ข่าวลือว่ากันว่าเมื่อสามปีก่อนสำนักเสวียนเทียนถูกทำลายล้าง มีเพียงเจ้าสำนักและศิษย์สายตรงหายตัวไปหรือว่าวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ก็คือศิษย์สายตรงของสำนักเสวียนเทียน?ตอนนั้นภายใต้การล้อมโจมตีของสี่สำนักใหญ่ มีลูกศิษย์คนโตของสำนักเสวียนเทียนที่ฆ่าล้างไปทั่วถนน เขาคือหลินชิงเสวียน?!อาศัยขั้นเทพก็สามารถแย่งชิงอันดับหนึ่งของลำดับโลกในตอนนั้นมาได้!นี่มันคือความสามารถระดับไหนกัน?ในตอนนี้ฟ่านอู๋จี๋ไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไปว่าสำนักเฉินสือจะสร้างความลำบากอะไรให้หลินเฟิงได้ แต่เขากลับเริ่มเป็นกังวล หลังจากที่หลินชิงเสวียนจัดการคนของสำนักเสินฉือแล้ว จะเป็นไปได้ไหมที่เลือกฆ่าปิดปากพวกเขาปู่หลานสองคน เพื่อที่จะปกปิดสถานะ“หลินเฟิง...นาย นายจะฆ่าฉันไม่ได้นะ...”เพียงแค่หมัดเดียว โอวหยางซานก็เหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้าย เขาพยายามที่จะรักษาท่าทางที่แปลกประหลาดเอาไว้ จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว: “ฉันเป็นพี่น้องร่วมสาบานของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ เป็นเพื่อนร่วมรบของเจ้าสำนัก ถ้านายฆ่าฉัน สำนักเสินฉือไม่มีทางปล่อยนายไป!”“คำสั่งเสียพูดจบแล้วยัง?”หลินเฟิงเหลือบมองโอวหยางซ
หลินเฟิงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าประตูโรงบู๊ถูกคนถีบเปิดดออก ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายความเป็นยอดฝีมือ สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาและมีผมหงอกที่ปลิวไปไสวเดินเข้ามาสายตาของชายวัยกลางคนเฉียบแหลมราวกับอีแร้ง จ้องมองหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่อึมครึมอย่างยิ่งบุคคลนี้ก็คือโอวหยางป๋อ ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ “พ่อ!" เมื่อเห็นคนที่มาถึง ความดีใจก็พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของโอวหยางชิ่งทันทีเธอล้มลุกคลุกคลานไปข้าง ๆ ชายเสื้อคลุมสีเทา ก่อนจะร้องไห้น้ำตาไหลแล้วพูดว่า “พ่อ! พ่อต้องจัดการแทนหนูนะ! หลินเฟิงเขา... หลินเฟิงเขาฆ่าคุณอาซาน!”“อะไรนะ?!”โอวหยางป๋อมองตามการชี้นำของลูกสาวตัวเอง แวบเดียวก็เห็นศพของโอวหยางป๋อที่แผ่หลาอยู่ภายในหลุมลึก แววตาที่อึมครึมราวกับจะมีน้ำหยดออกมา“มารผจญ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าฆ่าผู้อาวุโสสำนักเสินฉือของฉัน!”“ฆ่าแล้วจะทำไม?”หลินเฟิงรู้ว่า ชายเสื้อคลุมสีเทาคนนี้อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดที่ตัวเองจะต้องเผชิญหน้าในวันนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่เกรงใจใด ๆ ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ยอดฝีมือลำดับห้าของสำนักเสินฉือของพวกคุณ เพียงแค่รับหมัดของผมไปหมัดเดียวก็จะตายแ
ถ้าหากว่าพวกเขาตายแล้ว คนในครอบครัวก็ยังได้รับเงินบำเหน็จ แต่หากพวกเขาหนีสงคราม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องตาย แต่คนในครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนชุดดำที่อยู่โดยรอบ หลินเฟิงก็ไม่เมตตาอยู่แล้ว หยวนชี่ทั้งห้าโคจร ใช้ระดับเซียนเทียนบดขยี้คนชุดดำทั้งกลุ่มในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่ไม่กลัวตายของพวกเขา หลินเฟิงก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรคนพวกนี้ต่างก็เป็นลูกศิษย์กำลังภายในทั้งหมด และมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นยอดฝีมือกำลังภายในหลินเฟิงอาจจะไม่มีปัญหามากนักในการรับมือกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่รับมือกับหลายสิบคน หรือมากกว่าร้อยคน ก็อาจจะทำให้หลินเฟิงมีอุปสรรคมากขึ้นเล็กน้อยมดเยอะกัดช้างตาย หลักการข้อนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น“คุณปู่ คุณรีบไปช่วยพี่หลินเฟิงคนนั้นสิ!”หลานสาวของฟ่านอู๋จี๋เห็นหลินเฟิงรับมือได้ลำบาก เธอก็รีบตะโกนเสียงดังแต่ทว่าฟ่านอู๋จี๋กลับยืนอยู่ห่างจากเหตุการณ์ สายตาของเขาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อน หากว่าหลินเฟิงชนะ งั้นปู่และหลานทั้งสองคนก็ควรพิจารณาว่าจะรับมือยังไงกับหลินเฟิงที่เป็นลูกศิษย์สำนัก
ในเวลานี้ตระกูลไป๋กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเถาเซิ่ง ตระกูลเถาเป็นตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในหนานโจวปีนี้เถาเซิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาที่หนานโจว ก็นับว่าหวนคืนสู่บ้านเกิดในสภาพที่ได้ดีเขาและไป๋ชิงเฉี่ยนในสมัยนั้นอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นของตระกูลสูงศักดิ์ และเป็นเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนเดียวกันแถมไป๋ชิงเฉี่ยนยังหน้าตาไร้เดียงสาและสวยมากมาตั้งแต่เด็ก ในใจของเถาเซิ่งก็มีความรักใคร่ชื่นชมต่อไป๋ชิงเฉี่ยน ตอนที่จบการศึกษาก็แสดงความรักใคร่ชื่นชมของตัวเองให้กับไป๋ชิงเฉี่ยนได้เห็นแต่น่าเสียดายที่ไป๋ชิงเฉี่ยนในเวลานี้ยังคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะและปฏิเสธไม่ยอมคบกับเขา จึงทำให้เถาเซิ่งเสียใจอย่างมากนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศอย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปเรียนต่างประเทศมาหลายปี เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเฉี่ยนจะหมั้นหมายแล้ว และยังเป็นตระกูลเหยนในเจียงโจว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศกเสียใจในเมื่อเบื้องหลังของตระกูลเหยนก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจวถึงแม้ว่าตระกูลเถาจะเป็นตระกูลที่มีทั
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่พูดตรงไปตรงมาของไป๋เจิ้นหัว เถาเซิงก็ตกตะลึง ในใจก็เกิดความโมโหพรั่งพรูออกมา“คุณลุงคำพูดนี้ร้ายแรงนัก ไม่สู้คุณลุงบอกมาว่า คุณชายของตระกูลไหนกัน เป็นคุณชายตระกูลไหนที่สามารถทำให้ผมเถาเซิงไม่คู่ควร?”เมื่อเห็นเถาเซิงไม่ยอมแพ้ และสีหน้าที่แสดงถึงความกลัดกลุ้มของลูกสาวตัวเอง ไป๋เจิ้นหัวก็ใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ แล้วรู้สึกว่าตอนนี้น่าจะสมควรแล้วคิดตามเวลานี้แล้ว หลินเฟิงก็น่าจะจบเห่ไปแล้วดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณชายเถาเซิง งั้นฉันก็จะทำให้คุณได้ตายใจไปซะ”“แฮ่มแฮ่ม”ไป๋เจิ้นกระแอมในลำคอ ก่อนจะชี้ไปที่ไป๋ชิงเฉี่ยนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกสาวของฉันจะแต่งงานกับนายน้อยโอวหยาง ลูกชายของเจ้าสำนักเสินฉือ ”“คุณชายตระกูลเถา ทางที่ดีคุณควรจะพิจารณาตัวเองสักหน่อย ดูว่าตระกูลเถาของคุณสามารถที่จะแข่งขันกับสำนักเสินฉือได้หรือเปล่า”“ถ้าไม่ได้ ก็เชื่อฟังแล้วละทิ้งความคิดที่เป็นไปไม่ได้ซะ”เมื่อได้ยินพ่อของตัวเองพูดถึงลูกชายของสำนักเสินฉือ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ แล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที จากนั้นก็ลุกยืนขึ้น“คุณพ่อ คุณพ่อจะทำเก
“พ่อ พ่อตบหนูเหรอ? พ่อตบหนูเพื่อผู้หญิงคนนี้เหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนกุมใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่พ่อด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อตั้งแต่เด็กเธอเป็นคนที่ได้รับความรักความทะนุถนอมจากพ่อที่สุดแต่ตั้งแต่ที่ตระกูลเหยนล่มสลาย พ่อของตัวเองก็เปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆก่อนหน้านี้เขายังให้ความสำคัญความคิดเห็นและทางเลือกของเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ใช้คำว่าบ้าอำนาจและจิตใจเย็นชาแทนได้เลย ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อตัวเองจะเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ถึงขนาดตบหน้าลูกตัวเองเพื่อผู้หญิงที่เคยหลอกลวงหลินเฟิงแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโตไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้มาก่อนหลี่ซืออวี่เป็นใครเธอที่เคยเห็นภาพที่แอบถ่ายในโรงแรมรู้ดีที่สุด ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์มาก แต่ก็ทำอะไรโดยไม่ใช้สมอง ชอบโอ้อวด พ่อของเธอจะพอใจกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง?ไม่ต้องพูดถึงอายุของผู้หญิงคนนี้ที่ยังน้อยกว่าตัวเองอยู่หลายปี“พ่อ หนูผิดหวังกับพ่อมาก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา แล้วพูดเสียงดัง“ลูก....”เมื่อมองเห็นไป๋ชิงเฉี่ยนเป็นแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เสียงโอดครวญของหลี่ซือ
ไป๋เจิ้นหัวนั่งลงก่อนจะพูดอย่างใจเย็น ว่า “ตอนนั้นฉันได้ชดเชยให้หลินเฟิงเป็นสองเท่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เจียมตัวเหมือนเดิม ถึงขนาดส่งผลกระทบกับลูกสาวของฉัน!”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ก็เป็นเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”“ขอเพียงแค่เขาตาย สำนักเสินฉือก็จะตอบรับการแต่งงานกับตระกูลไป๋”“พ่อ พ่อบ้าไปแล้วจริง ๆ”ไป๋ชิงเฉี่ยนจับกระโปรงของตัวเองยกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องรับแขกอย่างคลุ้มคลั่ง“คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน”หลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆกำลังจะไปขวางด้านหน้าไป๋ชิงเฉี่ยนที่กำลังจะเดินออกไป แต่กลับเห็นไป๋เจิ้นหัวโบกมือพร้อมกับตะโกนพูดว่า “ให้เธอไป ยิ่งอยู่ยิ่งไม่เชื่อฟังแล้ว!”“ยังไงเธอก็ไม่สามารถออกไปจากประตูใหญ่ของตระกูลไป๋ได้!”ไป๋ชิงเฉี่ยนยังคงโทรศัพท์หาหลินเฟิงไปตลอดทาง แต่โทรศัพท์ของหลินเฟิงกลับสายไม่ว่าง และไม่สามารถเชื่อมต่อได้ไป๋ชิงเฉี่ยนรู้สึกตำหนิตัวเองในใจอย่างมากเธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองกว่าจะได้ช่วยเหลือหลินเฟิง แต่กลับคาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นหลุมพรางของพ่อตัวเองเช่นกันเป็นเธอที่ทำร้ายหลินเฟิง ทำร้ายผู้มีพระคุณของเธอ“ถ้าหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับคุณหลินเฟิงเพราะฉัน ง
“เธอใจร้ายได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ ชิงเฉี่ยน”เมื่อต่งหลิงอวี้พูดประโยคนี้จบแล้ว จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันของตระกูลไป๋พาไป๋ชิงเฉี่ยนไปขังอยู่ในห้องของตัวเธอเอง“ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต...ตอบแทนด้วยการเนรคุณ...ฮึ่ม....”ต่งหลิงอวี้มองไปที่ประตูใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมาแต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกผิดสังเกต ลมปราณเริ่มปั่นป่วนและมีใครบางคนอยู่ข้างหลังเธอยังไม่รอให้เธอหันกลับไป ที่หลังคอของเธอถูกมีดฟาดอย่างแรง เบื้องหน้าของต่งหลิงอวี้ก็มืดลงและหมดสติไปทันทีภายในห้องรับแขกของไป๋ชิงเฉี่ยนเถาเซิ่งยังไม่ได้จากไปหลังจากที่ละครตลกเพิ่งจะจบไป เถาเซิ่งมองความคิดของไป๋ชิงเฉี่ยนออกว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้อยู่กับคู่หมั้นที่ไป๋เจิ้นหัวจัดเตรียมให้ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณลุง เมื่อเปรียบเทียบกับลูกชายของสำนักเสินฉือ บางทีตระกูลเถาของผมอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น” “แต่ถ้าคุณบังคับชิงเฉี่ยนแบบนี้ ไม่กลัวว่าชิงเฉี่ยนจะทำเรื่องอะไรที่มันสุดโต่งบ้างเหรอ?”“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณที่เป็นคนนอกมากังวลเรื่องนี้หรอก”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน