หลินเฟิงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าประตูโรงบู๊ถูกคนถีบเปิดดออก ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายความเป็นยอดฝีมือ สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาและมีผมหงอกที่ปลิวไปไสวเดินเข้ามาสายตาของชายวัยกลางคนเฉียบแหลมราวกับอีแร้ง จ้องมองหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่อึมครึมอย่างยิ่งบุคคลนี้ก็คือโอวหยางป๋อ ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ “พ่อ!" เมื่อเห็นคนที่มาถึง ความดีใจก็พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของโอวหยางชิ่งทันทีเธอล้มลุกคลุกคลานไปข้าง ๆ ชายเสื้อคลุมสีเทา ก่อนจะร้องไห้น้ำตาไหลแล้วพูดว่า “พ่อ! พ่อต้องจัดการแทนหนูนะ! หลินเฟิงเขา... หลินเฟิงเขาฆ่าคุณอาซาน!”“อะไรนะ?!”โอวหยางป๋อมองตามการชี้นำของลูกสาวตัวเอง แวบเดียวก็เห็นศพของโอวหยางป๋อที่แผ่หลาอยู่ภายในหลุมลึก แววตาที่อึมครึมราวกับจะมีน้ำหยดออกมา“มารผจญ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าฆ่าผู้อาวุโสสำนักเสินฉือของฉัน!”“ฆ่าแล้วจะทำไม?”หลินเฟิงรู้ว่า ชายเสื้อคลุมสีเทาคนนี้อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดที่ตัวเองจะต้องเผชิญหน้าในวันนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่เกรงใจใด ๆ ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ยอดฝีมือลำดับห้าของสำนักเสินฉือของพวกคุณ เพียงแค่รับหมัดของผมไปหมัดเดียวก็จะตายแ
ถ้าหากว่าพวกเขาตายแล้ว คนในครอบครัวก็ยังได้รับเงินบำเหน็จ แต่หากพวกเขาหนีสงคราม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องตาย แต่คนในครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนชุดดำที่อยู่โดยรอบ หลินเฟิงก็ไม่เมตตาอยู่แล้ว หยวนชี่ทั้งห้าโคจร ใช้ระดับเซียนเทียนบดขยี้คนชุดดำทั้งกลุ่มในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่ไม่กลัวตายของพวกเขา หลินเฟิงก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรคนพวกนี้ต่างก็เป็นลูกศิษย์กำลังภายในทั้งหมด และมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นยอดฝีมือกำลังภายในหลินเฟิงอาจจะไม่มีปัญหามากนักในการรับมือกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่รับมือกับหลายสิบคน หรือมากกว่าร้อยคน ก็อาจจะทำให้หลินเฟิงมีอุปสรรคมากขึ้นเล็กน้อยมดเยอะกัดช้างตาย หลักการข้อนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น“คุณปู่ คุณรีบไปช่วยพี่หลินเฟิงคนนั้นสิ!”หลานสาวของฟ่านอู๋จี๋เห็นหลินเฟิงรับมือได้ลำบาก เธอก็รีบตะโกนเสียงดังแต่ทว่าฟ่านอู๋จี๋กลับยืนอยู่ห่างจากเหตุการณ์ สายตาของเขาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อน หากว่าหลินเฟิงชนะ งั้นปู่และหลานทั้งสองคนก็ควรพิจารณาว่าจะรับมือยังไงกับหลินเฟิงที่เป็นลูกศิษย์สำนัก
ในเวลานี้ตระกูลไป๋กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเถาเซิ่ง ตระกูลเถาเป็นตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในหนานโจวปีนี้เถาเซิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาที่หนานโจว ก็นับว่าหวนคืนสู่บ้านเกิดในสภาพที่ได้ดีเขาและไป๋ชิงเฉี่ยนในสมัยนั้นอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นของตระกูลสูงศักดิ์ และเป็นเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนเดียวกันแถมไป๋ชิงเฉี่ยนยังหน้าตาไร้เดียงสาและสวยมากมาตั้งแต่เด็ก ในใจของเถาเซิ่งก็มีความรักใคร่ชื่นชมต่อไป๋ชิงเฉี่ยน ตอนที่จบการศึกษาก็แสดงความรักใคร่ชื่นชมของตัวเองให้กับไป๋ชิงเฉี่ยนได้เห็นแต่น่าเสียดายที่ไป๋ชิงเฉี่ยนในเวลานี้ยังคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะและปฏิเสธไม่ยอมคบกับเขา จึงทำให้เถาเซิ่งเสียใจอย่างมากนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศอย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปเรียนต่างประเทศมาหลายปี เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเฉี่ยนจะหมั้นหมายแล้ว และยังเป็นตระกูลเหยนในเจียงโจว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศกเสียใจในเมื่อเบื้องหลังของตระกูลเหยนก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจวถึงแม้ว่าตระกูลเถาจะเป็นตระกูลที่มีทั
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่พูดตรงไปตรงมาของไป๋เจิ้นหัว เถาเซิงก็ตกตะลึง ในใจก็เกิดความโมโหพรั่งพรูออกมา“คุณลุงคำพูดนี้ร้ายแรงนัก ไม่สู้คุณลุงบอกมาว่า คุณชายของตระกูลไหนกัน เป็นคุณชายตระกูลไหนที่สามารถทำให้ผมเถาเซิงไม่คู่ควร?”เมื่อเห็นเถาเซิงไม่ยอมแพ้ และสีหน้าที่แสดงถึงความกลัดกลุ้มของลูกสาวตัวเอง ไป๋เจิ้นหัวก็ใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ แล้วรู้สึกว่าตอนนี้น่าจะสมควรแล้วคิดตามเวลานี้แล้ว หลินเฟิงก็น่าจะจบเห่ไปแล้วดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณชายเถาเซิง งั้นฉันก็จะทำให้คุณได้ตายใจไปซะ”“แฮ่มแฮ่ม”ไป๋เจิ้นกระแอมในลำคอ ก่อนจะชี้ไปที่ไป๋ชิงเฉี่ยนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกสาวของฉันจะแต่งงานกับนายน้อยโอวหยาง ลูกชายของเจ้าสำนักเสินฉือ ”“คุณชายตระกูลเถา ทางที่ดีคุณควรจะพิจารณาตัวเองสักหน่อย ดูว่าตระกูลเถาของคุณสามารถที่จะแข่งขันกับสำนักเสินฉือได้หรือเปล่า”“ถ้าไม่ได้ ก็เชื่อฟังแล้วละทิ้งความคิดที่เป็นไปไม่ได้ซะ”เมื่อได้ยินพ่อของตัวเองพูดถึงลูกชายของสำนักเสินฉือ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ แล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที จากนั้นก็ลุกยืนขึ้น“คุณพ่อ คุณพ่อจะทำเก
“พ่อ พ่อตบหนูเหรอ? พ่อตบหนูเพื่อผู้หญิงคนนี้เหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนกุมใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่พ่อด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อตั้งแต่เด็กเธอเป็นคนที่ได้รับความรักความทะนุถนอมจากพ่อที่สุดแต่ตั้งแต่ที่ตระกูลเหยนล่มสลาย พ่อของตัวเองก็เปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆก่อนหน้านี้เขายังให้ความสำคัญความคิดเห็นและทางเลือกของเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ใช้คำว่าบ้าอำนาจและจิตใจเย็นชาแทนได้เลย ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อตัวเองจะเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ถึงขนาดตบหน้าลูกตัวเองเพื่อผู้หญิงที่เคยหลอกลวงหลินเฟิงแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโตไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้มาก่อนหลี่ซืออวี่เป็นใครเธอที่เคยเห็นภาพที่แอบถ่ายในโรงแรมรู้ดีที่สุด ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์มาก แต่ก็ทำอะไรโดยไม่ใช้สมอง ชอบโอ้อวด พ่อของเธอจะพอใจกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง?ไม่ต้องพูดถึงอายุของผู้หญิงคนนี้ที่ยังน้อยกว่าตัวเองอยู่หลายปี“พ่อ หนูผิดหวังกับพ่อมาก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา แล้วพูดเสียงดัง“ลูก....”เมื่อมองเห็นไป๋ชิงเฉี่ยนเป็นแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เสียงโอดครวญของหลี่ซือ
ไป๋เจิ้นหัวนั่งลงก่อนจะพูดอย่างใจเย็น ว่า “ตอนนั้นฉันได้ชดเชยให้หลินเฟิงเป็นสองเท่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เจียมตัวเหมือนเดิม ถึงขนาดส่งผลกระทบกับลูกสาวของฉัน!”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ก็เป็นเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”“ขอเพียงแค่เขาตาย สำนักเสินฉือก็จะตอบรับการแต่งงานกับตระกูลไป๋”“พ่อ พ่อบ้าไปแล้วจริง ๆ”ไป๋ชิงเฉี่ยนจับกระโปรงของตัวเองยกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องรับแขกอย่างคลุ้มคลั่ง“คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน”หลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆกำลังจะไปขวางด้านหน้าไป๋ชิงเฉี่ยนที่กำลังจะเดินออกไป แต่กลับเห็นไป๋เจิ้นหัวโบกมือพร้อมกับตะโกนพูดว่า “ให้เธอไป ยิ่งอยู่ยิ่งไม่เชื่อฟังแล้ว!”“ยังไงเธอก็ไม่สามารถออกไปจากประตูใหญ่ของตระกูลไป๋ได้!”ไป๋ชิงเฉี่ยนยังคงโทรศัพท์หาหลินเฟิงไปตลอดทาง แต่โทรศัพท์ของหลินเฟิงกลับสายไม่ว่าง และไม่สามารถเชื่อมต่อได้ไป๋ชิงเฉี่ยนรู้สึกตำหนิตัวเองในใจอย่างมากเธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองกว่าจะได้ช่วยเหลือหลินเฟิง แต่กลับคาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นหลุมพรางของพ่อตัวเองเช่นกันเป็นเธอที่ทำร้ายหลินเฟิง ทำร้ายผู้มีพระคุณของเธอ“ถ้าหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับคุณหลินเฟิงเพราะฉัน ง
“เธอใจร้ายได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ ชิงเฉี่ยน”เมื่อต่งหลิงอวี้พูดประโยคนี้จบแล้ว จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันของตระกูลไป๋พาไป๋ชิงเฉี่ยนไปขังอยู่ในห้องของตัวเธอเอง“ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต...ตอบแทนด้วยการเนรคุณ...ฮึ่ม....”ต่งหลิงอวี้มองไปที่ประตูใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมาแต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกผิดสังเกต ลมปราณเริ่มปั่นป่วนและมีใครบางคนอยู่ข้างหลังเธอยังไม่รอให้เธอหันกลับไป ที่หลังคอของเธอถูกมีดฟาดอย่างแรง เบื้องหน้าของต่งหลิงอวี้ก็มืดลงและหมดสติไปทันทีภายในห้องรับแขกของไป๋ชิงเฉี่ยนเถาเซิ่งยังไม่ได้จากไปหลังจากที่ละครตลกเพิ่งจะจบไป เถาเซิ่งมองความคิดของไป๋ชิงเฉี่ยนออกว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้อยู่กับคู่หมั้นที่ไป๋เจิ้นหัวจัดเตรียมให้ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณลุง เมื่อเปรียบเทียบกับลูกชายของสำนักเสินฉือ บางทีตระกูลเถาของผมอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น” “แต่ถ้าคุณบังคับชิงเฉี่ยนแบบนี้ ไม่กลัวว่าชิงเฉี่ยนจะทำเรื่องอะไรที่มันสุดโต่งบ้างเหรอ?”“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณที่เป็นคนนอกมากังวลเรื่องนี้หรอก”
จงเจว๋หัวเราะเยาะ แล้วก้มมองหลี่ซืออวี่ที่ขดตัวอย่างหวาดกลัวอยู่ในมุมข้าง ๆ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไป ยกเธอขึ้นมาแล้วโยนออกไปด้านนอกประตู“ไป ไปเรียกคนตระกูลไป๋ทั้งหมดมารวมกันที่นี่ ถ้าฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตพวกคุณ ถ้าหากว่าคุณกล้าวิ่งหนี....”“ไป ไป ไป รีบไป เชื่อฟังคำพูดของคุณจง สั่งคนใช้ แล้วบอกว่าเป็นคำสั่งของฉัน ไปเร็ว!”เมื่อเห็นว่ามีดโค้งสีดำเข้ามาใกล้คอของวงตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไป๋เจิ้นหัวก็หวาดกลัวก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังไปทางหลี่ซืออวี่แต่ทว่าหลี่ซืออวี่ที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้น หันไปมองด้านข้าง ก็เห็นหัวและร่างของพ่อบ้านที่แยกออกจากกัน ก่อนจะตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา แล้ววิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง“นังโง่!”ไป๋เจิ้นหัวโมโหแทบตาย“จะหนี?” เมื่อจงเจว๋เห็นหลี่ซืออวี่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพยายามจะหลบหนี แล้วก็โบกมืออย่างไม่สนใจ ก่อนที่ลมปราณภายในจะกลายเป็นพลังงานที่แท้จริง แล้วยิงออกไปที่ไหล่ของเธอในทันทีหลี่ซืออวี่ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะจับไหล่ที่เปื้อนเลือดและล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว“ไปเร็วสิ ไอ้หนุ่ม ไม่งั้นจุดจบของแกจะน่าสมเพชกว่านี้”