เมื่อได้ยินลูกสาวเรียกชื่อนามสกุลของเขา ไป๋เจิ้นหัวก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ชิงเฉี่ยน ฉันเป็นพ่อของแกน่ะ! แกพูดกับพ่อตัวเองแบบนี้ได้อย่างไร ?”“หุบปาก”ดวงตาของไป๋ชิงเฉี่ยนเหมือนไฟฟ้า เธอพูดอย่างเย็นชาว่า:“พ่อของฉันตายไปแล้ว ในงานศพนี้ เป็นการไว้อาลัยต่อคุณปู่และยังมีพ่อที่ตายไปแล้ว ไป๋เจิ้นหัว ต่อจากนี้ถ้าคุณกล้าไม่เคารพฉันอีก ฉันจะจัดการคุณด้วยกฎตระกูล โดยใช้สิทธิ์ของผู้นำตระกูลไป๋ !”“แก……”ไป๋เจิ้นหัวเกือบจะโกรธลูกของตัวเองจะตายอยู่แล้ว แต่แล้วก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทํากับลูกสาว เขากัดฟัน พูดออกมาจากปากทีละคำ“ชิงเฉี่ยน ไม่ว่ายังไงคุณลุงก็ทำเพื่อความอยู่รอดของตระกูลไป๋ คุณไม่สามารถ……” “ที่นี่มีสิทธิ์ให้คุณพูดด้วยเหรอ? หลิงอวี้ ส่งแขก!”ไป๋ชิงเฉี่ยนเชิดหน้าเดินเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์“ส่ง…”ต่งหลิงอวี้ใจลอยอย่างเห็นได้ชัด เธอถามด้วยความมึนงง: “ส่งใคร” “ต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ?”ไป๋ชิงเฉี่ยนหยุดเดิน เหลือบมองต่งหลิงอวี้ด้วยความเย็นชา จึงทําให้ภายในใจของหลิงอวี้รู้สึกหดหู่ต่งหลิงอวี้เดินมาถึงหน้าเถาเซิ่ง และทำท่าทางที่เป็นการ “เชื้อเชิญ”“คุณ
เดิมทีหลี่ซืออวี่ถูกชี่แท้ที่แยกออกจากร่างของจงเจว๋โจมตี แต่ยังไม่ได้ตายในทันทีไหล่ของเธอแตกละเอียด และเสียเลือดมากจนเกินไป เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เมื่อครู่เพิ่งจะถูกรถฉุกเฉินพาตัวไป จนตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย“เฮ้อ....”เมื่อได้ยินข่าวนี้ หลินเฟิงก็ถอนหายใจยาว ๆ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ดูชะตากรรมของเธอเถอะ ผมไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเธอแม้แต่นิดเดียวแล้ว”“งั้น...”ไป๋ชิงเฉี่ยนหันหน้ามา น้ำตาในดวงตาทำให้หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย“เรื่องเมื่อคืนที่คุณรับปาก ยังมีผลอยู่ไหม?”เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารแบบนี้ของคุณหนูตระกูลไป๋ หลินเฟิงก็รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อยเขายื่นนามบัตรของตัวเองไปให้เธอ และพยักหน้าพูดว่า: “ถ้าหากวันไหนคุณมีเวลามาเจียงโจว ก็มานั่งเล่นที่บ้านของผมได้”“เพียงแต่ว่าบ้านของผมเกรงว่าจะไม่ได้สวยสง่างามเหมือนกับคฤหาสน์ตระกูลไป๋แบบนี้”“พร่วด”ฟังหลินเฟิงพูดแบบนี้ ไป๋ชิงเฉี่ยนเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะหลังจากบอกลาคุณหนูตระกูลไป๋หลินเฟิงเตรียมจะขับรถกลับเมืองเจียงโจว เพียงแต่ว่าเพิ่งจะไปถึงหน้าประตูพร้อมกับเหยาปิน หลินเฟิงก็เห็นฟ่านหลิงเยว่ถือจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้
“พี่หลินเฟิง พี่คงไม่ได้เป็นเพราะสำนักโม่ซวีหรอกนะ จึงไม่ยอมรับฉัน?”ฟ่านหลิงเยว่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้น: “พี่อย่าใจร้อน ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับสำนักโม่ซวีเดี๋ยวนี้เลย”ฟ่านหลิงเยว่ล้วงโทรศัพท์ออกมา และโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง“ฮัลโหล? ผู้อาวุโสโม่เหรอ ฉันมีธุระคุยกับคุณหน่อยค่ะ ฉันจะออกจากสำนักแล้ว ใช่ ต่อไปนี้พวกคุณสำนักโม่ซวีไม่ต้องติดต่อฉันมาแล้ว ฉันกลัวพี่หลินเฟิงจะเข้าใจผิด”“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่รักแล้ว ลาก่อน ต่อไปพวกเราไม่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว”“อืม ขอให้อนาคตรุ่งเรืองสดใส ขอให้พวกเราจากกันด้วยดี”รอให้ฟ่านหลิงเยว่วางสายไป หลินเฟิงกับเหยาปินทั้งสองคนมองหน้ากัน“มองอะไร? แปลกมากเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่แบมือ ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา“คุณหนูจ้าว ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?”“คำพูดเป็นชุดของผู้หญิงหลายใจทำไมถึงได้ช่ำชองแบบนี้”เหยาปิดพูดหยอกล้อ“พูดอะไรน่ะ ฉันยังเด็กอยู่ จะมีแฟนได้ยังไงกัน?”ฟ่านหลิงเยว่กลอกตาขาวหลินเฟิงกลับกุมหน้าผาก......ในที่สุดผ่านความวุ่นวายมาทั้งวัน ในตอนช่วงยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดิน หลินเฟิงขับรถมาถึงเมืองเจียงโจว แล
“เอิ๊ก”ฟ่านหลิงเยว่กินข้าวสองหม้อใหญ่เข้าไป เธอก็อิ่มจนตาเหลือกแม่ลูกจ้าวเฉียวอวิ๋นตกใจจนคิดว่าเธอเป็นอะไรไปหลินเฟิงกลับหาเหตุผลออกจากอ่าวเทียนสุ่ย และขับรถไปยังบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังในห้องวิจัย หลินเฟิงใช้เตาที่ถังหว่านจัดแจงให้เขาเริ่มกลั่นไผ่กลืนทอง หลังจากผ่านความพยายามมาครึ่งค่อนคืน ในที่สุดหลินเฟิงก็นำไผ่กลืนทองกลั่นเป็นยาที่เปล่งประกายแสงสีทองได้สองเม็ดหลินเฟิงกลืนยาสองเม็ดเข้าไปทันทีโดยไม่มีความลังเลภายใต้การขับเคลื่อนของหยวนชี่ทั้งห้า ในดวงตาของหลินเฟิงมีแสงสีทองส่องออกมา อาการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นจากการใช้ ปีศาจชั่วร้ายกลืนกินพลังสวรรค์ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จุดตันเถียนที่เกือบจะแห้งเหือดก็มีกำลังภายในสีทองพุ่งออกมาไม่หยุดประสิทธิภาพของไผ่กลืนทอง ผลักดันร่างกายของเขากลับสู่จุดสูงสุดเมื่อสามปีที่แล้วอย่างต่อเนื่องผ่านไปเป็นเวลานาน หลินเฟิงตะโกนออกมาเสียงต่ำ สะเทือนทั่วทั้งตึกของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังรปภ. ที่อยู่นอกตึกถึงกับตกใจอย่างมาก คิดว่าเกิดแผ่นดินไหวแต่ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงแค่ผลพวงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากการฟื้นตัวความแจ็งแกร่งของหลินเฟิงเม
“วางใจเถอะค่ะอาจารย์ พี่หลินเฟิงเก่งกาจมากจริง ๆ”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเสริมอยู่ข้าง ๆ โจวเสี่ยวหางก็พยักหน้าพูด: “ฉันใช้ชื่อเสียงของสภานักเรียนของพวกเราเป็นเครื่องยืนยัน อาจารย์คะ คุณหลินท่านนี้ไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”“ก็ได้”หัวหน้าคณะพยักหน้า จากนั้นมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “ไม่ทราบว่าวิชาเอกของคุณคือด้านไหน? เภสัชศาสตร์? การฝังเข็มรมยา? การเข้ากระดูก? หรือว่า...”“ผมพอเข้าใจทั้งหมด”หลินเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตรงนี้ หลินเฟิงไม่มีทางทำให้เธอผิดหวังอยู่แล้ว จึงพยักหน้าพูดด้วยความมั่นใจ“พอเข้าใจทั้งหมด?”หัวหน้าคณะเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ก็ยิ่งคิดว่าวัยรุ่นคนนี้ที่อยู่ตรงหน้ากำลังพูดจาซี้ซั้วแพทย์แผนจีนในฐานะวิชาแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกร แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมีความซับซ้อนและกว้างใหญ่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการลงมือจริงที่มากมาย วัยรุ่นคนนี้ที่อายุไม่ถึงสามสิบปี จะเข้าใจทั้งหมดได้อย่างไร?“หึ”เมื่อเห็นหัวหน้าคณะคนนี้ก้มหน้าครุ่นคิด หลินเฟิงก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อตัวเองดังนั้นหลังจากที่ตรวจดูใบหน้าของหัวหน้าท่านนี้อย่างละเอียดหลินเฟิงก็พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย: “ห
ขณะเดียวกัน หลินเฟิงในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังและหัวหน้าผู้ผลิตยา เขาก็อยากทำประโยชน์จริง ๆ บ้าง เลยรับสมัครวัยรุ่นที่มีพรสวรรค์มาให้บริษัทเภสัชกรรมเชิงถังเยอะ ๆนี่ก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของถังหว่านไม่อย่างนั้น หลินเฟิงไม่มีทางเข้าร่วมการบรรยายแบบนี้เพื่อความสำเร็จและยศศักดิ์หรอกช่วงบ่ายหลินเฟิงมาถึงห้องโถงบรรยายตรงเวลา คิดไม่ถึงว่าตรงระเบียงทางเดินจะถูกนักศึกษาวัยรุ่นชายขวางเอาไว้คนผู้นี้ย้อมผมสีทอง เจาะหู แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไรเขายื่นมือไปค้ำกำแพง ขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และถามด้วยความเยาะหยัน: “นี่ นายชื่ออะไรน่ะ?”หลินเฟิงขี้เกียจจะสนใจนักศึกษาประพฤติไม่ดีแบบนี้ จึงอ้อมเขาเพื่อจะเดินจากไปนักศึกษาไม่ดีคนนี้เห็นหลินเฟิงมองข้างเขา ก็ระเบิดความโมโหออกมาทันที จากนั้นก็ท่อนไม้ที่อยู่ด้านหลังขึ้นมาฟาดไปทางแผ่นหลังของหลินเฟิง“แกแม่งกล้าเมินฉันเหรอวะ?”นักศึกษาผู้หญิงที่เดินทางมาฟังบรรยายที่อยู่ตรงระเบียงทางเดิน เห็นภาพนี้ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมา“ผัวะ!”หลินเฟิงกำไม้เอาไว้ในมือด้วยมือข้างเดียวต่อให้นักศึกษาไม่ดีคนนั้นจะออกแรงดึงกลับอย่างไรก็ไม่ได้ใน
“อุ๊ย คนสวยคนนี้เป็นใคร? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นที่คณะแพทย์มาก่อน?”“วางใจได้ หลิวฮ่าวไม่ใช่คนที่แล้งน้ำใจ คนสวยคนนี้ ถ้าหากคุณไม่มีเงินจ่ายค่าคุ้มครอง งั้นคืนนี้ไปนอนกับผมที่โรงแรมนอกมหาวิทยาลัยสักคืนก็พอใจ”มองดูสายตาหื่นกามของหลิวฮ่าวที่กวาดมองไปบนตัวหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงเดินเข้าไป จากนั้นจับไหล่ของหลิวฮ่าวเอาไว้เขาสัมผัสถูกจุดสำคัญของหลินเฟิงได้พอดี“เดิมอยากจะฝากความประทับใจที่ดีให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย”“คิดไม่ถึงว่าในมหาวิทยาลัยก็มีสวะแบบนายอยู่ด้วย”ท่ามกลางสายตาที่งุนงงของหลิวฮ่าว หลินเฟิงเหวี่ยงฝ่ามือ ตบไปที่ใบหน้าของหลิวฮ่าวอย่างแรง ตบจนเขากลิ้งตัวไปบนพื้นทันที“ไสหัวไปซะ!”หลินเฟิงตะคอกด่าเสียงต่ำ ทันใดนั้นก็ทำให้พวกนักศึกษาที่ล้อมรอบอยู่แอบรู้สึกสะใจในเมื่อนักเรียนเหล่านี้ทนทุกข์ทรมานจากหลิวฮ่าวมานานแล้ว“แกกล้าตบฉันเหรอ? แกแม่งกล้าตบฉันเหรอวะ!”หลิวฮ่าวที่ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาจากบนพื้นชี้หน้าด่าหลินเฟิง: “แกรอฉันได้เลย แกแม่งอย่าไปไหนล่ะ รอฉันอยู่นี่!”ฟังหลิวฮ่าวทิ้งคำขู่เอาไว้ และกุมหน้าจากไป นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา“พี่หลินเฟิง ห
ในตอนที่หลินเฟิงกำลังคุมเชิงอยู่กับหลิวฮ่าวและคนอื่น ๆ ที่ตรงทางเดิน นักศึกษาที่อยู่ในห้องเรียนก็มองไปตรงทางเดินด้วยความอยากรู้อยากเห็นและยิ่งมีนักศึกษาผู้หญิงที่ขี้ขลาดจำนวนมากต่างตกใจจนหน้าซีดเซียวที่ผ่านมาภายในคณะแพทย์ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนแข็งข้อมาก่อนแต่ทุกครั้งคนที่กล้าแข็งข้อต่อกล่อนกับหลิวฮ่าว จุดจบต่างน่าอนาถอย่างมาก“หลิวฮ่าว นายพอแค่นี้เถอะ!”โจวเสี่ยวหางออกมาจากห้องเรียน เชิญหลินเฟิงมาที่คณะแพทย์เป็นความคิดของเธอ ถ้าหากหลินเฟิงเกิดอะไรขึ้น อย่าว่าแต่หลินเสวี่ยฮุ่ย แม้แต่เธอเองก็ไม่มีทางโน้มน้าวใจตัวเองได้โจวเสี่ยวหางแอบตำหนิบตัวเอง ทำไมถึงคิดถึงไอ้สารเลวหลิวฮ่าวคนนี้ไม่ได้นะ“เสี่ยวหาง อย่าโทษฉันเลย ถ้าจะโทษก็โทษไอ้หมอนี่ที่กำเริบเสิบสานเกินไป วันนี้ไม่ให้มันได้เห็นฝีมือหน่อย ก็คงจะคิดว่าฉันหลิวฮ่าวกระจอกงอกง่อย?”หลิวฮ่าวเลียริมฝีปาก จากนั้นผลักโจวเสี่ยวหางไปด้านข้าง“พี่หลินเฟิง”หลินเสวี่ยฮุ่ยวิ่งออกมาจากห้องเรียน ถึงแม้จะกระวนกระวายใจ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลยเธอที่รู้ความ รู้ว่าตัวเองเข้าไปมีแต่จะเป็นตัวถ่วงหลินเฟิง“ไม่ต้องกังวล ฉันจัดการได้”หลินเฟิงพยัก