ไป๋เจิ้นหัวสั่งคนให้ไปเอาหัวใจมังกรใต้ดินมาด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจเท่าไรนักหลินเฟิงเคยเห็นหัวใจมังกรใต้ดิน จึงตรวจสอบดูอย่างละเอียด สมุนไพรนี้เติบโตได้เฉพาะในพื้นที่สุดขั้วทางตะวันตกเท่านั้นสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตเลวร้ายเป็นอย่างมาก สามารถอยู่รอดได้โดยไม่โดนแสงแดดตลอดปีก้านรากเหมือนกับมังกรขดตัว จึงได้มีชื่อเช่นนี้เห็นว่ายาสมุนไพรไม่มีปัญหา หัวใจที่เป็นกังวลของหลินเฟิงก็ปล่อยวางลงในที่สุดไป๋เจิ้นหัวเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ก็พูดเสียงแข็ง: “ไอ้หนุ่ม ของที่ไม่ใช่ของนายก็ไม่แน่ว่าจะเก็บรักษาเอาไว้ได้”หลินเฟิงกลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น: “เก็บรักษาเอาไว้ได้หรือไม่นั้น คุณไป๋ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ”“ลาก่อนครับ”ของมาถึงในมือแล้ว เขาก็ไม่อยากอยู่ที่ตระกูลไป๋อีกต่อไปในตอนนี้ไป๋ชิงเฉี่ยนรีบพูดขึ้น: “คุณหลิน ฉันไปส่งคุณนะคะ”สาวน้องไปส่งหลินเฟิงถึงที่นอกคฤหาสน์ตระกูลไป๋ด้วยตัวเองจากนั้นก็โค้งตัวให้หลินเฟิง: “คุณหลิน เรื่องในวันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ”“เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณครับ คุณไม่ต้องขอโทษผม” หลินเฟิงจ้องมองเธอไป๋ชิงเฉี่ยนสวมชุดเดรสสีขาว ใบหน้าที่ไร้เดียง
เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ ไม่ถึงสิบนาทีหลินฝานก็ขี่รถจักรยานไฟฟ้าตามมาที่โรงแรมฮิลตันดวงตาของเขาแดงก่ำ ในตอนนี้ก็อารมณ์เดือดพล่านก่อนหน้านี้หลินเฟิงเคยถากถางเป็นนัยว่าแฟนสาวของเขาไม่อยู่ในกรอบ เพราะเรื่องนี้เขาเกือบจะผิดใจกับหลินเฟิงแล้วแต่ข้อความที่ไม่เปิดเผยเชื่อในวันนี้เกือบทำให้เขาเป็นบ้าแฟนสาวของเขาเข้าไปในโรงแรมกับเจ้านายของเขา แม้แต่หมายเลขห้องของโรงแรมก็เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนเขาจะไม่โมโหได้อย่างไรเมื่อเข้าไปในโรงแรม เขามุ่งหน้าไปที่ห้อง 908 ทันทีพนักงานที่เคาน์เตอร์เห็นหมอนี่ท่าทางกระฟัดกระเฟียดจึงขวางเอาไว้แล้วถามเขาขึ้นมา: “คุณผู้ชายท่านนี้ คุณจะเปิดห้องเหรอคะ?”“ไสหัวไป”ในตอนนี้หลินฝานกำลังโมโหขึ้นสมอง จนถึงขั้นที่ใกล้จะเสียสติแล้ววันนี้ต่อให้เป็นเทพสวรรค์ก็ขวางเขาไว้ไม่ได้เขาจะต้องจับชู้คาเตียงให้ได้หลินฝานผลักพนักงานต้อนรับออก เขาพุ่งขึ้นไปที่ชั้นบน โดยไม่รอลิฟต์ด้วยซ้ำสาวแผนกต้อนรับตกตะลึงจนหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาเรียกคน: “แผนกรักษาความปลอดภัย แผนกรักษาความปลอดภัย มีคนก่อเรื่องที่โรงแรม...”หลินฝานมุ่งหน้าขึ้นไปจนถึงชั้นเก้า จ
“พวกแกสองคนทำอะไรกันอยู่ที่นี่?” หลินฝานดวงตาแดงก่ำ และชี้หน้าหวงเสี่ยวม่านกับเซี่ยสือซินแล้วตวาดขึ้นหวงเสี่ยวม่านกลับมีสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นถลึงตาใส่เขาและพูดขึ้น: “นายไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ เลยนะ”“ฉันกับพี่เซี่ยมาปรึกษางานกัน ตอนนี้นายทำลายความคืบหน้าของงานของพวกเราสองคนหมดแล้ว”“แม่งเอ๊ย ปรึกษางานกันจนแม่งต้องปรึกษาจนขึ้นเตียงเลยเหรอ?”หลินฝานตวาดใส่: “เธอเห็นว่าฉันตาบอดหรือไง?”หวงเสี่ยวม่านไม่ได้เห็นว่าการมีชู้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำจากนั้นก็ผลักหลินฝานอย่างแรงและตะโกนใส่: “แกตะโกนเสียงดังใส่ฉันทำไม?”“ไว้หน้าแกเกินไปใช่ไหม?”“ฉันออกมาเที่ยวเป็นเพื่อนพี่เซี่ยแล้วจะทำไม?”“เธอยอมรับแล้วเหรอ?”หลินฝานกัดริมฝีปาก จนมุมปากมีเลือดซึมออกมา“หวงเสี่ยวม่าน เธอไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิดเหรอ?”หวงเสี่ยวม่านกลอกตาแล้วพูดขึ้น: “ยุคนี้มีศักดิ์ศรีเอาไว้ทำไม? มีศักดิ์ศรีแล้วกินเป็นข้าวได้เหรอ?”“นายมีศักดิ์ศรี แต่ละเดือนก็หาเงินได้แค่สี่หมื่นบาทไม่ใช่เหรอ?”“ฉันให้นายเล่นฟรี ๆ นายได้เปรียบมากแค่ไหนแล้ว”“เธอ...”หลินฝานถูกเธอทำให้โมโหจนเกือบจะอ้วกเป็นเลือดเขามองไปทางหวงเสี่ยวม่านอย่
เธอเงยหน้าขึ้นทันทีเห็นเพียงแค่หลินฝานพุ่งไปทางเซี่ยสือซินอย่างแรงจากนั้นก็บีบคอของเขาเอาไว้และตะโกนด้วยความเดือดดาล: “หลายปีมานี้ฉันแม่งเห็นแกเป็นเพื่อนมาโดยตลอด แกกลับกล้าล่อลวงแฟนของฉัน?”“วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายซะ”เซี่ยสือซินโมโหอย่างมาก: “แกแม่งกล้าลงมือกับฉันเหรอวะ?”“ไอ้สกุลหลิน ฉันเตือนแกไว้นะ ลูกพี่ร่วมสาบานของฉันเป็นถึงผู้จัดการของสำนักอวี้เจี้ยน วันนี้แกแตะต้องฉันแค่นิดเดียว ฉันจะให้แกเหมือนตายทั้งเป็น”เซี่ยสือซินเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวสักนิดหลินฝานชะงักงัน เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักอวี้เจี้ยนสักนิด แต่ก็เคยได้ยินมาบ้างได้ยินว่าเป็นสำนักที่ใหญ่มาก ๆ ในเมืองเจียงโจว ในสำนักมีลูกศิษย์มากมาย ความสามารถแข็งแกร่งถึงที่สุดเห็นหลินฝานชะงักงันเซี่ยสือซินคิดว่าเขาหวาดกลัวแล้ว จึงพูดเยาะหยัน: “ไอ้หนุ่มวัยรุ่น แกเสแสร้งอะไรต่อหน้าฉันล่ะ?”“ก็แค่เล่นแฟนสาวของแกเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรน่าตื่นตระหนกตกใจกัน?”“นายไม่ครุ่นคิดเพื่อตัวเองก็ต้องคิดเพื่อแม่และน้องสาวของนายบ้างสิ?”“น้องสาวของนายหน้าตาสวยเหมือนดอกไม้เหมือนหยก ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของสำนักอวี้เจี
“หวงเสี่ยวม่าน เธอหน้าด้านเกินไปหน่อยไหม? แอบมีชู้ลับหลังหลินฝาน ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วยังลงมือทำร้ายคนอีก?”หลินเฟิงเดิมทีคิดว่าหลินฝานพบว่าแฟนสาวของเขามีชู้แล้วจะเลิกกันด้วยกันในเมื่อหลินฝานเป็นคนที่นิสัยอ่อนแอมาโดยตลอดคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกกระทืบจนกลายเป็นแบบนี้ในใจรู้สึกเสียใจในทันที ที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ตามเข้ามาด้วยเมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของหวงเสี่ยวม่าน เขายิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นหวงเสี่ยวม่านโอหังถึงที่สุด: “ฉันเป็นอย่างไรเกี่ยวข้องอะไรกับแกด้วยเหรอ? ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองก็พอ”“ไอ้หนุ่ม ที่นี่ไม่มีธุระอะไรของแก ไสหัวไปซะ” เซี่ยสือซินกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการหลินฝานอย่างไร จึงไม่มีเวลาสนใจหลินเฟิงด้วยซ้ำหลินเฟิงพุ่งเข้าไปทันที และตบหน้าของหวงเสี่ยวม่านเขาไม่อยากตบผู้หญิง แต่คนแบบนี้หลินเฟิงทนไม่ไหวจริง ๆ“อ๊ะ...พี่เซี่ย ไอ้เวรนี่มันตบฉัน” หวงเสี่ยวม่านกุมแก้มแล้วร่ำไห้ด้วยความน่าสงสารเซี่ยสือซินเดิมทีก็อัดอั้นความโมโหเอาไว้เต็มไปหมดเมื่อเห็นหลินเฟิงกล้าหาเรื่อง จึงตะโกนด้วยความโมโหทันที: “จัดการมันซะ”รปภ. สองสามคนเห็นแบบนี้ก็เดินไปทางหลินเฟิงทันทีหลิน
หลินเฟิงยื่นบุหรี่ให้เขาอาจเป็นเพราะในฐานะผู้ชายด้วยกัน หลินเฟิงสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้หลินฝานจุดบุหรี่แล้วสูบเข้าไปคำใหญ่“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่คู่ควรกับที่คุณจะทุ่มเทกำลัง มีโอกาสผมค่อยแนะนำให้คุณรู้จักสักสองสามคน” หลินเฟิงเกาศีรษะแล้วพูดขึ้นหลินฝานหันหน้ามาช้า ๆ แล้วถามขึ้น: “ข้อความนั้นคุณเป็นคนส่งมา?”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความเก้กัง: “ขอโทษด้วย ผม...ไม่คิดว่าคุณจะลงมือสู้กับพวกเขา”“เพราะเมื่อก่อนผมปอดแหกเกินไปใช่ไหม?”“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ผมกับหวงเสี่ยวม่านเดินทางมาถึงขั้นนี้ในวันนี้ได้ โทษผมทั้งหมดหลินฝานยิ้มอย่างขมขื่น และถามขึ้นอีก: “ผมขอถามคุณสักคำถามได้ไหม?”“ถามเถอะ ถ้าผมรู้ผมก็จะบอกคุณแน่นอน” หลินเฟิงพูดขึ้น“ทำไมคุณถึงใส่ใจครอบครัวของผมถึงขนาดนี้? ไม่ว่าเป็นผมหรือว่าน้องสาวของผม? คุณชอบน้องสาวของผมเหรอ?”หลินเฟิงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น: “ไม่ใช่สักหน่อย...ผมพูดความจริง คุณจะสามารถรับได้เหรอ?”“จะรับไม่ได้ได้อย่างไร? แม้แต่แฟนที่รักกันมาหลายปีขนาดนี้มีชู้ผมก็ยังสามารถยอมรับได้ จะมีเรื่องอะไรที่ผมรับไม่ได้อีก?
ปืนประดิษฐ์สองกระบอกนี้เขาทำขึ้นมาเองหลังจากที่ปลดประจำการเพียงแต่หลายปีมานี้ไม่เคยใช้มาก่อนตอนนี้หลินฝานกลับซ่อนพวกมันเอาไว้บนตัวเขาเดินออกจากห้อง จ้าวเฉียวอวิ๋นก็เริ่มทำอาหารแล้วเมื่อเห็นลูกชายของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นก็รีบพูดขึ้น: “อีกเดี๋ยวจะทานข้าวแล้ว ลูกไปตั้งโต๊ะให้ดี”หลินฝานเดินไปข้าง ๆ แม่ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า: “แม่ วันนี้ผมไม่ทานข้าวที่บ้านแล้วนะ ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”จ้าวเฉียวอวิ๋นชะงักงันและพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “ฟ้าจะมืดแล้ว ลูกจะไปไหนเหรอ?”หลินฝานพูดอธิบาย: “บริษัทมีธุระนิดหน่อย”“อ่อใช่ ต่อไปถ้าครอบครัวของพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่ก็โทรศัพท์หาหลินเฟิงนะ”ในฐานะผู้หญิงเซนส์ของเธอบอกกับเธอ เหมือนกับจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นเธอรีบจับลูกชายของเธอเอาไว้แล้วถามขึ้น: “เสี่ยวฝาน ลูกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่ใช่ไหม?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลูกจะต้องบอกแม่ทันทีรู้ไหม”หลินฝานยิ้มบาง: “แม่ อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ผมไปก่อนนะครับ”พูดจบ เขาก็บอกลาแม่ของเธอแล้วเดินออกไปจ้าวเฉียวอวิ๋นมักรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้งอะไรบางอย่างเมื่อคิดไปคิดมา เธอก็โท
เซี่ยสือซินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเสียงดัง“คืนนี้ตั้งใจแต่งตัวหน่อย ฉันจะพาเธอไปเจอบุคคลใหญ่โตคนหนึ่ง”“ใช่คุณชายเหยนคนนั้นไหม?” หวงเสี่ยวม่านกลอกตาไปมาแล้วถามขึ้นได้ยินว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้ก็คือสำนักอวี้เจี้ยนเมืองเจียงโจว มีอำนาจยิ่งกว่าเซี่ยสือซินซะอีก ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้เกาะคุณผู้ชายท่านนี้ได้อีกครึ่งชีวิตของเธอก็จะอยู่ดีกินดีไปได้ตลอดหวงเสี่ยวม่านไม่เคยคิดว่าจะอยู่ข้างกายของเซี่ยสือซินตลอดเพียงแค่อยากจะยืมเซี่ยสือซินที่เป็นกระดานกระโดดขึ้นไปข้างบนเซียสือซินก็จะไม่รู้ความคิดของเธอได้อย่างไร?หวงเสี่ยวม่านคนนี้มีความทะเยอทะยานมากมาย หน้าตาไม่เลว ลีลาก็ถือว่าค่อนข้างดีถ้าหากเธอสามารถจับคุณชายเหยนได้ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณชายเหยนก็จะต้องพัฒนาไปอีกขั้นเซี่ยสือซินพยักหน้า: “ถูกต้อง ลุงของเขาก็คือท่านผู้นำสำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจว เธอต้องปรนนิบัติเป็นอย่างดีล่ะ”หวงเสี่ยวม่านยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “พี่เซี่ยพี่พูดอะไรกัน ลีลาของฉันพี่ยังไม่รู้จักอีกเหรอ?”เซี่ยสือซินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงหวงเสี่ยวม่านเข้ามาในอ้อมกอด: “งั้นฉันต้องลองอีกครั้งถึงจะรับรู้ได้”
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก