จงเจว๋หัวเราะเยาะ แล้วก้มมองหลี่ซืออวี่ที่ขดตัวอย่างหวาดกลัวอยู่ในมุมข้าง ๆ ก่อนที่มือใหญ่จะยื่นออกไป ยกเธอขึ้นมาแล้วโยนออกไปด้านนอกประตู“ไป ไปเรียกคนตระกูลไป๋ทั้งหมดมารวมกันที่นี่ ถ้าฉันอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตพวกคุณ ถ้าหากว่าคุณกล้าวิ่งหนี....”“ไป ไป ไป รีบไป เชื่อฟังคำพูดของคุณจง สั่งคนใช้ แล้วบอกว่าเป็นคำสั่งของฉัน ไปเร็ว!”เมื่อเห็นว่ามีดโค้งสีดำเข้ามาใกล้คอของวงตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไป๋เจิ้นหัวก็หวาดกลัวก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังไปทางหลี่ซืออวี่แต่ทว่าหลี่ซืออวี่ที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้น หันไปมองด้านข้าง ก็เห็นหัวและร่างของพ่อบ้านที่แยกออกจากกัน ก่อนจะตกใจกลัวจนกรีดร้องออกมา แล้ววิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง“นังโง่!”ไป๋เจิ้นหัวโมโหแทบตาย“จะหนี?” เมื่อจงเจว๋เห็นหลี่ซืออวี่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพยายามจะหลบหนี แล้วก็โบกมืออย่างไม่สนใจ ก่อนที่ลมปราณภายในจะกลายเป็นพลังงานที่แท้จริง แล้วยิงออกไปที่ไหล่ของเธอในทันทีหลี่ซืออวี่ส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะจับไหล่ที่เปื้อนเลือดและล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว“ไปเร็วสิ ไอ้หนุ่ม ไม่งั้นจุดจบของแกจะน่าสมเพชกว่านี้”
“คุณปู่!”ไป๋ชิงเฉี่ยนยังไม่ทันวิ่งไปถึงด้านข้างปู่ของตัวเอง ทันใดนั้นก็เห็นชายชุดดํากว่าสามสิบคนปีนข้ามเข้ามารอบ ๆ กําแพง ชายชุดดำเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีอาวุธสังหารติดมือ บนร่างกายมีแรงสังหารดุดัน และล้อมคนของตระกูลไป๋เอาไว้ตรงกลาง เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้มาดีไป๋ชิงเฉี่ยนยังเห็นต่งหลิงอวี้เพื่อนสนิทของเธอ เธอถูกคนชายชุดดำลากเข้ามา และบนร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เพียงแค่ไม่ได้หมดสติไปในตอนนี้ ไป๋เจิ้นหัวก็ถูกชายชุดดำคนหนึ่งที่เปิดหน้ากากขึ้นและเอามีดโค้งงอมาจ่อไว้ที่ลำคอ เดินมาจากห้องรับแขกช้า ๆ“พ่อ! นี่มันเรื่องอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เมื่อเผชิญกับคําถามของไป๋ชิงเฉี่ยน ไป๋เจิ้นหัวก็มีอาการหน้าซีดขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ: “ดูเหมือนว่าสำนักเสินฉือกับตระกูลไป๋ของเราเกิดการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย วางใจเถอะ ชิงเฉี่ยน เพียงแค่พ่อโทรหา อธิบายความเข้าใจผิด ตระกูลไป๋ของพวกเราก็จะไม่เป็นอะไรแน่นอน” “หรือจะเป็นเพราะหลินเฟิง?”ไป๋ชิงเฉี่ยนทำการคาดเดา“หึ ชิงเฉี่ยน แกยังคิดถึงไอ้บ้านั่นอยู่อีก บางทีมันอาจจะวางแผนใส่ร้ายตระกูลไป๋
“เพราะพวกคุณรู้มากเกินไปแล้ว”“ตู๊ด……ตู๊ด……”ได้ยินเสียงตัดสายโทรศัพท์ที่ข้างหู ไป๋เจิ้นหัวตกตะลึงไปหมด โทรศัพท์ก็ไหลหลุดออกมาจากมือ เสียงหล่นดังตุ้บลงบนพื้น“เหอ ๆ ไป๋เจิ้นหัว คราวนี้คุณเข้าใจแล้วสินะ?”จงเจว๋เดินเข้ามา มองไป๋เจิ้นหัวที่กำลังตกอยู่ในความสับสนและสิ้นหวัง เขายกมีดโค้งงอสีดําขึ้น พร้อมเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว“ลูกสาว……พ่อ……พ่อ……”ไป๋เจิ้นหัวหันหัวกลับไป มองไปที่สายตาดูถูกของลูกสาวของตัวเอง เขาดึงทึ้งผมของตัวเองอย่างแรง จู่ ๆ ก็ร้องครวญครางขึ้นไปบนท้องฟ้า และยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง“ร่วมมือกับคนร้ายก็ต้องเสียผลประโยชน์ของตัวเองสินะ”“ฉันทำผิดกับตระกูลไป๋ ฉันไป๋เจิ้นหัว……ทำผิดต่อบรรพบุรุษของตระกูลไป๋! คุณพ่อ!”ไป๋เจิ้นหัวอ้าปาก มองไปยังพ่อที่หนังตาตก อาการร่อแร่เต็มที่กำลังนอนอยู่บนเปลหาม จากนั้นน้ำตาแห่งความเสียใจก็หลั่งไหลออกมา“ผมขอโทษ……”วุ่นวายอยู่ครึ่งวัน คนสำนักเสินฉือไม่เคยให้ความสำคัญกับไป๋เจิ้นหัวด้วยซ้ำความต้องการของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว ทำได้แค่แลกกับจุดจบแบบนี้เพียงเพราะพวกเขารู้มากเกินไป ก็จะถูกฆ่าปิดปาก“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ไป๋เจิ้นหัว คุณก็อย่าเศร้
“คุณปู่”ไป๋ชิงเฉี่ยนคุกเข่าลงข้างคุณปู่ น้ำตาพร่ามัวและพูดว่า: “มันเป็นความผิดของหนู ที่ไม่รู้แผนการของพ่อให้ทันเวลา......”“ไม่……ไม่”ชายชราโบกไม้โบกมือ หายใจด้วยความยากลำบากและพูดว่า: “ชิงเฉี่ยน จะโทษหลานได้อย่างไรล่ะ? หลานมานี่”ชายชรากวักมือเรียกชิงเฉี่ยนให้ขยับหูมาใกล้ปากของเขา จากนั้นพูดด้วยเสียงแหบว่า: “ชิงเฉี่ยน ถ้าเกิดหลานหนีได้ ก็รีบหนีไปซะ ไม่ต้องสนใจปู่ ถ้าหากว่าวันนี้หลานมีชีวิตอยู่ต่อได้ ตระกูลไป๋……มอบให้หลานแล้ว……”“คุณปู่ แต่ไหนแต่ไรผู้นำตระกูลล้วน……ไม่ส่งต่อให้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนเพิ่งจะพูดจบ เขาก็หัวเราะเยาะทั้งน้ำตา: “นี่มันตอนไหนกันแล้ว พวกเรายังสนใจเรื่องนี้อยู่กันเหรอ”“หึหึ ไม่ผิด ไม่ผิด……ชิงเฉี่ยน หลานนั้นแข็งแกร่งกว่าพ่อของหนูเสียอีก พ่อของหลานก็เป็นได้แค่ไอ้ขยะ แค่กแค่ก หากไม่มีธุรกิจของตระกูลไป๋ที่ปู่สะสมไว้ เขาก็……ไม่มีอะไรทั้งนั้น”“พ่อ!”ในตอนนี้ไป๋เจิ้นหัวกระโจนเข้ามา จับแขนของชายชรา และร้องขอวิงวอนว่า: “พ่อรีบพูดโน้มน้าวชิงเฉี่ยน ถ้า……ถ้าหากว่าเธอสามารถทนต่อความอับอายได้ ตระกูลไป๋ของผม……ตระกูลไป๋ของผมก็ไม่ถึงกับต้องถูกทำลายนะ!”
รอบตัวแปดเปื้อนไปด้วยความดุร้ายที่รุนแรง“แปะ แปะ แปะ”โอวหยางป๋อยกมือขึ้นปรบมือเบา ๆ เขามองศพชายชุดดําเต็มที่อยู่เต็มพื้น และพูดด้วยความครุ่นคิด: “เดิมทีคิดว่าคุณกับขยะพวกนี้จะแพ้ราบคาบไปทั้งสองฝ่าย แต่คิดไม่ถึงว่าคุณยังจะมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือ” ขณะพูด โอวหยางป๋อก็เหลือบมองไปทางสาวหน้อยที่หน้าแดงก่ำ หายใจอย่างหอบ และฟ่านอู๋จี๋ที่สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย และได้รับบาดเจ็บที่ไหล่“ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่า ภายในร่างกายของคุณยังเหลือกำลังภายในมากน้อยแค่ไหน?”โอวหยางป๋อเอามือไขว้หลัง และยิ้มพูด: “คุณในตอนนี้ ในตอนที่เผชิญหน้ากับผม จะมีโอกาสชนะสักแค่ไหนกัน?” “พูดมากจริง ๆ เลย!”สาวน้อยฝืนตั้งท่าออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่แนวรบเดียวกับหลินเฟิงโดยสิ้นเชิงแล้ว เพียงแค่ร่างกายยืนไม่มั่นคง เพราะเธอหมดแรงหมดกำลังแล้ว“ขอบคุณสองท่านสําหรับความช่วยเหลือ หลินเฟิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก”เหลือบมองหญิงสาวและฟ่านอู๋จี๋ที่อยู่ข้าง ๆ เขา หลินเฟิงค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า เท้าเหยียบศพชายชุดดำ เดินเข้าไปตรงหน้าโอวหยางป๋อที่ยืนมือไขว้หลังอยู่“แต่หลังจากนี้ ก็เป็นเรื่องของผมแล้ว ทั้งสองท่านรีบ
“คุณปู่ นั่นมันคืออะไรกันแน่?”สาวน้อยมองไปที่ฟ่านอู๋จี๋ และถามด้วยความสงสัย“นั่นคือ……”ฟ่านอู๋จี๋กลืนน้ําลาย พูดด้วยความหวาดกลัวว่า: “นั่นคือความลับของสำนักเสวียนเทียน ฉันแค่เคยได้ยินจากพวกคนแก่หนังเหนียวของสำนักโม่ซวี”“ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์”“นำพลังชั่วร้ายรวบรวมในร่างกาย และใช้จุดตันเถียนเปลี่ยนแปลงพลังชั่วร้าย ไหลไปยังกระดูกแขนขา ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายและความเร็วให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้น ระดับเซียนเทียน สามารถที่จะรับพลังกายภาพเหมือนกับขอบเขตเทพในเวลาอันสั้นได้!”“ขอบเขตเทพ?!”สาวน้อยอุทาน: “นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับผู้นำของสี่สำนักใหญ่ในหนานไห่เหรอ?”“ไม่ผิด”ชายชราทำหน้าเคร่งขรึม เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า: “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดว่า สำนักเสวียนเทียนนี่น่ากลัวเกินไป ถึงแม้ว่าสำนักนี้จะมีลูกศิษย์ค่อนข้างน้อย แต่พวกเขาล้วนเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งนั้น!”“แล้วทําไมพวกเขาถึงล่มสลายล่ะ?”“นี่”ชายชราไตร่ตรองเล็กน้อย และส่ายหัว“ฉันก็ไม่รู้ ดูท่ามีเพียงสหายน้อยหลินเฟิงเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเมื่อสามปีก่อนที่หนานไห่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”……โอวหยางป๋อมอ
มือแค่ข้างเดียวแต่ศักยภาพอย่างกับลูกระเบิด โอวหยางป๋อที่เพิ่งถูกตบเมื่อครู่มุนวนอยู่กลางอากาศ จากนั้นโดนหลินเฟิงใช้กรงเล็บบีบไหล่โดยไม่ทันตั้งตัวจากนั้นเสียงกระดูกหักที่ดังชัดเจน ไหล่ของโอวหยางป๋อถูกหลินเฟิงบีบจนแหลก“เอือกอ๊าก——!”มันไม่ได้เหมือนกับแผนการที่คิดอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ เพียงแค่ถูกกระบวนท่าเดียวโอวหยางป๋อก็บาดเจ็บหนัก เขาส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมานออกมาแต่ในเมื่อโอวหยางป๋อเป็นถึงยอดฝีมืออันดับสี่สิบของลำดับสวรรค์เขาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว และกัดฟันเพื่อโจมตีกลับ“ลูกเตะเสี้ยวพระจันทร์”โอวหยางป๋อเตะขาคู่ออกมามากกว่าสิบครั้ง ตามด้วยเสียงระเบิดที่แยกออกจากตัว พุ่งตรงไปยังใบหน้าของหลินเฟิง“ช้าเกินไปช้าเกินไปแล้ว! อันดับสี่สิบของลำดับสวรรค์ฝีมือแค่นี้เหรอ?!”หลินเฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว คาดไม่ถึงว่าจะใช้ท่วงท่าต่อสู้แบบเดียวกับโอวหยางป๋อ“ลูกเตะเสี้ยวพระจันทร์!”“ปังปังปังปังปังปัง!”โอวหยางป๋อสามารถเตะขาออกมามากกว่าสิบครั้ง แต่หลินเฟิงกลับสามารถเตะออกมาในช่วงเวลาสั้นมากกว่าห้าสิบครั้งพลังชั่วร้ายที่ติดอยู่บนเท้าเปรียบเสมือนหนามน้ำแข็งของเทือกเขาเทียนซาน
“ช้าก่อน”ในขณะที่โอวหยางชิ่งพยายามแบกโอวหยางป๋อที่กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นรถไป หลินเฟิงที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติก็จับประตูรถไว้โอวหยางชิ่งตกใจอย่างมาก นึกว่าหลินเฟิงนั้นจะเปลี่ยนใจแต่หลินเฟิงไม่ใช่คนที่ผิดคำพูด เขาเหลือบมองโอวหยางป๋อที่กําลังหายใจอยู่ และพูดเบา ๆ ว่า: “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เชิญคุณหลินพูด” ตอนนี้โอวหยางชิ่งว่าง่ายอย่างมาก“เมื่อครู่ผมได้ยินพ่อของคุณพูดว่าจะจัดการกับตระกูลไป๋ ตอนนี้บอกให้พวกเขาหยุดลงมือเดี๋ยวนี้ และอย่าไปรบกวนตระกูลไป๋อีก”เดิมทีคิดว่าหลินเฟิงจะเปลี่ยนใจแต่เมื่อได้ยินหลินเฟิงเสนอข้อเรียกร้องเพียงแค่นี้ โอวหยางชิ่งก็โล่งใจ แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “คุณหลิน เป็นเพราะตระกูลไป๋ที่ทำให้คุณติดกับดัก ต่อให้เป็นแบบนี้คุณก็ต้องการปล่อยพวกเขาไปเหรอ?”“ปล่อยไม่ปล่อยนั่นมันเรื่องของผม”สายตาที่เย็นชาของหลินเฟิงทําให้โอวหยางชิ่งตัวสั่น“รับทราบค่ะ” โอวหยางชิ่งรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าของพ่อตัวเอง และโทรออกหาจงเจว๋ที่อยู่ในตระกูลไป๋ในเวลานี้ สั่งให้เขาหยุดลงมือ และให้โถงลับถอนกำลังออกให้หมดจงเจว๋นั้นแปลกใจมาก แต่ก็ต้องจำใจดำเนินก