปเลยน้องกัวไฉ ฉันรับเงินของนายมาแล้ว ฉันต้องจัดการให้อย่างแน่นอน”พี่เซิงรินชาใส่ถ้วยอย่างใจเย็นและสั่งการลูกน้องของเขา "ให้พวกเขาเข้ามา!”“ครับ”เมื่อลูกน้องออกไป ไม่กี่วินาทีต่อมา หลินเฟิงและหลี่ฮุยหรานก็เข้ามาในสำนักงาน“พวกคุณ... หื้ม?!”ขณะที่พี่เซิงกำลังจะพูดกับพวกเขา เขาก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของหลินเฟิง ซึ่งดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดเหมมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน“พี่เซิง? พี่เซิง? เป็นอะไรไป? ทำไมคุณถึงเหม่อไปล่ะ?”เมื่อเห็นพี่เซิงจ้องมองหลินเฟิงอย่างว่างเปล่า กัวไฉก็ขมวดคิ้วและสะกิดเขาให้กลับมาได้สติ“ฮะ? โอ้... ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”พี่เซิงจำได้ทันทีชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับบุคคลที่ผู้นำตระกูล เตือนไว้ว่าอย่าไปยั่วยุเด็ดขาดแม้จะรู้สึกสงสัย แต่พี่ชายเซิงก็ระงับความสงสัยของตนไว้และหันไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน“อะไรกัน? ประธานคนใหม่ของกลุ่มหลี่ถึงกับมาที่บริษัทเล็ก ๆ ของฉัน เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันงั้นเหรอ?”พี่เซิงส่ายหัวและเป่าแก้วชา ด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลาย“ฮึ่ม….”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งหลี่ฮุ่ยหรานรู้จักเขาดี ก่อนหน้านี้เคย
หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนเด็ดขาด บอกว่าไปก็ไปไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าบริษัทเต๋อเซิ่งขณะนี้ กัวไฉ ลูกชายของกัวโหยวเต๋อ อยู่ในออฟฟิศกำลังคุยกับชายหัวโล้นด้วยท่าทางดุร้าย“พี่เซิง นี่เงิน 1000 ล้าน”กัวไฉดูไม่แก่เลย แต่ท่าทางของเขาค่อนข้างซับซ้อน เขาวางเช็คบนโต๊ะแล้วผลักไปทางชายหัวโล้น“หืม? คราวนี้เกิดอะไรขึ้น? นายอยากให้ฉันเป็นคนจัดการให้ใครสักคนแทนนายเหรอ?”ดูเหมือนว่ากัวไฉจะเป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน ทันทีที่เขารับเช็คไปข้างหน้าพี่เซิง พี่เซิงก็ไขว่ห้าง จุดบุหรี่ และถามอย่างไม่ใส่ใจ“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไรปิดบังพี่เซิงได้จริง ๆ”กัวไฉยิ้มและพูดว่า“บริษัทของพ่อฉัน หลี่ซื่อกรุ๊ปประสบปัญหาบางอย่าง พ่อของฉันถูกพวกเขาคุมขัง”“ตระกูลหลี่มีประธานหญิงคนใหม่ ที่ต้องการควบคุมหลี่ซื่อกรุ๊ปอย่างเต็มรูปแบบ เธอขัดแย้งกับพ่อของฉัน”“พ่อของฉันตั้งใจว่า จะไม่ให้คุณพูดถึงเรื่องเงินที่ได้จ่ายไปก่อนหน้านี้ คืนกลับไปให้เธอ และจะดีที่สุดถ้าคุณสามารถหาวิธีทำให้เธออับอาย บางทีก็อาจถึงขั้น….”กัวไฉทำท่าเฉือนคอด้วยมือของเขา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พี่เซิงก็ส่งเช็ค 1000 ล้านคืนให้กัวไฉทันที ขมว
หลี่ฮุ่ยหรานหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ“แต่ตอนนี้ฉันเป็นประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ฉันต้องเอาเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปคืนมา เข้าใจไหม?”“เข้าใจ แต่ว่า...”โจวคุนยังคงกังวลหลี่ฮุ่ยหรานมาจากเจียงโจวและไม่เคยอยู่ในเมืองนี้นานนัก เธอไม่เข้าใจความน่ากลัวของบริษัทเต๋อเซิ่งเลยต้องรู้ว่า บริษัทนี้เชี่ยวชาญในธุรกิจสีเทา เช่น การว่าจ้างบอดี้การ์ดและอันธพาล และยังมีปรมาจารย์การต่อสู้หลายคนในบริษัทด้วยหนี้ที่กัวโหย่วคังกล่าวถึง เป็นเพียงค่าจ้างงานที่เขาจ่ายให้กับผู้อื่นก่อนหน้านี้ โดยคำนวณเป็นรายปีเป็นค่าจ้างการใช้บริการสองปีการที่หลี่ฮุ่ยหรานเรียกร้องขอคืนด้วยตัวเองนั้น เปรียบเสมือนกระตุกหนวดเสือกล้าบ้าบิ่นกันมากจริง ๆ “เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ฉันยังมีหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยอยู่”หลี่ฮุ่ยหรานมองหลินเฟิง อย่างมีนัยยะชัดเจน“เอาจริงเหรอ พี่? คุณต้องพึ่งหลินเฟิงเพียงคนเดียวจริง ๆ เหรอ ในการจัดการกับใครบางคนจากบริษัทอื่น”“ฉันรู้ว่าเขามีฝีมืออยู่บ้าง แต่….”จางซินไม่พูดต่อเพราะหลี่ฮุ่ยหรานได้เตือนเธอด้วยสายตาแล้วถ้าจางซินกล้าพูดอีกครั้ง หลี่ฮุ่ยหรานอาจจะไม่สุภาพกับเธออีกต่อไปหลี
หลังจากพูดออกไป หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้ฟังสิ่งที่จางกุ้ยหลานจะพูดและวางสายทันที“อะไรนะ ฉันได้ยินถูกใช่ไหม? พี่ ทำไมคุณถึงใจร้ายจัง!”“ฉันแค่มาสายนิดหน่อยและไม่ได้ดูแลโน้ตบุ๊คของคุณให้ดี ทำไมคุณถึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้!”“ฉันไม่ใช่ญาติของคุณเหรอ?!”“ฉันได้ขอให้จ้าวเอ่ยส่งโน้ตบุ๊คของคุณมาให้แล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก? คนอื่นเขาก็ยุ่งมากทั้งนั้น!”“ส่งมาให้ได้ ก็ถือว่าไว้หน้าคุณมากแล้ว!”คำพูดของจางซินเกือบทำให้หลอดเลือดในขมับของหลี่ฮุ่ยหรานแตก เธอยิ้มเยาะและส่ายหัวด้วยความผิดหวัง และไม่ต้องการพูดอะไรกับจางซินอีกเลยเธอเดินกลับไปที่สำนักงานของเธอเอง“จริงเลย ๆ ทำไมพี่ถึงทำกับฉันแบบนี้!”จางซินกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดหลินเฟิงที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมด โดยสังเกตดวงตา จมูก ปาก และหัวใจด้วยท่าทางสับสน และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขาเขาต้องรับผิดชอบแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น และไม่อยากกังวลเรื่องอื่นในตอนนี้แต่ในความเป็นจริง หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงความดันโลหิตของหลี่ฮุ่ยหรานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้วในฐานะผู้หญิงที่เข้มแข็ง หลี่ฮุ่ยหรานจึงมัก
“คุณพระ!”จางซินตบหน้าผากของเธอและทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า“โอ้ไม่ โอ้ไม่ พี่ ฉันมัวแต่สนใจการออกเดทกับแฟนจนลืมเรื่องนี้ไป…..”“เธอ….เฮ้อ…..”หลี่ฮุ่ยหรานไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วจางซินได้ตำแหน่งนี้เพราะจางกุ้ยหลานบ่นให้หลี่ฮุ่ยหรานฟังทุกวันในช่วงนี้ โดยขอให้หลี่ฮุ่ยหรานหางานให้จางซินเพราะเมื่อจางซินมาที่ตัวเมือง เขาบังเอิญได้พบกับหนุ่มหล่อจากแผนกก่อสร้างเมืองของเมืองเจิ้งเต๋อตอนนั้น หนุ่มหล่อคนนี้ ได้ถามจางซินเกี่ยวกับงานของเธอจางซินกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ เธอจึงบอกว่าเธอทำงานในหลี่ซื่อกรุ๊ปและหนุ่มหล่อคนนั้นเข้าใจผิดว่า หลี่ซื่อกรุ๊ปที่จางซินพูดถึงคือหลี่ซื่อกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อในตัวเมืองแต่ไม่ใช่หลี่ซื่อกรุ๊ปในเมืองเจียงโจวนั่นคือเหตุผล ที่ทำให้จางซินจึงขอร้องป้าและพี่เธอเพราะยังไง พี่เธอเป็นผู้นำตระกูลหลี่แล้ว การมอบตำแหน่งในบริษัทให้เธอก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ?หลี่ฮุ่ยหรานเอง ก็เรื่องของจางซิน ทำให้รำคาญใจมาเป็นเวลานานเช่นกันแน่นอนว่า การหางานให้จางซินไม่ใช่เรื่องยากสิ่งที่ยากคือจางซินไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการกิน ๆ ดื่ม ๆ และเที่ยวเล่นส
“มีสามสิ่งที่หลี่ซื่อกรุ๊ปจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนตอนนี้ หากสามารถทำสามสิ่งนี้ได้ ฉัน กัวโหย่วคังจะชดใช้หนี้ที่ติดค้างบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเดี๋ยวนี้”“และหลังจากนั้น ฉันจะมอบตัว”หลังจากพูดจบ กัวโหย่วคังก็เหลือบมองหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดูถูกและพูดอย่างใจเย็น“ว่าไงล่ะ เธอกล้าไหม?”“ทำไมฉันต้องฟังคุณด้วย?”หลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองกัวโหย่วคังด้วยท่าทีเหมือนคนโง่และพูดอย่างเย็นชา“ตอนนี้ฉันสามารถส่งคุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าคุณอยู่ในตำแหน่งที่จะต่อรองกับฉันได้?”“ฮ่า ๆ……”ใครก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กัวโหย่วคังไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังหัวเราะอย่างร่าเริงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดว่า“เธอยังเด็กเกินไป ประธานกรรมการหลี่!”“ฉันได้เตรียมทางออกสำหรับตัวเองไว้แล้ว เงินที่ฉันได้รับจากบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่ฉันก่อตั้งขึ้นเองในนามของฉันเอง”กัวโหย่วคังหรี่ตาและพูด“และองค์กรการกุศลนี้ก็อยู่ต่างประเทศ!”“ถ้าเธอส่งฉันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ว่าฉันอาจถูกประหารชีวิต แต่เงินของบริษัทตลอดหลายปีมานี้ สลึงเดียวเธอก็เอากล