ถังอวิ๋นเฟิงมองไปที่ฉินเสี่ยวเทียอย่างแทบไม่เชื่อในสายตาตัวเองอีกนิดเดียวฟันกรามของตัวเขาก็จะแตกเป็นชิ้น ๆหลินเฟิงคนนี้เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกสาวของท่านผู้ว่างั้นเหรอ?ถังว่านหลี่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว "พี่ฉิน การที่พี่ได้มาอยู่ตรงนี้ได้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลถังของเราอย่างแท้จริง!"“พี่ถังไม่ต้องเกรงใจ หลักๆ ฉันมาที่นี่เพื่อพบกับคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวของฉันเท่านั้น” ฉินเสี่ยวเทียนพูดอย่างมุ่งมานะพร้อมกับโบกมือปัดฉินหยิงแนะนำอย่างรวดเร็ว "คุณพ่อ คนนี้คือหลินเฟิงที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง"ฉินเสี่ยวเทียนมองตามปลายนิ้วของลูกสาวที่ชี้ไปทางด้านหน้าทันใดนั้นสายตาก็ประสานเข้ากับหลินเฟิงหลินเฟิงทักทายอย่างน้อบน้อม “สวัสดีครับท่านผู้ว่าราชการฉิน ผมหลินเฟิงครับ”ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวของฉินเซียวเทียนหรี่ลงเล็กน้อย และพยักหน้าด้วยความพอใจ: "ใช่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งจริงๆ ลูกสาวของฉันเลือกคนไม่ผิดเลย"ในขณะนี้ ถังหว่านรีบเดินไปหาฉินหยิงและกระซิบถาม : "หยิงหยิง เธอไปพูดยังไงคุณพ่อของเธอจึงมาที่นี่ได้?"เธอเข้าใจนิสัยของอาจารย์เป็นอย่างดีเป็นเรื่องยากที่เขาจะเป็นฝ่า
ความดูถูกในสายตาของ ถังอวิ๋นเฟิงไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้: "โชคดีที่ผู้นำตระกูลได้มองการณ์ไกลไว้ คราวนี้ส่งนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อดังจากเมืองหลวงมา คุณคังโหยวฟู่มาเป็นผู้ช่วยพิเศษ""นับจากนี้ไป ธุรกิจยาของบริษัทเชิงถังจะได้รับการจัดการโดยอาจารย์คังและฉัน"ถังวานขมวดคิ้วบริษัทที่ก่อตั้งด้วยเงินและหยาดเหงื่อของตัวเอง ตอนนี้เขาอยากจะเข้ามารับช่วงต่อเหรอ? แล้วตัวเธอจะให้ทำอะไรต่อ?“พี่สอง ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอก แม้ว่าจะไม่มีสูตรยา แต่ฉันก็ยังสามารถครองตลาดยาในเจียงโจวได้”“ถ้าคุณต้องการส่วนแบ่ง ทำไมคุณไม่ตั้งบริษัทกับอาจารย์คังล่ะ” ถังอวิ๋นเฟิงหัวเราะเบาๆ : "ในเมื่อสูตรยาบำรุงสตรีถูกชิงไปแล้ว เธอจะไปต่อสู้อะไรกับตระกูลเซียงได้?"ถังวานพูดกลับด้วยความมั่นใจ: "คุณหลินได้พัฒนายาที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยไปกว่ายาบำรุงสตรีให้ฉันแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น"“สูตรอะไร? เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย” ถังอวิ๋นเฟิงถามอย่างจริงจัง“หยุดพูดล้อเล่นได้แล้วพี่สอง นี่เป็นความลับสุดยอด ถ้ารั่วไหลออกไปมีแต่สร้างหายะนะ”ถังวานหัวเราะเบาๆ:"ถ้าพี่สองต้องการ ฉันจะให้คุณบางส่วนเมื่อผลิตออกมาเป
คังโหยวฟู่ยิ้มและถาม: "ไม่รู้ว่าคุณหลินต้องการแข่งขันแบบไหน?"หลินเฟิงยืนเอามือไพล่หลัง และเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ได้หมด คุณเก่งอะไรก็จะแข่งขันด้วยสิ่งนั้น”ปากของคังโหยวฟู่กระตุกเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้สามารถโอ้อวดได้จริงๆหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูด "ฉันเชี่ยวชาญในเรื่องสร้างยาพิษและยาแก้พิษ"“ทำไมพวกเราไม่แข่งด้วยเรื่องนั้นล่ะ”“เราสองคนจะปรุงยาพิษ จากนั้นก็นำไปแก้พิษ”หลินเฟิงพยักหน้า "ไม่มีปัญหา"ถังอวิ๋นเฟิงยืนอยู่ด้านข้างแล้ว ก็เยาะเย้ย "ในเมื่อคุณหลินมั่นใจขนาดนั้น ทำไมพวกเราไม่ลองใช้คนมาทดสอบพิษซะล่ะ"“นั่นจะทำให้การแข่งขันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”“และยังช่วยให้พวกคุณทั้งคู่สร้างผลงานได้ดีที่สุดอีกด้วย”เขามีความมั่นใจในตัวคังโหยวฟู่อย่างมาก และสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดหลินเฟิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ใช้คนทดสอบพิษ? มันหมายความว่าไง?” ถังหว่านขมวดคิ้วแน่น“มันหมายความว่าพวกเขาแต่ละคนจะวางยาพิษด้วยตัวเอง จากนั้นจึงแสดงทักษะยาแก้พิษของพวกเขา” ถังอวิ๋นเฟิงอธิบาย“สูด…..”ทุกคนสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่…..มันไม่เล่นเกินขอบเขตไปงั้นเหรอ?“ถังอวิ๋นเฟิง คุ
ดวงตาของถังหว่านเบิกกว้าง และใบหน้าก็กลายเป็นขาวซีดเหมือนกับหยวกกล้วยเธอไม่เคยคาดคิดว่าหลินเฟิงจะดื่มทั้งหมดไปในฮึกเดียวปริมาณทั้งหมดนี่คือห้าสิบกรัมนะฉินหยิงรู้สึกขนลุกมากขึ้นและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลินเสว่เยี่ยนกอดอก พร้อมส่ายหัวและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาโดยคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนโง่เง่าอย่างยิ่ง“คะ...คุณกำลังรนหาที่ตาย”คังโหย่วฟูคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนี้“ยาแก้พิษของฉันสามารถแก้พิษได้เพียงห้ากรัมเท่านั้น ตอนนี้คุณได้กลืนผงดวงฤทัยแตกสลายไปจนหมดขวด แม้แต่ตัวฉันเองก็ช่วยคุณไม่ได้”ถังอวิ๋นเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะ "ฮ่าๆ หลินเฟิง แกแส่หาเรื่องเองนะ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยแกได้"ถังหว่านรีบพูดกับคนรับใช้: "โทรหาหมอเทวดาจางเร็วเข้า"หลินเฟิงยกมือขึ้นเพื่อห้ามเธอเอาไว้ “ไม่จำเป็น พิษนี้ไม่มีผลอะไรต่อระบบประสาทนี้ ฉันสามารถรักษามันได้ด้วยการพลิกฝ่ามือเดียว”“หลินเฟิง เลิกพูดล้อเล่นสักที” ถังหว่านกังวลจนคิ้วขมวด“เหมือนฉันล้อเล่นเหรอ?”ท่าทางของหลินเฟิงจริงจัง: “พวกคุณอย่าเข้ามาใกล้ฉัน”จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิเขาเริ่มถ่ายโอนลมปราณภายในร่างเพื่อขับไล่พิษเย
ถังอวิ๋นเฟิงกลิ้งไปมาและกรีดร้องครวญครางต่อหน้าคังโหยวฟู่ตอนนั้นเอง เหงื่อของเขาควบแน่นกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหลายชั้นอย่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งถังหว่านมองไปที่ร่างกายที่น่าเกียจน่ากลัวของเขา และรู้สึกตกใจจนขนหัวลุกอาการของเข้าเหมือนกับตอนที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเกล็ดน้ำค้างเงาทมิฬหลังจากที่อาจารย์คังวัดชีพจรแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา: "นายน้อยถังอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดคือพิษเหมันต์ เดี๋ยวฉันจะลงมือฝังเข็ม"ทันทีที่คำพูดจบ คังโหยวฟู่ก็สะบัดข้อมือและมีเข็มเงินชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเมื่อได้ยินเข้า ถังอวิ๋นเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่าพิษนี้ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาคังโหยวฟู่หยิบเข็มเงินขึ้นมา แล้วปักลงไปที่จุดตันจงของถังอวิ๋นเฟิงอย่างรวดเร็วความเจ็บปวดในร่างกายของเขาหายไปทันที ทำให้ถังอวิ๋นเฟิงรู้สึกหายห่วงจากนั้นอาจารย์คังก็ฝังเข็มเข้าไปในจุดเทียนทูตรงหน้าอกฝังเข็มไปทั้งหมดสิบสองเล่ม ถังอวิ๋นเฟิงก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยไม่แสดงอาการถูกพิษเล่นงานถังห
"แก..." ถังอวิ๋นเฟิงกัดฟันด้วยความหงุดหงิดดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างดุร้าย: "คราวนี้แกชนะ รีบส่งยาแก้พิษมาได้แล้ว""ห้ะ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "พวกเราไม่เคยตกลงว่าจะมอบยาแก้พิษให้กับอีกฝ่ายนิ"“กะ...แกหมายความว่าอะไร?” ดวงตาของถังอวิ๋นเฟิงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า มองไปที่หลินเฟิงด้วยความที่ไม่เชื่อไอ้เด็กคนนี้อยากเห็นฉันตายจริงๆเหรอ?หลินเฟิงส่ายหัวและตอบ: "ขอโทษนะคุณถัง ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้ยาแก้พิษแก่คุณ"“ไอ้คนแซ่หลิน แค้นนี้ฉันจะชำระคืนแน่” คังโหยวฟู่เดินไปข้างหน้าและด่าตามหลัง"ฮ่าๆ..."หลินเฟิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจและพูด: "คืนนี้เขาอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ อย่าไปมัวพูดแต่เรื่องในอนาคตเลย?""นี่..."คังโหยวฟู่พูดไม่ออกกับคำพูดนั้น“ลุงสอง ลุงสองได้โปรดช่วยฉันเร็วๆขอให้เขาให้ยาแก้พิษกับผมเถอะ ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”ถังอวิ๋นเฟิงร้องไห้ออกมาและจับขาลุงด้วยความเจ็บปวดตอนนี้ ถังว่านหลี่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเขาทำได้แค่มองหลินเฟิงอย่างอ้อนวอน: "คุณหลิน โปรดแสดงความมีน้ำใจด้วย อย่าต้องตกต่ำไปถึงระดับเดียวกับเขาเลย ทำไมไม่ให้ยาแก้พิษแก่เขาล่ะ?"ท้ายที่สุ
ในฐานะนายน้อยคนที่สองของตระกูลถัง เขาเคยคุกเข่าขอโทษใครตอนไหนกันล่ะ?“ให้ฉันขอโทษเขาเหรอ?”“ให้ตายเถอะ ฉันเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลถังเชียวนะ”ถังวานยักไหล่อย่างเฉยเมย "แล้วแต่ ถ้าคุณไม่ต้องการขอโทษ ก็นอนรอความตายได้เลย"หลินเสวี่ยเยี่ยนหันไปหาหลินเฟิง "หลินเฟิง แกกำลังรออะไรอยู่? รีบเอายาแก้พิษให้เขาสิ"หลินเฟิงกอดอกและพูดอย่างเฉยเมยว่า "ขอโทษด้วย ถ้าเขาไม่ขอโทษ ฉันก็จนปัญญา""แก..."ขณะที่หลินเสวี่ยเยี่ยนกำลังพยายามอดทนอดกลั้น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบเจอคนหยิ่งผยองเช่นนี้ถังหว่านยืนอยู่ข้างๆ หลินเฟิงและพูด: "แม่ ถังอวิ๋นเฟิงเป็นคนขอให้มีการแข่งขันเอง และตอนนี้คนที่พ่ายแพ้ก็คือเขา"“ถ้าเขาแพ้ แล้วทนไม่ได้ที่จะขอโทษก็ปล่อยให้เขาตายไปเถอะ ยังไงฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว”ถังหว่านลี่มองไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นจึงมองไปที่หลานชายที่กำลังทุรนทุรายการโน้มน้าวหลินเฟิงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเขาทำได้เพียงก้มลงแล้วพูดกับหลานชาย: "อวิ๋นเฟิง ทำไมไม่ขอโทษอย่างจริงใจล่ะ"เส้นเลือดที่คอของถังอวิ๋นเฟิงปูดขึ้นมา และใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หลินเฟิงพยักหน้า: “แบบนั้นก็ดีแล้ว”“คุณถัง หลินคนนี้ขอลาไปก่อน”หลังจากกล่าวลาถังว่านหลี่แล้ว หลินเฟิงก็เดินตามฉินเสี่ยวเทียนไปที่รถของสำนักงานผู้ว่าราชการและออกจากบ้านตระกูลถังไปไม่ช้า รถก็มาถึงวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ที่นี่เหมือนกับสรวงสวรรค์โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์แห่งนี้หลินเฟิงจ้องผ่านหน้าต่างรถเป็นเวลานาน โดยคิดว่าถ้าฝึกตนที่นี่จะให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวขณะที่รถขับเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ฉินหยิงก็รีบมาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดประตูรถให้หลินเฟิง“เชิญค่ะ คุณหลิน”"ขอบคุณครับ"ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลฉินต่างกำลังซ้อมหรือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉินมีธรรมเนียมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลินเฟิงได้ตามฉินเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องโถงข้างในมีชายคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกำลังรออยู่แล้วหน้าตาความคล้ายคลึงกับท่านผู้ว่าฉินเมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทียน ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที "ท่านพ่อ"ฉินเสี่ยวเทียนพยักหน้า: "คุณหลิน ขอให้ฉันแนะนำคุณให้รู้จ
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว