เมื่อมองลงไปเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางวิลล่า จางกุ้ยหลานมีสีหน้าดูอิจฉารีบควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโพสต์โมเมนต์ในทันทีหลี่เหวินเชาก็เช่นกัน ถ่ายรูปวิลล่าแต่ละแบบไว้เมื่อดูความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง ทำให้การได้หน้าได้ตาของสวีเชาพอใจแบบสุด ๆลุกขึ้นมาชงชาด้วยตนเองและเอ่ยว่า “คุณป้าครับ มาดื่มชากันก่อนเถอะครับ ไม่ต้องรีบถ่ายรูปก็ได้ วันหลังถ้าพวกคุณอยากจะมาเมื่อไหร่ก็แวะมาได้เลยนะครับ” “จริงเหรอ?” จางกุ้ยหลานและหลี่เหวินเชาดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยสวีเชาเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้สนใจว่า “แน่นอนครับ เพียงผมอยู่บ้านพวกคุณก็สามารถแวะมาได้ทุกเมื่อ” “อุ๊ยตาย งั้นก็ดีเลย”จางกุ้ยหลานก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเชิญ “อาเชา วันหลังถ้าคุณว่างก็แวะมานั่งเล่นบ้านพวกเราได้บ่อย ๆ เลยนะ” “สอนฮุยหรานหาเงินหน่อย”หลี่ฮุ่ยหรานกอดอกทั้งสองแล้วเอ่ยว่า “บริษัทของหนูกับสวีเชาไม่เหมือนกันนะ จะมาสอนอะไรเล่า”จางกุ้ยหลานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “มีอะไรไม่เหมือนกัน สวีเชาเขาก็สร้างมาด้วยมือเปล่า ตอนนี้บริษัทก็มีมูลค่าตลาดตั้งหกพันล้าน”หลี่ฮุ่ยหราประหลาดใจเล็กน้อย ตากลมคู่มองไปที่สวีเ
“คุณป้าครับ สวนของที่แห่งนี้ช่างฝีมือชั้นยอดของเจียงหนานเป็นคนสร้างขึ้น มีมูลค่ากว่าห้าพันล้าน ไม่เพียงแค่วิวที่มีราคาสูงเท่านั้น”“ยิ่งคุณค่าทางศิลปะประมาณค่าไม่ได้เลยล่ะครับ”สวีเชาแนะนำความวิจิตรการตาของสวนในอ่าวเทียนสุ่ยให้ทั้งสองคนรู้จักจางกุ้ยหลานมองวิวสวนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชมสุด ๆอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูอันดับหนึ่งของเจียงโจว แม้แต่สวนในพื้นที่สาธารณะยังแพงกว่าคฤหาสน์ของเราอีก”คฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตั้งอยู่แถบชานเมือง ดูใหญ่โตมาก แต่ราคาเทียบกับอ่าวเทียนสุ่ยไม่ติดเลยสักนิดหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้าง ๆ พูดประจบ “มันแน่อยู่แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยอยู่ในอ่าวเทียนสุ่ยได้” “ใช่ไหมล่ะครับ คุณชายสวี”สวีเชายิ้มเบา ๆ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดา แค่โปรยเงินไม่กี่บาทเล่นก็เท่านั้น”ในขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นหลินเฟิงก็เดินลงเขาด้วยจังหวะฝีก้าวที่รวดเร็วจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงจากหางตาแว็บ ๆ พอเห็นหลินเฟิงก็อึ้งไปชั่วขณะ“หลินเฟิง?”พอได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อของตนเอง หลินเฟิงก็หยุดชะงักหันกลับไปมอง ก็เห็นว่า
“เจ้าของบ้านทุกคนในอ่าวเทียนสุ่ยแห่งนี้ฉันรู้จักหมด ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนล่ะ?”คำพูดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด ทั้งอ่าวเทียนสุ่ยมีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลัง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นตระกูลดังของเจียงโจวและเมืองใกล้เคียงไม่ว่าตระกูลไหนเขาล้วนรู้จักแจ่มแจ้งหมดหลี่เหวินเชาชี้ไปที่หน้าของหลินเฟิงและตะโกนว่า “ฉันถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินเหรอไง?”จางกุ้ยหลานเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “นั่นสิ ทำไมไม่พูดล่ะ?”หลินเฟิงชี้ไปที่คฤหาสน์บนยอดเขาตรง ๆ แล้วพูดว่า “นั่นก็คือบ้านผมเอง”“ฮ่า ๆ ๆ......”สวีเชาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายนี่แม่งเฟคจริง ๆ”“คฤหาสน์บนยอดเขาอ่าวเทียนสุ่ยคือบ้านนายว่างั้น?”จางกุ้ยหลานยิ่งไม่เชื่อใหญ่ “หลินเฟิง ถ้านายจะโม้ก็โม้ให้มันมีขอบเขตหน่อย เห็นพวกเราเป็นคนโง่จริง ๆ เหรอไง?”หลี่เหวินเชาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ “ฉันว่าคนอย่างนายนี่น่าจะเข้ามาขโมยของมากกว่า ไม่มีทางเป็นเจ้าของบ้านของที่นี่แน่” “พี่สวี พี่รีบแจ้งตำรวจเลย ให้มาจับไอ้หัวขโมยนี่”สวีเชายิ้มเยาะเย้ยและส่ายหน้า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” “รปภ.ของอ่าวเทียนสุ่ย แต่ละคนล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกร
หัวหน้ารปภ.พยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยอย่างสุภาพว่า “เชิญครับคุณหลิน”สายตาส่งหลินเฟิงไปไกลแล้ว หัวหน้ารปภ.ก็หันกลับมามองสองแม่ลูกจางกุ้ยหลาน“พวกคุณสองคนเป็นใคร? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณที่อ่าวเทียนสุ่ยมาก่อน?” “เอ่อ...... พวกเรา” จางกุ้ยหลานทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะสวีเชารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คือแบบนี้ ทั้งสองท่านนี้เป็นญาติที่ฉันเชิญมา”“ใช่ ๆ ๆ พวกเราเป็นญาติของคุณชายสวี” หลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยหัวหน้ารปภ.เห็นสถานการณ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองสวีเชาอย่างเย็นชา “คุณสวี กรุณาดูแลญาติของคุณให้ดีด้วยนะครับ”“รู้แล้ว ๆ” สวีเชาพูดด้วยใบหน้าที่อับอายเมื่อได้เผชิญหน้ากับรปภ.อ่าวเทียนสุ่ย เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะบันดาลความโกรธเพราะคฤหาสน์หรูหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาเช่นกัน...... เขาเองก็เป็นแค่อาศัยอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้นหัวหน้ารปภ.เข้าใจถึงสถานการณ์ของเจ้าของแต่ละบ้านอยู่แล้ว จึงเตือนออกไปแต่จางกุ้ยหลานยังไม่หายตกใจที่รู้ว่าหลินเฟิงเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ย เลยไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดพวกนี้“ทำไม......หลินเฟิงถึงกลายเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ยไปได้ล่ะ?”“นั่นสิ ไหนบอกว
“แต่ก็ไม่ถึงกับมีธุระอะไรหรอกครับ”เมื่อซ่งเฉียนคุนเห็นอาการ ก็ผุดใบหน้าเปื้อนยิ้มในทันที “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเจ้าหลินไปที่สำนักเทียนเตาสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?” “อยากจะขอให้เจ้าหลินช่วยดูอาการของคุณพ่อให้ผมสักหน่อย”ในเวลานี้หลินเฟิงเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ตนเองได้รับปากเขาไว้ขึ้นมาได้ในเมื่อตนเองให้สัญญาไว้แล้ว จะผิดสัญญาไม่ได้“ได้ครับ! ผมก็คิดจะไปเยี่ยมที่สำนักเทียนเตาอยู่พอดี”ซ่งเฉียนคุนที่ซื้อยาสมุนไพรเสร็จแล้ว ก็ขับรถพาหลินเฟิงมุ่งหน้าไปที่สำนักเทียนเตาสำนักเทียนเตาในเจียงโจวตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออกครองพื้นที่กว้างใหญ่เท่าสิบสนามฟุตบอลมีลูกศิษย์ในสำนักอยู่มากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ในเจียงโจวเมื่อมาถึงสำนักเทียนเตา ภายใต้การนำของซ่งเฉียนคุน ได้เดินผ่านลานประลองลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังฝึกวิชามีดจนมาถึงภายในห้องโถง ซ่งเฉียนคุนก็พาหลินเฟิงตรงไปยังห้องของท่านผู้นำอาวุโสซ่งทันทีที่ผ่านประตู หลินเฟิงก็เห็นท่านผู้นำอาวุโสซ่งที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงแม้จะดูมีสติสัมปชัญญะดี ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแรง พลังปราณไม่พอบวกกับอายุที่มากขึ้น ก็คง
หลินเฟิงค่อย ๆ เอ่ยออกมา “ท่านผู้นำซ่ง ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ”“รอให้ผมได้ตรวจชีพจรของท่านก่อนเถอะครับ” “ได้......”หลินเฟิงเดินไปอยู่ตรงหน้าชายชราซ่ง แล้ววางนิ้วบนข้อมือของชายชราชั่วครู่ค่อย ๆ สัมผัสชีพจรของชายชราอย่างละเอียดคิ้วของหลินเฟิงค่อย ๆ ขมวดขึ้น ชั่วพริบตาก็ค่อย ๆ คลายลง แล้วก็ขมวดขึ้นอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ซ่งเฉียนเฉิงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าหนู นายไหวไหมเนี่ย?”ชายชราซ่งเอ่ยปลอบใจ “เจ้าหนูไม่ต้องกังวล มีปัญหาอะไร นายพูดมาเลยไม่เป็นไรหรอก”ในเวลานี้หลินเฟิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“เจ้าหลิน อาการของพ่อผมเป็นยังไงบ้าง?” ซ่งเฉียนคุนรีบก้าวฉับมาด้านหน้าและเอ่ยถามหลินเฟิงตอบ “อาการของพ่อคุณหนักมาก ช่วงแรก ๆ ที่ฝึกการต่อสู้กับคนอื่นมีโรคซุกซ่อนแฝงอยู่” “พอต่อมาไม่บำรุงร่างกาย สูบบุหรี่ ติดเหล้าเมายา อาการเลยแย่ลง บวกกับพ่อของคุณอายุมากถึงเจ็ดสิบปีแล้ว” “อายุขัยมาจนถึงอายุสูงสุดของคนทั่วไปแล้ว ไม่มีวิธีรักษาแล้วล่ะครับ” “ฮะ?”เมื่อซ่งเฉียนคุนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกราวกับทั้งร่างถูกฟ้าผ่า ถอยร่นไปหลายก้าวรู้สึกเสียใจมากอยู่ภายในใจ แต่ก
หลินเฟิงกลอกตามองไปรอบ ๆ ของล้ำค่าที่หอเก็บสมบัติตระกูลซ่งแห่งนี้ช่างมากมายจริง ๆอาวุธวิเศษสมัยโบราณ ตำราเคล็ดลับศิลปะการต่อสู้ ยาสมุนไพรวิเศษมากมายนับไม่ถ้วนแม้ว่าจะมีของมากมาย แต่ก็ปะปนกันจนแยกไม่ได้ ไม่มีอะไรที่หลินเฟิงจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้“คุณซ่ง หอเก็บสมบัติตระกูลคุณมีไท้ส่วยป่าอายุร้อยปีบ้างไหมครับ?” “ไท้ส่วยป่า?”ซ่งเฉียนคุนชะงักและเอ่ยว่า “อายุสามสิบปีใช้ได้ไหม?” หลินเฟิงส่ายหน้า “สามสิบปีไม่พอครับ ต้องหนึ่งร้อยปี”หากต้องการจะกลั่นยาปรับประสานพลัง ตัวยาเดี่ยวที่สำคัญที่สุดในนั้นคือ ไท้ส่วยป่าที่มีอายุร้อยปีสิ่งนี้เพียงหนึ่งกรัมก็สามารถกลั่นยาปรับประสานพลังได้นับร้อยเม็ดเพียงแค่เล็กน้อยก็ได้แล้วซ่งเฉียนคุนรีบเอ่ยในทันใด “เจ้าหลินไม่ต้องห่วง ลูกศิษย์สำนักเทียนเตาของผมมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าเจ้าหลินจะทำต่อ ผมจะออกคำสั่งให้เดี๋ยวนี้” “ใช้เวลาไม่นานลูกศิษย์ของสำนักต้องช่วยกันหาจนเจอแน่ ๆ” “อย่างนั้นก็คงต้องรบกวนคุณซ่งด้วย ขอให้คุณซ่งช่วยดูให้หน่อยนะครับ คิดซะว่าผมติดหนี้บุญคุณคุณ” หลินเฟิงโค้งตัวแล้วเอ่ยซ่งเฉียนคุนประหลาดใจที่ได้รับความเคารพ “คุณหลินก็นับถือ
“พ่อ” ซ่งเฉียนเฉิงส่งเสียงด้วยความตกใจ หัวใจแทบจะกระดอนออกมาคนรับใช้ของตระกูลซ่งตกใจจนหน้าถอดสีกลับกันหลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่งซ่งเฉียนเฉิงหันกลับไปมองหลินเฟิง และถามด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัว “แกเอาอะไรให้พ่อฉันกินอะไร?” “ทำไมพ่อฉันถึงได้อาเจียนเป็นเลือด?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เป็นผลปกติ”“พ่อของคุณอายุมากแล้ว นี่คือการสลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่ ยาอมตะเลือดราชันย์ทะลวงผ่านพลังปราณและเลือดของเขาอย่างรุนแรง และกลั่นตัวสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง” “ใช้เวลาไม่นานก็หายแล้วครับ”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ จะเดินออกจากห้อง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” “แกคิดจะออกไปอีกเหรอ? ใครก็ได้ เอาตัวมันไป”ซ่งเฉียนเฉิงไม่เชื่อคำพูดของหลินเฟิงแต่แรกอยู่แล้วพอออกคำสั่ง ลูกศิษย์ที่ฝึกการต่อสู้จำนวนไม่น้อยของตระกูลซ่งก็รีบมาขวางทางที่หลินเฟิงจะไปในทันทีหลินเฟิงขมวดคิ้ว หันกลับไปมองซ่งเฉียนเฉิง “คุณไม่เชื่อที่ผมพูดขนาดนั้นเลย?” “ฉันเชื่อแค่ตาของฉันเท่านั้น ตอนนี้พ่อของฉันถูกแกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ แกจะต้องชดใช้”ซ่งเฉียนเฉิงตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “จับมันไว้”ศิษย์ตระกูลซ่งรีบวิ่งกระโจน
ดูท่าหลงเซียวคนนี้ตั้งใจที่จะเหยียดหยามเธอให้ได้ ถึงได้ตั้งเงื่อนไขที่เกินเหตุแบบนี้“หึหึ เธอไม่อยากถอดก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็มีเวลาอีกยาวนาน เพียงแค่ไม่รู้ว่า...พ่อของเธอจะทนกับเครื่องมือที่ใช้ทรมานได้กี่ยกน่ะสิ?”หลงเซียวมองไปทางผู้คุ้มกันคนหนึ่งของตระกูลหลงที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ“อ่อใช่ เสี่ยวเจิ้ง ได้ยินว่าทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊ไต่สวนนักโทษมีวิธีการที่พิเศษอย่างมาก”“ดึงเล็บอะไรแค่ระดับเบสิค ยังมีการลงโทษที่ทารุณอย่างควักลูกตา ถลกหนังขลึงเป็นแผ่นเหมือนหนังหมู จุ๊จุ๊ แค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกกลัวแล้ว!”“ถูกต้องแล้วคุณหนู”ผู้คุ้มกันที่นามสกุลเจิ้งคนนั้นยิ้มพูดเสริมว่า:“ได้ยินว่าทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นเพราะมีนักบู๊จำนวนมาก ดังนั้นจะยืดลมหายใจสุดท้ายของนักโทษไว้ไม่ให้เขาตาย และจะให้เขาดูตัวเองถูกแล่เนื้อและตัดอวัยวะไปทีละส่วนอย่างช้าๆ จนกว่าจะ...”“พอแล้ว!”ในที่สุด ถังหว่านก็อดทนไม่ไหวต่อไปแล้วในหัวของเธอปรากฏภาพรอยยิ้มที่อบอุ่นของถังว่านหลี่ออกมาไม่หยุดเธอรู้จักนิสัยของพ่อตัวเองดีที่สุด พ่อของเธอไม่ใช่คนบ้ากามอย่างแน่นอน ต้องเป็นเพราะถูกคนอื่นใส่ร้ายแน่ๆแ
“พวกนายปล่อยเธอเถอะ”หลงเซียวโบกมือ บอกให้ผู้คุ้มกันตระกูลหลงที่จับเธอไว้ปล่อยถังหว่านสถานการณ์ในตอนนี้ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอลัดเจนเป็นอย่างมากถ้าหากถังหว่านไม่ใช่คนโง่ งั้นก็ไม่มีทางที่จะกล้าต่อต้านเป็นอย่างที่หลงเซียวคิดไว้ ถังหว่านไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงเกินไป แต่กลับจ้องมองหลงเซียวตาเขม็น“อย่ามองฉันแบบนี้ถังหว่าน”หลงเซียวยิ้มอย่างสนุกสนาน:“ฉันทำแบบนี้ ก็เพียงแค่เพราะตอบแทนการดูถูกเหยียดหยามที่ตระกูลถังมีต่อฉันก็เท่านั้นเอง”“ดูถูกเหยียดหยามงั้นเหรอ?”ถังหว่านหัวเราะเยาะและพูดว่า:“คุณหลงเซียว ฉันจำได้ว่าตอนที่คุณถูกกังขังอยู่ที่ตระกูลถัง ตระกูลถังของเรารับรองอาหารการกินของคุณเป็นอย่างดี นอกจากไม่ให้คุณออกไปข้างนอก ความต้องการอย่างอื่นก็ตอบสนองคุณอย่างเต็มที่”“เอาการดูถูกเหยียดหยามมาจากไหนกัน?”“พวกเธอจำกัดอิสระของฉัน นั่นก็คือการเหยียดหยามฉัน เหยียดหยามต่อตระกูลหลง!”หลงเซียวฉีกยิ้มตะโกนขึ้นประโยคหนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ“ถังหว่าน ต้องรู้ไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราเดิมทีไม่ควรเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้เธอก็จะต้องกลายเป็นพี่สะใภ้ของฉัน”“เดิมทีพวกเร
“ถ้าหากพวกคุณมีแผนการที่ดีกว่าก็เอาออกมา ไม่อย่างนั้น ก็หุบปากแล้วทำตามอย่างว่าง่ายซะ!”เห็นหลินเฟิงมีท่าทางแบบนี้ พวกหน่วยลับก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมาทันที แต่ถังจวินตอนนี้ความกดดันล้นหลาม เขาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ฉันคิดว่าคุณหลินพูดได้มีเหตุผลอยู่บ้าง พวกเราคนเยอะ แยกออกจากกัน เหมาะสมที่จะหาเบาะแสที่สุดแล้ว”“พี่จวิน แต่ว่า...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”ถังจวินตำหนิลูกน้อง จากนั้นเลิกคิ้ว พูดอย่างเรียบเฉย:“อีกทั้งที่อยู่ในมือของพวกเราระยะทางไมได้ไกลจากพวกเรามากนัก พวกเราหาเบาะแสให้พบเร็วหน่อย ก็สามารถถือโอกาสกลับมาหนุนกำลังหลินเฟิงได้เร็วขึ้น”“ถูกต้องไหม?”ถังจวินมองไปทางหลินเฟิงด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ถูกต้อง”หลินเฟิงพยักหน้า“ได้ งั้นลงมือปฏิบัติการ!”ถังจวินโบกมือ หน่วยลับของตระกูลถังก็เริ่มปฏิบัติการในทันที มุ่งหน้าไปยังที่อยู่ที่หลินเฟิงให้ไว้ส่วนหลินเฟิงก็ตามไปที่เทียนจวิ้นเอ็นเตอร์เทนเมนท์จำกัดด้วยความร้อนใจ......ในขณะเดียวกันนั้น ณ เทียนจวิ้นเอ็นเตอร์เทนเมนท์จำกัดถังหว่านได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้วเธอถูกผู้หญิงที่ชื่อเทพธิดาฉู่บอกต่อว่า หากเธอต้องการช่วยพ่อขอ
“ที่อยู่ที่นี่ คุณไปหาด้วยตัวเองเถอะ จะเจอหรือเปล่า ทั้หมดก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”ผู้หญิงค่อย ๆดันข้อความไปที่ด้านหน้าของหลินเฟิงแถมบนข้อความอักษรนี้ก็ติดกลิ่นที่หอมเป็นพิเศษมาจากร่างกายของตัวเธออีกด้วย“เพราะอะไรถึงช่วยผม?”หลินเฟิงไม่เชื่อเรื่องไร้สาระที่เธอสนใจตัวเองสายตาที่ยังคงเย็นชา“เฮ้อ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ? ฉันชอบคุณจริง ๆและชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”ผู้หญิงยิ้มหวาน พร้อมกับพูดว่า :“แน่นอนว่า หลังจากนี้ฉันอาจจะมีเรื่องที่จะถามคุณ....อ่อไม่สิ คุณหลินเฟิง คุณสามารถคิดว่าเรื่องในวันนี้ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ฉันมีต่อคุณ”“ถือว่าคุณติดหนี้น้ำใจของฉัน”“คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าผมจะตอบแทนน้ำใจของคุณ?”หลังจากที่เงียบไปเล็กน้อย หลินเฟิงก็ตอบกลับอย่างเฉยเมย“ฮาฮา พี่สุดหล่อ ไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูด ข้อนี้ ฉันรู้ดีกว่าใคร ๆ”“ฮา ในเมื่อเป็นอย่างนี้...”หลินเฟิงก็คว้าเหล้าแก้วนั้นที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะดื่มทั้งหมดทีเดียว“งั้นน้ำใจในวันนี้ ผมหลินเฟิงติดหนี้คุณเอาไว้ ค่อยใช้คืนวันอื่น!”เมื่อพูดจบ หลินเฟิงก็โบกมือแล้วจากไป“ฮาฮา....”เทพธิดาฉู่มองร่างหลินเฟิงที่จากไป ก่อนจะยิ้ม
“เทพธิดาฉู่ เราพูดคุยก็ต้องระวังกันสักหน่อย”ชายนักบู๊ที่เป็นผู้นำ พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“คุณหนูหลงเซียวเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลหลง หากได้ยินไปถึงหูของเธอเข้า เกรงว่ามันจะไม่เอื่อผลต่อคุณนะ”“ฮา....”ใครจะรู้ว่าเทพธิดาฉู่นั้นไม่สนใจเลย แถมยังโบกมือพร้อมกับพูดอย่างเกียจคร้านว่า :“เอาล่ะ วันนี้ฉันอารมณ์ดีมาก เลยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับความไร้มารยาทของพวกคุณ เพียงแต่ว่า ฉันชอบผู้ชายตรงหน้าคนนี้ของฉันมา ในถนนเสรี ไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องเขาได้ทั้งนั้น”“พวกคุณออกไปเถอะ”“หืม?”เห็นได้ชัดกว่านักบู๊เหล่านี้ลังเลกันเล็กน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เกรงกลัวเทพธิดาฉู่กันมากนัก ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มองหน้ามองตากันและตัดสินใจที่จะลงมือกันไปแล้ว“เหอะ!”นักบู๊คนหนึ่งเดินออกมา เขาคือยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุดนักบู๊คนนี้ชี้ไปทางเทพธิดาฉู่ ก่อนะพูดอย่างเย็นชาว่า :“ผู้หญิงประเทศเวน่าอย่างคุณ อย่าได้โลภเกินไปนัก วันนี้เราจำเป็นต้องจับหลินเฟิงไป ใครก็ไม่สามารถขวางตระกูลหลงของเราได้!”“ใช่แล้ว เทพธิดาฉู่ ถ้าหากคุณยังอยากจะให้ถนนเสรีแห่งนี้ของคุณอยู่ต่อไป ก็หลีกทางไปดี ๆและ
แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่หลินเฟิงต้องยอมรับถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้เผยใบหน้าออกมา แต่เมื่อดูรูปร่างแล้ว ก็เป็นสาวสวยที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่ฮุ่ยหรานและถังหว่านเลยขาเรียวยาวที่เหมือนกับหิมะที่อยู่ใต้โต๊ะ และหน้าท้องที่เปลือยเปล่าและราบเรียบ ราวกับงูน้ำ เพียงแค่ท่าทางเดินของเธอ ก็ยิ่งทำให้จิตใจของผู้คนลุกเป็นไฟได้ผู้ชายทั่วไปคงจะไม่สามารถทนกับการรุกเข้าหาของผู้หญิงแบบนี้ได้เกรงว่านับจากนี้ไป คงจะตกหลุมพรางของเธอเข้าซะแล้วน่าเสียดาย ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะชอบเธอก็ตาม แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะมองดูบ่อย ๆแต่ตอนนี้สถานการณ์ฉุกเฉิน เขาเสียเวลาไม่ได้ความปลอดภัยในตอนนี้ของถังหว่านยังไม่แน่นอน“นี่ ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามมากมายที่จะถาม แต่ก่อนที่จะถาม คุณจำเป็นต้องดื่มเหล้าแก้งนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มตอบคำถามอะไรคุณทั้งนั้น”ผู้หญิงผลักเหล้าแก้วนี้ไปด้านหน้าของหลินเฟิง ในแววตาแสดงถึงความปรารถนาที่อันตรายออกมา“เร็วสิ ดื่มมันเข้าไป”เสียงของผู้หญิงคล้ายกับมีพลังทำให้คนหลงใหล หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปทางเหล้าแก้วนั้น“ฮึ”เพียงแค่ไม่แน่ใจ หลินเฟิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ขณะพูดเขาก็มองไปทางผู้ชายที่หน้าตาคมเข้มคนหนึ่งที่ตรงด้านหลัง“ถังจวิน นายเรียกรวมตัวหน่วยลับอย่างเร่งด่วน ตามหลินเฟิงไป”“แบบนี้ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็สามารถดูแลกันได้”หลินเฟิงเดิมทีอยากจะปฏิบัติการตามลำพังคนเดียว แต่เป็นเพราะเขาไม่คุ้นถนนเสรีที่ว่านั่น ดังนั้นก็ทำได้เพียงยอมรับข้อเสนอของถังเจี้ยนหยวนไม่นานนัก หน่วยลับของตระกูลถังก็รวมตัวกันพร้อม และออกเดินทางตระกูลถังระยะห่างจากถนนเสรีไม่ได้ใกล้นักเมื่อไปถึงถนนเสรี ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้วตอนนี้ถนนเสรีที่ว่านั้นคึกคักเป็นอย่างมาก ชายหญิงที่เดินผ่านไปมาไม่ได้หลบเลี่ยง ถึงขั้นที่สามารถทำเรื่องน่าอับอายตรงที่ตรอกซอกซอยข้างถนนได้รอบด้านมีเสียงตะโกนเรียกลูกค้า อีกทั้งเสียงดื่มเหล้าสังสรรค์ และเสียงสบถด่าที่หยาบคาย หลินเฟิงเดินเข้าไปในถนนเสรี กลับดูโดดเด่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเข้าถนนเสรี ก็ได้บอกกับพวกถังจวินเอาไว้แล้วว่าให้แยกกันปฏิบัติการ“หนุ่มหล่อ มาเที่ยวเล่นไหม?”ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวสวยหยาดเยิ้มยืนอยู่ที่ตรงถนนอย่างสง่าผ่าเผย นิ้วมือคีบบุหรี่ และส่งสายตาแพรวพราวให้หลินเฟิง“มาสิสุดหล่อ สาวๆ ของเราที่นี่เหมาะสมที่สุดแ
ถึงแม้พวกเขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงกับหยินหลิงคุยอะไรกันแต่ประโยคสุดท้าย พวกเขาได้ยินแล้วนั่นก็คือหยินหลิงคิดที่จะรับข้อเสนอของหลินเฟิง ปกป้องถังว่านหลี่แทนเขาเป็นเวลาสองวันอย่ามองเวลาแค่สองวัน นี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ต้องรู้ไว้ว่า ผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงมีพลังอำนาจมากแค่ไหนกัน?ลูกสาวของเขาถูกลวนลามต่อหน้าสาธารณะ ความแค้นแบบนี้ จะยอมให้ยืดเวลาออกไปสองวันแล้วค่อยแก้แค้นได้อย่างไร?ไม่แน่ พวกเขาเพิ่งจะพาตัวถังว่านหลี่ไป จากนั้นถังว่านหลี่ก็ถูกฆ่าตายในทันทีส่วนหยินหลิงที่เป็นเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊คนนี้ ดูภายนอกยิ่งใหญ่แต่มากสุด ก็แค่รปภ. ระดับสูงก็เท่านั้นเองเพียงแค่ว่าสิ่งที่เธอรักษาความปลอดภัย ก็คือเมืองเจิง หัวใจของทั้งประเทศมังกรผิดใจกับผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เธอก็จะเดือดร้อนเช่นกันดังนั้นได้ยินหยินหลิงรับปากหลินเฟิง นักบู๊ของกลุ่มพันธมิตรบู๊และเหล่าผู้อาวุโสพากันสีหน้าเปลี่ยนไป รีบเข้ามาห้ามปรามไว้“ผู้นำ ไม่ได้นะ!”“จริงด้วยผู้นำ ถ้าหากคุณทำแบบนี้ ก็เท่ากับล่วงเกินผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง นี่...นี่จะส่งผลเสียต่ออนาคตของคุณนะ!”ผลลัพธ์ของการที่เธอป
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลถังจึงทำได้เพียงเฝ้าดูถังว่านหลี่ถูกนักบู๊กลุ่มพันธมิตรสองคนลากออกไปอย่างรุนแรงโดยช่วยอะไรไม่ได้“พ่อเอ๊ย!”หลินเสวี่ยเยี่ยนอยากจะไล่ตามไป แต่กลับถูถังเจี้ยนหยวนขวางเอาไว้“น้องสะใภ้ ฉันรู้ว่าคุรไม่สบายใจ แต่.....อย่าเศร้าไปเลย พวกเราจะต้องหาหลักฐานให้เจอโดยเร็วที่สุด....” เมื่อถังเจี้ยนหยวนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของตัวเขาเองก็ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง และไม่มีสิทธิ์เกลี้ยกล่อมอะไรได้“หยิงหลิง!”หลินเฟิงไล่ตามออกไป โดยที่ทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่ทันสังเกตการตะโกนของหลินเฟิงทำให้หยินหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอชะงักเล้กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มแข็ง ๆจะปรากฏบนใบหน้าก่อนจะค่อย ๆหันหลังกลับไปถ้าเป็นไปได้ หยินหลิงก็ไม่อยากเจอหลินเฟิงในสถานการณ์แบบนี้สิ่งนี้จะทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนเลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากแยกทางกันมานาน เธอก็ไม่อยากทิ้งความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ไว้ในใจของหลินเฟิง“พี่....หลินเฟิง มีอะไรหรือเปล่า?”“เขา”หลินเฟิงยื่นนิ้วไปชี้ถังว่านหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า :“อาถังว่านหลี่ เขาถูกใส่ร้ายจริง ๆ”“เขาถูกวางยาพิษปรสารท ไม่