เมื่อได้ยินลูกสาวเรียกชื่อนามสกุลของเขา ไป๋เจิ้นหัวก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ชิงเฉี่ยน ฉันเป็นพ่อของแกน่ะ! แกพูดกับพ่อตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร ?”“หุบปาก”ดวงตาของไป๋ชิงเฉี่ยนเหมือนไฟฟ้า เธอพูดอย่างเย็นชาว่า:“พ่อของฉันตายไปแล้ว ในงานศพนี้ เป็นการไว้อาลัยต่อคุณปู่และยังมีพ่อที่ตายไปแล้ว ไป๋เจิ้นหัว ต่อจากนี้ถ้าคุณกล้าไม่เคารพฉันอีก ฉันจะจัดการคุณด้วยกฎตระกูล โดยใช้สิทธิ์ของผู้นำตระกูลไป๋ !”“แก……”ไป๋เจิ้นหัวเกือบจะโกรธลูกของตัวเองจะตายอยู่แล้ว แต่แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทํากับลูกสาว เขากัดฟัน พูดออกมาจากปากทีละคำ“ชิงเฉี่ยน ไม่ว่ายังไงคุณลุงก็ทำเพื่อความอยู่รอดของตระกูลไป๋ คุณไม่สามารถ……” “ที่นี่มีสิทธิ์ให้คุณพูดด้วยเหรอ? หลิงอวี้ ส่งแขก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเชิดหน้าเดินเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์“ส่ง…”ต่งหลิงอวี้ใจลอยอย่างเห็นได้ชัด เธอถามด้วยความมึนงง: “ส่งใคร” “ต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนหยุดเดิน เหลือบมองต่งหลิงอวี้ด้วยความเย็นชา จึงทําให้ภายในใจของหลิงอวี้รู้สึกหดหู่ต่งหลิงอวี้เดินมาถึงหน้าเถาเซิ่ง และทำท่าทางที่เป็นการ “เชื้อเชิญ”“คุณ
เดิมทีหลี่ซืออวี่ถูกชี่แท้ที่แยกออกจากร่างของจงเจว๋โจมตี แต่ยังไม่ได้ตายในทันทีไหล่ของเธอแตกละเอียด และเสียเลือดมากจนเกินไป เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เมื่อครู่เพิ่งจะถูกรถฉุกเฉินพาตัวไป จนตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย“เฮ้อ....”เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลินเฟิงก็ถอนหายใจยาว ๆ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ดูชะตากรรมของเธอเถอะ ผมไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธอแม้แต่นิดเดียวแล้ว”“งั้น...”ไป๋ชิงเฉี่ยนหันหน้ามา น้ำตาในดวงตาทำให้หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย“เรื่องเมื่อคืนที่คุณรับปาก ยังมีผลอยู่ไหม?”เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารแบบนี้ของคุณหนูตระกูลไป๋ หลินเฟิงก็รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อยเขายื่นนามบัตรของตัวเองไปให้เธอ และพยักหน้าพูดว่า: “ถ้าหากวันไหนคุณมีเวลามาเจียงโจว ก็มานั่งเล่นที่บ้านของผมได้”“เพียงแต่ว่าบ้านของผมเกรงว่าจะไม่ได้สวยสง่างามเหมือนกับคฤหาสน์ตระกูลไป๋แบบนี้”“พร่วด”ฟังหลินเฟิงพูดแบบนี้ ไป๋ชิงเฉี่ยนเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะหลังจากบอกลาคุณหนูตระกูลไป๋หลินเฟิงเตรียมจะขับรถกลับเมืองเจียงโจว เพียงแต่ว่าเพิ่งจะไปถึงหน้าประตูพร้อมกับเหยาปิน หลินเฟิงก็เห็นฟ่านหลิงเยว่ถือจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้
“พี่หลินเฟิง พี่คงไม่ได้เป็นเพราะสำนักโม่ซวีหรอกนะ จึงไม่ยอมรับฉัน?”ฟ่านหลิงเยว่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้น: “พี่อย่าใจร้อน ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับสำนักโม่ซวีเดี๋ยวนี้เลย”ฟ่านหลิงเยว่ล้วงโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง“ฮัลโหล? ผู้อาวุโสโม่เหรอ ฉันมีธุระคุยกับคุณหน่อยค่ะ ฉันจะออกจากสำนักแล้ว ใช่ ต่อไปนี้พวกคุณสำนักโม่ซวีไม่ต้องติดต่อฉันมาแล้ว ฉันกลัวพี่หลินเฟิงจะเข้าใจผิด”“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่รักแล้ว ลาก่อน ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว”“อืม ขอให้อนาคตรุ่งเรืองสดใส ขอให้พวกเราจากกันด้วยดี”รอให้ฟ่านหลิงเยว่วางสายไป หลินเฟิงกับเหยาปินทั้งสองคนมองหน้ากัน“มองอะไร? แปลกมากเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่แบมือ ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา“คุณหนูจ้าว ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?”“คำพูดเป็นชุดของผู้หญิงหลายใจทำไมถึงได้ช่ำชองแบบนี้”เหยาปิดพูดหยอกล้อ“พูดอะไรน่ะ ฉันยังเด็กอยู่ จะมีแฟนได้ยังไงกัน?”ฟ่านหลิงเยว่กลอกตาขาวหลินเฟิงกลับกุมหน้าผาก......ในที่สุดผ่านความวุ่นวายมาทั้งวัน ในตอนช่วงยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หลินเฟิงขับรถมาถึงเมืองเจียงโจว แล
“เอิ๊ก”ฟ่านหลิงเยว่กินข้าวสองหม้อใหญ่เข้าไป เธอก็อิ่มจนตาเหลือกแม่ลูกจ้าวเฉียวอวิ๋นตกใจจนคิดว่าเธอเป็นอะไรไปหลินเฟิงกลับหาเหตุผลออกจากอ่าวเทียนสุ่ย และขับรถไปยังบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังในห้องวิจัย หลินเฟิงใช้เตาที่ถังหว่านจัดแจงให้เขาเริ่มกลั่นไผ่กลืนทอง หลังจากผ่านความพยายามมาครึ่งค่อนคืน ในที่สุดหลินเฟิงก็นำไผ่กลืนทองกลั่นเป็นยาที่เปล่งประกายแสงสีทองได้สองเม็ดหลินเฟิงกลืนยาสองเม็ดเข้าไปทันทีโดยไม่มีความลังเลภายใต้การขับเคลื่อนของหยวนชี่ทั้งห้า ในดวงตาของหลินเฟิงมีแสงสีทองส่องออกมา อาการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นจากการใช้ ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จุดตันเถียนที่เกือบจะแห้งเหือดก็มีกำลังภายในสีทองพุ่งออกมาไม่หยุดประสิทธิภาพของไผ่กลืนทอง ผลักดันร่างกายของเขากลับสู่จุดสูงสุดเมื่อสามปีที่แล้วอย่างต่อเนื่องผ่านไปเป็นเวลานาน หลินเฟิงตะโกนออกมาเสียงต่ำ สะเทือนทั่วทั้งตึกของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังรปภ. ที่อยู่นอกตึกถึงกับตกใจอย่างมาก คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวแต่ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงแค่ผลพวงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากการฟื้นตัวความแจ็งแกร่งของหลินเฟิงเม
“วางใจเถอะค่ะอาจารย์ พี่หลินเฟิงเก่งกาจมากจริง ๆ”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเสริมอยู่ข้าง ๆ โจวเสี่ยวหางก็พยักหน้าพูด: “ฉันใช้ชื่อเสียงของสภานักเรียนของพวกเราเป็นเครื่องยืนยัน อาจารย์คะ คุณหลินท่านนี้ไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”“ก็ได้”หัวหน้าคณะพยักหน้า จากนั้นมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “ไม่ทราบว่าวิชาเอกของคุณคือด้านไหน? เภสัชศาสตร์? การฝังเข็มรมยา? การเข้ากระดูก? หรือว่า...”“ผมพอเข้าใจทั้งหมด”หลินเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตรงนี้ หลินเฟิงไม่มีทางทำให้เธอผิดหวังอยู่แล้ว จึงพยักหน้าพูดด้วยความมั่นใจ“พอเข้าใจทั้งหมด?”หัวหน้าคณะเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ก็ยิ่งคิดว่าวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ตรงหน้ากำลังพูดจาซี้ซั้วแพทย์แผนจีนในฐานะวิชาแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกร แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมีความซับซ้อนและกว้างใหญ่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการลงมือจริงที่มากมาย วัยรุ่นคนนี้ที่อายุไม่ถึงสามสิบปี จะเข้าใจทั้งหมดได้อย่างไร?“หึ”เมื่อเห็นหัวหน้าคณะคนนี้ก้มหน้าครุ่นคิด หลินเฟิงก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อตัวเองดังนั้นหลังจากที่ตรวจดูใบหน้าของหัวหน้าท่านนี้อย่างละเอียดหลินเฟิงก็พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย: “ห
ขณะเดียวกัน หลินเฟิงในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังและหัวหน้าผู้ผลิตยา เขาก็อยากทำประโยชน์จริง ๆ บ้าง เลยรับสมัครวัยรุ่นที่มีพรสวรรค์มาให้บริษัทเภสัชกรรมเชิงถังเยอะ ๆนี่ก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของถังหว่านไม่อย่างนั้น หลินเฟิงไม่มีทางเข้าร่วมการบรรยายแบบนี้เพื่อความสำเร็จและยศศักดิ์หรอกช่วงบ่ายหลินเฟิงมาถึงห้องโถงบรรยายตรงเวลา คิดไม่ถึงว่าตรงระเบียงทางเดินจะถูกนักศึกษาวัยรุ่นชายขวางเอาไว้คนผู้นี้ย้อมผมสีทอง เจาะหู แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรเขายื่นมือไปค้ำกำแพง ขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และถามด้วยความเยาะหยัน: “นี่ นายชื่ออะไรน่ะ?”หลินเฟิงขี้เกียจจะสนใจนักศึกษาประพฤติไม่ดีแบบนี้ จึงอ้อมเขาเพื่อจะเดินจากไปนักศึกษาไม่ดีคนนี้เห็นหลินเฟิงมองข้างเขา ก็ระเบิดความโมโหออกมาทันที จากนั้นก็ท่อนไม้ที่อยู่ด้านหลังขึ้นมาฟาดไปทางแผ่นหลังของหลินเฟิง“แกแม่งกล้าเมินฉันเหรอวะ?”นักศึกษาผู้หญิงที่เดินทางมาฟังบรรยายที่อยู่ตรงระเบียงทางเดิน เห็นภาพนี้ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมา“ผัวะ!”หลินเฟิงกำไม้เอาไว้ในมือด้วยมือข้างเดียวต่อให้นักศึกษาไม่ดีคนนั้นจะออกแรงดึงกลับอย่างไรก็ไม่ได้ใน
“อุ๊ย คนสวยคนนี้เป็นใคร? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นที่คณะแพทย์มาก่อน?”“วางใจได้ หลิวฮ่าวไม่ใช่คนที่แล้งน้ำใจ คนสวยคนนี้ ถ้าหากคุณไม่มีเงินจ่ายค่าคุ้มครอง งั้นคืนนี้ไปนอนกับผมที่โรงแรมนอกมหาวิทยาลัยสักคืนก็พอใจ”มองดูสายตาหื่นกามของหลิวฮ่าวที่กวาดมองไปบนตัวหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงเดินเข้าไป จากนั้นจับไหล่ของหลิวฮ่าวเอาไว้เขาสัมผัสถูกจุดสำคัญของหลินเฟิงได้พอดี“เดิมอยากจะฝากความประทับใจที่ดีให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย”“คิดไม่ถึงว่าในมหาวิทยาลัยก็มีสวะแบบนายอยู่ด้วย”ท่ามกลางสายตาที่งุนงงของหลิวฮ่าว หลินเฟิงเหวี่ยงฝ่ามือ ตบไปที่ใบหน้าของหลิวฮ่าวอย่างแรง ตบจนเขากลิ้งตัวไปบนพื้นทันที“ไสหัวไปซะ!”หลินเฟิงตะคอกด่าเสียงต่ำ ทันใดนั้นก็ทำให้พวกนักศึกษาที่ล้อมรอบอยู่แอบรู้สึกสะใจในเมื่อนักเรียนเหล่านี้ทนทุกข์ทรมานจากหลิวฮ่าวมานานแล้ว“แกกล้าตบฉันเหรอ? แกแม่งกล้าตบฉันเหรอวะ!”หลิวฮ่าวที่ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาจากบนพื้นชี้หน้าด่าหลินเฟิง: “แกรอฉันได้เลย แกแม่งอย่าไปไหนล่ะ รอฉันอยู่นี่!”ฟังหลิวฮ่าวทิ้งคำขู่เอาไว้ และกุมหน้าจากไป นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา“พี่หลินเฟิง ห
ในตอนที่หลินเฟิงกำลังคุมเชิงอยู่กับหลิวฮ่าวและคนอื่น ๆ ที่ตรงทางเดิน นักศึกษาที่อยู่ในห้องเรียนก็มองไปตรงทางเดินด้วยความอยากรู้อยากเห็นและยิ่งมีนักศึกษาผู้หญิงที่ขี้ขลาดจำนวนมากต่างตกใจจนหน้าซีดเซียวที่ผ่านมาภายในคณะแพทย์ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนแข็งข้อมาก่อนแต่ทุกครั้งคนที่กล้าแข็งข้อต่อกล่อนกับหลิวฮ่าว จุดจบต่างน่าอนาถอย่างมาก“หลิวฮ่าว นายพอแค่นี้เถอะ!”โจวเสี่ยวหางออกมาจากห้องเรียน เชิญหลินเฟิงมาที่คณะแพทย์เป็นความคิดของเธอ ถ้าหากหลินเฟิงเกิดอะไรขึ้น อย่าว่าแต่หลินเสวี่ยฮุ่ย แม้แต่เธอเองก็ไม่มีทางโน้มน้าวใจตัวเองได้โจวเสี่ยวหางแอบตำหนิบตัวเอง ทำไมถึงคิดถึงไอ้สารเลวหลิวฮ่าวคนนี้ไม่ได้นะ“เสี่ยวหาง อย่าโทษฉันเลย ถ้าจะโทษก็โทษไอ้หมอนี่ที่กำเริบเสิบสานเกินไป วันนี้ไม่ให้มันได้เห็นฝีมือหน่อย ก็คงจะคิดว่าฉันหลิวฮ่าวกระจอกงอกง่อย?”หลิวฮ่าวเลียริมฝีปาก จากนั้นผลักโจวเสี่ยวหางไปด้านข้าง“พี่หลินเฟิง”หลินเสวี่ยฮุ่ยวิ่งออกมาจากห้องเรียน ถึงแม้จะกระวนกระวายใจ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลยเธอที่รู้ความ รู้ว่าตัวเองเข้าไปมีแต่จะเป็นตัวถ่วงหลินเฟิง“ไม่ต้องกังวล ฉันจัดการได้”หลินเฟิงพยัก
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน