“ว่าไงนะ?” หวางเจิ้นตัวแข็งทื่อในฉับพลันดวงตาทั้งสองมองไปที่หลินเฟิงอย่างเหลือเชื่อไอ้หมอนี่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นลูกเขยของฉินเซี่ยวเทียน? “พูดแบบนี้ แสดงว่าวันนี้ผู้ว่าฉินจะปกป้องนายหลินเฟิงนี่ให้ได้เลยใช่ไหม?” “ถูกต้อง คุณทำอะไรหลินเฟิงไม่ได้หรอก ถ้าคุณอยากจะได้การชดเชยอะไรก็บอกผมมา”ฉินเซี่ยวเทียนเอ่ยด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “แต่นับจากนี้ตระกูลหวางจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฉินของเราอีก”“แล้วอ่าวเทียนสุ่ยก็ไม่ขอต้อนรับพวกคุณอีก”หวางเจิ้นเอ่ยด้วยใบหน้าอึมครึมว่า “ผู้ว่าฉินกะอีแค่หลินเฟิง คุณถึงต้องตัดขาดกับตระกูลหวางของเราเลยเหรอ?”“ดูไม่คุ้มใช่ไหมล่ะ?” “ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้ม”ฉินเซี่ยวเทียนโบกมือ “สำหรับผมแล้วหลินเฟิงดีกว่าตระกูลหวางนับสิบตระกูลเสียอีก” “ฮึ”หวางเจิ้นส่งเสียงคำราม “ผู้ว่าฉินยังไม่ทันไรก็มาดูหมิ่นดูแคลนตระกูลหวางของเราแล้ว”“จะบอกความจริงให้คุณฟังนะ ธุรกิจตระกูลหวางในตอนนี้ได้ขยับขยายไปถึงจงโจวแล้ว อิทธิพลในเจียงโจวแบบนี้ไม่มีทางขัดขวางตระกูลหวางของผมได้หรอก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฟิงและฉินเซี่ยวเทียนถึงกับขมวดคิ้วเบา ๆคิดไม่ถึงว่าตร
ก่อนจะไป ซ่งเฉียนคุนขวางและเอ่ยข่มขู่หวางเจิ้นว่า “ทำไม? คุณหวางคิดจะมาแก้แค้นวันหลังอีกเหรอ?”สีหน้าหวางเจิ้นซีดเผือด แน่นอนว่าเขาต้องคิดอยู่แล้วแต่ปากยังจะพูดออกไปว่า “ในเมื่อท่านผู้นำซ่งออกปากไว้ กระผมจะไปกล้าได้ยังไงกัน” “งั้นก็ดี”หวางเจิ้นพร้อมกับคนของตนรีบก้าวออกไปอย่างฉับไวฉินเซี่ยวเทียนเองก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน หันกลับไปมองซ่งเฉียนคุนแล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่าท่านผู้นำซ่งจะรู้จักเจ้าหลินด้วย?” “ฮ่า ๆ ๆ ......”ซ่งเฉียนคุนหัวเราะและเอ่ยด้วยความเบิกบานใจว่า “ก่อนหน้านี้คุณถังเคยแนะนำให้ผมรู้จักกับเจ้าหลินมาก่อน”“ไม่ใช่แค่นี้นะ ผมยังเคยเห็นเจ้าหลินใช้ยารักษาท่านผู้ว่าหลิวจนหายดีกับตาตัวเองเลยด้วย” “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ฉินเซี่ยวเทียนมองหลินเฟิงอย่างทึ่งเจ้าเด็กนี้ยังมีความลับอะไรอีกบ้างนะ“เจ้าหลิน ดูจากท่าทีหวางเจิ้นแล้ว เกรงว่าจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่”ในเวลานี้ซ่งเฉียนคุนได้เอ่ยเตือนว่า “ยังไงเจ้าหลินก็ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน"หลินเฟิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเกิดเขายังกล้ามายุ่งกับผมอีก ผมจะล้มสำนักเขาให้สิ้นซาก”ในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอาฆาตยิ่
“อาเชา ฮุ่ยหรานของเราอยู่ไหนเหรอ?” จางกุ้ยหลานที่เพิ่งฉุกนึกถึงลูกสาวของตนขึ้นในเวลานี้จึงรีบเอ่ยถามในทันทีสวีเชาจึงรีบเอ่ยทันทีว่า “ฮุ่ยหรานไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรครับ อยู่ที่ห้องพักฟื้นครับ”“หมอบอกว่าเธอแค่ได้รับการกระแทกที่สมองเล็กน้อย พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อคนเหล่านั้นมาถึงห้องพักฟื้น เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่หมดสติไม่ฟื้น จางกุ้ยหลานก็หลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว“โธ่ ๆ ลูกสาวที่โชคร้ายของฉัน......”ในเวลานี้สวีเชาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณป้าครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ทำไมฮุ่ยหรานถึงถูกคนทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลล่ะครับ?”จางกุ้ยหลานอธิบายด้วยความคร่ำครวญว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะป้าทำตัวเลอะเลือน จนถูกคนหลอกเอาเงินไป พอคนของบริษัทเห็นว่าป้าคืนเงินไม่ไหว พวกเขาก็เลยจับตัวฮุ่ยหรานไป”“คุณป้าเป็นหนี้เท่าไหร่ครับ” สวีเชาเอ่ยถาม“ก็ประมาณร้อยกว่าล้านน่ะ” จางกุ้ยหลานหลบสายตา เพราะเธอเองก็เป็นคนที่เห็นแก่หน้าตาเลยไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่สวีเชาได้ฟังจึงหัวเราะร่า “ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมากเสียอีก ก็แค่เงินร้อยกว่าล้านเอง” “เอาแบบนี้ไหมครับ วันมะร
แต่ในเวลานั้นหลี่ฮุ่ยหรานยุ่งอยู่กับการเรียนมาโดยตลอด ไม่สนใจที่จะมีความรักมากนัก“ฮุ่ยหรานไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”สวีเชาผุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อนในตอนนั้นเขาชอบหลี่ฮุ่ยหรานจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่พื้นเพครอบครัวของตนเองไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในตอนนั้นวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะไปสารภาพรัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวการแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อหน้าที่การงาน เขาก็เลยทำได้เพียงยอมแพ้คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไปพอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ตนได้พบกับนางฟ้าในตอนนั้นอีกครั้ง“ไม่......ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกเขินเล็กน้อยไม่คิดว่าหลายปีผ่านไปจะได้เจอเห็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยก่อนของตนเองในสภาพแบบนี้“วันนี้ต้องขอบคุณสวีเชาจริง ๆ ไม่งั้นก็ไม่รู้ฮุ่ยหรานของเราจะเป็นยังไงบ้าง ป้าไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงดี” จางกุ้ยหลานมองสวีเชาด้วยใบหน้าที่รู้สึกขอบคุณสวีเชายิ้มร่าและเอ่ยว่า “คุณป้า ผมกับฮุ่ยหรานเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องสมควรทำครับ” “ใช่ ๆ ๆ......แถมเป็นคนมีการศึกษาด้วย การพูดการจาก็ไม่เหมือนกันด้วย” จางกุ้ยหลานเอ่ยอย่างเบิกบานใจใ
จางกุ้ยหลานตกใจใหญ่อ่าวเทียนสุ่ยเป็นคฤหาสน์ที่แม้แต่คนรวยก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คุณชายตระกูลฉินพัฒนาผู้คนที่อาศัยอยู่ถ้าไม่เป็นตระกูลใหญ่จากทั่วทุกมุม ก็เป็นคนที่มีอำนาจในพื้นที่แต่แค่แปปเดียวจางกุ้ยหลานก็ฉุกคิดปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ว่าสวีเชามีทรัพย์สินแค่หกพันล้าน แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรถึงอาศัยอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ย?“อาเชา ที่อ่าวเทียนสุ่ยเราซื้อเองหรือเปล่า?”สวีเชาส่ายหน้า “เปล่าครับ ที่อ่าวเทียนสุ่ยนี่คู่ค้าของผมที่ยกให้ครับ” “หือ......”จางกุ้ยหลานเบิกตาโพลง “ยกให้?”คู่ค้าของสวีเชาให้ความสำคัญกับเขาถึงขั้นยกคฤหาสน์ในเจียงโจวให้เขาเลย? “ถูกต้องครับ”สวีเชาพยักหน้าและเอ่ยชักชวนอีกครั้ง “คุณป้าครับ ผมว่าคุณป้าก็คงเหนื่อยมาก คืนนี้ไปพักที่บ้านผมไม่ดีกว่าเหรอครับ”“ได้สิ ๆ......”จางกุ้ยหลานพยักหน้าสำทับการได้พักอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยเป็นสิ่งที่บ่งบอกของการมีอำนาจและฐานะที่แน่นอนเธอฝันที่จะได้เข้าไปพักสักสองวันตอนนี้สวีเชามาเชิญด้วยตัวเอง เธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน“ฮุ่ยหราน คืนนี้เราไปพักที่อ่าวเทียนสุ่ยกันเถอะ” จางกุ้ยหลานดึงแขนลูกสาว
เมื่อมองลงไปเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางวิลล่า จางกุ้ยหลานมีสีหน้าดูอิจฉารีบควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโพสต์โมเมนต์ในทันทีหลี่เหวินเชาก็เช่นกัน ถ่ายรูปวิลล่าแต่ละแบบไว้เมื่อดูความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง ทำให้การได้หน้าได้ตาของสวีเชาพอใจแบบสุด ๆลุกขึ้นมาชงชาด้วยตนเองและเอ่ยว่า “คุณป้าครับ มาดื่มชากันก่อนเถอะครับ ไม่ต้องรีบถ่ายรูปก็ได้ วันหลังถ้าพวกคุณอยากจะมาเมื่อไหร่ก็แวะมาได้เลยนะครับ” “จริงเหรอ?” จางกุ้ยหลานและหลี่เหวินเชาดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยสวีเชาเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้สนใจว่า “แน่นอนครับ เพียงผมอยู่บ้านพวกคุณก็สามารถแวะมาได้ทุกเมื่อ” “อุ๊ยตาย งั้นก็ดีเลย”จางกุ้ยหลานก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญ “อาเชา วันหลังถ้าคุณว่างก็แวะมานั่งเล่นบ้านพวกเราได้บ่อย ๆ เลยนะ” “สอนฮุยหรานหาเงินหน่อย”หลี่ฮุ่ยหรานกอดอกทั้งสองแล้วเอ่ยว่า “บริษัทของหนูกับสวีเชาไม่เหมือนกันนะ จะมาสอนอะไรเล่า”จางกุ้ยหลานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “มีอะไรไม่เหมือนกัน สวีเชาเขาก็สร้างมาด้วยมือเปล่า ตอนนี้บริษัทก็มีมูลค่าตลาดตั้งหกพันล้าน”หลี่ฮุ่ยหราประหลาดใจเล็กน้อย ตากลมคู่มองไปที่สวีเ
“คุณป้าครับ สวนของที่แห่งนี้ช่างฝีมือชั้นยอดของเจียงหนานเป็นคนสร้างขึ้น มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน ไม่เพียงแค่วิวที่มีราคาสูงเท่านั้น”“ยิ่งคุณค่าทางศิลปะประมาณค่าไม่ได้เลยล่ะครับ”สวีเชาแนะนำความวิจิตรการตาของสวนในอ่าวเทียนสุ่ยให้ทั้งสองคนรู้จักจางกุ้ยหลานมองวิวสวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมสุด ๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูอันดับหนึ่งของเจียงโจว แม้แต่สวนในพื้นที่สาธารณะยังแพงกว่าคฤหาสน์ของเราอีก”คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ดูใหญ่โตมาก แต่ราคาเทียบกับอ่าวเทียนสุ่ยไม่ติดเลยสักนิดหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดประจบ “มันแน่อยู่แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยได้” “ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายสวี”สวีเชายิ้มเบา ๆ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดา แค่โปรยเงินไม่กี่บาทเล่นก็เท่านั้น”ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นหลินเฟิงก็เดินลงเขาด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงจากหางตาแว็บ ๆ พอเห็นหลินเฟิงก็อึ้งไปชั่วขณะ“หลินเฟิง?”พอได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อของตนเอง หลินเฟิงก็หยุดชะงักหันกลับไปมอง ก็เห็นว่า
“เจ้าของบ้านทุกคนในอ่าวเทียนสุ่ยแห่งนี้ฉันรู้จักหมด ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนล่ะ?”คำพูดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด ทั้งอ่าวเทียนสุ่ยมีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลัง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นตระกูลดังของเจียงโจวและเมืองใกล้เคียงไม่ว่าตระกูลไหนเขาล้วนรู้จักแจ่มแจ้งหมดหลี่เหวินเชาชี้ไปที่หน้าของหลินเฟิงและตะโกนว่า “ฉันถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินเหรอไง?”จางกุ้ยหลานเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “นั่นสิ ทำไมไม่พูดล่ะ?”หลินเฟิงชี้ไปที่คฤหาสน์บนยอดเขาตรง ๆ แล้วพูดว่า “นั่นก็คือบ้านผมเอง”“ฮ่า ๆ ๆ......”สวีเชาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายนี่แม่งเฟคจริง ๆ”“คฤหาสน์บนยอดเขาอ่าวเทียนสุ่ยคือบ้านนายว่างั้น?”จางกุ้ยหลานยิ่งไม่เชื่อใหญ่ “หลินเฟิง ถ้านายจะโม้ก็โม้ให้มันมีขอบเขตหน่อย เห็นพวกเราเป็นคนโง่จริง ๆ เหรอไง?”หลี่เหวินเชาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ “ฉันว่าคนอย่างนายนี่น่าจะเข้ามาขโมยของมากกว่า ไม่มีทางเป็นเจ้าของบ้านของที่นี่แน่” “พี่สวี พี่รีบแจ้งตำรวจเลย ให้มาจับไอ้หัวขโมยนี่”สวีเชายิ้มเยาะเย้ยและส่ายหน้า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” “รปภ.ของอ่าวเทียนสุ่ย แต่ละคนล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกร
“เทพธิดาฉู่ เราพูดคุยก็ต้องระวังกันสักหน่อย”ชายนักบู๊ที่เป็นผู้นำ พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“คุณหนูหลงเซียวเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลหลง หากได้ยินไปถึงหูของเธอเข้า เกรงว่ามันจะไม่เอื่อผลต่อคุณนะ”“ฮา....”ใครจะรู้ว่าเทพธิดาฉู่นั้นไม่สนใจเลย แถมยังโบกมือพร้อมกับพูดอย่างเกียจคร้านว่า :“เอาล่ะ วันนี้ฉันอารมณ์ดีมาก เลยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับความไร้มารยาทของพวกคุณ เพียงแต่ว่า ฉันชอบผู้ชายตรงหน้าคนนี้ของฉันมา ในถนนเสรี ไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องเขาได้ทั้งนั้น”“พวกคุณออกไปเถอะ”“หืม?”เห็นได้ชัดกว่านักบู๊เหล่านี้ลังเลกันเล็กน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เกรงกลัวเทพธิดาฉู่กันมากนัก ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มองหน้ามองตากันและตัดสินใจที่จะลงมือกันไปแล้ว“เหอะ!”นักบู๊คนหนึ่งเดินออกมา เขาคือยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุดนักบู๊คนนี้ชี้ไปทางเทพธิดาฉู่ ก่อนะพูดอย่างเย็นชาว่า :“ผู้หญิงประเทศเวน่าอย่างคุณ อย่าได้โลภเกินไปนัก วันนี้เราจำเป็นต้องจับหลินเฟิงไป ใครก็ไม่สามารถขวางตระกูลหลงของเราได้!”“ใช่แล้ว เทพธิดาฉู่ ถ้าหากคุณยังอยากจะให้ถนนเสรีแห่งนี้ของคุณอยู่ต่อไป ก็หลีกทางไปดี ๆและ
แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่หลินเฟิงต้องยอมรับถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้เผยใบหน้าออกมา แต่เมื่อดูรูปร่างแล้ว ก็เป็นสาวสวยที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่ฮุ่ยหรานและถังหว่านเลยขาเรียวยาวที่เหมือนกับหิมะที่อยู่ใต้โต๊ะ และหน้าท้องที่เปลือยเปล่าและราบเรียบ ราวกับงูน้ำ เพียงแค่ท่าทางเดินของเธอ ก็ยิ่งทำให้จิตใจของผู้คนลุกเป็นไฟได้ผู้ชายทั่วไปคงจะไม่สามารถทนกับการรุกเข้าหาของผู้หญิงแบบนี้ได้เกรงว่านับจากนี้ไป คงจะตกหลุมพรางของเธอเข้าซะแล้วน่าเสียดาย ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะชอบเธอก็ตาม แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะมองดูบ่อย ๆแต่ตอนนี้สถานการณ์ฉุกเฉิน เขาเสียเวลาไม่ได้ความปลอดภัยในตอนนี้ของถังหว่านยังไม่แน่นอน“นี่ ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามมากมายที่จะถาม แต่ก่อนที่จะถาม คุณจำเป็นต้องดื่มเหล้าแก้งนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มตอบคำถามอะไรคุณทั้งนั้น”ผู้หญิงผลักเหล้าแก้วนี้ไปด้านหน้าของหลินเฟิง ในแววตาแสดงถึงความปรารถนาที่อันตรายออกมา“เร็วสิ ดื่มมันเข้าไป”เสียงของผู้หญิงคล้ายกับมีพลังทำให้คนหลงใหล หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปทางเหล้าแก้วนั้น“ฮึ”เพียงแค่ไม่แน่ใจ หลินเฟิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ขณะพูดเขาก็มองไปทางผู้ชายที่หน้าตาคมเข้มคนหนึ่งที่ตรงด้านหลัง“ถังจวิน นายเรียกรวมตัวหน่วยลับอย่างเร่งด่วน ตามหลินเฟิงไป”“แบบนี้ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็สามารถดูแลกันได้”หลินเฟิงเดิมทีอยากจะปฏิบัติการตามลำพังคนเดียว แต่เป็นเพราะเขาไม่คุ้นถนนเสรีที่ว่านั่น ดังนั้นก็ทำได้เพียงยอมรับข้อเสนอของถังเจี้ยนหยวนไม่นานนัก หน่วยลับของตระกูลถังก็รวมตัวกันพร้อม และออกเดินทางตระกูลถังระยะห่างจากถนนเสรีไม่ได้ใกล้นักเมื่อไปถึงถนนเสรี ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้วตอนนี้ถนนเสรีที่ว่านั้นคึกคักเป็นอย่างมาก ชายหญิงที่เดินผ่านไปมาไม่ได้หลบเลี่ยง ถึงขั้นที่สามารถทำเรื่องน่าอับอายตรงที่ตรอกซอกซอยข้างถนนได้รอบด้านมีเสียงตะโกนเรียกลูกค้า อีกทั้งเสียงดื่มเหล้าสังสรรค์ และเสียงสบถด่าที่หยาบคาย หลินเฟิงเดินเข้าไปในถนนเสรี กลับดูโดดเด่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเข้าถนนเสรี ก็ได้บอกกับพวกถังจวินเอาไว้แล้วว่าให้แยกกันปฏิบัติการ“หนุ่มหล่อ มาเที่ยวเล่นไหม?”ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวสวยหยาดเยิ้มยืนอยู่ที่ตรงถนนอย่างสง่าผ่าเผย นิ้วมือคีบบุหรี่ และส่งสายตาแพรวพราวให้หลินเฟิง“มาสิสุดหล่อ สาวๆ ของเราที่นี่เหมาะสมที่สุดแ
ถึงแม้พวกเขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงกับหยินหลิงคุยอะไรกันแต่ประโยคสุดท้าย พวกเขาได้ยินแล้วนั่นก็คือหยินหลิงคิดที่จะรับข้อเสนอของหลินเฟิง ปกป้องถังว่านหลี่แทนเขาเป็นเวลาสองวันอย่ามองเวลาแค่สองวัน นี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ต้องรู้ไว้ว่า ผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงมีพลังอำนาจมากแค่ไหนกัน?ลูกสาวของเขาถูกลวนลามต่อหน้าสาธารณะ ความแค้นแบบนี้ จะยอมให้ยืดเวลาออกไปสองวันแล้วค่อยแก้แค้นได้อย่างไร?ไม่แน่ พวกเขาเพิ่งจะพาตัวถังว่านหลี่ไป จากนั้นถังว่านหลี่ก็ถูกฆ่าตายในทันทีส่วนหยินหลิงที่เป็นเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊คนนี้ ดูภายนอกยิ่งใหญ่แต่มากสุด ก็แค่รปภ. ระดับสูงก็เท่านั้นเองเพียงแค่ว่าสิ่งที่เธอรักษาความปลอดภัย ก็คือเมืองเจิง หัวใจของทั้งประเทศมังกรผิดใจกับผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เธอก็จะเดือดร้อนเช่นกันดังนั้นได้ยินหยินหลิงรับปากหลินเฟิง นักบู๊ของกลุ่มพันธมิตรบู๊และเหล่าผู้อาวุโสพากันสีหน้าเปลี่ยนไป รีบเข้ามาห้ามปรามไว้“ผู้นำ ไม่ได้นะ!”“จริงด้วยผู้นำ ถ้าหากคุณทำแบบนี้ ก็เท่ากับล่วงเกินผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง นี่...นี่จะส่งผลเสียต่ออนาคตของคุณนะ!”ผลลัพธ์ของการที่เธอป
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลถังจึงทำได้เพียงเฝ้าดูถังว่านหลี่ถูกนักบู๊กลุ่มพันธมิตรสองคนลากออกไปอย่างรุนแรงโดยช่วยอะไรไม่ได้“พ่อเอ๊ย!”หลินเสวี่ยเยี่ยนอยากจะไล่ตามไป แต่กลับถูถังเจี้ยนหยวนขวางเอาไว้“น้องสะใภ้ ฉันรู้ว่าคุรไม่สบายใจ แต่.....อย่าเศร้าไปเลย พวกเราจะต้องหาหลักฐานให้เจอโดยเร็วที่สุด....” เมื่อถังเจี้ยนหยวนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของตัวเขาเองก็ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง และไม่มีสิทธิ์เกลี้ยกล่อมอะไรได้“หยิงหลิง!”หลินเฟิงไล่ตามออกไป โดยที่ทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่ทันสังเกตการตะโกนของหลินเฟิงทำให้หยินหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอชะงักเล้กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มแข็ง ๆจะปรากฏบนใบหน้าก่อนจะค่อย ๆหันหลังกลับไปถ้าเป็นไปได้ หยินหลิงก็ไม่อยากเจอหลินเฟิงในสถานการณ์แบบนี้สิ่งนี้จะทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนเลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากแยกทางกันมานาน เธอก็ไม่อยากทิ้งความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ไว้ในใจของหลินเฟิง“พี่....หลินเฟิง มีอะไรหรือเปล่า?”“เขา”หลินเฟิงยื่นนิ้วไปชี้ถังว่านหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า :“อาถังว่านหลี่ เขาถูกใส่ร้ายจริง ๆ”“เขาถูกวางยาพิษปรสารท ไม่
“ไม่ได้นะ ท่าผู้นำ ไม่สามารถปล่อยอาว่านหลี่ไปกับพวกเขาได้!”“ใช่แล้วท่านผู้นำ อย่างมากพวกคุณกับพวกเขาจะต้องต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย!”“ใช่ พวกเราไม่กลัวตาย!”เมื่อเห็นกลุ่มศิษย์น้องของตระกูลถังที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทันใดนั้นใบหน้าของถังเจี้ยนหยวนก็เย็นชาขึ้นมาทันที“สู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย? เหอะ พูดง่ายนักนะ!”“พวกแกเคยคิดหรือเปล่า หากต้องมีปัญหากับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิง แล้วตระกูลถังของพวกเราจะมีผลกระทบขนาดแค่ไหน?!”“ไม่ต้องพูดว่าพวกเรายากที่จะรับมือกับนักบู๊ไของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้ ราวกับผู้ว่าโกรธ แล้วระดมกำลังทหารไปทั่งทั้งเมืองจิงอย่างนั้นตระกูลถังของเราคงจะจบลงอย่างแท้จริงแล้ว!”“ถึงตอนนั้น...”ถังเจี้ยนหยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า :“พวกเราไม่เพียงแต่จะล้างความอัปยศไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกฆ่าด้วยน้ำมือของคนอื่น!”“ศัตรูของพวกเรา คงจะกังวลที่พวกเราไม่หาเรื่องตายไปซะ”“เขาหวังว่าพวกเราจะปะทะกับกลุ่มพันธมิตร!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้คนตระกูลถังทุกคนที่อยู่โดยรอบตกใจกันทันที“แต่ว่า....ท่านผู้นำ แล้วพวกเราจะยอมรับความพ่ายแพ่งั้นเหรอ?”
“พวกคุณเข้ามาไม่ได้!”ผู้คุ้มกันของตระกูลถังขัดขวางนักบู๊เหล่านี้อยู่ที่หน้าประตู ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์“ดูให้ดีนะ ในมือฉันมีหลักฐานที่ถังว่านหลี่กระทำเรื่องเลวร้าย และหมายจับที่อนุมัติลงมาโดยผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง!”“ถ้าหากตระกูลถังของพวกคุณยังกล้ากีดขวางอีก เช่นนั้นก็จะเป็นศัตรูกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ และทั้งประเทศมังกร หลีกไปซะ!”หลังจากเสียงตะโกนของหยินหลิงผู้คุ้มกันของตระกูลถังมองหน้ากันไปมาจากนั้นทำได้เพียงหลีกทางให้ด้วยท่าทางหดหู่ถ้าหากเปิดศึกกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ การตัดสินแบบนี้พวกเขาไม่กล้าคิดเลยอีกทั้งฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือพวกเขาพวกเขาจับคนอย่างถูกกฎหมาย หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาถ้าหากกล้าขัดขืนอีก แบบนั้นก็จะเป็นการปกป้องคนผิดแล้วเห็นได้ชัดว่า หยินหลิงรอหลักฐานด้วยเวลาที่นานขนาดนี้ อันที่จริงก็เพื่อลดภัยแห่งความตายถ้าหากเมื่อครู่ไม่มีหลักฐานแล้วฝืนบุกเข้าไปที่ประตูตระกูลถังก็ต้องเกิดการสู้รบกันยกใหญ่“ไป!”หยินหลิงพาลูกน้องของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ไม่นานนักก็มาถึงวิลล่าขนาดเล็กที่ถังว่านหลี่อาศัยอยู่“ถังว่านหลี่ตระกูลหลี่! ลวนลามหลี่เซี่ยงถง
“เอาล่ะคุณน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายอารมณ์นะ ตอนนี้พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหลินเสวี่ยเยี่ยนออกไป“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถังว่านหลี่เหลือบมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ แล้วทำสีหน้าสงสัยก่อนจะตบศีรษะ พร้อมกับนึกคิดย้อนความทรงจำและขมวดคิ้วพูดว่า :“ไม่ถูกสิ ฉันไม่ใช่ตัวแทนตระกูลถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นของลูกสาวผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ได้ล่ะ?” “เป็นถังจวินที่พาคุณกลับมา”ถังเจสี้ยนหยวนมองไปที่ชายร่างสูงที่ร่างกายแข็งแรง วัยสามสิบกว่าปีที่อยู่ด้านข้าง“ถังจวิน?”ถังว่านหลี่ตกตะลึง ถังจวินคนนี้คือหัวหน้าหน่วยลับของตระกูลถัง เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลถัง ที่ได้มอบนามสกุลถังให้หากคระกูลถังส่งหน่วยลับไปช่วยชีวิตตัวเองกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็คงจะซับซ้อนแล้ว “อาถัง คุณยังจำงานเลี้ยงตอนเย็นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้ไหม?”“งานเลี้ยงเมื่อวาน?”ถังว่านหลี่พยายามนึกให้ออก ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า :“ฉันจำได้แค่ว่าฉันดื่มเหล้าของหลงเซียวที่มายื่นให้ด้วยความเคารพไปหนึ
“เฮ้อ....”เมื่อเห็นหลินเฟิงพยักหน้าให้กับตัวเองแล้ว หยินหลิงก็เหมือนกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับนิ้วของเธอที่ถือกระบี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก“ผู้นำ เมื่อครู่ชายคนนั้นคือ....”“เขาเป็นศิษย์พี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าหยินหลิงไม่ต้องการที่จะพูดมากไปกว่าแค่ประโยคนี้“ศิษย์พี่....”ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า :“ศิษย์พี่ที่นามสกุลหลิน......ฉันเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว....”หยินหลิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่กำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน“ปัง!”หลินเฟิงเตะประตูห้องโถงประชุมให้เปิดออกในเวลานี้ห้องโถมประชุมของตระกูลถังเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการเข้ามาที่หยาบคายของหลินเฟิงถึงขนาดที่หลาย ๆคนอยากจะดุด่าทันที“เอาล่ะ” ถังเจี้ยนหยวนที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และใช้สายตาเพื่อหยุดไม่ให้คนรอบตัวตำหนิเรื่องในคราวนี้ร้ายแรงเกินไปมันเกี่ยวข้องกับคำแถลงและการเจริญและเสื่อมถอยของตระกูลถังไม่ใช่เวลาที่จะมาปฏิบัติตามมารยาทและศีลธรรม ถังเจี้ยนหยวนก้านไปข้างหน้า ก่อนจ