“คุณพยาบาลครับ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”“ผู้ป่วยถูกทำร้ายร่างกาย หมดสติไปแล้ว คุณเป็นอะไรกับเธอคะ?” พยาบาลคนหนึ่งถามขึ้น“ผมคือเพื่อนของเธอ”พยาบาลเห็นแบบนี้จึงรีบถามขึ้น: “งั้นคุณติดต่อครอบครัวของเธอได้ไหม?”“ได้ ได้อยู่แล้วครับ……” ชายชุดสูทรีบพูดขึ้น“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นคุณก็ไปกับพวกเราหน่อยค่ะ”“ได้ครับ” ชายชุดสูทไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้าในทันที และขึ้นรถไปด้วยกันรถพยาบาลเพิ่งขับออกไปได้ไม่นานด้านหลัง คนของตระกูลหวางก็ตามมาถึงที่นี่หวางเจิ้นพาคนบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลเองทันทีนอกจากศพกองหนึ่งบนพื้น ก็เหลือเพียงหลินเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่ และนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา“นายก็คือหลินเฟิง?” หวางเจิ้นถามขึ้นอย่างโมโหหลินฟิงพยักหน้าอย่างเรียบเฉย“ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน?” หวางเจิ้นถามคำถามที่ตัวเองเป็นกังวลมากที่สุดหลินเฟิงชี้ไปที่ห้องนอนหวางเจิ้นไม่พูดจา พุ่งเข้าไปในห้องทันทีเมื่อเห็นลูกชายของตัวเองตายอย่างน่าอนาถ หวางเจิ้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้“ไอ้สารเลว แกมีสิทธิอะไรฆ่าลูกชายของฉัน?” หวางเจิ้นสีหน้าดุดันตะโกนขึ้นมาหลินเฟิงกลับลุกขึ้
“ว่าไงนะ?” หวางเจิ้นตัวแข็งทื่อในฉับพลันดวงตาทั้งสองมองไปที่หลินเฟิงอย่างเหลือเชื่อไอ้หมอนี่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นลูกเขยของฉินเซี่ยวเทียน? “พูดแบบนี้ แสดงว่าวันนี้ผู้ว่าฉินจะปกป้องนายหลินเฟิงนี่ให้ได้เลยใช่ไหม?” “ถูกต้อง คุณทำอะไรหลินเฟิงไม่ได้หรอก ถ้าคุณอยากจะได้การชดเชยอะไรก็บอกผมมา”ฉินเซี่ยวเทียนเอ่ยด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “แต่นับจากนี้ตระกูลหวางจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฉินของเราอีก”“แล้วอ่าวเทียนสุ่ยก็ไม่ขอต้อนรับพวกคุณอีก”หวางเจิ้นเอ่ยด้วยใบหน้าอึมครึมว่า “ผู้ว่าฉินกะอีแค่หลินเฟิง คุณถึงต้องตัดขาดกับตระกูลหวางของเราเลยเหรอ?”“ดูไม่คุ้มใช่ไหมล่ะ?” “ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้ม”ฉินเซี่ยวเทียนโบกมือ “สำหรับผมแล้วหลินเฟิงดีกว่าตระกูลหวางนับสิบตระกูลเสียอีก” “ฮึ”หวางเจิ้นส่งเสียงคำราม “ผู้ว่าฉินยังไม่ทันไรก็มาดูหมิ่นดูแคลนตระกูลหวางของเราแล้ว”“จะบอกความจริงให้คุณฟังนะ ธุรกิจตระกูลหวางในตอนนี้ได้ขยับขยายไปถึงจงโจวแล้ว อิทธิพลในเจียงโจวแบบนี้ไม่มีทางขัดขวางตระกูลหวางของผมได้หรอก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฟิงและฉินเซี่ยวเทียนถึงกับขมวดคิ้วเบา ๆคิดไม่ถึงว่าตร
ก่อนจะไป ซ่งเฉียนคุนขวางและเอ่ยข่มขู่หวางเจิ้นว่า “ทำไม? คุณหวางคิดจะมาแก้แค้นวันหลังอีกเหรอ?”สีหน้าหวางเจิ้นซีดเผือด แน่นอนว่าเขาต้องคิดอยู่แล้วแต่ปากยังจะพูดออกไปว่า “ในเมื่อท่านผู้นำซ่งออกปากไว้ กระผมจะไปกล้าได้ยังไงกัน” “งั้นก็ดี”หวางเจิ้นพร้อมกับคนของตนรีบก้าวออกไปอย่างฉับไวฉินเซี่ยวเทียนเองก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน หันกลับไปมองซ่งเฉียนคุนแล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่าท่านผู้นำซ่งจะรู้จักเจ้าหลินด้วย?” “ฮ่า ๆ ๆ ......”ซ่งเฉียนคุนหัวเราะและเอ่ยด้วยความเบิกบานใจว่า “ก่อนหน้านี้คุณถังเคยแนะนำให้ผมรู้จักกับเจ้าหลินมาก่อน”“ไม่ใช่แค่นี้นะ ผมยังเคยเห็นเจ้าหลินใช้ยารักษาท่านผู้ว่าหลิวจนหายดีกับตาตัวเองเลยด้วย” “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ฉินเซี่ยวเทียนมองหลินเฟิงอย่างทึ่งเจ้าเด็กนี้ยังมีความลับอะไรอีกบ้างนะ“เจ้าหลิน ดูจากท่าทีหวางเจิ้นแล้ว เกรงว่าจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่”ในเวลานี้ซ่งเฉียนคุนได้เอ่ยเตือนว่า “ยังไงเจ้าหลินก็ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน"หลินเฟิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเกิดเขายังกล้ามายุ่งกับผมอีก ผมจะล้มสำนักเขาให้สิ้นซาก”ในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอาฆาตยิ่
“อาเชา ฮุ่ยหรานของเราอยู่ไหนเหรอ?” จางกุ้ยหลานที่เพิ่งฉุกนึกถึงลูกสาวของตนขึ้นในเวลานี้จึงรีบเอ่ยถามในทันทีสวีเชาจึงรีบเอ่ยทันทีว่า “ฮุ่ยหรานไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรครับ อยู่ที่ห้องพักฟื้นครับ”“หมอบอกว่าเธอแค่ได้รับการกระแทกที่สมองเล็กน้อย พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อคนเหล่านั้นมาถึงห้องพักฟื้น เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่หมดสติไม่ฟื้น จางกุ้ยหลานก็หลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว“โธ่ ๆ ลูกสาวที่โชคร้ายของฉัน......”ในเวลานี้สวีเชาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณป้าครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ทำไมฮุ่ยหรานถึงถูกคนทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลล่ะครับ?”จางกุ้ยหลานอธิบายด้วยความคร่ำครวญว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะป้าทำตัวเลอะเลือน จนถูกคนหลอกเอาเงินไป พอคนของบริษัทเห็นว่าป้าคืนเงินไม่ไหว พวกเขาก็เลยจับตัวฮุ่ยหรานไป”“คุณป้าเป็นหนี้เท่าไหร่ครับ” สวีเชาเอ่ยถาม“ก็ประมาณร้อยกว่าล้านน่ะ” จางกุ้ยหลานหลบสายตา เพราะเธอเองก็เป็นคนที่เห็นแก่หน้าตาเลยไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่สวีเชาได้ฟังจึงหัวเราะร่า “ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมากเสียอีก ก็แค่เงินร้อยกว่าล้านเอง” “เอาแบบนี้ไหมครับ วันมะร
แต่ในเวลานั้นหลี่ฮุ่ยหรานยุ่งอยู่กับการเรียนมาโดยตลอด ไม่สนใจที่จะมีความรักมากนัก“ฮุ่ยหรานไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”สวีเชาผุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อนในตอนนั้นเขาชอบหลี่ฮุ่ยหรานจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่พื้นเพครอบครัวของตนเองไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในตอนนั้นวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะไปสารภาพรัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวการแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อหน้าที่การงาน เขาก็เลยทำได้เพียงยอมแพ้คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไปพอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ตนได้พบกับนางฟ้าในตอนนั้นอีกครั้ง“ไม่......ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกเขินเล็กน้อยไม่คิดว่าหลายปีผ่านไปจะได้เจอเห็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยก่อนของตนเองในสภาพแบบนี้“วันนี้ต้องขอบคุณสวีเชาจริง ๆ ไม่งั้นก็ไม่รู้ฮุ่ยหรานของเราจะเป็นยังไงบ้าง ป้าไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงดี” จางกุ้ยหลานมองสวีเชาด้วยใบหน้าที่รู้สึกขอบคุณสวีเชายิ้มร่าและเอ่ยว่า “คุณป้า ผมกับฮุ่ยหรานเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องสมควรทำครับ” “ใช่ ๆ ๆ......แถมเป็นคนมีการศึกษาด้วย การพูดการจาก็ไม่เหมือนกันด้วย” จางกุ้ยหลานเอ่ยอย่างเบิกบานใจใ
จางกุ้ยหลานตกใจใหญ่อ่าวเทียนสุ่ยเป็นคฤหาสน์ที่แม้แต่คนรวยก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คุณชายตระกูลฉินพัฒนาผู้คนที่อาศัยอยู่ถ้าไม่เป็นตระกูลใหญ่จากทั่วทุกมุม ก็เป็นคนที่มีอำนาจในพื้นที่แต่แค่แปปเดียวจางกุ้ยหลานก็ฉุกคิดปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ว่าสวีเชามีทรัพย์สินแค่หกพันล้าน แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรถึงอาศัยอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ย?“อาเชา ที่อ่าวเทียนสุ่ยเราซื้อเองหรือเปล่า?”สวีเชาส่ายหน้า “เปล่าครับ ที่อ่าวเทียนสุ่ยนี่คู่ค้าของผมที่ยกให้ครับ” “หือ......”จางกุ้ยหลานเบิกตาโพลง “ยกให้?”คู่ค้าของสวีเชาให้ความสำคัญกับเขาถึงขั้นยกคฤหาสน์ในเจียงโจวให้เขาเลย? “ถูกต้องครับ”สวีเชาพยักหน้าและเอ่ยชักชวนอีกครั้ง “คุณป้าครับ ผมว่าคุณป้าก็คงเหนื่อยมาก คืนนี้ไปพักที่บ้านผมไม่ดีกว่าเหรอครับ”“ได้สิ ๆ......”จางกุ้ยหลานพยักหน้าสำทับการได้พักอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยเป็นสิ่งที่บ่งบอกของการมีอำนาจและฐานะที่แน่นอนเธอฝันที่จะได้เข้าไปพักสักสองวันตอนนี้สวีเชามาเชิญด้วยตัวเอง เธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน“ฮุ่ยหราน คืนนี้เราไปพักที่อ่าวเทียนสุ่ยกันเถอะ” จางกุ้ยหลานดึงแขนลูกสาว
เมื่อมองลงไปเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางวิลล่า จางกุ้ยหลานมีสีหน้าดูอิจฉารีบควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโพสต์โมเมนต์ในทันทีหลี่เหวินเชาก็เช่นกัน ถ่ายรูปวิลล่าแต่ละแบบไว้เมื่อดูความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง ทำให้การได้หน้าได้ตาของสวีเชาพอใจแบบสุด ๆลุกขึ้นมาชงชาด้วยตนเองและเอ่ยว่า “คุณป้าครับ มาดื่มชากันก่อนเถอะครับ ไม่ต้องรีบถ่ายรูปก็ได้ วันหลังถ้าพวกคุณอยากจะมาเมื่อไหร่ก็แวะมาได้เลยนะครับ” “จริงเหรอ?” จางกุ้ยหลานและหลี่เหวินเชาดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยสวีเชาเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้สนใจว่า “แน่นอนครับ เพียงผมอยู่บ้านพวกคุณก็สามารถแวะมาได้ทุกเมื่อ” “อุ๊ยตาย งั้นก็ดีเลย”จางกุ้ยหลานก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญ “อาเชา วันหลังถ้าคุณว่างก็แวะมานั่งเล่นบ้านพวกเราได้บ่อย ๆ เลยนะ” “สอนฮุยหรานหาเงินหน่อย”หลี่ฮุ่ยหรานกอดอกทั้งสองแล้วเอ่ยว่า “บริษัทของหนูกับสวีเชาไม่เหมือนกันนะ จะมาสอนอะไรเล่า”จางกุ้ยหลานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “มีอะไรไม่เหมือนกัน สวีเชาเขาก็สร้างมาด้วยมือเปล่า ตอนนี้บริษัทก็มีมูลค่าตลาดตั้งหกพันล้าน”หลี่ฮุ่ยหราประหลาดใจเล็กน้อย ตากลมคู่มองไปที่สวีเ
“คุณป้าครับ สวนของที่แห่งนี้ช่างฝีมือชั้นยอดของเจียงหนานเป็นคนสร้างขึ้น มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน ไม่เพียงแค่วิวที่มีราคาสูงเท่านั้น”“ยิ่งคุณค่าทางศิลปะประมาณค่าไม่ได้เลยล่ะครับ”สวีเชาแนะนำความวิจิตรการตาของสวนในอ่าวเทียนสุ่ยให้ทั้งสองคนรู้จักจางกุ้ยหลานมองวิวสวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมสุด ๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูอันดับหนึ่งของเจียงโจว แม้แต่สวนในพื้นที่สาธารณะยังแพงกว่าคฤหาสน์ของเราอีก”คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ดูใหญ่โตมาก แต่ราคาเทียบกับอ่าวเทียนสุ่ยไม่ติดเลยสักนิดหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดประจบ “มันแน่อยู่แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยได้” “ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายสวี”สวีเชายิ้มเบา ๆ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดา แค่โปรยเงินไม่กี่บาทเล่นก็เท่านั้น”ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นหลินเฟิงก็เดินลงเขาด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงจากหางตาแว็บ ๆ พอเห็นหลินเฟิงก็อึ้งไปชั่วขณะ“หลินเฟิง?”พอได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อของตนเอง หลินเฟิงก็หยุดชะงักหันกลับไปมอง ก็เห็นว่า
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลถังจึงทำได้เพียงเฝ้าดูถังว่านหลี่ถูกนักบู๊กลุ่มพันธมิตรสองคนลากออกไปอย่างรุนแรงโดยช่วยอะไรไม่ได้“พ่อเอ๊ย!”หลินเสวี่ยเยี่ยนอยากจะไล่ตามไป แต่กลับถูถังเจี้ยนหยวนขวางเอาไว้“น้องสะใภ้ ฉันรู้ว่าคุรไม่สบายใจ แต่.....อย่าเศร้าไปเลย พวกเราจะต้องหาหลักฐานให้เจอโดยเร็วที่สุด....” เมื่อถังเจี้ยนหยวนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของตัวเขาเองก็ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง และไม่มีสิทธิ์เกลี้ยกล่อมอะไรได้“หยิงหลิง!”หลินเฟิงไล่ตามออกไป โดยที่ทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่ทันสังเกตการตะโกนของหลินเฟิงทำให้หยินหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอชะงักเล้กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มแข็ง ๆจะปรากฏบนใบหน้าก่อนจะค่อย ๆหันหลังกลับไปถ้าเป็นไปได้ หยินหลิงก็ไม่อยากเจอหลินเฟิงในสถานการณ์แบบนี้สิ่งนี้จะทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนเลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากแยกทางกันมานาน เธอก็ไม่อยากทิ้งความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ไว้ในใจของหลินเฟิง“พี่....หลินเฟิง มีอะไรหรือเปล่า?”“เขา”หลินเฟิงยื่นนิ้วไปชี้ถังว่านหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า :“อาถังว่านหลี่ เขาถูกใส่ร้ายจริง ๆ”“เขาถูกวางยาพิษปรสารท ไม่
“ไม่ได้นะ ท่าผู้นำ ไม่สามารถปล่อยอาว่านหลี่ไปกับพวกเขาได้!”“ใช่แล้วท่านผู้นำ อย่างมากพวกคุณกับพวกเขาจะต้องต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย!”“ใช่ พวกเราไม่กลัวตาย!”เมื่อเห็นกลุ่มศิษย์น้องของตระกูลถังที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทันใดนั้นใบหน้าของถังเจี้ยนหยวนก็เย็นชาขึ้นมาทันที“สู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย? เหอะ พูดง่ายนักนะ!”“พวกแกเคยคิดหรือเปล่า หากต้องมีปัญหากับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิง แล้วตระกูลถังของพวกเราจะมีผลกระทบขนาดแค่ไหน?!”“ไม่ต้องพูดว่าพวกเรายากที่จะรับมือกับนักบู๊ไของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้ ราวกับผู้ว่าโกรธ แล้วระดมกำลังทหารไปทั่งทั้งเมืองจิงอย่างนั้นตระกูลถังของเราคงจะจบลงอย่างแท้จริงแล้ว!”“ถึงตอนนั้น...”ถังเจี้ยนหยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า :“พวกเราไม่เพียงแต่จะล้างความอัปยศไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกฆ่าด้วยน้ำมือของคนอื่น!”“ศัตรูของพวกเรา คงจะกังวลที่พวกเราไม่หาเรื่องตายไปซะ”“เขาหวังว่าพวกเราจะปะทะกับกลุ่มพันธมิตร!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้คนตระกูลถังทุกคนที่อยู่โดยรอบตกใจกันทันที“แต่ว่า....ท่านผู้นำ แล้วพวกเราจะยอมรับความพ่ายแพ่งั้นเหรอ?”
“พวกคุณเข้ามาไม่ได้!”ผู้คุ้มกันของตระกูลถังขัดขวางนักบู๊เหล่านี้อยู่ที่หน้าประตู ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์“ดูให้ดีนะ ในมือฉันมีหลักฐานที่ถังว่านหลี่กระทำเรื่องเลวร้าย และหมายจับที่อนุมัติลงมาโดยผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง!”“ถ้าหากตระกูลถังของพวกคุณยังกล้ากีดขวางอีก เช่นนั้นก็จะเป็นศัตรูกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ และทั้งประเทศมังกร หลีกไปซะ!”หลังจากเสียงตะโกนของหยินหลิงผู้คุ้มกันของตระกูลถังมองหน้ากันไปมาจากนั้นทำได้เพียงหลีกทางให้ด้วยท่าทางหดหู่ถ้าหากเปิดศึกกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ การตัดสินแบบนี้พวกเขาไม่กล้าคิดเลยอีกทั้งฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือพวกเขาพวกเขาจับคนอย่างถูกกฎหมาย หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาถ้าหากกล้าขัดขืนอีก แบบนั้นก็จะเป็นการปกป้องคนผิดแล้วเห็นได้ชัดว่า หยินหลิงรอหลักฐานด้วยเวลาที่นานขนาดนี้ อันที่จริงก็เพื่อลดภัยแห่งความตายถ้าหากเมื่อครู่ไม่มีหลักฐานแล้วฝืนบุกเข้าไปที่ประตูตระกูลถังก็ต้องเกิดการสู้รบกันยกใหญ่“ไป!”หยินหลิงพาลูกน้องของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ไม่นานนักก็มาถึงวิลล่าขนาดเล็กที่ถังว่านหลี่อาศัยอยู่“ถังว่านหลี่ตระกูลหลี่! ลวนลามหลี่เซี่ยงถง
“เอาล่ะคุณน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายอารมณ์นะ ตอนนี้พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหลินเสวี่ยเยี่ยนออกไป“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถังว่านหลี่เหลือบมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ แล้วทำสีหน้าสงสัยก่อนจะตบศีรษะ พร้อมกับนึกคิดย้อนความทรงจำและขมวดคิ้วพูดว่า :“ไม่ถูกสิ ฉันไม่ใช่ตัวแทนตระกูลถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นของลูกสาวผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ได้ล่ะ?” “เป็นถังจวินที่พาคุณกลับมา”ถังเจสี้ยนหยวนมองไปที่ชายร่างสูงที่ร่างกายแข็งแรง วัยสามสิบกว่าปีที่อยู่ด้านข้าง“ถังจวิน?”ถังว่านหลี่ตกตะลึง ถังจวินคนนี้คือหัวหน้าหน่วยลับของตระกูลถัง เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลถัง ที่ได้มอบนามสกุลถังให้หากคระกูลถังส่งหน่วยลับไปช่วยชีวิตตัวเองกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็คงจะซับซ้อนแล้ว “อาถัง คุณยังจำงานเลี้ยงตอนเย็นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้ไหม?”“งานเลี้ยงเมื่อวาน?”ถังว่านหลี่พยายามนึกให้ออก ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า :“ฉันจำได้แค่ว่าฉันดื่มเหล้าของหลงเซียวที่มายื่นให้ด้วยความเคารพไปหนึ
“เฮ้อ....”เมื่อเห็นหลินเฟิงพยักหน้าให้กับตัวเองแล้ว หยินหลิงก็เหมือนกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับนิ้วของเธอที่ถือกระบี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก“ผู้นำ เมื่อครู่ชายคนนั้นคือ....”“เขาเป็นศิษย์พี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าหยินหลิงไม่ต้องการที่จะพูดมากไปกว่าแค่ประโยคนี้“ศิษย์พี่....”ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า :“ศิษย์พี่ที่นามสกุลหลิน......ฉันเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว....”หยินหลิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่กำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน“ปัง!”หลินเฟิงเตะประตูห้องโถงประชุมให้เปิดออกในเวลานี้ห้องโถมประชุมของตระกูลถังเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการเข้ามาที่หยาบคายของหลินเฟิงถึงขนาดที่หลาย ๆคนอยากจะดุด่าทันที“เอาล่ะ” ถังเจี้ยนหยวนที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และใช้สายตาเพื่อหยุดไม่ให้คนรอบตัวตำหนิเรื่องในคราวนี้ร้ายแรงเกินไปมันเกี่ยวข้องกับคำแถลงและการเจริญและเสื่อมถอยของตระกูลถังไม่ใช่เวลาที่จะมาปฏิบัติตามมารยาทและศีลธรรม ถังเจี้ยนหยวนก้านไปข้างหน้า ก่อนจ
ในที่สุดกัวโหย่งคังก็ยอมรับความพ่ายแพ้ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของเผิงกวงฉี่ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้ว่าครั้งนี้ เธอสามารถรับช่วงหลี่ซื่อกรุ๊ปได้เร็วขนาดนี้ และทำให้ปัญหาที่แก้ยากหมดไปด้วยเช่นกันทุกอย่างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินเฟิงอย่างไรก็ตามคนสำคัญอย่างหลินเฟิงก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปนานเกินไปหลังจากที่เขาได้ยินว่ากัวโหย่วคังยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ยิ่งรู้สึกวางใจ และส่งมอบหลี่ซื่อกรุ๊ปให้กับหลี่ฮุ่ยหรานและเผิงกวงฉี่แล้วเขาก็รีบขับรถไปทางเมืองจิง“หลินเฟิง ถังหว่านไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องของตระกูลถัง...ตอนนี้มันซับซ้อนมาก”หลินเสวี่ยเยี่ยน เแม่ของถังหว่านร้องไห้ผ่านทางโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า :“ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะถูกวางยาพิษแล้วหมดสติไป พวกเราอยากจะถามเขาว่าเมื่อคืนวานมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น”“ทางพันธมิตรบู๊ขอแค่ให้พวกเราส่งคนให้ และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลถังก็คงจะไม่สามารถทนต่อความกดดันได้อีกแล้ว”“คุณน้า คุณไม่ต้องร้อนใจ”หลินเฟิงถือพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง โดนที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถังหว่านล่ะ? ตอนนี้เธอถึงเมื
“นายทำได้ไม่เลว วางใจได้ ฉันหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูด นี่คือยาแก้พิษ นายทานเข้าไป สามารถแก้พิษในร่างกายของนายได้ชั่วคราว”“ขอบคุณครับคุณหลิน”จ้าวเว่ยรับมาด้วยความเคารพครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็พูดต่อว่า: “ฉันดูแล้วนายก็ฝึกวิทยายุทธศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”“เอ่อ...”จ้าวเว่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน และฝืนยิ้มพูดว่า:“เคยเรียน แต่พรสวรรค์ของผมไม่เพียงพอ เคยเรียนแค่ท่วงท่าผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น...”“อืม”หลินเฟิงยื่นยาเม็ดนี้ให้เขา พร้อมทั้งพยักหน้าพูดว่า:“นี่คือยาอมตะเลือดราชันย์ สามารถเพิ่มพลังชีวิตในร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทำให้โครงกระดูกมีเนื้องอกขึ้นมา หรือชุบชีวิตคนตายได้ แต่ผลลัพธ์ก็พอๆกัน”“ครั้งหน้าฝึกวิทยายุทธการต่อสู้ นายก็กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป เพียงพอที่จะทำให้นายเข้าสู่การเป็นยอดฝีมือกำลังภายในได้”“ขอบคุณคุณหลินมากๆ ครับ!”จ้าวเว่ยรับยาเม็ดนี้มาด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจวิชาศิลปะการต่อสู้ผิวเผินบนตัวของเขา ได้รับมาจากหลงเซียวแน่นอนอยู่แล้วในตอนที่เขาแสดงออกว่าเขาเรียนรู้ช้ามาก หลงเซียวกลับมีท่าทางที่ไม่
“หากพบว่าครั้งต่อไปคุณไม่เคารพคุณหลินอีก หรือกระทำที่มากเกินไป ก็อย่ามาโทษผม ต่อให้เป็นประธานหลี่ก็ไม่สามารถปกป้องคุณได้!”หลังจากที่พูดจบ เผิงกวงฉี่ก็ตะคอกก่อนจะจากไปสิ่งนืทำให้จางซินถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดเธอมองไปทางหลินเฟิง เพื่อจะโต้กลับด้วยแววตาที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เมื่อคิดถึงคำเตือนของเผิงกวงฉี่ เธอก็ทำได้เพียงก้มหัวลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น“เอาล่ะ เธอรีบไปเถอะ บริษัทเล็ก ๆของฉันแห่งนี้ไม่สามารถรองรับคนใหญ่โตแบบเธอได้หรอก ถ้าหากมีครั้งหน้าอีก ใคร ๆก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้อีกแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเฉยเมย จากนั้นก็ตามเผิงกวงฉี่ไปจะเหลือเพียงแค่หลินเฟิงและจ้าวเว่ยเท่านั้น“คุณหลิน ผมมีเรื่องด่วนที่นี่ ที่คุณจำเป็นต้องรู้.....”สีหน้าของจ้าวเว่ยดูรีบร้อน ตั้งแต่เมื่อครู่ที่เขาอดกลั้นมาโดยตลอด “สถานการณ์เร่งด่วน?” หัวใจของหลิน
แต่เมื่ออยู่ข้าง ๆหลินเฟิง จะต้องไว้หน้าหลินเฟิง“คุณหลิน คุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“ผม.....”ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะพูด ประตูห้องทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกผลักเปิดออกมาทันทีหลี่ฮุ่ยหรานที่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ทางเดินก็รีบออกไปเมื่อเธอมองเห็นจางซิน แววตาก็อึมครึ้มลงด้วยความโกรธทันที และเกือบจะเป็นลม ทำไมยัยนี่สร้างปัญหาให้เธออีก“หลินเฟิง คุณกลับมาแล้ว”แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนนอก หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทได้เธอพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินอ้อมจางซิน แล้วมองไปที่เผิงกวงฉี่พร้อมกับเอ่ยถามว่า :“ท่านนี้คือ?”“ผมเป็นนักแสดงที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณหลินในราคาที่สูงลิ่ว ให้มารับบทเป็นเผิงกวงฉี่ คนที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในหัวตง”เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้จากสุภาพบุรุษที่ไม่ธรรมดาคนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ตะลึงทันที แต่เธอก็ฉลาดมาก เพียงแค่เหลือบมองไปทางจางซิน ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่“เฮ้อ...ตัวซวย”หลี่ฮุ่ยหรานจับใหน้าผากแต่แทบจะในทันที หลี่ฮุ่ยหรานก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างชำนาญ พร้อมกับทันทายเผิงกวงฉี่ว่า : “คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เผิงจะม