หลินเฟิงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าประตูโรงบู๊ถูกคนถีบเปิดดออก ชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายความเป็นยอดฝีมือ สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาและมีผมหงอกที่ปลิวไปไสวเดินเข้ามาสายตาของชายวัยกลางคนเฉียบแหลมราวกับอีแร้ง จ้องมองหลินเฟิงด้วยสีหน้าที่อึมครึมอย่างยิ่งบุคคลนี้ก็คือโอวหยางป๋อ ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเสินฉือ “พ่อ!" เมื่อเห็นคนที่มาถึง ความดีใจก็พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของโอวหยางชิ่งทันทีเธอล้มลุกคลุกคลานไปข้าง ๆ ชายเสื้อคลุมสีเทา ก่อนจะร้องไห้น้ำตาไหลแล้วพูดว่า “พ่อ! พ่อต้องจัดการแทนหนูนะ! หลินเฟิงเขา... หลินเฟิงเขาฆ่าคุณอาซาน!”“อะไรนะ?!”โอวหยางป๋อมองตามการชี้นำของลูกสาวตัวเอง แวบเดียวก็เห็นศพของโอวหยางป๋อที่แผ่หลาอยู่ภายในหลุมลึก แววตาที่อึมครึมราวกับจะมีน้ำหยดออกมา“มารผจญ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าฆ่าผู้อาวุโสสำนักเสินฉือของฉัน!”“ฆ่าแล้วจะทำไม?”หลินเฟิงรู้ว่า ชายเสื้อคลุมสีเทาคนนี้อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดที่ตัวเองจะต้องเผชิญหน้าในวันนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่เกรงใจใด ๆ ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ยอดฝีมือลำดับห้าของสำนักเสินฉือของพวกคุณ เพียงแค่รับหมัดของผมไปหมัดเดียวก็จะตายแ
ถ้าหากว่าพวกเขาตายแล้ว คนในครอบครัวก็ยังได้รับเงินบำเหน็จ แต่หากพวกเขาหนีสงคราม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องตาย แต่คนในครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนชุดดำที่อยู่โดยรอบ หลินเฟิงก็ไม่เมตตาอยู่แล้ว หยวนชี่ทั้งห้าโคจร ใช้ระดับเซียนเทียนบดขยี้คนชุดดำทั้งกลุ่มในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่ไม่กลัวตายของพวกเขา หลินเฟิงก็ปวดหัวเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรคนพวกนี้ต่างก็เป็นลูกศิษย์กำลังภายในทั้งหมด และมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นยอดฝีมือกำลังภายในหลินเฟิงอาจจะไม่มีปัญหามากนักในการรับมือกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่รับมือกับหลายสิบคน หรือมากกว่าร้อยคน ก็อาจจะทำให้หลินเฟิงมีอุปสรรคมากขึ้นเล็กน้อยมดเยอะกัดช้างตาย หลักการข้อนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น“คุณปู่ คุณรีบไปช่วยพี่หลินเฟิงคนนั้นสิ!”หลานสาวของฟ่านอู๋จี๋เห็นหลินเฟิงรับมือได้ลำบาก เธอก็รีบตะโกนเสียงดังแต่ทว่าฟ่านอู๋จี๋กลับยืนอยู่ห่างจากเหตุการณ์ สายตาของเขาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อน หากว่าหลินเฟิงชนะ งั้นปู่และหลานทั้งสองคนก็ควรพิจารณาว่าจะรับมือยังไงกับหลินเฟิงที่เป็นลูกศิษย์สำนัก
ในเวลานี้ตระกูลไป๋กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเถาเซิ่ง ตระกูลเถาเป็นตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในหนานโจวปีนี้เถาเซิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาที่หนานโจว ก็นับว่าหวนคืนสู่บ้านเกิดในสภาพที่ได้ดีเขาและไป๋ชิงเฉี่ยนในสมัยนั้นอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นของตระกูลสูงศักดิ์ และเป็นเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนเดียวกันแถมไป๋ชิงเฉี่ยนยังหน้าตาไร้เดียงสาและสวยมากมาตั้งแต่เด็ก ในใจของเถาเซิ่งก็มีความรักใคร่ชื่นชมต่อไป๋ชิงเฉี่ยน ตอนที่จบการศึกษาก็แสดงความรักใคร่ชื่นชมของตัวเองให้กับไป๋ชิงเฉี่ยนได้เห็นแต่น่าเสียดายที่ไป๋ชิงเฉี่ยนในเวลานี้ยังคิดว่าตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะและปฏิเสธไม่ยอมคบกับเขา จึงทำให้เถาเซิ่งเสียใจอย่างมากนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศอย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปเรียนต่างประเทศมาหลายปี เขาไม่คิดว่าไป๋ชิงเฉี่ยนจะหมั้นหมายแล้ว และยังเป็นตระกูลเหยนในเจียงโจว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศกเสียใจในเมื่อเบื้องหลังของตระกูลเหยนก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจวถึงแม้ว่าตระกูลเถาจะเป็นตระกูลที่มีทั
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่พูดตรงไปตรงมาของไป๋เจิ้นหัว เถาเซิงก็ตกตะลึง ในใจก็เกิดความโมโหพรั่งพรูออกมา“คุณลุงคำพูดนี้ร้ายแรงนัก ไม่สู้คุณลุงบอกมาว่า คุณชายของตระกูลไหนกัน เป็นคุณชายตระกูลไหนที่สามารถทำให้ผมเถาเซิงไม่คู่ควร?”เมื่อเห็นเถาเซิงไม่ยอมแพ้ และสีหน้าที่แสดงถึงความกลัดกลุ้มของลูกสาวตัวเอง ไป๋เจิ้นหัวก็ใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ แล้วรู้สึกว่าตอนนี้น่าจะสมควรแล้วคิดตามเวลานี้แล้ว หลินเฟิงก็น่าจะจบเห่ไปแล้วดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณชายเถาเซิง งั้นฉันก็จะทำให้คุณได้ตายใจไปซะ”“แฮ่มแฮ่ม”ไป๋เจิ้นกระแอมในลำคอ ก่อนจะชี้ไปที่ไป๋ชิงเฉี่ยนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกสาวของฉันจะแต่งงานกับนายน้อยโอวหยาง ลูกชายของเจ้าสำนักเสินฉือ ”“คุณชายตระกูลเถา ทางที่ดีคุณควรจะพิจารณาตัวเองสักหน่อย ดูว่าตระกูลเถาของคุณสามารถที่จะแข่งขันกับสำนักเสินฉือได้หรือเปล่า”“ถ้าไม่ได้ ก็เชื่อฟังแล้วละทิ้งความคิดที่เป็นไปไม่ได้ซะ”เมื่อได้ยินพ่อของตัวเองพูดถึงลูกชายของสำนักเสินฉือ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ แล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที จากนั้นก็ลุกยืนขึ้น“คุณพ่อ คุณพ่อจะทำเก
“พ่อ พ่อตบหนูเหรอ? พ่อตบหนูเพื่อผู้หญิงคนนี้เหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนกุมใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่พ่อด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อตั้งแต่เด็กเธอเป็นคนที่ได้รับความรักความทะนุถนอมจากพ่อที่สุดแต่ตั้งแต่ที่ตระกูลเหยนล่มสลาย พ่อของตัวเองก็เปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆก่อนหน้านี้เขายังให้ความสำคัญความคิดเห็นและทางเลือกของเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ใช้คำว่าบ้าอำนาจและจิตใจเย็นชาแทนได้เลย ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อตัวเองจะเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ถึงขนาดตบหน้าลูกตัวเองเพื่อผู้หญิงที่เคยหลอกลวงหลินเฟิงแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโตไป๋ชิงเฉี่ยนไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้มาก่อนหลี่ซืออวี่เป็นใครเธอที่เคยเห็นภาพที่แอบถ่ายในโรงแรมรู้ดีที่สุด ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์มาก แต่ก็ทำอะไรโดยไม่ใช้สมอง ชอบโอ้อวด พ่อของเธอจะพอใจกับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง?ไม่ต้องพูดถึงอายุของผู้หญิงคนนี้ที่ยังน้อยกว่าตัวเองอยู่หลายปี“พ่อ หนูผิดหวังกับพ่อมาก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา แล้วพูดเสียงดัง“ลูก....”เมื่อมองเห็นไป๋ชิงเฉี่ยนเป็นแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เสียงโอดครวญของหลี่ซือ
ไป๋เจิ้นหัวนั่งลงก่อนจะพูดอย่างใจเย็น ว่า “ตอนนั้นฉันได้ชดเชยให้หลินเฟิงเป็นสองเท่าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เจียมตัวเหมือนเดิม ถึงขนาดส่งผลกระทบกับลูกสาวของฉัน!”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ก็เป็นเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”“ขอเพียงแค่เขาตาย สำนักเสินฉือก็จะตอบรับการแต่งงานกับตระกูลไป๋”“พ่อ พ่อบ้าไปแล้วจริง ๆ”ไป๋ชิงเฉี่ยนจับกระโปรงของตัวเองยกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องรับแขกอย่างคลุ้มคลั่ง“คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน”หลี่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆกำลังจะไปขวางด้านหน้าไป๋ชิงเฉี่ยนที่กำลังจะเดินออกไป แต่กลับเห็นไป๋เจิ้นหัวโบกมือพร้อมกับตะโกนพูดว่า “ให้เธอไป ยิ่งอยู่ยิ่งไม่เชื่อฟังแล้ว!”“ยังไงเธอก็ไม่สามารถออกไปจากประตูใหญ่ของตระกูลไป๋ได้!”ไป๋ชิงเฉี่ยนยังคงโทรศัพท์หาหลินเฟิงไปตลอดทาง แต่โทรศัพท์ของหลินเฟิงกลับสายไม่ว่าง และไม่สามารถเชื่อมต่อได้ไป๋ชิงเฉี่ยนรู้สึกตำหนิตัวเองในใจอย่างมากเธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองกว่าจะได้ช่วยเหลือหลินเฟิง แต่กลับคาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นหลุมพรางของพ่อตัวเองเช่นกันเป็นเธอที่ทำร้ายหลินเฟิง ทำร้ายผู้มีพระคุณของเธอ“ถ้าหากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับคุณหลินเฟิงเพราะฉัน ง
“เธอใจร้ายได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?”“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ ชิงเฉี่ยน”เมื่อต่งหลิงอวี้พูดประโยคนี้จบแล้ว จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันของตระกูลไป๋พาไป๋ชิงเฉี่ยนไปขังอยู่ในห้องของตัวเธอเอง“ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต...ตอบแทนด้วยการเนรคุณ...ฮึ่ม....”ต่งหลิงอวี้มองไปที่ประตูใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมาแต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกผิดสังเกต ลมปราณเริ่มปั่นป่วนและมีใครบางคนอยู่ข้างหลังเธอยังไม่รอให้เธอหันกลับไป ที่หลังคอของเธอถูกมีดฟาดอย่างแรง เบื้องหน้าของต่งหลิงอวี้ก็มืดลงและหมดสติไปทันทีภายในห้องรับแขกของไป๋ชิงเฉี่ยนเถาเซิ่งยังไม่ได้จากไปหลังจากที่ละครตลกเพิ่งจะจบไป เถาเซิ่งมองความคิดของไป๋ชิงเฉี่ยนออกว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้อยู่กับคู่หมั้นที่ไป๋เจิ้นหัวจัดเตรียมให้ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณลุง เมื่อเปรียบเทียบกับลูกชายของสำนักเสินฉือ บางทีตระกูลเถาของผมอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น” “แต่ถ้าคุณบังคับชิงเฉี่ยนแบบนี้ ไม่กลัวว่าชิงเฉี่ยนจะทำเรื่องอะไรที่มันสุดโต่งบ้างเหรอ?”“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณที่เป็นคนนอกมากังวลเรื่องนี้หรอก”
จงเจว๋หัวเราะเยาะ แล้วก้มมองหลี่ซืออวี่ที่ขดตัวอย่างหวาดกลัวอยู่ในมุมข้าง ๆ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไป ยกเธอขึ้นมาแล้วโยนออกไปด้านนอกประตู“ไป ไปเรียกคนตระกูลไป๋ทั้งหมดมารวมกันที่นี่ ถ้าฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตพวกคุณ ถ้าหากว่าคุณกล้าวิ่งหนี....”“ไป ไป ไป รีบไป เชื่อฟังคำพูดของคุณจง สั่งคนใช้ แล้วบอกว่าเป็นคำสั่งของฉัน ไปเร็ว!”เมื่อเห็นว่ามีดโค้งสีดำเข้ามาใกล้คอของวงตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไป๋เจิ้นหัวก็หวาดกลัวก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังไปทางหลี่ซืออวี่แต่ทว่าหลี่ซืออวี่ที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้น หันไปมองด้านข้าง ก็เห็นหัวและร่างของพ่อบ้านที่แยกออกจากกัน ก่อนจะตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา แล้ววิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง“นังโง่!”ไป๋เจิ้นหัวโมโหแทบตาย“จะหนี?” เมื่อจงเจว๋เห็นหลี่ซืออวี่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพยายามจะหลบหนี แล้วก็โบกมืออย่างไม่สนใจ ก่อนที่ลมปราณภายในจะกลายเป็นพลังงานที่แท้จริง แล้วยิงออกไปที่ไหล่ของเธอในทันทีหลี่ซืออวี่ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะจับไหล่ที่เปื้อนเลือดและล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว“ไปเร็วสิ ไอ้หนุ่ม ไม่งั้นจุดจบของแกจะน่าสมเพชกว่านี้”
ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่หมอเทวดา ผู้ที่ประมูลขายยาเม็ดนับพันล้านและคนที่ได้รับการชื่นชมจากอาจารย์โปอย่างไม่มีสิ้นสุดเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และตู้เหลียนเซิงก็ไม่สามารถไปล่วงเกินได้ด้วย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเฝิงอวี้อู่เสียอีกเพราะว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เฝิงอวี้อู่ จากตระกูลเฝิงได้ประกาศข่าวสำคัญไปแล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับชายแข็งแกร่งลึกลับๆแล้ว และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า และอยู่ในลำดับสามของอันดับสวรรค์ชายที่แข็งแกร่งคนนั้น ตอนนี้อยู่ในลำดับสองของอันดับสวรรค์แล้ว!สำหรับชายที่แข็งแกร่งและลึกลับคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ?ก็คือ หลินเฟิง!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซิงก็ยิ่งตกตะลึงลูกชายที่ดีที่สุดคนนี้ของตัวเอง จะไปล่วงเกินกับคนแบบไหนกัน?!นี่คือการทำลายตระกูลตู้โดยตรงเลยงั้นเหรอ?“ขอบคุณมาก พี่หลินเฟิง”เมื่อได้ยินว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรับรายการมาจากในมือของหลินเฟิง แล้วก็ตะโกนเรียก “พี่หลินเฟิง”ทั้งร่างกายของตู้จิ่นเชาก็อ่อนแรงไปหมด ในตอนนี้เขาได้เข้าใจทุกอย่างแล้วจบแล้วทุกอย่
มันเกิดขึ้นในเวลานี้พอดีในที่สุดตู้จิ่นเชาก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้ครึ่งหนึ่งและทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็มองเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วชี้ไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ยพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า :“พ่อ พี่เขย เป็นเธอที่สร้างปัญหา เธอที่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผม ต้องแก้แค้นให้ผมนะพ่อ!”เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง ตู้เหลียนเซิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เพราะว่าเขาเพิ่งจะเข้าใจจากคำพูดของฉีจวินแล้วเช่นกันว่า เด็กสาวคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อนั่นเองจริง ๆแล้วที่เขามาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือคิดไม่ถึงว่าคนที่ลูกชายตัวเองจะไปล่วงเกินนั้น เป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อและคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆคนหนึ่งเท่านั้น“พ่อ พี่เขย พวกคุณยังตะลึงอะไรกันอยู่ แก้แค้นแทนผมสิ!”เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของตู้จิ่นเชาในที่สุดตู้เหลียนเซิงก็ทนไม่ไหว และขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับบอกลูกชายของตัวเองถึงตัวตนของหมอสาวคนนี้“อะไรนะ?!”หลังจากได้ยินข่าวนี้ ตู้จิ่นเชาก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าในฐานะคนของตระกูล
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของคนพวกนี้อาจนับได้ว่าเป็นนักบู๊ แต่ทั้งหมดต่างก็เพิ่งจะเป็นนักบู๊ระดับเซียนเทียนขั้นเริ่มต้นเท่านั้นต่อหน้าฟ่านหลิงเยว่ที่ใกล้จะเข้าสู้แดนแปรภาพแล้วนั้นพวกเขาก็แทบจะไม่มีพละกำลังที่จะต่อต้านได้เลยฟ่านหลิงเยว่ตะโกนออกมาเบา ๆ ก่อนที่ทั้งร่างจะลอยขึ้นเหมือนกับนกกระเรียนที่กำลังบินแล้วเหยียบตรงที่หน้าต่าง แล้วออกหมัดที่ดูเหมือนจะเบา ๆ แต่กลับผลักชายร่างใหญ่ที่ไม่ทันได้ป้องกันกระเด็นออกไปในทันทีเด็กสาวที่มีน้ำหนักไม่ถึงห้าสิบกิโล คิดไม่ถึงว่าจะต่อยชายที่สูงกว่าเธอหลายช่วงศีรษะจนลอยไปชนกับกำแพง ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงวิสัยทัศน์ทางสายตาที่เกิดจากหมัดนี้ ทำให้ฉีจวินและตู้เหลียนเซิงที่อยู่ไกล ๆเกือบจะอ้าปากค้าง“หมัดทลายคีรี!”ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงได้แสดงศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา แล้วหมัดก็ยังมาพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังราวกับจะระเบิดภูเขาและทำลายหินได้แต่ฟ่านหลิงเยว่เพียงแค่ชี้นิ้วไปทางเขาราวกับเป็นเครื่องหมายก็ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงส่งเสียงกรีดร้องออกมา และเอามือกันหมัดของตัวเองจนถอยหลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เธอคือ....แดนแปรภาพงั้นเห
หากในวันปกติ ตระกูลตู้อาจจะยังทำอะไรฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้ แต่วันนี้เธอกลับพบงานยากเข้าซะแล้ว!บังเอิญเจอกับลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆของอาเผิงที่มาเยี่ยม แล้วยังมีนักบู๊มาด้วยอีกหลายคน วันนี้เด็กสาวคนนี้จะต้องเจอกับปัญหาอย่างแน่นอนตู้เหลียนเซิงรีบพูดขึ้นว่า :“ได้ ได้ ได้ พวกเราก็รออยู่ตรงนี้แหละ”“บอกกับพี่ชายของคุณด้วยว่า ถ้าหากเรื่องในวันนี้สำเร็จ ตระกูลตู้ของฉันจะตอบแทนให้อย่างงาม!”หลังจากที่วางสายแล้ว ตู้เหลียนเซิงก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างเย็นชา“สาวน้อย หากฉันเป็นเธอ ตอนนี้เธอก็คงกำลังคิดที่จะหนีอยู่สินะ”“หึ”ฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้พูดอะไร และทำเพียงแค่ยิ้มเยาะเท่านั้นเสียงยิ้มเยาะนี้ ทำให้ตู้เหลียนเซิงรู้สึกไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อยเด็กสาวคนนี้มีเบื้องหลังหรือเปล่านะ?แต่น่าเสียดายที่ ลูกชายของตัวเองใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว แถมยังอยากจะถามถึงตัวตนของเด็กสาวคนนี้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถที่ถามได้เขาทำได้แค่รอเท่านั้นหลังจากนั้นไม่นาน ตรงทางเดินก็เกิดความโกลาหลขึ้นชายผมเหลืองที่เป็นหัวหน้าเตะประตูห้องไอซียู แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถือกระบอกเหล็กที่ด้านข้างของเขายังมีชายร่างใหญ่อีกสามสี่คน ท
ตู้เหลียนเซิงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อหลายปีขนาดนี้ และก็เคยพบวิบากขวากหนามมามากมายเขาตั้งสติกลับมาได้ รู้ว่าใช้ความรุนแรงไม่สำเร็จ ก็ต้องเจรจาไม่ว่ายังไง จะสูญเสียลูกชายของตัวเองไปไม่ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลตู้ของเขาก็จะไม่มีทายาทอีกแล้ว“เดี๋ยว”คิดไม่ถึงว่าฟ่านหลิงเยว่ไม่มีความคิดที่จะเจรจากับเขาด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าพูดว่า:“มีคนสั่งให้ฉันเฝ้าตู้จิ่นเชาเอาไว้ให้ดี รอเธอกลับมาแล้วค่อยจัดการ”“งั้นก็หมายความว่าไม่สามารถเจรจาได้แล้ว?”ตู้เหลียนเซิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ถูกต้อง”ฟ่านหลิงเยว่หาเก้าอี้มาตัวหนึ่งและนั่งลงด้วยความเอ้อระเหยรอยชายหันกลับมาดูฉีจวินกับตู้เหลียนเซิงทั้งสองคน ยืนอยู่ที่ด้านข้างตู้จิ่นเชาด้วยสีหน้าไม่ดีตู้เหลียนเซิงมองไปทางฉีจวิน และถามว่า:“ฉีจวิน จิ่นเชาเป็นแบบนี้ เขายังจะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน?”“ยืนหยัดได้นานแค่ไหน?”ฉีจวินนิ่งอึ้งเล็กน้อย และรีบเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของตู้จิ่นเชามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ฉีจวินมองไปทางตู้เหลียนเซิงด้วยความนิ่งอึ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า:“พ่อ จิ่นเชาเขา ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต”“อะไรนะ?”ได้ฟังถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซ
เมื่อฉีจวินและตู้เหลียนเซิงวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วย ทั้งสองต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเห็นได้ว่าในห้องผู้ป่วยนั้นรกอย่างไม่เป็นระเบียบ มีร่างของบอดี้การ์ดตระกูลตู้หลายคนนอนอยู่ส่วนตู้จิ่นเชาในขณะนี้นอนอยู่กับพื้น กำลังร้องไห้สะอื้นๆ พร้อมกับมือปิดบังช่วงล่างที่กำลังไหลเป็นเลือดไม่หยุดเครื่องมือทางการแพทย์รอบๆ ก็แตกกระจายไปหมด“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?!”ตู้เหลียนเซิงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพลูกชายของตนเองส่วนฉีจวินหันไปมองฟ่านหลิงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปถามด้วยเสียงเข้มว่า“เธอเป็นใคร? ใครให้เธอมาที่นี่?!”ฟ่านหลิงเยว่ทำหน้าเบ้เล็กน้อยแล้วตอบว่า“ฉันมีหน้าที่อะไรต้องตอบคำถามของคุณเหรอ?”“เธอ!”ฉีจวินพยายามควบคุมอารมณ์โกรธในใจ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงตู้จิ่นเชากับตู้เหลียนเซิงยิ่งดูยิ่งตกใจฉีจวินพบว่าช่วงล่างของตู้จิ่นเชากลายเป็นเนื้อเยื่อปนเลือดเละเทะไปแล้ว ถูกทำร้ายจนพิการดูเหมือนว่า...เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างแน่นอน“ลูกชายของฉัน...เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”ตู้เหลียนเซิงถามด้วยความร้อนรน แต่ยังคงรักษาสติไว้ได้ต้องการถามให้ร
ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ล้มลงหมดสติแน่นอน เครื่องมือในห้องผู้ป่วยหนักก็เสียหายเกือบทั้งหมด“เมื่อกี้คุณพูดว่าอยากให้เสวี่ยฮุ่ยถอดเสื้อผ้าคุกเข่าใช่มั้ย?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะ เดินไปหาตู้จิ่นเชา แล้วตบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร“เพี๊ยะ!”ตู้จิ่นเชาเซไปเพราะถูกตบตู้จิ่นเชาที่ตกใจกับพลังของฟ่านหลิงเยว่ตอนนี้ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้ความโกรธและความอับอายครอบงำจิตใจเขา“คุณ!”“คุณกล้าตบผม?! คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?!”ตู้จิ่นเชากำหมัดตะโกน“คุณเป็นใคร สำคัญกับฉันหรือ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตบหน้าเขาอย่างเสียงดังอีกครั้ง“กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณรู้ไหมว่านี่ที่ไหน?”“ไอ้บ้า!”ตู้จิ่นเชาไม่คาดคิดว่าจะโดนตบอีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่เจ็บปวด แต่ยังอับอายอีกด้วยเขารีบวิ่งเข้าหาฟ่านหลิงเยว่ราวกับคนบ้าแต่ฟ่านหลิงเยว่เตะเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตู้จิ่นเชาต้องกอดขา กุมอวัยวะเพศ คุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา ดูน่าสนุกจังวันนี้ตู้จิ่นเชาพังยับเยินเขาก้มหน้าลง มองที่อวัยวะเพศที่เลือดออก เจ็บปวดจนพูดไม่ออกในขณะนั้นมีเสียงที่คุ
“อย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเลย”เมื่อเห็นหวังลี่ลี่กังวล หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเพื่อปลอบใจเธอ แล้วหันไปมองตู้จิ่นเชา“ใครทำร้ายคน คนนั้นต้องจ่าย และต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า”รอยยิ้มของตู้จิ่นเชาก็แข็งทื่อ“สาวน้อย”ใบหน้าของตู้จิ่นเชาแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย“หมายความว่าให้ผมจ่ายเงินงั้นเหรอ?”“คุณไม่ยอมเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่พูดมาก ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่าๆ สาวน้อย เธอเสแสร้งเก่งจริงๆนะ?”ตู้จิ่นเชาโกรธไปบ้างแล้วจริงๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ฟังอะไรเลย ทำให้เขาเสียหน้าอย่าพูดถึงหวังลี่ลี่ที่อยู่ข้างๆรวมถึงบอดี้การ์ดหลายคนที่พามาด้วย พวกเขาก็เห็นเขาเสียหน้าเช่นกัน“เชื่อฉันสิ เดี๋ยวคุณก็ต้องคุกเข่าขอร้องฉันให้จ่ายเงินเอง”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้อารมณ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาก็ชะงักไป แล้วก็โกรธมาก“แค่เธอเหรอ?”ตู้จิ่นเชาตะโกนเสียงดัง“ฝันไปเถอะ ให้ผมคุกเข่าขอร้องเธอ?!”“พวกแก จับนังเด็กสาวนั่นมาให้ได้ วันนี้กูจะดูว่านังเด็กสาวนี่มีดีอะไรถึงได้บังคับกูให้คุกเข่า?!”บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของตู้จิ่นเชาก็จ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยสายตาที่ดุร้าย
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม