“พวกแกสองคนทำอะไรกันอยู่ที่นี่?” หลินฝานดวงตาแดงก่ำ และชี้หน้าหวงเสี่ยวม่านกับเซี่ยสือซินแล้วตวาดขึ้นหวงเสี่ยวม่านกลับมีสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นถลึงตาใส่เขาและพูดขึ้น: “นายไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ เลยนะ”“ฉันกับพี่เซี่ยมาปรึกษางานกัน ตอนนี้นายทำลายความคืบหน้าของงานของพวกเราสองคนหมดแล้ว”“แม่งเอ๊ย ปรึกษางานกันจนแม่งต้องปรึกษาจนขึ้นเตียงเลยเหรอ?”หลินฝานตวาดใส่: “เธอเห็นว่าฉันตาบอดหรือไง?”หวงเสี่ยวม่านไม่ได้เห็นว่าการมีชู้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำจากนั้นก็ผลักหลินฝานอย่างแรงและตะโกนใส่: “แกตะโกนเสียงดังใส่ฉันทำไม?”“ไว้หน้าแกเกินไปใช่ไหม?”“ฉันออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนพี่เซี่ยแล้วจะทำไม?”“เธอยอมรับแล้วเหรอ?”หลินฝานกัดริมฝีปาก จนมุมปากมีเลือดซึมออกมา“หวงเสี่ยวม่าน เธอไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิดเหรอ?”หวงเสี่ยวม่านกลอกตาแล้วพูดขึ้น: “ยุคนี้มีศักดิ์ศรีเอาไว้ทำไม? มีศักดิ์ศรีแล้วกินเป็นข้าวได้เหรอ?”“นายมีศักดิ์ศรี แต่ละเดือนก็หาเงินได้แค่สี่หมื่นบาทไม่ใช่เหรอ?”“ฉันให้นายเล่นฟรี ๆ นายได้เปรียบมากแค่ไหนแล้ว”“เธอ...”หลินฝานถูกเธอทำให้โมโหจนเกือบจะอ้วกเป็นเลือดเขามองไปทางหวงเสี่ยวม่านอย่
เธอเงยหน้าขึ้นทันทีเห็นเพียงแค่หลินฝานพุ่งไปทางเซี่ยสือซินอย่างแรงจากนั้นก็บีบคอของเขาเอาไว้และตะโกนด้วยความเดือดดาล: “หลายปีมานี้ฉันแม่งเห็นแกเป็นเพื่อนมาโดยตลอด แกกลับกล้าล่อลวงแฟนของฉัน?”“วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายซะ”เซี่ยสือซินโมโหอย่างมาก: “แกแม่งกล้าลงมือกับฉันเหรอวะ?”“ไอ้สกุลหลิน ฉันเตือนแกไว้นะ ลูกพี่ร่วมสาบานของฉันเป็นถึงผู้จัดการของสำนักอวี้เจี้ยน วันนี้แกแตะต้องฉันแค่นิดเดียว ฉันจะให้แกเหมือนตายทั้งเป็น”เซี่ยสือซินเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวสักนิดหลินฝานชะงักงัน เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักอวี้เจี้ยนสักนิด แต่ก็เคยได้ยินมาบ้างได้ยินว่าเป็นสำนักที่ใหญ่มาก ๆ ในเมืองเจียงโจว ในสำนักมีลูกศิษย์มากมาย ความสามารถแข็งแกร่งถึงที่สุดเห็นหลินฝานชะงักงันเซี่ยสือซินคิดว่าเขาหวาดกลัวแล้ว จึงพูดเยาะหยัน: “ไอ้หนุ่มวัยรุ่น แกเสแสร้งอะไรต่อหน้าฉันล่ะ?”“ก็แค่เล่นแฟนสาวของแกเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจกัน?”“นายไม่ครุ่นคิดเพื่อตัวเองก็ต้องคิดเพื่อแม่และน้องสาวของนายบ้างสิ?”“น้องสาวของนายหน้าตาสวยเหมือนดอกไม้เหมือนหยก ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของสำนักอวี้เจี
“หวงเสี่ยวม่าน เธอหน้าด้านเกินไปหน่อยไหม? แอบมีชู้ลับหลังหลินฝาน ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วยังลงมือทำร้ายคนอีก?”หลินเฟิงเดิมทีคิดว่าหลินฝานพบว่าแฟนสาวของเขามีชู้แล้วจะเลิกกันด้วยกันในเมื่อหลินฝานเป็นคนที่นิสัยอ่อนแอมาโดยตลอดคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกกระทืบจนกลายเป็นแบบนี้ในใจรู้สึกเสียใจในทันที ที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ตามเข้ามาด้วยเมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของหวงเสี่ยวม่าน เขายิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นหวงเสี่ยวม่านโอหังถึงที่สุด: “ฉันเป็นอย่างไรเกี่ยวข้องอะไรกับแกด้วยเหรอ? ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองก็พอ”“ไอ้หนุ่ม ที่นี่ไม่มีธุระอะไรของแก ไสหัวไปซะ” เซี่ยสือซินกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการหลินฝานอย่างไร จึงไม่มีเวลาสนใจหลินเฟิงด้วยซ้ำหลินเฟิงพุ่งเข้าไปทันที และตบหน้าของหวงเสี่ยวม่านเขาไม่อยากตบผู้หญิง แต่คนแบบนี้หลินเฟิงทนไม่ไหวจริง ๆ“อ๊ะ...พี่เซี่ย ไอ้เวรนี่มันตบฉัน” หวงเสี่ยวม่านกุมแก้มแล้วร่ำไห้ด้วยความน่าสงสารเซี่ยสือซินเดิมทีก็อัดอั้นความโมโหเอาไว้เต็มไปหมดเมื่อเห็นหลินเฟิงกล้าหาเรื่อง จึงตะโกนด้วยความโมโหทันที: “จัดการมันซะ”รปภ. สองสามคนเห็นแบบนี้ก็เดินไปทางหลินเฟิงทันทีหลิน
หลินเฟิงยื่นบุหรี่ให้เขาอาจเป็นเพราะในฐานะผู้ชายด้วยกัน หลินเฟิงสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้หลินฝานจุดบุหรี่แล้วสูบเข้าไปคำใหญ่“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่คู่ควรกับที่คุณจะทุ่มเทกำลัง มีโอกาสผมค่อยแนะนำให้คุณรู้จักสักสองสามคน” หลินเฟิงเกาศีรษะแล้วพูดขึ้นหลินฝานหันหน้ามาช้า ๆ แล้วถามขึ้น: “ข้อความนั้นคุณเป็นคนส่งมา?”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความเก้กัง: “ขอโทษด้วย ผม...ไม่คิดว่าคุณจะลงมือสู้กับพวกเขา”“เพราะเมื่อก่อนผมปอดแหกเกินไปใช่ไหม?”“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ผมกับหวงเสี่ยวม่านเดินทางมาถึงขั้นนี้ในวันนี้ได้ โทษผมทั้งหมดหลินฝานยิ้มอย่างขมขื่น และถามขึ้นอีก: “ผมขอถามคุณสักคำถามได้ไหม?”“ถามเถอะ ถ้าผมรู้ผมก็จะบอกคุณแน่นอน” หลินเฟิงพูดขึ้น“ทำไมคุณถึงใส่ใจครอบครัวของผมถึงขนาดนี้? ไม่ว่าเป็นผมหรือว่าน้องสาวของผม? คุณชอบน้องสาวของผมเหรอ?”หลินเฟิงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น: “ไม่ใช่สักหน่อย...ผมพูดความจริง คุณจะสามารถรับได้เหรอ?”“จะรับไม่ได้ได้อย่างไร? แม้แต่แฟนที่รักกันมาหลายปีขนาดนี้มีชู้ผมก็ยังสามารถยอมรับได้ จะมีเรื่องอะไรที่ผมรับไม่ได้อีก?
ปืนประดิษฐ์สองกระบอกนี้เขาทำขึ้นมาเองหลังจากที่ปลดประจำการเพียงแต่หลายปีมานี้ไม่เคยใช้มาก่อนตอนนี้หลินฝานกลับซ่อนพวกมันเอาไว้บนตัวเขาเดินออกจากห้อง จ้าวเฉียวอวิ๋นก็เริ่มทำอาหารแล้วเมื่อเห็นลูกชายของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นก็รีบพูดขึ้น: “อีกเดี๋ยวจะทานข้าวแล้ว ลูกไปตั้งโต๊ะให้ดี”หลินฝานเดินไปข้าง ๆ แม่ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า: “แม่ วันนี้ผมไม่ทานข้าวที่บ้านแล้วนะ ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”จ้าวเฉียวอวิ๋นชะงักงันและพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “ฟ้าจะมืดแล้ว ลูกจะไปไหนเหรอ?”หลินฝานพูดอธิบาย: “บริษัทมีธุระนิดหน่อย”“อ่อใช่ ต่อไปถ้าครอบครัวของพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ก็โทรศัพท์หาหลินเฟิงนะ”ในฐานะผู้หญิงเซนส์ของเธอบอกกับเธอ เหมือนกับจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นเธอรีบจับลูกชายของเธอเอาไว้แล้วถามขึ้น: “เสี่ยวฝาน ลูกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่ใช่ไหม?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกจะต้องบอกแม่ทันทีรู้ไหม”หลินฝานยิ้มบาง: “แม่ อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ผมไปก่อนนะครับ”พูดจบ เขาก็บอกลาแม่ของเธอแล้วเดินออกไปจ้าวเฉียวอวิ๋นมักรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้งอะไรบางอย่างเมื่อคิดไปคิดมา เธอก็โท
เซี่ยสือซินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเสียงดัง“คืนนี้ตั้งใจแต่งตัวหน่อย ฉันจะพาเธอไปเจอบุคคลใหญ่โตคนหนึ่ง”“ใช่คุณชายเหยนคนนั้นไหม?” หวงเสี่ยวม่านกลอกตาไปมาแล้วถามขึ้นได้ยินว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้ก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจว มีอำนาจยิ่งกว่าเซี่ยสือซินซะอีก ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้เกาะคุณผู้ชายท่านนี้ได้อีกครึ่งชีวิตของเธอก็จะอยู่ดีกินดีไปได้ตลอดหวงเสี่ยวม่านไม่เคยคิดว่าจะอยู่ข้างกายของเซี่ยสือซินตลอดเพียงแค่อยากจะยืมเซี่ยสือซินที่เป็นกระดานกระโดดขึ้นไปข้างบนเซียสือซินก็จะไม่รู้ความคิดของเธอได้อย่างไร?หวงเสี่ยวม่านคนนี้มีความทะเยอทะยานมากมาย หน้าตาไม่เลว ลีลาก็ถือว่าค่อนข้างดีถ้าหากเธอสามารถจับคุณชายเหยนได้ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณชายเหยนก็จะต้องพัฒนาไปอีกขั้นเซี่ยสือซินพยักหน้า: “ถูกต้อง ลุงของเขาก็คือท่านผู้นำสำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจว เธอต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีล่ะ”หวงเสี่ยวม่านยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “พี่เซี่ยพี่พูดอะไรกัน ลีลาของฉันพี่ยังไม่รู้จักอีกเหรอ?”เซี่ยสือซินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงหวงเสี่ยวม่านเข้ามาในอ้อมกอด: “งั้นฉันต้องลองอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้”
“อ๊าก…” เสียงร้องอนาถดังลั่นทั่วทั้งห้องทำงานหวงเสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและตกใจจนแทบตายไปเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลินฝานที่ในอดีตใจเสาะเป็นที่สุดจะกล้ายิงจริง ๆคนทั้งคนถอยหลังไปหลายก้าว และล้มนั่งลงบนพื้นเซี่ยสือซินกุมแขนข้างซ้ายของเขาและดิ้นพล่านอยู่บนพื้น“ไอ้สกุลหลิน…แกแม่ง…กล้ายิงด้วยเหรอ?”เซี่ยสือซินอดกลั้นความเจ็บปวดรุนแรงและพูดอ้ำอึ้ง: “แกตายแน่ ฉันจะต้องฆ่าแกแน่นอน”มองดูเลือดสดเต็มพื้น ดวงตาทั้งสองข้างของหลินฝานก็แดงขึ้นเรื่อย ๆข้างหูก็มีเสียงข่มขู่ของเซี่ยสือซินดังขึ้นเขาค่อย ๆ ตกอยู่ในสภาวะบ้าบิ่นแต่เขากลับไม่อยากให้เซี่ยสือซินตายไปรวดเร็วแบบนี้เขายกมือขึ้นและยิงออกไปอีก เขายิงไปที่ต้นขาอ่อนของเซี่ยสือซินกองเลือดสาดกระเซ็น“อ๊าก…”เซี่ยสือซินส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาจนแทบจะขาดใจกระสุนสองนัดนี้ทำให้เขาพิการไปโดยสิ้นเชิงเซี่ยสือซินมองดูสายตาบ้าบิ่นของหลินฝาน นี่ถึงได้รู้จักร้องขอความเมตตา“หลินฝาน…หยุดนะ หยุดนะ นายปล่อยฉันไปเถอะ…”“ปล่อยแกไป?”หลินฝานหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า…เมื่อครู่กใช้ให้ฉันยิงไม่ใช่เหรอ?”
“พี่เซี่ยถูกคนยิงจนบาดเจ็บ คุณรีบไปช่วยเขาเถอะค่ะ”หวงเสี่ยวม่านเดาว่าตอนนี้เซี่ยสือซินคงจะตายไปแล้วเหยนซู่เข้าใจได้ในทันที ที่แท้คนสวยคนนี้ก็คือแฟนใหม่ของเซี่ยสือซินเองเหรอในตอนที่ไม่มีคนอื่นเขาต้องแสดงท่าทีออกมาอยู่แล้วกำลังจะเรียกลูกน้องของเขามาก็เห็นคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน ในมือยังมีปืนประดิษฐ์อยู่หนึ่งกระบอก“ว้าย…”พนักงานในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่งตกใจจนอุทานเสียงหลงขึ้นมา และหนีตายกันอลหม่านในเมื่อในมือของอีกฝ่ายถือปืนอยู่ ไ่ม่ได้ถือมีดหั่นผักเหยนซู่ก็ชะงักงันในตอนนี้หวงเสี่ยวม่านตะโกนขึ้นมา: “เขานั่นแหละค่ะ เป็นเขาที่ฆ่าพี่เซี่ย”เหยนซู่รู้สึกตกตะลึง เดาว่าเซี่ยสือซินคงจะตายสนิทแล้วแต่เงินของเซี่ยสือซินเขายังไม่ได้เอามาเลยนะ!“ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน?” เหยนซู่ขวางอยู่ตรงหน้าหวงเสี่ยวม่านทันทีหลินฝานเหลือบตามองเหยนซู่ เขาไม่รู้จักคนผู้นี้ด้วยซ้ำแต่ท่าทางในมือก็ไม่ได้หยุดลง จากนั้นก็เล็งปืนไปที่เหยนซู่ทันที“คนที่ฉันต้องการฆ่าก็คือผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังนาย”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย ไสหัวไปซะ”หลินฝานตะโกนอย่างเผด็จการลู
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็