ภายในธนาคารเจียงโจวชุยข่ายเตะตูดเลี่ยวกั๋วต้งไปหนึ่งป๊าบ “ตายเหรอยัง? เมื่อไหร่จะคืนเงิน?”“ผู้จัดการชุย อีกสองวัน อีกสองวันผมจะคืนเงินให้”เลี่ยวกั๋วต้งลูบเอวของตนเองแล้วเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“วันนี้ก็คงต้องขอให้ผู้จัดการชุยช่วยเป็นธุระให้ผมหน่อยนะครับ”“ยังจะให้ผมช่วยคุณอีกเหรอ? คุณรีบมาชำระเงินกู้ของธนาคารให้หมดเร็ว ๆ เลย ไม่อย่างนั้นก็อย่าเปิดบริษัทของคุณอีกเลย” ชุยข่ายด่ากราด“ผู้จัดการชุยขอให้คุณช่วยผมแค่ครั้งนี้ เงินกู้ยี่สิบห้าล้านของธนาคารเจียงโจว ผมสามารถคืนได้ในทันที”ชุยข่ายนิ่งชะงัก ถามอย่างไม่เข้าใจ “พูดว่าไงนะ?”“เมื่อกี้สาวสวยคนนั้นเป็นประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป เธอรับปากว่าจะโอนเงินห้าสิบล้านให้ผม พอถึงเวลานั้นเงินยี่สิบห้าล้านก็พอที่จะชำระคืนเงินกู้แล้ว”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างขบขันชุยข่ายมองเขาด้วยความสงสัย “ดูไม่ออกเลยนะ ว่าคนอย่างคุณจะมีความสามารถอยู่บ้าง จะทำให้แม่หนูนั่นเอาเงินให้คุณได้ตั้งห้าสิบล้านได้จริง ๆ เหรอ?”เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มและตบเข้าที่เอวของตนเอง “เพราะเอวผมยังดีอยู่ไงล่ะ ถ้าได้แม่ของเธอแล้วเอามาทำเงินสักหน่อยก็สบายแล้วไหม?”ชุยข่ายครุ่น
ทันใดนั้นก็ถูกรปภ. ห้ามเอาไว้บอดี้การ์ดของคุณถังรู้จักกันอยู่แล้ว และอีกฝ่ายก็ยังเป็นลูกสาวจากจวนผู้ว่าราชการด้วยแต่ก่อนหน้านี้หินเฟิงสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนเขา“คุณหนูฉิน......คุณเข้าไปไม่ได้ครับ”ฉินอิ๋งแสดงบัตรห้องพักแล้วพูดว่า “ฉันได้รับคำสั่งจากคุณถังให้มาพบหลินเฟิง”“แต่นี่......”รปภ.ถีงกับงง ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามเอาไว้ด้วยสิแม้แต่คุณถัง หลินเฟิงก็ไม่ให้เข้าพบ บางทีก็อาจไม่อยากพบเธอด้วยรีบอธิบายว่า “คุณหนูฉิน คือแบบนี้นะครับ ก่อนหน้านี้คุณหลินกำชับไว้ว่า ห้ามให้ใครเข้าไปในห้องของเขา รวมถึงคุณถังด้วย”“ใช่ครับ ๆ คุณหลินบอกว่าเขากำลังปลีกวิเวก.......ดูเหมือนจะต้องฝึกบำเพ็ญ”ยังไงซะหลินเฟิงก็บอกไว้เช่นนี้ฉินหยิงขมวดคิ้ว “นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาฝึกอีก? ฉันมีเรื่องสำคัญต้องพบหลินเฟิง เกิดอะไรขึ้นมาพวกนายไม่ต้องรับผิด ไปให้พ้น”รปภ.สองนายกล้าห้ามที่ไหนเล่า ทำได้เพียงหลีกทางให้อย่างเชื่อฟังประตูโรงแรมถูกฉินหยิงเปิดออกเธอได้รับคำสั่งจากถังหว่านว่า ให้พาหลินเฟิงออกจากเจียงโจวให้เร็วที่สุดข่าวที่ถังหยุนเหลยถูกฆาตกรรมได้แพร่กระจายไปถึงตระกูลถังที่เมืองจิงตูแล้วที่ตร
เสื้อผ้าบนร่างของฉินอิ๋งถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆร่างเปลือยเปล่าไม่เหลือสักชิ้นร่างนวลขาวเผยต่อสายตาของหลินเฟิงแต่เขากลับไม่อ่อนโยนเลยสักนิดฉินอิ๋งหวาดกลัวจนตาทั้งสองดูอึ้ง น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาในเวลานี้เธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต่อต้านยังไง“หลินเฟิง ขอร้องล่ะ...... มีสติหน่อย”หลินเฟิงเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของเธอ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อปิดปากเธอฉินอิ๋งพยายามผลักเขาออกสุดชีวิต แต่หลินเฟิงเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดเธอไว้จนหายใจไม่ออกจนกระทั่งเธอรู้สึกว่าหลินเฟิงกำลังจะฉีกกางเกงของตนในยามวิกฤตนี้ ฉินอิ๋งกัดลิ้นของหลินเฟิงอย่างแรงทันใดนั้นหลินเฟิงก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วเด้งตัวออกจากร่างของฉินอิ๋งสุดแรงช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ทำให้เขาคืนสติมาได้นิดนึงถึงได้เห็นชัด ๆ ว่าเมื่อกี้ตนเองทำอะไรลงไปกระแทกนิ้วไปที่จุดถานจง จุดเทียนทูและจุดเสินเชวียสีหน้าของหลินเฟิงเปลี่ยนไปมาก แล้วก็กระอักเลือดออกมาดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นก็ค่อย ๆ หายไปมองฉินอิ๋งที่หดตัวอยู่มุมห้อง กอดไหล่ทั้งสองไว้ น้ำตาเอ่อไหลและไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเธอว่ายังไง“คุณ...... คุณหลิน คุณ......
ฉินอิ๋งอึ้งชะงัก “คุณหลิน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”“คุณอย่าใช้อารมณ์สิ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี่ยงก็ควรจะเลี่ยงสิ!”“ให้ซ่อนตัวสักพัก จะให้ซ่อนไปตลอดชีวิตเลยเหรอไง? แทนที่จะซ่อนตัวไปตลอด สู้ไปเผชิญหน้ากันไม่ดีกว่าเหรอ”หลินเฟิงเอ่ยอย่างราบเรียบทำให้ฉินอิ๋งพูดไม่ออกไปชั่วขณะแต่หลินเฟิงกลับไม่ให้เวลาเธอได้พิจารณา เดินตรงออกจากโรงแรมไปเลยฉินอิ๋งที่เห็นสถานการณ์ก็ทำได้แค่รีบตามไปหลินเฟิงขึ้นรถ แต่ฉินอิ๋งกลับยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ“เธอไม่ไปด้วยใช่ไหม?”ฉินอิ๋งส่ายหน้า “ฉัน...... ยังมีธุระอีก ต้องกลับบ้าน”หลินเฟิงพยักหน้าและขับรถไปหาตระกูลถังเพียงลำพังฉินอิ๋งรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาถังหว่าน “พี่หว่านเอ๋อ หลินเฟิงไม่ไปกับฉัน แต่กลับไปที่วิลล่าตระกูลถังค่ะ”“ฉันโน้มน้าวเขาไม่ได้เลย”ถังหว่านได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยอย่างเสียดายว่า “รู้งี้ ไม่บอกเรื่องนี้กับเขาหรอก”“โอเค ขอบใจเธอนะ เรื่องหลังจากนี้ฉันจะจัดการเอง”บนรถ หลินเฟิงได้รับสายจากถังหว่าน“ฮัลโหล? หลินเฟิง? คุณอยู่ที่ไหน?”หลินเฟิงเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ใกล้จะถึงบ้านคุณแล้ว”“หลินเฟิง คุณจะมาจริง ๆ เหรอ?” ถังหว่านถามทั
ในเวลานี้ถังหว่านได้เอ่ยเตือน “พี่รอง ฉันขอแนะนำว่าเก็บอำนาจความเป็นคุณชายไว้กับตัวเถอะ อีกเดี๋ยวก็ทำตัวสุภาพ ๆ กับคุณหลินไว้หน่อยนะ”“มันเป็นใคร? เธอถึงได้สั่งให้ฉันทำตัวสุภาพกับมัน?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดด้วยใบหน้าที่อวดดี “มันได้คุยกับฉันซึ่ง ๆ หน้า เรียกว่าเป็นเกียรติของชีวิตมันเถอะ”ถังหว่านได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาไม่นานหลังจากนั้น หลินเฟิงก็มาถึงวิลล่าตระกูลถังทันทีถังหว่านและถังว่านหลี่ยืนขึ้นต้อนรับเขาในนาทีแรกที่มาถึง“คุณหลิน คุณมาแล้ว”“หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยกำชับ “คุณหลิน คุณชายรองตระกูลเราจากเมืองจิงตูมาเยี่ยมในครั้งนี้ อยากจะถามคุณเกี่ยวกับการตายของถังอวิ๋นเฟิง เดี๋ยวคุณช่วยเล่าความจริง ไม่ต้องปิดบัง”“ท่านผู้นำอาวุโสตระกูลถังไม่ต้องห่วงครับ ผมทราบดี”หลินเฟิงยิ้มให้เบา ๆเข้าไปในห้องรับแขกหลินเฟิงและถังอวิ๋นเฟิงมองหน้ากันถังอวิ๋นเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกคือหลินเฟิงสินะ?”“ใช่”“แกเป็นคนฆ่าถังหยุนเหลยใช่ไหม?”หลินเฟิงเล่าด้วยท่าทีเฉย ๆ ว่า “ไอ้หมอนั่นร่วมมือกับฆาตกรทรยศตระกูลถัง ฆ่าอาจารย์เหลียงแล้วยังจะฆ่าฉินอิ๋งอีก”“หลังจากที่ผมช่วย
“แกไม่เห็นจะต้องเอาเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้มาทำให้พี่รองของแกขุ่นเคืองเลยหนิ”“แม่ นี่หนูกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่นะ ถ้าคนกลุ่มนี้กล้าแตะต้องหลินเฟิง วันนี้เขาได้ตายกันอยู่ตรงนี้แน่” ถังหว่านกัดฟันพูดที่จริงเธอรู้จักหลินเฟิงเป็นอย่างดี กล้าดียังไงมาทำเบ่งต่อหน้าเขาแม้แต่เทพพระเจ้า หลินเฟิงก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันนับประสาอะไรกับคุณชายรองตระกูลถัง“นี่...…” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะเมื่อถังอวิ๋นเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็ค่อย ๆ ขรึมลงหลินเฟิงมันเป็นใคร กล้ามาถามเอาชีวิตตนเชียวเหรอ?“พวกแกมัวรออะไรอยู่ ลงมือเลย”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงและตะโกนออกมาอย่างโมโหถังหว่านส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พี่ชายรองของตนรนหาที่ตายจริง ๆแล้วในเวลานี้มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกของวิลล่าตระกูลถัง “อย่าแตะต้อง......”ทุกคนได้ยินจึงหันไปมอง ผู้มาเยือนคือจ้าวเทียนหวาถังหว่านแอบดีใจ“ลุงจ้าว ลุงมาได้ไงคะ?”จ้าวเทียนหวายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ได้ยินว่ามีคนจะรังแกคุณชายหลิน ลุงจะไม่มายุ่งก็ไม่ได้”ถังอวิ๋นเฟิงพอจะรู้จักจ้าวเทียนหวาอยู่บ้างประธานของบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลที่จู่ ๆ ก็กลับจากต่างประเทศ
ถังอวิ๋นเฟิงมองไปที่ฉินเสี่ยวเทียอย่างแทบไม่เชื่อในสายตาตัวเองอีกนิดเดียวฟันกรามของตัวเขาก็จะแตกเป็นชิ้น ๆหลินเฟิงคนนี้เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกสาวของท่านผู้ว่างั้นเหรอ?ถังว่านหลี่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว "พี่ฉิน การที่พี่ได้มาอยู่ตรงนี้ได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลถังของเราอย่างแท้จริง!"“พี่ถังไม่ต้องเกรงใจ หลักๆ ฉันมาที่นี่เพื่อพบกับคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวของฉันเท่านั้น” ฉินเสี่ยวเทียนพูดอย่างมุ่งมานะพร้อมกับโบกมือปัดฉินหยิงแนะนำอย่างรวดเร็ว "คุณพ่อ คนนี้คือหลินเฟิงที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง"ฉินเสี่ยวเทียนมองตามปลายนิ้วของลูกสาวที่ชี้ไปทางด้านหน้าทันใดนั้นสายตาก็ประสานเข้ากับหลินเฟิงหลินเฟิงทักทายอย่างน้อบน้อม “สวัสดีครับท่านผู้ว่าราชการฉิน ผมหลินเฟิงครับ”ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวของฉินเซียวเทียนหรี่ลงเล็กน้อย และพยักหน้าด้วยความพอใจ: "ใช่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งจริงๆ ลูกสาวของฉันเลือกคนไม่ผิดเลย"ในขณะนี้ ถังหว่านรีบเดินไปหาฉินหยิงและกระซิบถาม : "หยิงหยิง เธอไปพูดยังไงคุณพ่อของเธอจึงมาที่นี่ได้?"เธอเข้าใจนิสัยของอาจารย์เป็นอย่างดีเป็นเรื่องยากที่เขาจะเป็นฝ่า
ความดูถูกในสายตาของ ถังอวิ๋นเฟิงไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้: "โชคดีที่ผู้นำตระกูลได้มองการณ์ไกลไว้ คราวนี้ส่งนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อดังจากเมืองหลวงมา คุณคังโหยวฟู่มาเป็นผู้ช่วยพิเศษ""นับจากนี้ไป ธุรกิจยาของบริษัทเชิงถังจะได้รับการจัดการโดยอาจารย์คังและฉัน"ถังวานขมวดคิ้วบริษัทที่ก่อตั้งด้วยเงินและหยาดเหงื่อของตัวเอง ตอนนี้เขาอยากจะเข้ามารับช่วงต่อเหรอ? แล้วตัวเธอจะให้ทำอะไรต่อ?“พี่สอง ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอก แม้ว่าจะไม่มีสูตรยา แต่ฉันก็ยังสามารถครองตลาดยาในเจียงโจวได้”“ถ้าคุณต้องการส่วนแบ่ง ทำไมคุณไม่ตั้งบริษัทกับอาจารย์คังล่ะ” ถังอวิ๋นเฟิงหัวเราะเบาๆ : "ในเมื่อสูตรยาบำรุงสตรีถูกชิงไปแล้ว เธอจะไปต่อสู้อะไรกับตระกูลเซียงได้?"ถังวานพูดกลับด้วยความมั่นใจ: "คุณหลินได้พัฒนายาที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยไปกว่ายาบำรุงสตรีให้ฉันแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น"“สูตรอะไร? เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย” ถังอวิ๋นเฟิงถามอย่างจริงจัง“หยุดพูดล้อเล่นได้แล้วพี่สอง นี่เป็นความลับสุดยอด ถ้ารั่วไหลออกไปมีแต่สร้างหายะนะ”ถังวานหัวเราะเบาๆ:"ถ้าพี่สองต้องการ ฉันจะให้คุณบางส่วนเมื่อผลิตออกมาเป
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ