จงเจว๋หัวเราะเยาะ แล้วก้มมองหลี่ซืออวี่ที่ขดตัวอย่างหวาดกลัวอยู่ในมุมข้าง ๆ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไป ยกเธอขึ้นมาแล้วโยนออกไปด้านนอกประตู“ไป ไปเรียกคนตระกูลไป๋ทั้งหมดมารวมกันที่นี่ ถ้าฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตพวกคุณ ถ้าหากว่าคุณกล้าวิ่งหนี....”“ไป ไป ไป รีบไป เชื่อฟังคำพูดของคุณจง สั่งคนใช้ แล้วบอกว่าเป็นคำสั่งของฉัน ไปเร็ว!”เมื่อเห็นว่ามีดโค้งสีดำเข้ามาใกล้คอของวงตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไป๋เจิ้นหัวก็หวาดกลัวก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังไปทางหลี่ซืออวี่แต่ทว่าหลี่ซืออวี่ที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้น หันไปมองด้านข้าง ก็เห็นหัวและร่างของพ่อบ้านที่แยกออกจากกัน ก่อนจะตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา แล้ววิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง“นังโง่!”ไป๋เจิ้นหัวโมโหแทบตาย“จะหนี?” เมื่อจงเจว๋เห็นหลี่ซืออวี่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพยายามจะหลบหนี แล้วก็โบกมืออย่างไม่สนใจ ก่อนที่ลมปราณภายในจะกลายเป็นพลังงานที่แท้จริง แล้วยิงออกไปที่ไหล่ของเธอในทันทีหลี่ซืออวี่ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะจับไหล่ที่เปื้อนเลือดและล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว“ไปเร็วสิ ไอ้หนุ่ม ไม่งั้นจุดจบของแกจะน่าสมเพชกว่านี้”
“คุณปู่!”ไป๋ชิงเฉี่ยนยังไม่ทันวิ่งไปถึงด้านข้างปู่ของตัวเอง ทันใดนั้นก็เห็นชายชุดดํากว่าสามสิบคนปีนข้ามเข้ามารอบ ๆ กําแพง ชายชุดดำเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีอาวุธสังหารติดมือ บนร่างกายมีแรงสังหารดุดัน และล้อมคนของตระกูลไป๋เอาไว้ตรงกลาง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้มาดีไป๋ชิงเฉี่ยนยังเห็นต่งหลิงอวี้เพื่อนสนิทของเธอ เธอถูกคนชายชุดดำลากเข้ามา และบนร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เพียงแค่ไม่ได้หมดสติไปในตอนนี้ ไป๋เจิ้นหัวก็ถูกชายชุดดำคนหนึ่งที่เปิดหน้ากากขึ้นและเอามีดโค้งงอมาจ่อไว้ที่ลำคอ เดินมาจากห้องรับแขกช้า ๆ“พ่อ! นี่มันเรื่องอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เมื่อเผชิญกับคําถามของไป๋ชิงเฉี่ยน ไป๋เจิ้นหัวก็มีอาการหน้าซีดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ: “ดูเหมือนว่าสำนักเสินฉือกับตระกูลไป๋ของเราเกิดการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย วางใจเถอะ ชิงเฉี่ยน เพียงแค่พ่อโทรหา อธิบายความเข้าใจผิด ตระกูลไป๋ของพวกเราก็จะไม่เป็นอะไรแน่นอน” “หรือจะเป็นเพราะหลินเฟิง?”ไป๋ชิงเฉี่ยนทำการคาดเดา“หึ ชิงเฉี่ยน แกยังคิดถึงไอ้บ้านั่นอยู่อีก บางทีมันอาจจะวางแผนใส่ร้ายตระกูลไป๋
“เพราะพวกคุณรู้มากเกินไปแล้ว”“ตู๊ด……ตู๊ด……”ได้ยินเสียงตัดสายโทรศัพท์ที่ข้างหู ไป๋เจิ้นหัวตกตะลึงไปหมด โทรศัพท์ก็ไหลหลุดออกมาจากมือ เสียงหล่นดังตุ้บลงบนพื้น“เหอ ๆ ไป๋เจิ้นหัว คราวนี้คุณเข้าใจแล้วสินะ?”จงเจว๋เดินเข้ามา มองไป๋เจิ้นหัวที่กำลังตกอยู่ในความสับสนและสิ้นหวัง เขายกมีดโค้งงอสีดําขึ้น พร้อมเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว“ลูกสาว……พ่อ……พ่อ……”ไป๋เจิ้นหัวหันหัวกลับไป มองไปที่สายตาดูถูกของลูกสาวของตัวเอง เขาดึงทึ้งผมของตัวเองอย่างแรง จู่ ๆ ก็ร้องครวญครางขึ้นไปบนท้องฟ้า และยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง“ร่วมมือกับคนร้ายก็ต้องเสียผลประโยชน์ของตัวเองสินะ”“ฉันทำผิดกับตระกูลไป๋ ฉันไป๋เจิ้นหัว……ทำผิดต่อบรรพบุรุษของตระกูลไป๋! คุณพ่อ!”ไป๋เจิ้นหัวอ้าปาก มองไปยังพ่อที่หนังตาตก อาการร่อแร่เต็มที่กำลังนอนอยู่บนเปลหาม จากนั้นน้ำตาแห่งความเสียใจก็หลั่งไหลออกมา“ผมขอโทษ……”วุ่นวายอยู่ครึ่งวัน คนสำนักเสินฉือไม่เคยให้ความสำคัญกับไป๋เจิ้นหัวด้วยซ้ำความต้องการของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว ทำได้แค่แลกกับจุดจบแบบนี้เพียงเพราะพวกเขารู้มากเกินไป ก็จะถูกฆ่าปิดปาก“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ไป๋เจิ้นหัว คุณก็อย่าเศร้
“คุณปู่”ไป๋ชิงเฉี่ยนคุกเข่าลงข้างคุณปู่ น้ำตาพร่ามัวและพูดว่า: “มันเป็นความผิดของหนู ที่ไม่รู้แผนการของพ่อให้ทันเวลา......”“ไม่……ไม่”ชายชราโบกไม้โบกมือ หายใจด้วยความยากลำบากและพูดว่า: “ชิงเฉี่ยน จะโทษหลานได้อย่างไรล่ะ? หลานมานี่”ชายชรากวักมือเรียกชิงเฉี่ยนให้ขยับหูมาใกล้ปากของเขา จากนั้นพูดด้วยเสียงแหบว่า: “ชิงเฉี่ยน ถ้าเกิดหลานหนีได้ ก็รีบหนีไปซะ ไม่ต้องสนใจปู่ ถ้าหากว่าวันนี้หลานมีชีวิตอยู่ต่อได้ ตระกูลไป๋……มอบให้หลานแล้ว……”“คุณปู่ แต่ไหนแต่ไรผู้นำตระกูลล้วน……ไม่ส่งต่อให้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนเพิ่งจะพูดจบ เขาก็หัวเราะเยาะทั้งน้ำตา: “นี่มันตอนไหนกันแล้ว พวกเรายังสนใจเรื่องนี้อยู่กันเหรอ”“หึหึ ไม่ผิด ไม่ผิด……ชิงเฉี่ยน หลานนั้นแข็งแกร่งกว่าพ่อของหนูเสียอีก พ่อของหลานก็เป็นได้แค่ไอ้ขยะ แค่กแค่ก หากไม่มีธุรกิจของตระกูลไป๋ที่ปู่สะสมไว้ เขาก็……ไม่มีอะไรทั้งนั้น”“พ่อ!”ในตอนนี้ไป๋เจิ้นหัวกระโจนเข้ามา จับแขนของชายชรา และร้องขอวิงวอนว่า: “พ่อรีบพูดโน้มน้าวชิงเฉี่ยน ถ้า……ถ้าหากว่าเธอสามารถทนต่อความอับอายได้ ตระกูลไป๋ของผม……ตระกูลไป๋ของผมก็ไม่ถึงกับต้องถูกทำลายนะ!”
รอบตัวแปดเปื้อนไปด้วยความดุร้ายที่รุนแรง“แปะ แปะ แปะ”โอวหยางป๋อยกมือขึ้นปรบมือเบา ๆ เขามองศพชายชุดดําเต็มที่อยู่เต็มพื้น และพูดด้วยความครุ่นคิด: “เดิมทีคิดว่าคุณกับขยะพวกนี้จะแพ้ราบคาบไปทั้งสองฝ่าย แต่คิดไม่ถึงว่าคุณยังจะมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือ” ขณะพูด โอวหยางป๋อก็เหลือบมองไปทางสาวหน้อยที่หน้าแดงก่ำ หายใจอย่างหอบ และฟ่านอู๋จี๋ที่สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย และได้รับบาดเจ็บที่ไหล่“ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่า ภายในร่างกายของคุณยังเหลือกำลังภายในมากน้อยแค่ไหน?”โอวหยางป๋อเอามือไขว้หลัง และยิ้มพูด: “คุณในตอนนี้ ในตอนที่เผชิญหน้ากับผม จะมีโอกาสชนะสักแค่ไหนกัน?” “พูดมากจริง ๆ เลย!”สาวน้อยฝืนตั้งท่าออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่แนวรบเดียวกับหลินเฟิงโดยสิ้นเชิงแล้ว เพียงแค่ร่างกายยืนไม่มั่นคง เพราะเธอหมดแรงหมดกำลังแล้ว“ขอบคุณสองท่านสําหรับความช่วยเหลือ หลินเฟิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก”เหลือบมองหญิงสาวและฟ่านอู๋จี๋ที่อยู่ข้าง ๆ เขา หลินเฟิงค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า เท้าเหยียบศพชายชุดดำ เดินเข้าไปตรงหน้าโอวหยางป๋อที่ยืนมือไขว้หลังอยู่“แต่หลังจากนี้ ก็เป็นเรื่องของผมแล้ว ทั้งสองท่านรีบ
“คุณปู่ นั่นมันคืออะไรกันแน่?”สาวน้อยมองไปที่ฟ่านอู๋จี๋ และถามด้วยความสงสัย“นั่นคือ……”ฟ่านอู๋จี๋กลืนน้ําลาย พูดด้วยความหวาดกลัวว่า: “นั่นคือความลับของสำนักเสวียนเทียน ฉันแค่เคยได้ยินจากพวกคนแก่หนังเหนียวของสำนักโม่ซวี”“ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์”“นำพลังชั่วร้ายรวบรวมในร่างกาย และใช้จุดตันเถียนเปลี่ยนแปลงพลังชั่วร้าย ไหลไปยังกระดูกแขนขา ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายและความเร็วให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้น ระดับเซียนเทียน สามารถที่จะรับพลังกายภาพเหมือนกับขอบเขตเทพในเวลาอันสั้นได้!”“ขอบเขตเทพ?!”สาวน้อยอุทาน: “นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับผู้นำของสี่สำนักใหญ่ในหนานไห่เหรอ?”“ไม่ผิด”ชายชราทำหน้าเคร่งขรึม เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า: “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดว่า สำนักเสวียนเทียนนี่น่ากลัวเกินไป ถึงแม้ว่าสำนักนี้จะมีลูกศิษย์ค่อนข้างน้อย แต่พวกเขาล้วนเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งนั้น!”“แล้วทําไมพวกเขาถึงล่มสลายล่ะ?”“นี่”ชายชราไตร่ตรองเล็กน้อย และส่ายหัว“ฉันก็ไม่รู้ ดูท่ามีเพียงสหายน้อยหลินเฟิงเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเมื่อสามปีก่อนที่หนานไห่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”……โอวหยางป๋อมอ
มือแค่ข้างเดียวแต่ศักยภาพอย่างกับลูกระเบิด โอวหยางป๋อที่เพิ่งถูกตบเมื่อครู่มุนวนอยู่กลางอากาศ จากนั้นโดนหลินเฟิงใช้กรงเล็บบีบไหล่โดยไม่ทันตั้งตัวจากนั้นเสียงกระดูกหักที่ดังชัดเจน ไหล่ของโอวหยางป๋อถูกหลินเฟิงบีบจนแหลก“เอือกอ๊าก——!”มันไม่ได้เหมือนกับแผนการที่คิดอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ เพียงแค่ถูกกระบวนท่าเดียวโอวหยางป๋อก็บาดเจ็บหนัก เขาส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมานออกมาแต่ในเมื่อโอวหยางป๋อเป็นถึงยอดฝีมืออันดับสี่สิบของลำดับสวรรค์เขาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว และกัดฟันเพื่อโจมตีกลับ“ลูกเตะเสี้ยวพระจันทร์”โอวหยางป๋อเตะขาคู่ออกมามากกว่าสิบครั้ง ตามด้วยเสียงระเบิดที่แยกออกจากตัว พุ่งตรงไปยังใบหน้าของหลินเฟิง“ช้าเกินไปช้าเกินไปแล้ว! อันดับสี่สิบของลำดับสวรรค์ฝีมือแค่นี้เหรอ?!”หลินเฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว คาดไม่ถึงว่าจะใช้ท่วงท่าต่อสู้แบบเดียวกับโอวหยางป๋อ“ลูกเตะเสี้ยวพระจันทร์!”“ปังปังปังปังปังปัง!”โอวหยางป๋อสามารถเตะขาออกมามากกว่าสิบครั้ง แต่หลินเฟิงกลับสามารถเตะออกมาในช่วงเวลาสั้นมากกว่าห้าสิบครั้งพลังชั่วร้ายที่ติดอยู่บนเท้าเปรียบเสมือนหนามน้ำแข็งของเทือกเขาเทียนซาน
“ช้าก่อน”ในขณะที่โอวหยางชิ่งพยายามแบกโอวหยางป๋อที่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นรถไป หลินเฟิงที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติก็จับประตูรถไว้โอวหยางชิ่งตกใจอย่างมาก นึกว่าหลินเฟิงนั้นจะเปลี่ยนใจแต่หลินเฟิงไม่ใช่คนที่ผิดคำพูด เขาเหลือบมองโอวหยางป๋อที่กําลังหายใจอยู่ และพูดเบา ๆ ว่า: “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เชิญคุณหลินพูด” ตอนนี้โอวหยางชิ่งว่าง่ายอย่างมาก“เมื่อครู่ผมได้ยินพ่อของคุณพูดว่าจะจัดการกับตระกูลไป๋ ตอนนี้บอกให้พวกเขาหยุดลงมือเดี๋ยวนี้ และอย่าไปรบกวนตระกูลไป๋อีก”เดิมทีคิดว่าหลินเฟิงจะเปลี่ยนใจแต่เมื่อได้ยินหลินเฟิงเสนอข้อเรียกร้องเพียงแค่นี้ โอวหยางชิ่งก็โล่งใจ แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “คุณหลิน เป็นเพราะตระกูลไป๋ที่ทำให้คุณติดกับดัก ต่อให้เป็นแบบนี้คุณก็ต้องการปล่อยพวกเขาไปเหรอ?”“ปล่อยไม่ปล่อยนั่นมันเรื่องของผม”สายตาที่เย็นชาของหลินเฟิงทําให้โอวหยางชิ่งตัวสั่น“รับทราบค่ะ” โอวหยางชิ่งรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าของพ่อตัวเอง และโทรออกหาจงเจว๋ที่อยู่ในตระกูลไป๋ในเวลานี้ สั่งให้เขาหยุดลงมือ และให้โถงลับถอนกำลังออกให้หมดจงเจว๋นั้นแปลกใจมาก แต่ก็ต้องจำใจดำเนินก
“อีกทั้งเขายังให้ฉันบอกเธอว่า เขาพึงพอใจต่อการแสดงออกของคุณในวันนี้เป็นอย่างมากนะ”“อ๊ะ...”ได้ยินความคิดเห็นที่หลินเฟิงมีต่อเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยใบหน้าเล็กแดงระเรื่อนี่เป็นครั้งแรกที่หลินเฟิงชื่นชมเธอแบบนี้......“อาจารย์หลิน เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย!”ภายในเฮลิคอปเตอร์ที่เสียงดังเกรียวกราว ในหูฟังของหลินเฟิงมีเสียงร้อนรนของอวี๋จื่อเสวียนดังขึ้นมา“ยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง”หลินเฟิงตอบกลับอย่างใจเย็น“อาจารย์รีบหน่อยนะ พวกเขาเริ่มไล่คนแล้ว!”พูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ อวี๋จื่อเสวียนที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ก็ร้องอุทานขึ้นมา จากนั้น ก็เป็นเสียงตะโกนด่าของชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง“ช่างเถอะ รอคุณไม่ได้แล้ว! อาจารย์หลิน ฉันไม่ลงมือไม่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ลงมืออีก บ้านของฉันก็จะหายไปแล้ว!”พูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายหลินเฟิงนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเก็บโทรศัพท์ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปเคร่งขรึมเล็กน้อยเมื่อครู่เขาได้รับสายของอวี๋จื่อเสวียนอวี๋จื่อเสวียนช่วงนี้เป็นเพราะเรื่องถ่ายภาพยนตร์ จึงไปที่เมืองจิงพร้อมกับอิ่นนั่วเจีย และเลือกจุดชมวิวที่มือชื่อเสียงของเมืองจิงมาเป็นฉากถ่า
ข้างกายของตู้เหลียนเซิงกับกลุ่มลูกน้องที่พ่ายแพ้ออกจากโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ ที่หน้าประตู พบกับบอดี้การ์ดของตระกูลตู้อีกกลุ่มหนึ่งที่มาเป็นกองหนุนอยู่ที่นี่“ผู้นำตระกูล นี่...นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?!”หัวหน้ากลุ่มบอดี้การ์ดที่มาเสริมกำลังตกตะลึงอย่างมาก โดยเฉพาะเอเห็นอาเผิงกับตู้จิ่นเชามีเลือดไหลเต็มตัว แค่มองก็รู้แล้วว่าได้รับบาดเจ็บหนัก“ไม่ต้องพูดแล้ว เพิกถอน”ตู้เหลียนเซิงโบกมือด้วยความอ่อนแรงวันนี้ พูดได้ว่าตั้งแต่ที่เขาตู้เหลียนเซิงตั้งรกรากปักฐานอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ เป็นวันที่คับข้องใจมากที่สุด ไม่มีวันไหนเทียบได้อีกแล้ว“ผู้นำตระกูล พวกเรายินยอมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน ทวงศักดิ์ศรีกลับมา!”ได้ยินคำพูดที่หมดอาลัยตายอยากของตู้เหลียนเซิง พวกบอดี้การ์ดตระกูลตู้ที่มาเป็นกองหนุนแต่ละคนกำมือแน่นทันทีไม่ว่าจะพูดยังไงก็จะแก้แค้นเพื่อตระกูลตู้ถึงขั้นที่คนจำนวนมากจะบุกเข้าไปในโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อต่อหน้าต่อตา แม้แต่ตู้เหลียนเซิงก็เกลี้ยกล่อมไม่อยู่“เพี๊ยะ!”สุดท้าย ตู้เหลียนเซิงระเบิดอารมณ์ในที่สุดเขาตบหน้าบอดี้การ์ดคนที่เป็นผู้นำในการก่อเรื่อง และพูดตวาดอย่างบ้าคลั่ง:
“ถ้าหากคุณยังอยากแก้ตัว ก็ดูใบรายการชุดนี้เถอะ”“เอ๊ะ?”ฉีจวินตัวสั่นเก็บใบรายการชุดนี้ขึ้นมา ไม่ดูไม่รู้ เมื่อดูก็ตกใจอย่างมากบนใบรายการนี้ แสดงให้เห็นราคาต้นทุนการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และยาประเภทต่างๆ ของตระกูลถังอย่างชัดเจนสิ่งของเหล่านี้ สุดท้ายก็จะตกไปที่ตลาดทางการแพทย์ของประเทศมังกรส่วนราคาแต่ละชิ้นของอุปกรณ์เหล่านี้ เมื่ออยู่ที่ผู้จัดการฉีก็จะมีส่วนลดจำนวนมากนี่เป็นข่าวภายในที่เชื่อถือได้พูดตามหลักแล้ว หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่น่าจะได้รับใบรายการเหล่านี้มาแต่เขาเหลือบมองหลินเฟิง ก็หมดอาลัยตายอยากทันทีคิดไม่ถึงว่า ผู้อำนวยการคนใหม่คนนี้ไม่เพียงมีเผิงกวงฉี่ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ถึงขั้นที่หลี่ซื่อกรุ๊ป กับตระกูลถังเมืองจิงต่างก็เป็นเบื้องหลังของเธอนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วดูใบรายการนี้เสร็จ ฉีจวินก็ไม่สามารถพูดแก้ตัวอะไรได้อีกแล้ว ทำได้เพียงก้มหน้าลง ยอมรับความจริงที่เขากินกำไรจำนวนมหาศาลแต่ตู้จิ่นเชากลับแอบสัมผัสได้ พี่เขยของเขามองมาทางเขา นั่นเป็นสายตาที่แทบจะฆ่าคนได้ถ้าหากมีโอกาส เขาจะต้องฆ่าฉันแน่ๆตู้จิ่นเชาเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้แน่นอนว
“ไม่สามารถนับได้เลย”ไม่รอให้หวังลี่ลี่ตอบกลับ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า :“ฉันยังมีอีกหลายบัญชีที่ต้องชำระกับพวกเขา!”“ปลุกเขาขึ้นมา”หลินเฟิงชี้ไปที่ตู้จิ่นเชา โดยที่ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนให้กับตู้เหลียนเซิงผู้เป็นพ่อให้ลงมือทำด้วยตัวเอง“จิ่นเชา จิ่นเชา?”ตู้เหลียนเซิงไม่กล้าขัดขืน ก่อนจะรีบเขย่าลูกชายของตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าปลุกไม่ตื่น แถมแววตาของหลินเฟิงก็เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆตู้เหลียนเซิงก็รู้สึกเหมือนมีหนามอยู่ด้านหลัง สุดท้ายจึงทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเท่านั้นก่อนจะเหวี่ยงแขน ตบไปที่หน้าของลูกชายตัวเองอย่างแรง“เพี๊ยะ!”หลังจากที่ตบไปแล้ว ในที่สุดตู้จิ่นเชาก็ได้สติฟื้นกลับมาเขารู้สึกถึงบางอย่างได้ในตอนแรก โดยที่ปิดหน้าพร้อมกับมองไปที่พ่อของตัวเองด้วยความไม่อยากเชื่อ“พ่อ พ่อตีผม?!”ในความประทับใจของตู้จิ่นเชา ก็คือพ่อคอยเอาใจใส่เขามาโดยตลอดและไม่เคยที่จะตีเขาเลยแต่วันนี้ คิดไม่ถึงว่าจะตีเขาต่อหน้าคนมากมายอย่างนี้มันทำให้เขาตกใจอย่างมาก“ฉัน...”ตู้เหลียนเซิงมองดูลูกชายของตัวเองด้วยความสงสาร แต่เมื่อนึกถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดจากเขาหามาให้ตัวเอง จู
ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่หมอเทวดา ผู้ที่ประมูลขายยาเม็ดนับพันล้านและคนที่ได้รับการชื่นชมจากอาจารย์โปอย่างไม่มีสิ้นสุดเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และตู้เหลียนเซิงก็ไม่สามารถไปล่วงเกินได้ด้วย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเฝิงอวี้อู่เสียอีกเพราะว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เฝิงอวี้อู่ จากตระกูลเฝิงได้ประกาศข่าวสำคัญไปแล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับชายแข็งแกร่งลึกลับๆแล้ว และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า และอยู่ในลำดับสามของอันดับสวรรค์ชายที่แข็งแกร่งคนนั้น ตอนนี้อยู่ในลำดับสองของอันดับสวรรค์แล้ว!สำหรับชายที่แข็งแกร่งและลึกลับคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ?ก็คือ หลินเฟิง!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซิงก็ยิ่งตกตะลึงลูกชายที่ดีที่สุดคนนี้ของตัวเอง จะไปล่วงเกินกับคนแบบไหนกัน?!นี่คือการทำลายตระกูลตู้โดยตรงเลยงั้นเหรอ?“ขอบคุณมาก พี่หลินเฟิง”เมื่อได้ยินว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรับรายการมาจากในมือของหลินเฟิง แล้วก็ตะโกนเรียก “พี่หลินเฟิง”ทั้งร่างกายของตู้จิ่นเชาก็อ่อนแรงไปหมด ในตอนนี้เขาได้เข้าใจทุกอย่างแล้วจบแล้วทุกอย่
มันเกิดขึ้นในเวลานี้พอดีในที่สุดตู้จิ่นเชาก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้ครึ่งหนึ่งและทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็มองเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วชี้ไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ยพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า :“พ่อ พี่เขย เป็นเธอที่สร้างปัญหา เธอที่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผม ต้องแก้แค้นให้ผมนะพ่อ!”เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง ตู้เหลียนเซิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เพราะว่าเขาเพิ่งจะเข้าใจจากคำพูดของฉีจวินแล้วเช่นกันว่า เด็กสาวคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อนั่นเองจริง ๆแล้วที่เขามาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือคิดไม่ถึงว่าคนที่ลูกชายตัวเองจะไปล่วงเกินนั้น เป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อและคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆคนหนึ่งเท่านั้น“พ่อ พี่เขย พวกคุณยังตะลึงอะไรกันอยู่ แก้แค้นแทนผมสิ!”เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของตู้จิ่นเชาในที่สุดตู้เหลียนเซิงก็ทนไม่ไหว และขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับบอกลูกชายของตัวเองถึงตัวตนของหมอสาวคนนี้“อะไรนะ?!”หลังจากได้ยินข่าวนี้ ตู้จิ่นเชาก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าในฐานะคนของตระกูล
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของคนพวกนี้อาจนับได้ว่าเป็นนักบู๊ แต่ทั้งหมดต่างก็เพิ่งจะเป็นนักบู๊ระดับเซียนเทียนขั้นเริ่มต้นเท่านั้นต่อหน้าฟ่านหลิงเยว่ที่ใกล้จะเข้าสู้แดนแปรภาพแล้วนั้นพวกเขาก็แทบจะไม่มีพละกำลังที่จะต่อต้านได้เลยฟ่านหลิงเยว่ตะโกนออกมาเบา ๆ ก่อนที่ทั้งร่างจะลอยขึ้นเหมือนกับนกกระเรียนที่กำลังบินแล้วเหยียบตรงที่หน้าต่าง แล้วออกหมัดที่ดูเหมือนจะเบา ๆ แต่กลับผลักชายร่างใหญ่ที่ไม่ทันได้ป้องกันกระเด็นออกไปในทันทีเด็กสาวที่มีน้ำหนักไม่ถึงห้าสิบกิโล คิดไม่ถึงว่าจะต่อยชายที่สูงกว่าเธอหลายช่วงศีรษะจนลอยไปชนกับกำแพง ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงวิสัยทัศน์ทางสายตาที่เกิดจากหมัดนี้ ทำให้ฉีจวินและตู้เหลียนเซิงที่อยู่ไกล ๆเกือบจะอ้าปากค้าง“หมัดทลายคีรี!”ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงได้แสดงศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา แล้วหมัดก็ยังมาพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังราวกับจะระเบิดภูเขาและทำลายหินได้แต่ฟ่านหลิงเยว่เพียงแค่ชี้นิ้วไปทางเขาราวกับเป็นเครื่องหมายก็ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงส่งเสียงกรีดร้องออกมา และเอามือกันหมัดของตัวเองจนถอยหลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เธอคือ....แดนแปรภาพงั้นเห
หากในวันปกติ ตระกูลตู้อาจจะยังทำอะไรฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้ แต่วันนี้เธอกลับพบงานยากเข้าซะแล้ว!บังเอิญเจอกับลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆของอาเผิงที่มาเยี่ยม แล้วยังมีนักบู๊มาด้วยอีกหลายคน วันนี้เด็กสาวคนนี้จะต้องเจอกับปัญหาอย่างแน่นอนตู้เหลียนเซิงรีบพูดขึ้นว่า :“ได้ ได้ ได้ พวกเราก็รออยู่ตรงนี้แหละ”“บอกกับพี่ชายของคุณด้วยว่า ถ้าหากเรื่องในวันนี้สำเร็จ ตระกูลตู้ของฉันจะตอบแทนให้อย่างงาม!”หลังจากที่วางสายแล้ว ตู้เหลียนเซิงก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างเย็นชา“สาวน้อย หากฉันเป็นเธอ ตอนนี้เธอก็คงกำลังคิดที่จะหนีอยู่สินะ”“หึ”ฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้พูดอะไร และทำเพียงแค่ยิ้มเยาะเท่านั้นเสียงยิ้มเยาะนี้ ทำให้ตู้เหลียนเซิงรู้สึกไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อยเด็กสาวคนนี้มีเบื้องหลังหรือเปล่านะ?แต่น่าเสียดายที่ ลูกชายของตัวเองใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว แถมยังอยากจะถามถึงตัวตนของเด็กสาวคนนี้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถที่ถามได้เขาทำได้แค่รอเท่านั้นหลังจากนั้นไม่นาน ตรงทางเดินก็เกิดความโกลาหลขึ้นชายผมเหลืองที่เป็นหัวหน้าเตะประตูห้องไอซียู แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถือกระบอกเหล็กที่ด้านข้างของเขายังมีชายร่างใหญ่อีกสามสี่คน ท
ตู้เหลียนเซิงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อหลายปีขนาดนี้ และก็เคยพบวิบากขวากหนามมามากมายเขาตั้งสติกลับมาได้ รู้ว่าใช้ความรุนแรงไม่สำเร็จ ก็ต้องเจรจาไม่ว่ายังไง จะสูญเสียลูกชายของตัวเองไปไม่ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลตู้ของเขาก็จะไม่มีทายาทอีกแล้ว“เดี๋ยว”คิดไม่ถึงว่าฟ่านหลิงเยว่ไม่มีความคิดที่จะเจรจากับเขาด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าพูดว่า:“มีคนสั่งให้ฉันเฝ้าตู้จิ่นเชาเอาไว้ให้ดี รอเธอกลับมาแล้วค่อยจัดการ”“งั้นก็หมายความว่าไม่สามารถเจรจาได้แล้ว?”ตู้เหลียนเซิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ถูกต้อง”ฟ่านหลิงเยว่หาเก้าอี้มาตัวหนึ่งและนั่งลงด้วยความเอ้อระเหยรอยชายหันกลับมาดูฉีจวินกับตู้เหลียนเซิงทั้งสองคน ยืนอยู่ที่ด้านข้างตู้จิ่นเชาด้วยสีหน้าไม่ดีตู้เหลียนเซิงมองไปทางฉีจวิน และถามว่า:“ฉีจวิน จิ่นเชาเป็นแบบนี้ เขายังจะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน?”“ยืนหยัดได้นานแค่ไหน?”ฉีจวินนิ่งอึ้งเล็กน้อย และรีบเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของตู้จิ่นเชามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ฉีจวินมองไปทางตู้เหลียนเซิงด้วยความนิ่งอึ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า:“พ่อ จิ่นเชาเขา ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต”“อะไรนะ?”ได้ฟังถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซ