“เจ้าของบ้านทุกคนในอ่าวเทียนสุ่ยแห่งนี้ฉันรู้จักหมด ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายมาก่อนล่ะ?”คำพูดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด ทั้งอ่าวเทียนสุ่ยมีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลัง ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นตระกูลดังของเจียงโจวและเมืองใกล้เคียงไม่ว่าตระกูลไหนเขาล้วนรู้จักแจ่มแจ้งหมดหลี่เหวินเชาชี้ไปที่หน้าของหลินเฟิงและตะโกนว่า “ฉันถามนายอยู่ นายไม่ได้ยินเหรอไง?”จางกุ้ยหลานเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “นั่นสิ ทำไมไม่พูดล่ะ?”หลินเฟิงชี้ไปที่คฤหาสน์บนยอดเขาตรง ๆ แล้วพูดว่า “นั่นก็คือบ้านผมเอง”“ฮ่า ๆ ๆ......”สวีเชาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายนี่แม่งเฟคจริง ๆ”“คฤหาสน์บนยอดเขาอ่าวเทียนสุ่ยคือบ้านนายว่างั้น?”จางกุ้ยหลานยิ่งไม่เชื่อใหญ่ “หลินเฟิง ถ้านายจะโม้ก็โม้ให้มันมีขอบเขตหน่อย เห็นพวกเราเป็นคนโง่จริง ๆ เหรอไง?”หลี่เหวินเชาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ “ฉันว่าคนอย่างนายนี่น่าจะเข้ามาขโมยของมากกว่า ไม่มีทางเป็นเจ้าของบ้านของที่นี่แน่” “พี่สวี พี่รีบแจ้งตำรวจเลย ให้มาจับไอ้หัวขโมยนี่”สวีเชายิ้มเยาะเย้ยและส่ายหน้า “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” “รปภ.ของอ่าวเทียนสุ่ย แต่ละคนล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ออกร
หัวหน้ารปภ.พยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยอย่างสุภาพว่า “เชิญครับคุณหลิน”สายตาส่งหลินเฟิงไปไกลแล้ว หัวหน้ารปภ.ก็หันกลับมามองสองแม่ลูกจางกุ้ยหลาน“พวกคุณสองคนเป็นใคร? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณที่อ่าวเทียนสุ่ยมาก่อน?” “เอ่อ...... พวกเรา” จางกุ้ยหลานทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะสวีเชารีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คือแบบนี้ ทั้งสองท่านนี้เป็นญาติที่ฉันเชิญมา”“ใช่ ๆ ๆ พวกเราเป็นญาติของคุณชายสวี” หลี่เหวินเชาพยักหน้าซ้ำ ๆ และเอ่ยหัวหน้ารปภ.เห็นสถานการณ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองสวีเชาอย่างเย็นชา “คุณสวี กรุณาดูแลญาติของคุณให้ดีด้วยนะครับ”“รู้แล้ว ๆ” สวีเชาพูดด้วยใบหน้าที่อับอายเมื่อได้เผชิญหน้ากับรปภ.อ่าวเทียนสุ่ย เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะบันดาลความโกรธเพราะคฤหาสน์หรูหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาเช่นกัน...... เขาเองก็เป็นแค่อาศัยอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้นหัวหน้ารปภ.เข้าใจถึงสถานการณ์ของเจ้าของแต่ละบ้านอยู่แล้ว จึงเตือนออกไปแต่จางกุ้ยหลานยังไม่หายตกใจที่รู้ว่าหลินเฟิงเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ย เลยไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดพวกนี้“ทำไม......หลินเฟิงถึงกลายเป็นเจ้าของอ่าวเทียนสุ่ยไปได้ล่ะ?”“นั่นสิ ไหนบอกว
“แต่ก็ไม่ถึงกับมีธุระอะไรหรอกครับ”เมื่อซ่งเฉียนคุนเห็นอาการ ก็ผุดใบหน้าเปื้อนยิ้มในทันที “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเจ้าหลินไปที่สำนักเทียนเตาสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?” “อยากจะขอให้เจ้าหลินช่วยดูอาการของคุณพ่อให้ผมสักหน่อย”ในเวลานี้หลินเฟิงเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ตนเองได้รับปากเขาไว้ขึ้นมาได้ในเมื่อตนเองให้สัญญาไว้แล้ว จะผิดสัญญาไม่ได้“ได้ครับ! ผมก็คิดจะไปเยี่ยมที่สำนักเทียนเตาอยู่พอดี”ซ่งเฉียนคุนที่ซื้อยาสมุนไพรเสร็จแล้ว ก็ขับรถพาหลินเฟิงมุ่งหน้าไปที่สำนักเทียนเตาสำนักเทียนเตาในเจียงโจวตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออกครองพื้นที่กว้างใหญ่เท่าสิบสนามฟุตบอลมีลูกศิษย์ในสำนักอยู่มากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ในเจียงโจวเมื่อมาถึงสำนักเทียนเตา ภายใต้การนำของซ่งเฉียนคุน ได้เดินผ่านลานประลองลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังฝึกวิชามีดจนมาถึงภายในห้องโถง ซ่งเฉียนคุนก็พาหลินเฟิงตรงไปยังห้องของท่านผู้นำอาวุโสซ่งทันทีที่ผ่านประตู หลินเฟิงก็เห็นท่านผู้นำอาวุโสซ่งที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยถึงแม้จะดูมีสติสัมปชัญญะดี ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลับอ่อนแรง พลังปราณไม่พอบวกกับอายุที่มากขึ้น ก็คง
หลินเฟิงค่อย ๆ เอ่ยออกมา “ท่านผู้นำซ่ง ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ”“รอให้ผมได้ตรวจชีพจรของท่านก่อนเถอะครับ” “ได้......”หลินเฟิงเดินไปอยู่ตรงหน้าชายชราซ่ง แล้ววางนิ้วบนข้อมือของชายชราชั่วครู่ค่อย ๆ สัมผัสชีพจรของชายชราอย่างละเอียดคิ้วของหลินเฟิงค่อย ๆ ขมวดขึ้น ชั่วพริบตาก็ค่อย ๆ คลายลง แล้วก็ขมวดขึ้นอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ซ่งเฉียนเฉิงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าหนู นายไหวไหมเนี่ย?”ชายชราซ่งเอ่ยปลอบใจ “เจ้าหนูไม่ต้องกังวล มีปัญหาอะไร นายพูดมาเลยไม่เป็นไรหรอก”ในเวลานี้หลินเฟิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“เจ้าหลิน อาการของพ่อผมเป็นยังไงบ้าง?” ซ่งเฉียนคุนรีบก้าวฉับมาด้านหน้าและเอ่ยถามหลินเฟิงตอบ “อาการของพ่อคุณหนักมาก ช่วงแรก ๆ ที่ฝึกการต่อสู้กับคนอื่นมีโรคซุกซ่อนแฝงอยู่” “พอต่อมาไม่บำรุงร่างกาย สูบบุหรี่ ติดเหล้าเมายา อาการเลยแย่ลง บวกกับพ่อของคุณอายุมากถึงเจ็ดสิบปีแล้ว” “อายุขัยมาจนถึงอายุสูงสุดของคนทั่วไปแล้ว ไม่มีวิธีรักษาแล้วล่ะครับ” “ฮะ?”เมื่อซ่งเฉียนคุนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกราวกับทั้งร่างถูกฟ้าผ่า ถอยร่นไปหลายก้าวรู้สึกเสียใจมากอยู่ภายในใจ แต่ก
หลินเฟิงกลอกตามองไปรอบ ๆ ของล้ำค่าที่หอเก็บสมบัติตระกูลซ่งแห่งนี้ช่างมากมายจริง ๆอาวุธวิเศษสมัยโบราณ ตำราเคล็ดลับศิลปะการต่อสู้ ยาสมุนไพรวิเศษมากมายนับไม่ถ้วนแม้ว่าจะมีของมากมาย แต่ก็ปะปนกันจนแยกไม่ได้ ไม่มีอะไรที่หลินเฟิงจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้“คุณซ่ง หอเก็บสมบัติตระกูลคุณมีไท้ส่วยป่าอายุร้อยปีบ้างไหมครับ?” “ไท้ส่วยป่า?”ซ่งเฉียนคุนชะงักและเอ่ยว่า “อายุสามสิบปีใช้ได้ไหม?” หลินเฟิงส่ายหน้า “สามสิบปีไม่พอครับ ต้องหนึ่งร้อยปี”หากต้องการจะกลั่นยาปรับประสานพลัง ตัวยาเดี่ยวที่สำคัญที่สุดในนั้นคือ ไท้ส่วยป่าที่มีอายุร้อยปีสิ่งนี้เพียงหนึ่งกรัมก็สามารถกลั่นยาปรับประสานพลังได้นับร้อยเม็ดเพียงแค่เล็กน้อยก็ได้แล้วซ่งเฉียนคุนรีบเอ่ยในทันใด “เจ้าหลินไม่ต้องห่วง ลูกศิษย์สำนักเทียนเตาของผมมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าเจ้าหลินจะทำต่อ ผมจะออกคำสั่งให้เดี๋ยวนี้” “ใช้เวลาไม่นานลูกศิษย์ของสำนักต้องช่วยกันหาจนเจอแน่ ๆ” “อย่างนั้นก็คงต้องรบกวนคุณซ่งด้วย ขอให้คุณซ่งช่วยดูให้หน่อยนะครับ คิดซะว่าผมติดหนี้บุญคุณคุณ” หลินเฟิงโค้งตัวแล้วเอ่ยซ่งเฉียนคุนประหลาดใจที่ได้รับความเคารพ “คุณหลินก็นับถือ
“พ่อ” ซ่งเฉียนเฉิงส่งเสียงด้วยความตกใจ หัวใจแทบจะกระดอนออกมาคนรับใช้ของตระกูลซ่งตกใจจนหน้าถอดสีกลับกันหลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่งซ่งเฉียนเฉิงหันกลับไปมองหลินเฟิง และถามด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัว “แกเอาอะไรให้พ่อฉันกินอะไร?” “ทำไมพ่อฉันถึงได้อาเจียนเป็นเลือด?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่เป็นผลปกติ”“พ่อของคุณอายุมากแล้ว นี่คือการสลายเพื่อสร้างขึ้นใหม่ ยาอมตะเลือดราชันย์ทะลวงผ่านพลังปราณและเลือดของเขาอย่างรุนแรง และกลั่นตัวสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง” “ใช้เวลาไม่นานก็หายแล้วครับ”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ จะเดินออกจากห้อง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” “แกคิดจะออกไปอีกเหรอ? ใครก็ได้ เอาตัวมันไป”ซ่งเฉียนเฉิงไม่เชื่อคำพูดของหลินเฟิงแต่แรกอยู่แล้วพอออกคำสั่ง ลูกศิษย์ที่ฝึกการต่อสู้จำนวนไม่น้อยของตระกูลซ่งก็รีบมาขวางทางที่หลินเฟิงจะไปในทันทีหลินเฟิงขมวดคิ้ว หันกลับไปมองซ่งเฉียนเฉิง “คุณไม่เชื่อที่ผมพูดขนาดนั้นเลย?” “ฉันเชื่อแค่ตาของฉันเท่านั้น ตอนนี้พ่อของฉันถูกแกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ แกจะต้องชดใช้”ซ่งเฉียนเฉิงตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “จับมันไว้”ศิษย์ตระกูลซ่งรีบวิ่งกระโจน
ชายชราซ่งทำท่าออกกำลังกายยืดอก “ไม่ใช่แค่ว่าหายดีเท่านั้นนะ แต่ยังรู้สึกมีพลังมากขึ้นด้วย”อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “เจ้าหลิน ยาอมตะเลือดราชันย์นี้เป็นยาวิเศษจริง ๆ ด้วย” “ฮ่า ๆ ๆ......”ซ่งเฉียนคุนหัวเราะดังลั่นและเอ่ยว่า “ผมบอกแล้ว สมแล้วที่เจ้าหลินเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งของเจียงโจว”เขาหันกลับไปมองน้องชายของตน “นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้าลงไม้ลงมือกับเจ้าหลิน รนหาที่จริง ๆ” “ว่าไงนะ?”ชายชราซ่งขมวดคิ้ว มองลูกชายคนเล็กของตนเอง “แกลงไม้ลงมือกับเจ้าหลินเหรอ?”ซ่งเฉียนเฉิงเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก “ก็เปล่าเสียหน่อย ก็เพราะพ่อทานยาลูกกลอนเข้าไปแล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือด ผมก็คิดว่าพ่อจะเป็นอะไรไป?” “พูดเหลวไหล”ชายชราซ่งด่าตวาดและไล่ให้ออกไปทันทีโชคดีที่หลินเฟิงยังไม่ได้ไปไหนชายชรารีบโบกมือแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหลิน วันนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ไอ้ลูกชายคนเล็กของผมมันช่างไม่รู้ประสาจริงๆ คุณอย่าไปใส่ใจมันเลยนะ”คนมีพรสวรรค์เช่นนี้อย่างหลินเฟิง ถ้าไม่สามารถผูกมิตรไว้ได้ก็อย่าได้ทำให้ต้องขุ่นเคืองแต่หลินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจ“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมไม่ใส่ใจหรอกครับ ขอแค่คุณท่านหายดีก็ดีแล้วครับ”ชายช
ยาอมตะเลือดราชันย์ หากยาวิเศษเช่นนี้ได้ออกสู่ตลาดจะต้องได้รับความสนใจมากแน่ ๆตระกูลซ่งของพวกเขายินดีที่จะร่วมลงทุน ขอหุ้นเพียงแค่ 10% ก็ได้หลินเฟิงยิ้มและเอ่ยว่า “ที่แท้ท่านผู้นำซ่งมาก็มาเพราะเรื่องนี้นี่เอง”“พูดตามตรงไม่ปิดบัง ยาอมตะเลือดราชันย์นี้ไม่สามารถผลิตออกมาได้มาก เพราะในแต่ละครั้งที่กลั่นยาอมตะเลือดราชันย์ออกมาหนึ่งเตา จะต้องใช้สารสำคัญและเลือดจากปรมาจารย์ลมปราณภายในหนึ่งหยด” “หือ?”ซ่งเฉียนคุนเข้าใจในทันที “มิน่าล่ะ ๆ เจ้าหลินถึงไม่ยอมขายยาอมตะเลือดราชันย์นี้เลย”“ที่แท้มูลค่าการกลั่นยาอมตะเลือดราชันย์ก็สูงเช่นนี้นี่เอง”แต่สารสำคัญและเลือดหนึ่งหยดนี้ สำหรับหลินเฟิงแล้วไม่ได้มีค่าอะไรมากแต่สำหรับนักรบอย่างพวกเขาที่ยังไม่บรรลุลมปราณภายในนับว่าเป็นสมบัติถึงจะมีตำรับยา จะไปหาสารสำคัญและเลือดของปรมาจารย์ที่มีลมปราณภายในได้ที่ไหนกัน?ทั้งสองเสวนาเรื่องศิลปะการต่อสู้กันเล็กน้อย และซ่งเฉียนคุนก็รีบขอตัวลาพอออกจากห้องของหลินเฟิง ก็เดินผ่านห้องโถงด้านหลังซ่งเฉียนเฉิงรอมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นพี่ชายตนเอง ก็รีบสาวเท้าไปด้านหน้าแล้วถามว่า “พี่ใหญ่ เป็นไงบ้าง?” “สูตร
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได