“คุณป้าครับ สวนของที่แห่งนี้ช่างฝีมือชั้นยอดของเจียงหนานเป็นคนสร้างขึ้น มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน ไม่เพียงแค่วิวที่มีราคาสูงเท่านั้น”“ยิ่งคุณค่าทางศิลปะประมาณค่าไม่ได้เลยล่ะครับ”สวีเชาแนะนำความวิจิตรการตาของสวนในอ่าวเทียนสุ่ยให้ทั้งสองคนรู้จักจางกุ้ยหลานมองวิวสวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมสุด ๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูอันดับหนึ่งของเจียงโจว แม้แต่สวนในพื้นที่สาธารณะยังแพงกว่าคฤหาสน์ของเราอีก”คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ดูใหญ่โตมาก แต่ราคาเทียบกับอ่าวเทียนสุ่ยไม่ติดเลยสักนิดหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดประจบ “มันแน่อยู่แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยได้” “ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายสวี”สวีเชายิ้มเบา ๆ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดา แค่โปรยเงินไม่กี่บาทเล่นก็เท่านั้น”ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นหลินเฟิงก็เดินลงเขาด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงจากหางตาแว็บ ๆ พอเห็นหลินเฟิงก็อึ้งไปชั่วขณะ“หลินเฟิง?”พอได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อของตนเอง หลินเฟิงก็หยุดชะงักหันกลับไปมอง ก็เห็นว่า
“เจ้าของบ้านทุกคนในอ่าวเทียนสุ่ยแห่งนี้ฉันรู้จักหมด ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนล่ะ?”คำพูดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด ทั้งอ่าวเทียนสุ่ยมีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลัง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นตระกูลดังของเจียงโจวและเมืองใกล้เคียงไม่ว่าตระกูลไหนเขาล้วนรู้จักแจ่มแจ้งหมดหลี่เหวินเชาชี้ไปที่หน้าของหลินเฟิงและตะโกนว่า “ฉันถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินเหรอไง?”จางกุ้ยหลานเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “นั่นสิ ทำไมไม่พูดล่ะ?”หลินเฟิงชี้ไปที่คฤหาสน์บนยอดเขาตรง ๆ แล้วพูดว่า “นั่นก็คือบ้านผมเอง”“ฮ่า ๆ ๆ......”สวีเชาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายนี่แม่งเฟคจริง ๆ”“คฤหาสน์บนยอดเขาอ่าวเทียนสุ่ยคือบ้านนายว่างั้น?”จางกุ้ยหลานยิ่งไม่เชื่อใหญ่ “หลินเฟิง ถ้านายจะโม้ก็โม้ให้มันมีขอบเขตหน่อย เห็นพวกเราเป็นคนโง่จริง ๆ เหรอไง?”หลี่เหวินเชาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ “ฉันว่าคนอย่างนายนี่น่าจะเข้ามาขโมยของมากกว่า ไม่มีทางเป็นเจ้าของบ้านของที่นี่แน่” “พี่สวี พี่รีบแจ้งตำรวจเลย ให้มาจับไอ้หัวขโมยนี่”สวีเชายิ้มเยาะเย้ยและส่ายหน้า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” “รปภ.ของอ่าวเทียนสุ่ย แต่ละคนล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกร
หัวหน้ารปภ.พยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยอย่างสุภาพว่า “เชิญครับคุณหลิน”สายตาส่งหลินเฟิงไปไกลแล้ว หัวหน้ารปภ.ก็หันกลับมามองสองแม่ลูกจางกุ้ยหลาน“พวกคุณสองคนเป็นใคร? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณที่อ่าวเทียนสุ่ยมาก่อน?” “เอ่อ...... พวกเรา” จางกุ้ยหลานทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะสวีเชารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คือแบบนี้ ทั้งสองท่านนี้เป็นญาติที่ฉันเชิญมา”“ใช่ ๆ ๆ พวกเราเป็นญาติของคุณชายสวี” หลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยหัวหน้ารปภ.เห็นสถานการณ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองสวีเชาอย่างเย็นชา “คุณสวี กรุณาดูแลญาติของคุณให้ดีด้วยนะครับ”“รู้แล้ว ๆ” สวีเชาพูดด้วยใบหน้าที่อับอายเมื่อได้เผชิญหน้ากับรปภ.อ่าวเทียนสุ่ย เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะบันดาลความโกรธเพราะคฤหาสน์หรูหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาเช่นกัน...... เขาเองก็เป็นแค่อาศัยอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้นหัวหน้ารปภ.เข้าใจถึงสถานการณ์ของเจ้าของแต่ละบ้านอยู่แล้ว จึงเตือนออกไปแต่จางกุ้ยหลานยังไม่หายตกใจที่รู้ว่าหลินเฟิงเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ย เลยไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดพวกนี้“ทำไม......หลินเฟิงถึงกลายเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ยไปได้ล่ะ?”“นั่นสิ ไหนบอกว
“แต่ก็ไม่ถึงกับมีธุระอะไรหรอกครับ”เมื่อซ่งเฉียนคุนเห็นอาการ ก็ผุดใบหน้าเปื้อนยิ้มในทันที “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเจ้าหลินไปที่สำนักเทียนเตาสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?” “อยากจะขอให้เจ้าหลินช่วยดูอาการของคุณพ่อให้ผมสักหน่อย”ในเวลานี้หลินเฟิงเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ตนเองได้รับปากเขาไว้ขึ้นมาได้ในเมื่อตนเองให้สัญญาไว้แล้ว จะผิดสัญญาไม่ได้“ได้ครับ! ผมก็คิดจะไปเยี่ยมที่สำนักเทียนเตาอยู่พอดี”ซ่งเฉียนคุนที่ซื้อยาสมุนไพรเสร็จแล้ว ก็ขับรถพาหลินเฟิงมุ่งหน้าไปที่สำนักเทียนเตาสำนักเทียนเตาในเจียงโจวตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออกครองพื้นที่กว้างใหญ่เท่าสิบสนามฟุตบอลมีลูกศิษย์ในสำนักอยู่มากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ในเจียงโจวเมื่อมาถึงสำนักเทียนเตา ภายใต้การนำของซ่งเฉียนคุน ได้เดินผ่านลานประลองลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังฝึกวิชามีดจนมาถึงภายในห้องโถง ซ่งเฉียนคุนก็พาหลินเฟิงตรงไปยังห้องของท่านผู้นำอาวุโสซ่งทันทีที่ผ่านประตู หลินเฟิงก็เห็นท่านผู้นำอาวุโสซ่งที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงแม้จะดูมีสติสัมปชัญญะดี ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแรง พลังปราณไม่พอบวกกับอายุที่มากขึ้น ก็คง
หลินเฟิงค่อย ๆ เอ่ยออกมา “ท่านผู้นำซ่ง ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ”“รอให้ผมได้ตรวจชีพจรของท่านก่อนเถอะครับ” “ได้......”หลินเฟิงเดินไปอยู่ตรงหน้าชายชราซ่ง แล้ววางนิ้วบนข้อมือของชายชราชั่วครู่ค่อย ๆ สัมผัสชีพจรของชายชราอย่างละเอียดคิ้วของหลินเฟิงค่อย ๆ ขมวดขึ้น ชั่วพริบตาก็ค่อย ๆ คลายลง แล้วก็ขมวดขึ้นอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ซ่งเฉียนเฉิงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าหนู นายไหวไหมเนี่ย?”ชายชราซ่งเอ่ยปลอบใจ “เจ้าหนูไม่ต้องกังวล มีปัญหาอะไร นายพูดมาเลยไม่เป็นไรหรอก”ในเวลานี้หลินเฟิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“เจ้าหลิน อาการของพ่อผมเป็นยังไงบ้าง?” ซ่งเฉียนคุนรีบก้าวฉับมาด้านหน้าและเอ่ยถามหลินเฟิงตอบ “อาการของพ่อคุณหนักมาก ช่วงแรก ๆ ที่ฝึกการต่อสู้กับคนอื่นมีโรคซุกซ่อนแฝงอยู่” “พอต่อมาไม่บำรุงร่างกาย สูบบุหรี่ ติดเหล้าเมายา อาการเลยแย่ลง บวกกับพ่อของคุณอายุมากถึงเจ็ดสิบปีแล้ว” “อายุขัยมาจนถึงอายุสูงสุดของคนทั่วไปแล้ว ไม่มีวิธีรักษาแล้วล่ะครับ” “ฮะ?”เมื่อซ่งเฉียนคุนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกราวกับทั้งร่างถูกฟ้าผ่า ถอยร่นไปหลายก้าวรู้สึกเสียใจมากอยู่ภายในใจ แต่ก
หลินเฟิงกลอกตามองไปรอบ ๆ ของล้ำค่าที่หอเก็บสมบัติตระกูลซ่งแห่งนี้ช่างมากมายจริง ๆอาวุธวิเศษสมัยโบราณ ตำราเคล็ดลับศิลปะการต่อสู้ ยาสมุนไพรวิเศษมากมายนับไม่ถ้วนแม้ว่าจะมีของมากมาย แต่ก็ปะปนกันจนแยกไม่ได้ ไม่มีอะไรที่หลินเฟิงจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้“คุณซ่ง หอเก็บสมบัติตระกูลคุณมีไท้ส่วยป่าอายุร้อยปีบ้างไหมครับ?” “ไท้ส่วยป่า?”ซ่งเฉียนคุนชะงักและเอ่ยว่า “อายุสามสิบปีใช้ได้ไหม?” หลินเฟิงส่ายหน้า “สามสิบปีไม่พอครับ ต้องหนึ่งร้อยปี”หากต้องการจะกลั่นยาปรับประสานพลัง ตัวยาเดี่ยวที่สำคัญที่สุดในนั้นคือ ไท้ส่วยป่าที่มีอายุร้อยปีสิ่งนี้เพียงหนึ่งกรัมก็สามารถกลั่นยาปรับประสานพลังได้นับร้อยเม็ดเพียงแค่เล็กน้อยก็ได้แล้วซ่งเฉียนคุนรีบเอ่ยในทันใด “เจ้าหลินไม่ต้องห่วง ลูกศิษย์สำนักเทียนเตาของผมมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าเจ้าหลินจะทำต่อ ผมจะออกคำสั่งให้เดี๋ยวนี้” “ใช้เวลาไม่นานลูกศิษย์ของสำนักต้องช่วยกันหาจนเจอแน่ ๆ” “อย่างนั้นก็คงต้องรบกวนคุณซ่งด้วย ขอให้คุณซ่งช่วยดูให้หน่อยนะครับ คิดซะว่าผมติดหนี้บุญคุณคุณ” หลินเฟิงโค้งตัวแล้วเอ่ยซ่งเฉียนคุนประหลาดใจที่ได้รับความเคารพ “คุณหลินก็นับถือ
“พ่อ” ซ่งเฉียนเฉิงส่งเสียงด้วยความตกใจ หัวใจแทบจะกระดอนออกมาคนรับใช้ของตระกูลซ่งตกใจจนหน้าถอดสีกลับกันหลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่งซ่งเฉียนเฉิงหันกลับไปมองหลินเฟิง และถามด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัว “แกเอาอะไรให้พ่อฉันกินอะไร?” “ทำไมพ่อฉันถึงได้อาเจียนเป็นเลือด?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เป็นผลปกติ”“พ่อของคุณอายุมากแล้ว นี่คือการสลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่ ยาอมตะเลือดราชันย์ทะลวงผ่านพลังปราณและเลือดของเขาอย่างรุนแรง และกลั่นตัวสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง” “ใช้เวลาไม่นานก็หายแล้วครับ”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ จะเดินออกจากห้อง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” “แกคิดจะออกไปอีกเหรอ? ใครก็ได้ เอาตัวมันไป”ซ่งเฉียนเฉิงไม่เชื่อคำพูดของหลินเฟิงแต่แรกอยู่แล้วพอออกคำสั่ง ลูกศิษย์ที่ฝึกการต่อสู้จำนวนไม่น้อยของตระกูลซ่งก็รีบมาขวางทางที่หลินเฟิงจะไปในทันทีหลินเฟิงขมวดคิ้ว หันกลับไปมองซ่งเฉียนเฉิง “คุณไม่เชื่อที่ผมพูดขนาดนั้นเลย?” “ฉันเชื่อแค่ตาของฉันเท่านั้น ตอนนี้พ่อของฉันถูกแกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ แกจะต้องชดใช้”ซ่งเฉียนเฉิงตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “จับมันไว้”ศิษย์ตระกูลซ่งรีบวิ่งกระโจน
ชายชราซ่งทำท่าออกกำลังกายยืดอก “ไม่ใช่แค่ว่าหายดีเท่านั้นนะ แต่ยังรู้สึกมีพลังมากขึ้นด้วย”อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “เจ้าหลิน ยาอมตะเลือดราชันย์นี้เป็นยาวิเศษจริง ๆ ด้วย” “ฮ่า ๆ ๆ......”ซ่งเฉียนคุนหัวเราะดังลั่นและเอ่ยว่า “ผมบอกแล้ว สมแล้วที่เจ้าหลินเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งของเจียงโจว”เขาหันกลับไปมองน้องชายของตน “นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้าลงไม้ลงมือกับเจ้าหลิน รนหาที่จริง ๆ” “ว่าไงนะ?”ชายชราซ่งขมวดคิ้ว มองลูกชายคนเล็กของตนเอง “แกลงไม้ลงมือกับเจ้าหลินเหรอ?”ซ่งเฉียนเฉิงเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก “ก็เปล่าเสียหน่อย ก็เพราะพ่อทานยาลูกกลอนเข้าไปแล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือด ผมก็คิดว่าพ่อจะเป็นอะไรไป?” “พูดเหลวไหล”ชายชราซ่งด่าตวาดและไล่ให้ออกไปทันทีโชคดีที่หลินเฟิงยังไม่ได้ไปไหนชายชรารีบโบกมือแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหลิน วันนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ไอ้ลูกชายคนเล็กของผมมันช่างไม่รู้ประสาจริงๆ คุณอย่าไปใส่ใจมันเลยนะ”คนมีพรสวรรค์เช่นนี้อย่างหลินเฟิง ถ้าไม่สามารถผูกมิตรไว้ได้ก็อย่าได้ทำให้ต้องขุ่นเคืองแต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจ“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมไม่ใส่ใจหรอกครับ ขอแค่คุณท่านหายดีก็ดีแล้วครับ”ชายช