ขณะเดียวกันภายในค่ายทหารที่ชานเมืองเจียงโจวทหารสวมชุดลายพรางคนหนึ่งกำลังนอนกลางวันอยู่ภายในห้องทำงานจู่ ๆ โทรศัพท์ก็มีเสียงเตือนของข้อความดังขึ้นมา“แม่งเอ้ย ใครวะส่งข้อความมากลางวันแสก ๆ?”ชายหนุ่มหยิบหมวกที่อยู่บนใบหน้าของตัวเองลงมาด้วยความหงุดหงิดเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาด้วยความโมโห แต่ในตอนที่เขาเห็น เบอร์โทรศัพท์มือถือ คนทั้งคนก็ตาสว่างขึ้นมาทันที“เชี่ย…” เขาลุกขึ้นทันทีและตะโกนต่อลูกน้อง“ทุกคนมารวมตัวกัน”......ไม่เพียงค่ายทหารเขตชานเมืองเจียงโจวที่กำลังรวมตัวกันคนของตระกูลฉิน ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันถังหว่านก็ไม่ได้อยู่ว่าง เธอโทรไปหาโจวเฉินทันทีให้เขาเรียกคนของตระกูลถังทั้งหมดตามมาที่คลับเฮ้าส์ที่เธออยู่ในตอนนี้สำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจวไม่ใช่กองกำลังเล็ก ๆ เพียงแค่คนของตระกูลฉิน เกรงว่าไม่แน่ว่าจะควบคุมสำนักอวี้เจี้ยนได้หลังจากที่โจวฉินได้รับคำสั่งและจะรวบรวมกำลังคน จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ถูกหลินเสวี่ยเยี่ยนแย่งไป“ถังหว่าน ลูกทำอะไรอยู่กันแน่? ทำไมจู่ ๆ ถึงเรียกรวมตัวคนของตระกูลถัง?”ถังหว่านพูดด้วยความหงุดหงิด: “โอ๊ย หนูไม่มีเวลามาอธิบายมากมายกับแม่ ตอนนี้หลิ
ประตูกระจกของคลับเฮ้าส์ถูกคนทุบแตกผู้มีฝีมือของสำนักอวี้เจี้ยนในมือถือกระบี่ยาวพุ่งเข้ามาล้อมรอบหลินเฟิงและคนอื่น ๆ เอาไว้แน่นหนาเหยนจวิ้นรู้สึกดีใจอย่างมาก จากนั้นก็ตะโกนต่อหลินเฟิงด้วยความโอหัง: “ไอ้หนุ่ม แกเสร็จแน่”“พ่อฉันมาแล้ว”หลินเฟิงเห็นเขายังกล้าพูดพล่ามกับตัวเองจึงยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของเขาเหยนจวิ้นฟันหลุดกระเด็นและมีเลือดไหลออกมาทันที“แม่งเอ๊ย”ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งของสำนักอวี้เจี้ยนกระจายตัวออก เหยนควานเดินออกมาจากในกลุ่มคนเห็นพวกหลินเฟิงสามคน จากนั้นก็มองไปยังลูกชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ดูท่าแผนใส่ความของเขาล้มเหลวแล้วในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับพวกเขาอีกแล้ว“หลินเฟิง ปล่อยลูกของฉันมาซะ”เหยนควานก็ไม่ได้เร่งเร้าจนเกินไป เขารู้ว่าหลินเฟิงสมองกลวงเล็กน้อย เร่งจนโมโหเขาก็กล้าฆ่าคนจริง ๆหลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “ลูกชายของคุณใส่ความผม ทำไมผมต้องปล่อยเขาไปด้วย?”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันขอโทษแทนเขาแล้วกัน แบบนี้นายพอใจแล้วสินะ?”เหยนควานพยายามรักษาความเป็นมิตรของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด: “นายปล่อยคนไป ความแค้นก่อน
ฉินเซี่ยวเทียนได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟิงจะบาดหมางกับสำนักอวี้เจี้ยนได้รุนแรงขนาดนี้แต่เขาก็ยังฝืนพูดขึ้น: “ท่านผู้นำเหยน ไม่ทราบว่าเห็นแก่หน้าของผม จะสามารถไว้ชีวิตหลินเฟิงได้ไหมครับ?”เหยนควานกวาดตามองฉินเซี่ยวเทียนด้วยความเย็นชา: “ไว้ชีวิต?”“ผู้ว่าฉิน ผมพูดคุยกับคุณอยู่ตรงนี้ ก็ถือว่าให้เกียรติคุณมากแล้ว”“ถ้าคุณอยากจะปกป้องเขานั่นไม่มีทางอย่างแน่นอน”ฉินเซี่ยวเทียนหัวเราะเสียงดัง: “ผมรู้ ผมรู้ แต่หลินเฟิงเบื้องหลังไม่ธรรมดา ถ้าหากท่านผู้นำเหยนอยากจะฆ่าหลินเฟิงเกรงว่าจะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมาก”“ตระกูลถังเมืองเจียงโจว สำนักไป๋เกา ตระกูลฉิน สำนักเทียนเตา ท่านผู้ว่าหลิวท่านไหนบ้างที่ไม่เคยได้รับบุญคุณจากสหายน้อยหลิน?”“ถ้าหากวันนี้คุณฆ่าเขาแล้ว เกรงว่าคนเหล่านี้จะไม่พอใจต่อสำนักอวี้เจี้ยนนะครับ”เหยนควานขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ผู้ว่าฉินกำลังข่มขู่ผมอยู่เหรอ?”“ไม่ ไม่ ไม่...คุณเข้าใจผิดแล้ว”ฉินเซี่ยวเทียนรีบโบกมือแล้วพูดขึ้น: “ผมเพียงแค่ให้คำแนะนำคที่จริงใจกับท่านผู้นำเหยน”“จากที่ผมดูไม่สู้เอาแบบนี้ พวกเราใช้กฎเกณฑ์แบบดั้งเดิมที่สุดในการแก้ไขปัญหาเถอ
ในระหว่างที่ฟาดฟันเหมือนกับจะฉีกอากาศให้ขาดออกและทำให้เกิดลมเป็นระยะ ๆหลินเฟิงมือไขว้หลังแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็แวบหลบอย่างยอดเยี่ยมพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งแต่ละครั้งไหลผ่านผิวหนังของเขาเขาเป็นเหมือนกับตุ๊กตาล้มลุก ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ไม่ว่ากระบวนท่ากระบี่ของเหยนควานจะประณีตแค่ไหนก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อยเหยนควานยิ่งสู้ยิ่งตกตะลึงความรวดเร็วของไอ้หมอนี่จะเร็วเกินไปหน่อยไหม?”“พ่อ พ่อไม่ต้องออมมือ รีบฆ่าเขาซะ”“หุบปาก” เหยนควานตวาดด้วยความโมโหเขาอยากจะฆ่าหลินเฟิงให้เร็วหน่อยอยู่แล้วหลินเฟิงพูดเย้ยหยันไม่หยุด: “นี่ก็คือวิชากระบี่ของสำนักอวี้เจี้ยนของพวกคุณเหรอ? ก็งั้น ๆ แหละ”“ไอ้สารเลว ยังกล้าดูถูกสำนักอวี้เจี้ยนเหรอ?”เหยนควานสายตาแน่นิ่งกำลังภายในทั้งหมดรวบรวมไปที่ข้อมือ“ฉันดูสิว่านายจะหลบอย่างไร”“หงส์ร่อนนกการำ”เหยนควานแทงกระบี่ออกไปทันที ข้อมือสั่นอย่างรุนแรงตัวกระบี่ก็สั่นเป็นอย่างมาก และส่งเสียงสั่นออกมาเป็นระยะสายตามองไป ก็เห็นว่าคมกระบี่เล่มนั้นเหมือนกับกลายเป็นกระบี่นับสิบเล่มไม่สามารถแยกแยะสภาพความเป็นจริงได้เลย เหมือนกับหงส์ร่อนนกการำบิ
“ซี้ด...หลินเฟิงคนนี้มีความสามารถอะไรกันแน่นะ? ฉินเซี่ยวเทียนตกตะลึงตาค้าง มองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ“แม่เจ้า!” ฉินอิ๋งกลืนน้ำลาย ในดวงตามีความอิจฉาแวบผ่านแม้แต่ถังหว่านก็รู้สึกตะลึงงันอย่างอดไม่ได้ หลินเฟิงคนนี้ทำลายความรู้ของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจริง ๆหลินเฟิงวางเท้าลง คนทั้งคนล่องลอยมาตรงหน้าของเหยนควานเยหนควานยังอยากจะสู้กลับหลินเฟิงตบไปที่ไหล่ของเขา“แกร่ก” กระดูกหัวไหล่ของเหยนควานแตกละเอียดทันที“อ้าก...”เหยนควานเจ็บจนหน้าตาเหยเก สีหน้าดุดันจนน่าหวาดกลัว“คุณแพ้แล้ว”หลินเฟิงมองดูเขาอย่างเรียบเฉย“คุณฆ่าตัวเองหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณจัดการ?”เหยนควานหายใจอย่างแรง เขาไม่อยากจะเชื่อ และยิ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองจะแพ้ให้กับวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งได้อย่างไรเขาฝึกวิชาต่อสู้มาสามสิบปีอย่างเสียเปล่าให้เขาฆ่าตัวเองนั้นไม่มีทาง“แกนับประสาอะไรกันถึงได้กล้าให้ฉันฆ่าตัวเอง?”“ลุยเลย ฆ่ามันให้ฉันซะ”ลูกศิษย์ของสำนักอวี้เจี้ยนกรูกันเข้ามา เขาไม่เชื่อว่าหลินเฟิงจะสามารถรอดไปได้ทุกคนกำลังจะเข้าไปฆ่าหลินเฟิงก็ได้ยินเสียงดังสะเทือนของเครื่องยนต์ดังมาจากข้างนอ
คำพูดของเขามีความหมายแฝงเป็นอย่างมากแต่ฉินเซี่ยวเทียนก็เข้าใจคนผู้นี้ รับรายงานจากผู้ไม่ประสงค์ลงนาม คนผู้นั้นน่าจะเป็นหลินเฟิงสินะเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก จากนั้นก็พยักหน้า: “กัปตันเสิ่นลำบากแล้วครับ มีอะไรต้องการให้ผมรับผิดชอบไหมครับ?”เสิ่นหานพูดออกคำสั่ง: “ควบคุมคนของสำนักอวี้เจี้ยนทั้งหมดเอาไว้ก่อน ผมรับผิดชอบตรวจสำนวนและตัดสินคดี”“รับทราบ” ฉินเซี่ยวเทียนรับคำสั่ง และช่วยคนของเสิ่นหาน ควบคุมลูกศิษย์สำนักอวี้เจี้ยนเหล่านี้ไปขึ้นรถทั้งหมด“ช้าก่อน ผมคือผู้นำสำนักอวี้เจี้ยน พวกคุณเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรจับผม?” เหยนควานถูกทหารสองคนกดลงที่พื้นสองมือถูกพลิกและมัดเอาไว้เขาโตมาขนาดนี้ไม่เคยได้รับการดูถูกขนาดนี้มาก่อนเสิ่นหานได้ยินแบบนี้ก็ขมวดคิ้ว และเดินไปตรงหน้าของเขาหมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปบนจุดตันเถียนของเขาเหยนควานหน้าแดงก่ำในทันที ดวงตาถลนออกมา น้ำย่อยในกระเพาะพุ่งขึ้นมาเสิ่นหานออกแรงจับเอาไว้ นิ้วมือเหมือนกับเท้าของเหยี่ยวเหยนควานร้องเสียงหลงอย่างน่าอนาถ“ตอนนี้ผมมีสิทธิ์แล้วยัง?” เสิ่นหานสีหน้าเย็นชาและถามด้วยความดุดันเหยนควานตกใจจนตัวสั่น และมีเหงื่อไหลออกมาเห
“หืม?” เสิ่นหานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีต้องรู้ไว้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายหลินเฟิงคนไหนบ้างที่ไม่ใช่สาวงามหน้าตาดีเขาหันกลับไปและกวาดตามองถังหว่านกับฉินอิ๋งที่ยืนอยู่ด้านข้างหลินเฟิง หน้าตาไม่เลวเลยจริง ๆถ้าหากเป็นแบบนี้ งั้นฉินเซี่ยวเทียนคนนี้อนาคตไม่แน่อาจจะกลายเป็นพ่อตาของหลินเฟิงก็ได้คิดได้ถึงตรงนี้ท่าทางของเสิ่นหานเปลี่ยนไปในทันที“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองเหรอ แต่ว่าคุณชายหลินเคยสั่งเอาไว้ว่า สถานะของเขาห้ามพูดซี้ซั้ว”เสิ่นหานยิ้มพูด: “แต่ว่าผมสามารถบอกใบ้ให้คุณได้”ฉินเซี่ยวเทียนพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส: “กัปตันเสิ่นพูดมาได้เลยครับ”“คุณเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนเมืองหนานไห่ไหม?”ฉินเซี่ยวเทียนเกาหัว เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่รู้รายละเอียดชัดเจน”เขาเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนเมืองไห่หนานมาบ้างเหมือนว่าจะเป็นสำนักใหญ่ที่เก่าแก่เป็นอย่างมาก เดาว่าคงจะเก่งกาจกว่าสำนักอวี้เจียนอย่างมากเสิ่นหานสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คุณชายหลินเพียงแค่กระทืบเท้า ก็ทำให้บุคคลของสำนักเสวียนเทียนหวาดกลัวได้”“ห๊ะ?”ฉินเซี่ยวเทียนตกตะลึงอย่างมาก
ฉินเซี่ยวเทียนพูดด้วยความโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจฉินอิ๋งได้ฟังก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของพ่อเหมือนว่าจะมีเหตุผลจริง ๆ นั่นแหละบางที ตัวเองอาจจะลองดูได้จริง ๆ......ขณะเดียวกัน ถังหว่านขับรถอยู่แล้วถามขึ้น: “หลินเฟิง ดูท่าคุณปิดบังต่อฉันเอาไว้ได้ลึกมากเลยนะ”หลินเฟิงยิ้มบาง: “ผมจะปิดบังอะไรคุณได้?”“คุณยังเสแสร้งกับฉันอีก เสิ่นหานคนนั้นมีสถานะอะไร ตำแหน่งอะไร เขาทำไมถึงเคารพต่อคุณขนาดนี้?”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “ผมก็แค่เคยช่วยชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาถึงได้เกรงใจผมขนาดนี้”“ฉันไม่เชื่อ”หลินเฟิงยักไหล่: “ถ้าหากคุณไม่เชื่อ งั้นผมก็ช่วยไม่ได้”ถังหว่านโมโหจนอยากตบคน เธอจี้ถาม: “งั้นฉันถามคำถามสุดท้ายกับคุณ จากความสามารถของคุณ สามารถจัดการกับผู้มีฝีมือของตระกูลเก่าแก่เหล่านั้นของเมืองจิงตูได้หรือไม่?”“เมืองจิงตูนับประสาอะไร ช่วงที่ผมอยู่จุดสูงสุด สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองจิงตูก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของผม” หลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก“คุณโม้เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัยตระกูลถังของพวกเธอก็เป็นสี่ตระกูลใหญ่เมืองจิงตู ผู้มีฝีมือสูงเหล่านั