พอคนของโถงมืดกลับไป คนตระกูลไป๋ที่รอดชีวิตมาได้ต่างก็ร้องไห้ออกมาชีวิตที่รอดตายหลังประสบภัยพิบัติ ตระกูลไป๋โชคดีมากที่รอดมาได้แต่ใครที่ช่วยพวกเขาไว้?ไป๋เจิ้นหัวไม่สนใจไป๋ชิงเฉี่ยนที่กระโจนเข้าหาชายชราและร้องไห้ สายตาไร้ความรู้สึกมองไปทางเถาเซิ่งที่แอบถือโทรศัพท์เอาไว้และหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ตอนนี้เขาคิดไม่ออกแล้วว่าใครช่วยชีวิตพวกตระกูลไป๋ไว้ในหัวสมองเพียงแค่นึกถึงคำพูดข่มขู่ที่เถาเซิ่งพูดออกมาในตอนที่ถูกเขาไล่กลับไป“คุณลุง ตระกูลเถาของเราสามารถเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในหนานโจวได้ แน่นอนว่าต้องมีพลังอยู่บ้าง ถึงแม้สำนักเสินฉือจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพันอย่างที่คุณคิด”“วันนี้ ท่าทางที่คุณมีต่อผม คุณต้องเสียใจภายหลัง”เพียงแต่มันก็เป็นแค่คำพูดที่เถาเซิ่งนั้นฝืนพูดออกมาเพื่อไม่ให้แพ้พลังอำนาจแต่กลับถูกไป๋เจิ้นหัวคิดจริงจังแล้ว ไป๋เจิ้นหัวคุกเข่าล้มลงที่ข้างเท้าของเถาเซิ่งทันที จากนั้นจับขาของเถาเซิ่งไว้และโขกหัวกับพื้นเขาโขกหัวไปพลางพูดเสียงดังไปพลางว่า: “ขอบคุณคุณชายเถา ขอบพระคุณคุณชายเถามากที่ไว้ชีวิตตระกูลไป๋ของผมเอาไว้ เมื่อครู่ต้องเป็นเพราะคุณติดต่อพ
การกลับมาครั้งนี้ หลินเฟิงมาเพื่อชำระแค้นกับตระกูลไป๋“หลี่ซืออวี่……”ไป๋เจิ้นหัวเมื่อกี้จะบอกว่าเป็นเพราะหลี่ซืออวี่บาดเจ็บหนัก เขาจึงเรียกรถพยาบาลมารับไปแล้วแต่ลองคิดย้อนดู ทำไมเขาต้องกลัวหลินเฟิงด้วย?ถึงขั้นที่คิดให้ลึกลงไปอีกบางทีหลินเฟิงอาจซื้อตัวโอวหยางป๋อด้วยเงินจํานวนมาก ทําให้โอวหยางป๋อหันมาผิดใจกับเขาและส่งจงเจว๋กองกำลังโถงมืดของสำนักเสินฉือมาเพื่อฆ่าปิดปากไม่อย่างนั้นหลินเฟิงจะกลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดได้อย่างไรและในโทรศัพท์ ประโยคที่ว่า "คุณรู้มากเกินไปแล้ว" ของโอวหยางป๋อ ก็เป็นการยืนยันการคาดเดาของเขาเมื่อสรุปดูแล้ว หลินเฟิงเป็นฆาตกรที่เกือบจะกวาดล้างตระกูลไป๋ของพวกเขา!ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ไป๋เจิ้นหัวอาจจะหวาดกลัว ต่อหลินเฟิง ตอนนี้ข้างกายมีคุณชายเถาเซิ่งแล้วมีตระกูลเถาที่สามารถทำให้กองกำลังโถงมืดของสำนักเสินฉือหวาดกลัว งั้นเขายังจะกลัวอะไรหลินเฟิงที่เป็นผู้ชายที่ตระกูลไป๋เลี้ยงไว้ทำไมอีกล่ะ?ไป๋เจิ้นหัวเปลี่ยนสีหน้าทันที และสะบัดมือของหลินเฟิงออกไป จากนั้นพูดด้วยความโกรธว่า: “ทําไมฉันต้องบอกแก? อย่าคิดว่าแกฉลาดนิดหน่อย ก็ซื้อสำนักเสินฉือได้แล้
เมื่อได้ยินลูกสาวเรียกชื่อนามสกุลของเขา ไป๋เจิ้นหัวก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ชิงเฉี่ยน ฉันเป็นพ่อของแกน่ะ! แกพูดกับพ่อตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร ?”“หุบปาก”ดวงตาของไป๋ชิงเฉี่ยนเหมือนไฟฟ้า เธอพูดอย่างเย็นชาว่า:“พ่อของฉันตายไปแล้ว ในงานศพนี้ เป็นการไว้อาลัยต่อคุณปู่และยังมีพ่อที่ตายไปแล้ว ไป๋เจิ้นหัว ต่อจากนี้ถ้าคุณกล้าไม่เคารพฉันอีก ฉันจะจัดการคุณด้วยกฎตระกูล โดยใช้สิทธิ์ของผู้นำตระกูลไป๋ !”“แก……”ไป๋เจิ้นหัวเกือบจะโกรธลูกของตัวเองจะตายอยู่แล้ว แต่แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทํากับลูกสาว เขากัดฟัน พูดออกมาจากปากทีละคำ“ชิงเฉี่ยน ไม่ว่ายังไงคุณลุงก็ทำเพื่อความอยู่รอดของตระกูลไป๋ คุณไม่สามารถ……” “ที่นี่มีสิทธิ์ให้คุณพูดด้วยเหรอ? หลิงอวี้ ส่งแขก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเชิดหน้าเดินเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์“ส่ง…”ต่งหลิงอวี้ใจลอยอย่างเห็นได้ชัด เธอถามด้วยความมึนงง: “ส่งใคร” “ต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนหยุดเดิน เหลือบมองต่งหลิงอวี้ด้วยความเย็นชา จึงทําให้ภายในใจของหลิงอวี้รู้สึกหดหู่ต่งหลิงอวี้เดินมาถึงหน้าเถาเซิ่ง และทำท่าทางที่เป็นการ “เชื้อเชิญ”“คุณ
เดิมทีหลี่ซืออวี่ถูกชี่แท้ที่แยกออกจากร่างของจงเจว๋โจมตี แต่ยังไม่ได้ตายในทันทีไหล่ของเธอแตกละเอียด และเสียเลือดมากจนเกินไป เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เมื่อครู่เพิ่งจะถูกรถฉุกเฉินพาตัวไป จนตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย“เฮ้อ....”เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลินเฟิงก็ถอนหายใจยาว ๆ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ดูชะตากรรมของเธอเถอะ ผมไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธอแม้แต่นิดเดียวแล้ว”“งั้น...”ไป๋ชิงเฉี่ยนหันหน้ามา น้ำตาในดวงตาทำให้หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย“เรื่องเมื่อคืนที่คุณรับปาก ยังมีผลอยู่ไหม?”เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารแบบนี้ของคุณหนูตระกูลไป๋ หลินเฟิงก็รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อยเขายื่นนามบัตรของตัวเองไปให้เธอ และพยักหน้าพูดว่า: “ถ้าหากวันไหนคุณมีเวลามาเจียงโจว ก็มานั่งเล่นที่บ้านของผมได้”“เพียงแต่ว่าบ้านของผมเกรงว่าจะไม่ได้สวยสง่างามเหมือนกับคฤหาสน์ตระกูลไป๋แบบนี้”“พร่วด”ฟังหลินเฟิงพูดแบบนี้ ไป๋ชิงเฉี่ยนเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะหลังจากบอกลาคุณหนูตระกูลไป๋หลินเฟิงเตรียมจะขับรถกลับเมืองเจียงโจว เพียงแต่ว่าเพิ่งจะไปถึงหน้าประตูพร้อมกับเหยาปิน หลินเฟิงก็เห็นฟ่านหลิงเยว่ถือจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้
“พี่หลินเฟิง พี่คงไม่ได้เป็นเพราะสำนักโม่ซวีหรอกนะ จึงไม่ยอมรับฉัน?”ฟ่านหลิงเยว่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้น: “พี่อย่าใจร้อน ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับสำนักโม่ซวีเดี๋ยวนี้เลย”ฟ่านหลิงเยว่ล้วงโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง“ฮัลโหล? ผู้อาวุโสโม่เหรอ ฉันมีธุระคุยกับคุณหน่อยค่ะ ฉันจะออกจากสำนักแล้ว ใช่ ต่อไปนี้พวกคุณสำนักโม่ซวีไม่ต้องติดต่อฉันมาแล้ว ฉันกลัวพี่หลินเฟิงจะเข้าใจผิด”“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่รักแล้ว ลาก่อน ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว”“อืม ขอให้อนาคตรุ่งเรืองสดใส ขอให้พวกเราจากกันด้วยดี”รอให้ฟ่านหลิงเยว่วางสายไป หลินเฟิงกับเหยาปินทั้งสองคนมองหน้ากัน“มองอะไร? แปลกมากเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่แบมือ ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา“คุณหนูจ้าว ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?”“คำพูดเป็นชุดของผู้หญิงหลายใจทำไมถึงได้ช่ำชองแบบนี้”เหยาปิดพูดหยอกล้อ“พูดอะไรน่ะ ฉันยังเด็กอยู่ จะมีแฟนได้ยังไงกัน?”ฟ่านหลิงเยว่กลอกตาขาวหลินเฟิงกลับกุมหน้าผาก......ในที่สุดผ่านความวุ่นวายมาทั้งวัน ในตอนช่วงยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หลินเฟิงขับรถมาถึงเมืองเจียงโจว แล
“เอิ๊ก”ฟ่านหลิงเยว่กินข้าวสองหม้อใหญ่เข้าไป เธอก็อิ่มจนตาเหลือกแม่ลูกจ้าวเฉียวอวิ๋นตกใจจนคิดว่าเธอเป็นอะไรไปหลินเฟิงกลับหาเหตุผลออกจากอ่าวเทียนสุ่ย และขับรถไปยังบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังในห้องวิจัย หลินเฟิงใช้เตาที่ถังหว่านจัดแจงให้เขาเริ่มกลั่นไผ่กลืนทอง หลังจากผ่านความพยายามมาครึ่งค่อนคืน ในที่สุดหลินเฟิงก็นำไผ่กลืนทองกลั่นเป็นยาที่เปล่งประกายแสงสีทองได้สองเม็ดหลินเฟิงกลืนยาสองเม็ดเข้าไปทันทีโดยไม่มีความลังเลภายใต้การขับเคลื่อนของหยวนชี่ทั้งห้า ในดวงตาของหลินเฟิงมีแสงสีทองส่องออกมา อาการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นจากการใช้ ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จุดตันเถียนที่เกือบจะแห้งเหือดก็มีกำลังภายในสีทองพุ่งออกมาไม่หยุดประสิทธิภาพของไผ่กลืนทอง ผลักดันร่างกายของเขากลับสู่จุดสูงสุดเมื่อสามปีที่แล้วอย่างต่อเนื่องผ่านไปเป็นเวลานาน หลินเฟิงตะโกนออกมาเสียงต่ำ สะเทือนทั่วทั้งตึกของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังรปภ. ที่อยู่นอกตึกถึงกับตกใจอย่างมาก คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวแต่ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงแค่ผลพวงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากการฟื้นตัวความแจ็งแกร่งของหลินเฟิงเม
“วางใจเถอะค่ะอาจารย์ พี่หลินเฟิงเก่งกาจมากจริง ๆ”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเสริมอยู่ข้าง ๆ โจวเสี่ยวหางก็พยักหน้าพูด: “ฉันใช้ชื่อเสียงของสภานักเรียนของพวกเราเป็นเครื่องยืนยัน อาจารย์คะ คุณหลินท่านนี้ไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”“ก็ได้”หัวหน้าคณะพยักหน้า จากนั้นมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “ไม่ทราบว่าวิชาเอกของคุณคือด้านไหน? เภสัชศาสตร์? การฝังเข็มรมยา? การเข้ากระดูก? หรือว่า...”“ผมพอเข้าใจทั้งหมด”หลินเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตรงนี้ หลินเฟิงไม่มีทางทำให้เธอผิดหวังอยู่แล้ว จึงพยักหน้าพูดด้วยความมั่นใจ“พอเข้าใจทั้งหมด?”หัวหน้าคณะเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ก็ยิ่งคิดว่าวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ตรงหน้ากำลังพูดจาซี้ซั้วแพทย์แผนจีนในฐานะวิชาแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกร แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมีความซับซ้อนและกว้างใหญ่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการลงมือจริงที่มากมาย วัยรุ่นคนนี้ที่อายุไม่ถึงสามสิบปี จะเข้าใจทั้งหมดได้อย่างไร?“หึ”เมื่อเห็นหัวหน้าคณะคนนี้ก้มหน้าครุ่นคิด หลินเฟิงก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อตัวเองดังนั้นหลังจากที่ตรวจดูใบหน้าของหัวหน้าท่านนี้อย่างละเอียดหลินเฟิงก็พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย: “ห
ขณะเดียวกัน หลินเฟิงในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังและหัวหน้าผู้ผลิตยา เขาก็อยากทำประโยชน์จริง ๆ บ้าง เลยรับสมัครวัยรุ่นที่มีพรสวรรค์มาให้บริษัทเภสัชกรรมเชิงถังเยอะ ๆนี่ก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของถังหว่านไม่อย่างนั้น หลินเฟิงไม่มีทางเข้าร่วมการบรรยายแบบนี้เพื่อความสำเร็จและยศศักดิ์หรอกช่วงบ่ายหลินเฟิงมาถึงห้องโถงบรรยายตรงเวลา คิดไม่ถึงว่าตรงระเบียงทางเดินจะถูกนักศึกษาวัยรุ่นชายขวางเอาไว้คนผู้นี้ย้อมผมสีทอง เจาะหู แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรเขายื่นมือไปค้ำกำแพง ขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และถามด้วยความเยาะหยัน: “นี่ นายชื่ออะไรน่ะ?”หลินเฟิงขี้เกียจจะสนใจนักศึกษาประพฤติไม่ดีแบบนี้ จึงอ้อมเขาเพื่อจะเดินจากไปนักศึกษาไม่ดีคนนี้เห็นหลินเฟิงมองข้างเขา ก็ระเบิดความโมโหออกมาทันที จากนั้นก็ท่อนไม้ที่อยู่ด้านหลังขึ้นมาฟาดไปทางแผ่นหลังของหลินเฟิง“แกแม่งกล้าเมินฉันเหรอวะ?”นักศึกษาผู้หญิงที่เดินทางมาฟังบรรยายที่อยู่ตรงระเบียงทางเดิน เห็นภาพนี้ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมา“ผัวะ!”หลินเฟิงกำไม้เอาไว้ในมือด้วยมือข้างเดียวต่อให้นักศึกษาไม่ดีคนนั้นจะออกแรงดึงกลับอย่างไรก็ไม่ได้ใน