แต่ในเวลานั้นหลี่ฮุ่ยหรานยุ่งอยู่กับการเรียนมาโดยตลอด ไม่สนใจที่จะมีความรักมากนัก“ฮุ่ยหรานไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”สวีเชาผุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อนในตอนนั้นเขาชอบหลี่ฮุ่ยหรานจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่พื้นเพครอบครัวของตนเองไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในตอนนั้นวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะไปสารภาพรัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวการแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อหน้าที่การงาน เขาก็เลยทำได้เพียงยอมแพ้คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไปพอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ตนได้พบกับนางฟ้าในตอนนั้นอีกครั้ง“ไม่......ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกเขินเล็กน้อยไม่คิดว่าหลายปีผ่านไปจะได้เจอเห็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยก่อนของตนเองในสภาพแบบนี้“วันนี้ต้องขอบคุณสวีเชาจริง ๆ ไม่งั้นก็ไม่รู้ฮุ่ยหรานของเราจะเป็นยังไงบ้าง ป้าไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงดี” จางกุ้ยหลานมองสวีเชาด้วยใบหน้าที่รู้สึกขอบคุณสวีเชายิ้มร่าและเอ่ยว่า “คุณป้า ผมกับฮุ่ยหรานเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องสมควรทำครับ” “ใช่ ๆ ๆ......แถมเป็นคนมีการศึกษาด้วย การพูดการจาก็ไม่เหมือนกันด้วย” จางกุ้ยหลานเอ่ยอย่างเบิกบานใจใ
จางกุ้ยหลานตกใจใหญ่อ่าวเทียนสุ่ยเป็นคฤหาสน์ที่แม้แต่คนรวยก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คุณชายตระกูลฉินพัฒนาผู้คนที่อาศัยอยู่ถ้าไม่เป็นตระกูลใหญ่จากทั่วทุกมุม ก็เป็นคนที่มีอำนาจในพื้นที่แต่แค่แปปเดียวจางกุ้ยหลานก็ฉุกคิดปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ว่าสวีเชามีทรัพย์สินแค่หกพันล้าน แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรถึงอาศัยอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ย?“อาเชา ที่อ่าวเทียนสุ่ยเราซื้อเองหรือเปล่า?”สวีเชาส่ายหน้า “เปล่าครับ ที่อ่าวเทียนสุ่ยนี่คู่ค้าของผมที่ยกให้ครับ” “หือ......”จางกุ้ยหลานเบิกตาโพลง “ยกให้?”คู่ค้าของสวีเชาให้ความสำคัญกับเขาถึงขั้นยกคฤหาสน์ในเจียงโจวให้เขาเลย? “ถูกต้องครับ”สวีเชาพยักหน้าและเอ่ยชักชวนอีกครั้ง “คุณป้าครับ ผมว่าคุณป้าก็คงเหนื่อยมาก คืนนี้ไปพักที่บ้านผมไม่ดีกว่าเหรอครับ”“ได้สิ ๆ......”จางกุ้ยหลานพยักหน้าสำทับการได้พักอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยเป็นสิ่งที่บ่งบอกของการมีอำนาจและฐานะที่แน่นอนเธอฝันที่จะได้เข้าไปพักสักสองวันตอนนี้สวีเชามาเชิญด้วยตัวเอง เธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน“ฮุ่ยหราน คืนนี้เราไปพักที่อ่าวเทียนสุ่ยกันเถอะ” จางกุ้ยหลานดึงแขนลูกสาว
เมื่อมองลงไปเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางวิลล่า จางกุ้ยหลานมีสีหน้าดูอิจฉารีบควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโพสต์โมเมนต์ในทันทีหลี่เหวินเชาก็เช่นกัน ถ่ายรูปวิลล่าแต่ละแบบไว้เมื่อดูความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง ทำให้การได้หน้าได้ตาของสวีเชาพอใจแบบสุด ๆลุกขึ้นมาชงชาด้วยตนเองและเอ่ยว่า “คุณป้าครับ มาดื่มชากันก่อนเถอะครับ ไม่ต้องรีบถ่ายรูปก็ได้ วันหลังถ้าพวกคุณอยากจะมาเมื่อไหร่ก็แวะมาได้เลยนะครับ” “จริงเหรอ?” จางกุ้ยหลานและหลี่เหวินเชาดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยสวีเชาเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้สนใจว่า “แน่นอนครับ เพียงผมอยู่บ้านพวกคุณก็สามารถแวะมาได้ทุกเมื่อ” “อุ๊ยตาย งั้นก็ดีเลย”จางกุ้ยหลานก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญ “อาเชา วันหลังถ้าคุณว่างก็แวะมานั่งเล่นบ้านพวกเราได้บ่อย ๆ เลยนะ” “สอนฮุยหรานหาเงินหน่อย”หลี่ฮุ่ยหรานกอดอกทั้งสองแล้วเอ่ยว่า “บริษัทของหนูกับสวีเชาไม่เหมือนกันนะ จะมาสอนอะไรเล่า”จางกุ้ยหลานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “มีอะไรไม่เหมือนกัน สวีเชาเขาก็สร้างมาด้วยมือเปล่า ตอนนี้บริษัทก็มีมูลค่าตลาดตั้งหกพันล้าน”หลี่ฮุ่ยหราประหลาดใจเล็กน้อย ตากลมคู่มองไปที่สวีเ
“คุณป้าครับ สวนของที่แห่งนี้ช่างฝีมือชั้นยอดของเจียงหนานเป็นคนสร้างขึ้น มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน ไม่เพียงแค่วิวที่มีราคาสูงเท่านั้น”“ยิ่งคุณค่าทางศิลปะประมาณค่าไม่ได้เลยล่ะครับ”สวีเชาแนะนำความวิจิตรการตาของสวนในอ่าวเทียนสุ่ยให้ทั้งสองคนรู้จักจางกุ้ยหลานมองวิวสวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมสุด ๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูอันดับหนึ่งของเจียงโจว แม้แต่สวนในพื้นที่สาธารณะยังแพงกว่าคฤหาสน์ของเราอีก”คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ดูใหญ่โตมาก แต่ราคาเทียบกับอ่าวเทียนสุ่ยไม่ติดเลยสักนิดหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดประจบ “มันแน่อยู่แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยได้” “ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายสวี”สวีเชายิ้มเบา ๆ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดา แค่โปรยเงินไม่กี่บาทเล่นก็เท่านั้น”ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นหลินเฟิงก็เดินลงเขาด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงจากหางตาแว็บ ๆ พอเห็นหลินเฟิงก็อึ้งไปชั่วขณะ“หลินเฟิง?”พอได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อของตนเอง หลินเฟิงก็หยุดชะงักหันกลับไปมอง ก็เห็นว่า
“เจ้าของบ้านทุกคนในอ่าวเทียนสุ่ยแห่งนี้ฉันรู้จักหมด ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนล่ะ?”คำพูดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด ทั้งอ่าวเทียนสุ่ยมีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลัง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นตระกูลดังของเจียงโจวและเมืองใกล้เคียงไม่ว่าตระกูลไหนเขาล้วนรู้จักแจ่มแจ้งหมดหลี่เหวินเชาชี้ไปที่หน้าของหลินเฟิงและตะโกนว่า “ฉันถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินเหรอไง?”จางกุ้ยหลานเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “นั่นสิ ทำไมไม่พูดล่ะ?”หลินเฟิงชี้ไปที่คฤหาสน์บนยอดเขาตรง ๆ แล้วพูดว่า “นั่นก็คือบ้านผมเอง”“ฮ่า ๆ ๆ......”สวีเชาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายนี่แม่งเฟคจริง ๆ”“คฤหาสน์บนยอดเขาอ่าวเทียนสุ่ยคือบ้านนายว่างั้น?”จางกุ้ยหลานยิ่งไม่เชื่อใหญ่ “หลินเฟิง ถ้านายจะโม้ก็โม้ให้มันมีขอบเขตหน่อย เห็นพวกเราเป็นคนโง่จริง ๆ เหรอไง?”หลี่เหวินเชาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ “ฉันว่าคนอย่างนายนี่น่าจะเข้ามาขโมยของมากกว่า ไม่มีทางเป็นเจ้าของบ้านของที่นี่แน่” “พี่สวี พี่รีบแจ้งตำรวจเลย ให้มาจับไอ้หัวขโมยนี่”สวีเชายิ้มเยาะเย้ยและส่ายหน้า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” “รปภ.ของอ่าวเทียนสุ่ย แต่ละคนล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกร
หัวหน้ารปภ.พยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยอย่างสุภาพว่า “เชิญครับคุณหลิน”สายตาส่งหลินเฟิงไปไกลแล้ว หัวหน้ารปภ.ก็หันกลับมามองสองแม่ลูกจางกุ้ยหลาน“พวกคุณสองคนเป็นใคร? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณที่อ่าวเทียนสุ่ยมาก่อน?” “เอ่อ...... พวกเรา” จางกุ้ยหลานทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะสวีเชารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คือแบบนี้ ทั้งสองท่านนี้เป็นญาติที่ฉันเชิญมา”“ใช่ ๆ ๆ พวกเราเป็นญาติของคุณชายสวี” หลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยหัวหน้ารปภ.เห็นสถานการณ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองสวีเชาอย่างเย็นชา “คุณสวี กรุณาดูแลญาติของคุณให้ดีด้วยนะครับ”“รู้แล้ว ๆ” สวีเชาพูดด้วยใบหน้าที่อับอายเมื่อได้เผชิญหน้ากับรปภ.อ่าวเทียนสุ่ย เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะบันดาลความโกรธเพราะคฤหาสน์หรูหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาเช่นกัน...... เขาเองก็เป็นแค่อาศัยอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้นหัวหน้ารปภ.เข้าใจถึงสถานการณ์ของเจ้าของแต่ละบ้านอยู่แล้ว จึงเตือนออกไปแต่จางกุ้ยหลานยังไม่หายตกใจที่รู้ว่าหลินเฟิงเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ย เลยไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดพวกนี้“ทำไม......หลินเฟิงถึงกลายเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ยไปได้ล่ะ?”“นั่นสิ ไหนบอกว
“แต่ก็ไม่ถึงกับมีธุระอะไรหรอกครับ”เมื่อซ่งเฉียนคุนเห็นอาการ ก็ผุดใบหน้าเปื้อนยิ้มในทันที “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเจ้าหลินไปที่สำนักเทียนเตาสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?” “อยากจะขอให้เจ้าหลินช่วยดูอาการของคุณพ่อให้ผมสักหน่อย”ในเวลานี้หลินเฟิงเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ตนเองได้รับปากเขาไว้ขึ้นมาได้ในเมื่อตนเองให้สัญญาไว้แล้ว จะผิดสัญญาไม่ได้“ได้ครับ! ผมก็คิดจะไปเยี่ยมที่สำนักเทียนเตาอยู่พอดี”ซ่งเฉียนคุนที่ซื้อยาสมุนไพรเสร็จแล้ว ก็ขับรถพาหลินเฟิงมุ่งหน้าไปที่สำนักเทียนเตาสำนักเทียนเตาในเจียงโจวตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออกครองพื้นที่กว้างใหญ่เท่าสิบสนามฟุตบอลมีลูกศิษย์ในสำนักอยู่มากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ในเจียงโจวเมื่อมาถึงสำนักเทียนเตา ภายใต้การนำของซ่งเฉียนคุน ได้เดินผ่านลานประลองลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังฝึกวิชามีดจนมาถึงภายในห้องโถง ซ่งเฉียนคุนก็พาหลินเฟิงตรงไปยังห้องของท่านผู้นำอาวุโสซ่งทันทีที่ผ่านประตู หลินเฟิงก็เห็นท่านผู้นำอาวุโสซ่งที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงแม้จะดูมีสติสัมปชัญญะดี ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแรง พลังปราณไม่พอบวกกับอายุที่มากขึ้น ก็คง
หลินเฟิงค่อย ๆ เอ่ยออกมา “ท่านผู้นำซ่ง ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ”“รอให้ผมได้ตรวจชีพจรของท่านก่อนเถอะครับ” “ได้......”หลินเฟิงเดินไปอยู่ตรงหน้าชายชราซ่ง แล้ววางนิ้วบนข้อมือของชายชราชั่วครู่ค่อย ๆ สัมผัสชีพจรของชายชราอย่างละเอียดคิ้วของหลินเฟิงค่อย ๆ ขมวดขึ้น ชั่วพริบตาก็ค่อย ๆ คลายลง แล้วก็ขมวดขึ้นอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ซ่งเฉียนเฉิงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าหนู นายไหวไหมเนี่ย?”ชายชราซ่งเอ่ยปลอบใจ “เจ้าหนูไม่ต้องกังวล มีปัญหาอะไร นายพูดมาเลยไม่เป็นไรหรอก”ในเวลานี้หลินเฟิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“เจ้าหลิน อาการของพ่อผมเป็นยังไงบ้าง?” ซ่งเฉียนคุนรีบก้าวฉับมาด้านหน้าและเอ่ยถามหลินเฟิงตอบ “อาการของพ่อคุณหนักมาก ช่วงแรก ๆ ที่ฝึกการต่อสู้กับคนอื่นมีโรคซุกซ่อนแฝงอยู่” “พอต่อมาไม่บำรุงร่างกาย สูบบุหรี่ ติดเหล้าเมายา อาการเลยแย่ลง บวกกับพ่อของคุณอายุมากถึงเจ็ดสิบปีแล้ว” “อายุขัยมาจนถึงอายุสูงสุดของคนทั่วไปแล้ว ไม่มีวิธีรักษาแล้วล่ะครับ” “ฮะ?”เมื่อซ่งเฉียนคุนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกราวกับทั้งร่างถูกฟ้าผ่า ถอยร่นไปหลายก้าวรู้สึกเสียใจมากอยู่ภายในใจ แต่ก